บทที่ 31 แผนของอารัณ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

เธออยากจะหยุดการพบเจอกันของวารุณีกับนัทธี

คิดไม่ถึงว่าตอนที่เธอไม่รู้ พวกเขาไม่เพียงแค่เคยเจอกัน แต่ยังมีท่าทีที่สนิทสนมกันเป็นอย่างมากด้วย!

มันทำให้เธอยากที่จะรับได้จริงๆ !

“มันเป็นความเข้าใจผิดจริงๆ นะ เรื่องมันเป็นแบบนี้……” วารุณีมองพิชญาที่ดวงตาค่อยๆ แดงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะพูดเรื่องเมื่อคืนออกมาทั้งหมด

แต่พิชญานั้นไม่เชื่อ เล็บก็แทบจะจิกลงไปในฝ่ามือแล้ว “พอแล้ว!มาหาพ่อเพื่อเล่นเกมอะไร มันเป็นข้ออ้างทั้งหมดนั่นแหละ!ร้านอาหารที่ใหญ่ขนาดนั้น ทำไมไม่หาผู้ชายคนอื่น แต่ต้องมาหาคู่หมั้นของฉัน วารุณี คุณกล้าบอกไหมว่าคุณไม่ได้คิดอะไร?”

เมื่อเป็นแบบนั้น จู่ๆ วารุณีก็หัวเราะขึ้นมา

เสียงหัวเราะนี้ ทำให้พิชญาไม่สบายใจ เสียงนั้นแหลมมากขึ้นเรื่อยๆ “คุณหัวเราะอะไร?”

“ฉันหัวเราะจินตนาการที่มากมายของคุณไงล่ะ พูดอย่างมีเหตุผลมากเลยล่ะ แต่ฉันก็ยังพูดแบบนั้นเหมือนเดิม ว่าทั้งหมดมันเป็นความเข้าใจผิด ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน คุณก็ไปถามประธานนัทธีได้ ดูสิว่าฉันโกหกหรือเปล่า แล้วได้คิดอะไรหรือเปล่า”

พูดไป วารุณีก็ทำท่าผายมือเพื่อเชิญ

เธอมีท่าทีที่มั่นอกมั่นใจขนาดนี้ กลับทำให้คนในห้องทำงานบางคนเลือกที่จะเชื่อ

ถึงพิชญาจะโกรธ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีสติเลย เมื่อมองสายตาที่ไม่เกรงกลัวของวารุณี เธอก็รู้ว่าระหว่างวารุณีกับนัทธีนั้นไม่มีอะไร

แต่เธอก็ไม่ยินยอมอยู่ดี

ทำไมวารุณีต้องมาเจอนัทธีในเวลาที่สำคัญตลอดเลย ไม่ว่าเธอจะพยายามไม่ให้พวกเขาเจอกันเท่าไหร่ สุดท้ายพวกเขาก็หาวิธีมาเจอกันได้อยู่ดี

หรือว่าพระเจ้าอยากให้พวกเขาได้คบกันนะ?

คิดมาถึงตรงนี้ ในใจของพิชญานั้นอิจฉาเป็นอย่างมาก

ในตอนนี้เอง เพื่อนร่วมงานชายก่อนหน้านี้พูดเสียงดังขึ้นมา “ผู้จัดการพิชญา ประธานนัทธีประกาศคำอธิบายเรื่องนี้ออกมาแล้ว!”

“อะไรนะ?” พิชญาอึ้งไป จากนั้นก็เธอก็ไม่มีเวลาไปหาเรื่องวารุณีอีก เลยรีบเดินตรงเข้าไป

วารุณีเองก็ตามไปด้วย

เธอเองก็อยากรู้ ว่านัทธีจะชี้แจงเรื่องนี้อย่างไร

เมื่อมาอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์ของเพื่อนร่วมงานชาย วารุณีก็มองไปทางที่เขาชี้ ก็เห็นว่าของนัทธีที่ไม่มีการโพสต์ใดๆเลย ในที่สุดก็อัปเดตแล้ว:ไม่ใช่ลูกนอกสมรส ลูกน้องบาดเจ็บ ส่งลูกน้องกลับบ้าน!

ภายใต้คำพูดนี้ ยังมีคลิปจากกล้องวงจรปิดอีกสองคลิป

คลิปแรกนั้น เห็นว่าไฟในร้านอาหารนั้นมันมืดลง จนถึงอารัณดึงนัทธีปรากฏออกมา

ส่วนคลิปที่สอง ก็เห็นว่าฉากมันล้มลงมา แล้ววารุณีก็ช่วยไม่ให้นัทธีบาดเจ็บ

ทั้งสองคลิปนี้ บวกกับคำพูดของนัทธีนั้น ก็พอจะมั่นใจได้ว่าทั้งหมดนี้เป็นความเข้าใจผิดจริงๆ

วารุณีไม่ใช่มือที่สามอย่างในข่าว ส่วนเด็กทั้งสองคนก็ไม่ใช่ลูกนอกสมรสที่เป็นข่าวอยู่เช่นเดียวกัน

“เป็นอย่างไรบ้าง?ผู้จัดการพิชญา ตอนนี้คุณพูดอะไรไม่ออกแล้วใช่ไหมล่ะ?” วารุณียิ้ม

พิชญามีสีหน้าแดงพลางซีด ดูไม่ได้เลยทีเดียว

ถึงเธอจะรู้ถึงความเข้าใจผิดนี้แล้วก็ตาม

แต่ตอนแรกเธอจะผลักความเข้าใจผิดนี้ให้เต็มที่ แถมยังจะใช้ความเข้าใจผิดนี้มากดวารุณี แล้วก็จะไม่มีใครมาว่าเธอ

แต่คิดไม่ถึงว่านัทธีจะทำให้เรื่องนี้มันบริสุทธิ์ได้ แผนที่อยากจะใส่ร้ายวารุณีก็ถูกทิ้งไป มันทำให้เธอโมโหจริงๆ เลย!

“ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว แต่คุณกับคู่หมั้นของฉันก็เกิดมีข่าวฉาวขึ้นมา ฉันเป็นคู่หมั้นอย่างถูกต้อง คงจะปล่อยไปง่ายๆ ไม่ได้ คุณรอฉันก่อนเถอะ!”

พิชญามองวารุณีด้วยแววตาเย็นชา พลางใส่รองเท้าส้นสูง ก่อนจะเดินจากไปด้วยสีหน้าหนักใจ

วารุณีสบายใจขึ้นเล็กน้อย แต่ก็มีความลำบากใจอยู่บ้าง

วันเวลาต่อจากนี้ พิชญาคงจะพยายามจับจ้องเธอมากกว่าเดิม

แต่ก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรก็รับมือได้ทุกสถานการณ์อยู่แล้ว เธอไม่เชื่อว่าตัวเองจะผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้

หลังจากที่พิชญาไปแล้ว เหล่าเพื่อนร่วมงานก็เริ่มพูดขึ้นพลางเข้ามาล้อมรอบวารุณี

“วารุณี คุณเก่งมากจริงๆ แผ่นฉากหนักขนาดนั้น แต่คุณยังกระโจนเข้าไปแบบนั้น ถ้าเป็นฉัน ถึงจะช่วยประธานนัทธีแล้วเขาจะตกรางวัลให้มากแค่ไหน ฉันเองก็ทำไม่ได้แน่นอน”

“ไม่เลวเลย นับถือความกล้าหาญของคุณจริงๆ เลย คุณช่วยประธานนัทธี ประธานนัทธีก็ควรไปส่งคุณกลับบ้าน ต้องโทษพวกนักข่าวบันเทิงที่สร้างข่าวเพื่อเน้นการดึงดูดความน่าสนใจเท่านั้น ว่าแต่วารุณี เด็กสองคนนั้นเป็นลูกคุณหรือเปล่า?”

“เป็นลูกของฉันเอง” วารุณีพยักหน้า

เหล่าเพื่อนร่วมงานร้องด้วยความตกใจ “ดูไม่ออกเลยจริงๆ นะ คุณอายุยังน้อยขนาดนี้ก็มีลูกแล้ว”

วารุณียิ้มเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป

เรื่องนี้ ก็ปิดฉากลงเพียงเท่านี้

ตกบ่าย วารุณีก็ปิดคอมก่อนจะเลิกงาน

เพิ่งจะเดินออกมาจากตึกสำนักงาน ก็มีรถสปอร์ตสีดำที่ดูไม่โดดเด่นมากมาจอดอยู่ตรงหน้าเธอ

เมื่อลดกระจกลง ใบหน้าของนัทธีที่ใส่แว่นกันแดด ก็เผยออกมาท่ามกลางอากาศแบบนี้ “ขึ้นรถ!”

วารุณีมองซ้ายขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร ก็ชี้มาที่ตัวเองอย่างไม่แน่ใจ “คุยกับฉันเหรอ?”

นัทธีตอบรับ “เดี๋ยวฉันไปส่งคุณเอง”

วารุณีรีบโบกมือ “ไม่ต้องหรอกประธานนัทธี ฉันจะเรียกแท็กซี่เอง”

ตลกแล้วล่ะ จะให้เขาไปส่งอีก ถ้ามีคนถ่ายเอาไว้ได้ แล้วเกิดข่าวฉาวขึ้นอีกจะว่าอย่างไร?

พิชญาคงจะจับเธอกินทั้งเป็นเลยล่ะ!

เมื่อเห็นท่าทีของวารุณีที่จะไม่ยินยอม นัทธีก็ขมวดคิ้วเบาๆ “คุณจะขึ้นแท็กซี่ทั้งอย่างนี้งั้นเหรอ?”

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” วารุณีก้มหน้ามองตัวเอง

ถึงเท้าจะเจ็บ แล้วต้องใช้ไม้เท้า แต่มันก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการขึ้นรถแท็กซี่เลยแม้แต่น้อย

ริมฝีปากบางของนัทธีเม้มปากเล็กน้อย “ไม่มีอะไรหรอก แต่ฉันสัญญากับอารัณแล้วว่าจะรับผิดชอบคุณให้ถึงที่สุด ดังนั้นนอกจากคุณจะเรียกให้คนอื่นมารับ ฉันก็จะไปส่งคุณกลับไปเอง จนกว่าคุณจะหายดีนะ”

“คำพูดของเด็กน้อย คุณไม่ต้องสนใจมากหรอก!” วารุณีกุมขมับ

นัทธีทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร เลยยกมือขึ้นมาดูนาฬิกา “ฉันรอดรถมาห้านาทีแล้ว รถข้างหลังจอดติดอยู่นะ ถ้าคุณไม่อยากให้รถคันหลังหาเรื่องเพราะเดือดร้อน ก็รีบขึ้นมาเถอะ”

เมื่อได้ยินคำนี้ วารุณีก็หันไปมองทางด้านหลัง ก่อนจะเห็นว่ารถจอดติดกันเป็นแถว แล้วก็มีเสียงบีบแตรไม่ขาดสาย เลยรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที

“งั้นรบกวนประธานนัทธีไปส่งฉันที่โรงเรียนอนุบาลด้วยนะ” วารุณีฝืนยิ้มออกมา ก่อนจะเปิดประตูรถ

ระหว่างทาง นัทธีก็พูดขึ้นมาในทันใด “ฉันได้ยินข่าวในวันนี้แล้ว ที่พิชญาไปหาคุณน่ะ ฉันต้องขอโทษคุณแทนเธอด้วยนะ”

“ไม่เป็นไร หลังจากที่ประธานนัทธีประกาศคำอธิบายทุกอย่างออกมาแล้ว ผู้จัดการพิชญาก็จากไปแล้วล่ะ เธอก็ไม่ได้ทำอะไรฉันแล้ว” วารุณีปิดกระจกรถขึ้น ก่อนจะมัดผมที่ถูกลมพัด พลางเผยให้เห็นคอที่สวยงาม

นัทธีส่งสายตาให้เธอ พลางมีแววตามืดลงเล็กน้อย “มารุตตรวจสอบหมดแล้ว มีนักข่าวที่อยู่ด้านนอกร้านอาหารจำฉันได้ เลยเกิดข่าววุ่นวายเช่นในวันนี้น่ะ”

“เป็นแบบนี้นี่เอง” วารุณีเข้าใจในทันที

“ฉันปิดข่าวทั้งหมดบนอินเทอร์เน็ตแล้ว มันจะไม่มีใครมารบกวนชีวิตของลูกกับคุณแน่นอน” นัทธีพูดต่อ

วารุณียิ้มด้วยความรู้สึกขอบคุณ “ต้องขอบคุณประธานนัทธีมากนะ”

นัทธีตอบรับเบาๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร

วารุณีไม่ได้สนิทกับเขามาก เลยเงียบไป

เพียงไม่นาน ก็มาถึงโรงเรียนอนุบาลแล้ว

วารุณีโทรหาครู จากนั้นครูก็พาเด็กทั้งสองคนออกมา

เด็กทั้งสองคนขึ้นรถ เมื่อเห็นนัทธี ดวงตาก็เป็นประกาย “คุณอานัทธีงั้นเหรอ?”

“สวัสดีทุกคน” นัทธีพยักหน้าเบาๆ ใบหน้าที่เย็นชาก็ดูอ่อนโยนลงเป็นอย่างมาก

อารัณจ้องเขา ดวงตาก็ขยับเล็กน้อย จากนั้นจู่ๆก็ดึงไอริณมากระซิบอะไรเล็กน้อย

ถึงไอริณจะไม่รู้ว่าพี่จะพูดอะไร แต่ก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ฉันจำได้แล้ว วางใจเถอะพี่ เชื่อมือหนูได้เลย”

เธอตบหน้าอกเล็กๆ

อารัณลูบหัวของเธอ “พี่เชื่อไอริณนะ”

วารุณีมองท่าทีของพี่น้องที่กระซิบกระซาบกันอย่างลับๆ ก็สงสัยขึ้นมา “พวกหนูกำลังคุยอะไรกันอยู่เหรอ?”

“ไม่มีอะไรๆ” เด็กทั้งสองคนส่ายหัวพร้อมกัน

“อารัณ?” วารุณีมองไปทางอารัณ

อารัณประสานมือกันเหมือนกับผู้ใหญ่ตัวเล็กๆ “หม่ามี๊อย่ามาถามหนูนะ หนูไม่มีทางบอกหรอก”

เขาไม่มีทางบอกหม่ามี๊ ว่าเขากำลังวางแผนเพื่อที่จะเอาผมของคุณอานัทธีมา