บทที่ 36 พี่น้องร่วมสาบาน

ไป๋มู่หยางเก็บซ่อนสีหน้าตนเองไว้ได้เป็นอย่างดี และในไม่ช้าความรู้สึกว่างเปล่าก็ถูกขัดขึ้นด้วยเสียงหัวเราะ ไป๋มู่หยางดึงฮั่วจีว์อออกมาและพูดด้วยรอยยิ้มกับนาง

“แม่นางถัง”

ถังหลี่ได้รับการเชื้อเชิญมาที่ห้องนั่งเล่น ต้าเป่าไม่เคยเห็นจวนที่หรูหราแบบนี้มาก่อน เขาไม่รู้ว่าบ้านคนเราจะสามารถใหญ่โตและมีบริเวณที่กว้างขวางได้ถึงขนาดนี้ ไหนจะโต๊ะทำจากไม้สีแดงฝีมือประณีต อีกทั้งถ้วยชาที่ทำจากกระเบื้องเคลือบสีขาวแลดูบอบบาง

แม้จะมีระลอกคลื่นตกตะลึงเกิดขึ้นในหัวใจของเด็กน้อย แต่ใบหน้าของเขาก็ยังสงบนิ่งไม่แสดงอาการประหม่าหรือหวาดกลัวใด ๆ เขาเดินเคียงข้างถังหลี่ แอบสังเกตทุกอากัปกิริยาของไป๋มู่หยาง จากนั้นเขาก็ปฏิบัติตาม เด็กชายเรียนรู้ได้ดี จนดูเหมือนนายน้อยที่มาจากตระกูลใหญ่ไม่มีผิด

ตระกูลเดิมของสวี่เจวี๋ยเป็นบัณฑิต เขามีความรู้กว้างขวางมากกว่าต้าเป่า ดังนั้นเขาจึงคุ้นชินกับบรรยากาศแบบนี้อยู่แล้ว ไป๋มู่หยางมองเด็กชายทั้งสองคนด้วยแววตาลุ่มลึก แม่นางถังหลี่เป็นคนที่เลี้ยงเจ้าก้อนแป้งน้อยทั้งสองได้ดีมาก พวกเขาไม่เหมือนเด็กชายตามชนบทเลยสักนิด

“นี่เป็นไข่จากหมู่บ้านข้า ข้านำมาให้นายท่านไป๋เพื่อบำรุงร่างกาย” ถังหลี่นำไข่มาสองตะกร้า นางซื้อมาจากหมู่บ้าน ตะกร้าแรกถูกนำไปให้ซิ่วไฉกงของสำนักศึกษา และอีกตะกร้าถูกมอบให้ไป๋มู่หยาง คนอย่างพวกเขาไม่ต้องการของล้ำค่าใด ๆ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือหัวใจของผู้ให้ ไป๋มู่หยางรับตะกร้าไปด้วยรอยยิ้ม

“ขอบคุณมาก.. แม่นางถังเจ้าช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ด้วยมิตรภาพของเรา เจ้าไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่านายท่านไป๋หรอก”

“พี่ไป๋?” ถังหลี่แกล้งเรียกเขา

“ใช่..เรียกข้าว่าพี่ไป๋เถิด ข้าอยากมีน้องสาวมานานแล้ว ”

ไป๋มู่หยางมองถังหลี่อย่างมีความสุข เขามีความประทับใจในตัวของหญิงสาวแต่ด้วยร่างกายที่อ่อนแอ ทำให้ไม่อยากฉุดรั้งสตรีใดไว้ข้างกาย เขาจึงไม่เคยแสดงความรู้สึกอ่อนไหวต่อนางเลย ตอนนี้ถังหลี่เป็นสตรีที่ออกเรือนแล้ว แม้ว่าใจของไป๋มู่หยางจะแตกสลาย แต่ถึงอย่างไรชายหนุ่มก็ยังอยากที่สานสัมพันธ์ไมตรีกับนางต่อไป

“ถังหลี่เจ้าอยากเป็นน้องสาวของข้าหรือไม่?” ไป๋มู่หยางเอ่ย หญิงสาวตกตะลึงไปชั่วครู่

“ถึงจะไม่ใช่บิดามารดาเดียวกัน แต่พวกเราก็เป็นเหมือนดั่งพี่น้อง” ไป๋มู่หยางยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกถึงความเป็นไปได้มากขึ้น เขาพยายามหว่านล้อมนาง

“ข้าสามารถสนับสนุนและดูแลเจ้าได้”

ถังหลี่เป็นพี่สาวคนโต แม้ว่านางจะชอบบรรดาน้องเล็ก ๆ ของตัวเองขนาดไหน แต่หญิงสาวก็ยังรู้สึกอยากมีพี่ชายที่สามารถปกป้องนางได้ ถังหลี่อยากมีพี่ชายจริง ๆ หลังจากเรื่องราวที่ผ่านมา ถังหลี่และไป๋มู่หยางต่างเข้ากันได้ดี อีกทั้งชายหนุ่มก็เป็นคนจริงใจ น่าเชื่อถือ นี่นับได้ว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เขายินดีจะเป็นพี่ชายของนาง

“ย่อมได้” ถังหลี่รู้สึกตื่นเต้นมาก

“ดังนั้นเจ้าต้องเรียกข้าว่าท่านพี่” ไป๋มู่หยางพูดด้วยรอยยิ้ม

“ท่านพี่..”

เสียงของหญิงสาวนั้นทั้งนุ่มนวลและไพเราะอ่อนหวานจนทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋มู่หยางลึกซึ้งยิ่งขึ้น ฮั่วจีว์ที่ตกอยู่ท่ามกลางความรักที่อบอวลของพี่น้องคู่นี้ถึงกับแสดงอาการงุนงง

“ถังถัง! ข้าก็อยากเป็นพี่ชายของเจ้า!” ถึงจะไม่สามารถพาสตรีตัวเล็กและบอบบางผู้นี้ไปฝากตัวเป็นสะใภ้ของตระกูลได้ แต่นางก็เป็นสตรีที่เก่งกาจและมีความสามารถไม่แพ้ใคร ! ถ้าเขามีน้องสาวที่งดงามขนาดนี้ เพื่อน ๆ ของเขาจะต้องอิจฉาเขาแน่ ๆ ในที่สุดฮั่วจีว์ก็ค้นพบเส้นทางแห่งความสุข !

ถังหลี่ไม่ได้ต้องการคุณชายน้อยที่ดูไม่น่าเชื่อถือผู้นี้เป็นพี่ชายเลย แต่อย่างไรก็ตามฮั่วจีว์ได้ตัดสินใจมัดมือชกเพื่อไม่ให้นางได้มีโอกาสปฎิเสธ

“เอาตามนี้ละ ! มู่หยางเป็นพี่ใหญ่ และ ข้าพี่เป็นพี่รอง!”

“ตอนนี้เราอยู่ในเมืองเหยาสุ่ยพิธีรับเจ้าเป็นน้องบุญธรรมจำต้องละเว้นไว้ก่อน ต่อเมื่อข้ากลับไปเมืองหลวงก็จะทำพิธีใหม่อีกครั้ง”

ไป๋มู่หยางยิ้มก่อนที่จะเรียกบ่าวรับใช้มาสั่งข้อความบางอย่าง ในไม่ข้าก็มีคนยกกล่องใบหนึ่งออกมา ชายหนุ่มเปิดกล่องไม้และหยิบสร้อยข้อมือหยกออกมามอบให้ถังหลี่

“น้องสาวรับไปสิ นี่เป็นของขวัญอวยพรจากพี่ใหญ่ของเจ้า”

จากนั้นเขาจึงหยิบกุญแจอายุยืน[1]สองอันออกมาและมอบให้กับต้าเป่าและสวี่เจวี๋ย

“นี่คือของขวัญจากท่านลุงของพวกเจ้า”

เมื่อเห็นเช่นนั้นฮั่วจีว์ก็ไม่อยากน้อยหน้า เขาเอามือตบไปตามตัวแต่น่าเสียดายที่ชายหนุ่มไม่ได้พกของมีค่าอะไรติดตัวมาเลย สุดท้ายแล้วเขาแตะไปที่เอวและถอดกริชที่ห้อยอยู่กับเอวออกมา

“น้องสาว นี่เป็นของขวัญจากพี่รองของเจ้า” กำไลหยกและกุญแจอายุยืนอย่างน้อยก็ราคาสองร้อยถึงสามร้อยตำลึง และกริชฝีมือประณีตชิ้นนี้มองครั้งแรกก็รับรู้ได้ว่าเป็นของมีมูลค่ามหาศาล

“นี่มัน…”

“เก็บไว้เถิด เป็นกริชที่พี่รองมอบให้เจ้า…ส่วนพวกเจ้าทั้งสองคนรอจนถึงเมืองหลวง ท่านลุงรองจะเอาทองคำเต็มหีบให้พวกเจ้าเอง!”

ฮั่วจีว์ส่งกริชให้ถังหลี่ และบอกกับเด็กน้อยทั้งสองอย่างกระตือรือร้น

ถังหลี่มองไปที่ท่าทีกังวลของเด็กทั้งสองคน หญิงสาวยิ้มและรับกริชเล่มนั้นมา เจ้าก้อนแป้งน้อยทั้งสองกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงน่าเอ็นดู ดังนั้นความสัมพันธ์ฉันท์พี่ชายและน้องสาวของพวกเขาจึงได้ตกลงกันเช่นนี้เอง

“พี่ใหญ่ บอกข้ามาเถิด ท่านมาพักฟื้นที่เมืองเหยาสุ่ยเช่นนี้ มีสิ่งใดที่ข้าจะช่วยเหลือได้หรือไม่ ? ” ถังหลี่ถาม

“ข้ามารักษาตัวจริง ๆ” ไป๋มู่หยางกล่าว

“ท่านเป็นโรคอะไรหรือ?” ถังหลี่ถามอีกครั้ง

“ข้าถูกวางยาพิษ” แววตาของไป๋มู่หยางเย็นชา

ถังหลี่ตกตะลึง เขาถูกวางยาพิษหรือ? ช่างน่าเศร้าอะไรเช่นนี้ ไป๋มู่หยางมองดูความทุกข์ใจในดวงตาของหญิงสาว ทำให้หัวใจเขาอ่อนยวบลง ชายหนุ่มจึงเล่าเรื่องราวที่เก็บซ่อนเอาไว้ภายในใจ

เขาเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลไป๋ สกุลเดิมของมารดาคือสกุลกัว ตระกูลกัวเคยเป็นพ่อค้ามั่งคั่งมีทรัพย์สินมากมายเหมือนตระกูลไป๋ แม่ของเขาเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว และนางเป็นหญิงสาวรักอิสระ หลังจากที่แต่งงานกับบิดาของไป๋มู่หยางและให้กำเนิดไป๋มู่หยาง ในไม่ช้ากิจการต่าง ๆ ของตระกูลกัว ก็ถูกถ่ายโอนไปยังตระกูลไป๋ให้บุตรชายของนาง ทำให้กิจการการค้าตกเป็นของสามีโดยชอบธรรม

ทั้งตระกูลไป๋และตระกูลกัวต่างชื่นชอบบิดาของเขา พวกเขาเป็นเหมือนพันธมิตรที่แข่งแกร่ง กิจการตระกุลไป๋เติบโตอย่างรวดเร็ว มารดาของไป๋มู่หยางอยู่เบื้องหลังเพื่อสนับสนุนบิดาของเขาอย่างเงียบ ๆ หากทั้งสองมีความรักและความสามัคคีกันในครอบครัวถือว่าเป็นเรื่องราวที่ดี

อย่างไรก็ตามบิดาของไป๋มู๋หยางหาใช่คนดีไม่ !

ไม่นานนักหลังจากท่านปู่เสียชีวิต บิดาของเขาพาอนุเข้าบ้านและยังพาน้องชายของไป๋มู่หยางมาด้วย นั่นก็หมายความว่าบิดาของเขาอยู่กินกับนางมาอย่างน้อยหกหรือเจ็ดปีลับหลังมารดาไป๋มู่หยาง!

มารดาของไป๋มู่หยางไม่สามารถแบกรับความอัปยศจากการที่สามีหักหลังได้ นางตรอมใจและกระโดดบ่อน้ำเพื่อปลิดชีพตัวเอง เหตุการณ์น่าสะเทือนใจนี้ไม่ได้มีผลต่อชีวิตบิดาของไป๋มู่หยางเลย เถ้ากระดูกของฮูหยินยังไม่หายร้อน เขาก็ยกอนุขึ้นมาเป็นภรรยาเอกในทันที ท่านพ่อของเขาไม่ใช่คนดีจริง ๆ..

“ท่านตาของข้าไม่ได้วางใจในตัวบิดา ดังนั้นเขาจึงทำหนังสือมอบทรัพย์สินของสกุลกัวให้เขา แต่มีข้อแลกเปลี่ยนคือเขาต้องมอบตำแหน่งหัวหน้าตระกูลไป๋ให้ข้า”

“พิษในร่างกายข้าตอนนี้มาจากแม่เลี้ยงของข้า ข้าเหมือนหนามยอกอกของนางกับบุตรชาย ตราบใดที่ข้าตายลง ตระกูลไป๋จะกลายเป็นของไป๋ซู่หยาง”

“แต่ข้ายังไม่อยากตาย ข้าไปหาหมอทุกที่เพื่อรักษาชีวิตให้รอด ทำให้ผลไม่เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการ”

ไป๋มู่หยางพูดด้วยรอยยิ้มแต่แววตาของชายหนุ่มเย็นชา ถังหลี่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่ใจ นางรู้ว่าในโครงเรื่องเดิม เมื่อกู้อิ๋นได้ทุกอย่างสมความปรารถนาของนางแล้ว ไป๋ซู่หยางก็กลายเป็นนายท่านตระกูลไป๋ ในรัชสมัยราชวงศ์โจว ชายหนุ่มเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในแคว้นนี้ และชื่อของไป๋มู่หยางก็ไม่ได้ปรากฏขึ้นในนิยายเลยด้วยซ้ำ เขาเป็นแค่บันไดให้น้องชายถีบตัวขึ้นไปเท่านั้น

ถังหลี่มองดูคุณชายสูงศักดิ์ที่ผ่ายผอมอมโรคตรงหน้า หญิงสาวทนไม่ได้ที่จะเห็นเขาตายตั้งแต่ยังหนุ่ม อีกทั้งจากไปด้วยความเกลียดชังที่อยู่เต็มอกเช่นเดียวกับในตอนจบของนิยาย

ถังหลี่จะเปลี่ยนชะตากรรมของเขา!

“พี่ใหญ่ หมอที่เขียนเทียบยาของถุงหอมข้าเก่งมาก ข้าจะพาเขามาดูอาการท่านภายในสองสามวันนี้ ” ถังหลี่กล่าว

ไป๋มู่หยางมาที่นี่เพื่อตามหาหมอชราผู้หนึ่งที่เกษียณตัวเองกลับมาอยู่ที่บ้านเกิด เขาพบกับหมอชราผู้นั้นเมื่อสองสามวันก่อน แต่เขาก็ไม่สามารถรักษาพิษที่อยู่ในร่างกายของมู่หยางได้ หมอของถังหลี่เป็นเพียงหมอประจำหมู่บ้าน ถึงเขาจะมีทักษะบางอย่างแต่หมอในหมู่บ้านเล็ก ๆ แบบนี้จะสามารถรักษาพิษในตัวเขาได้หรือ? แม้แต่หมอที่เก่งกาจยังรักษาไม่ได้เลย…

ไป๋มู่หยางไม่มีความหวัง แต่นั่นคือความห่วงใยจากน้องสาวของเขา ดังนั้นชายหนุ่มจึงพยักหน้า

“ตกลง

————–

[1] กุญแจอายุยืน ส่วนใหญ่ทำจากเงิน มีผลต่อการดูแลสุขภาพร่างกายของมนุษย์ เหมาะสำหรับเด็ก ๆ ในบันทึกการแพทย์แผนจีน บันทึกไว้ว่า “เงินมีหน้าที่ทำให้อวัยวะภายในทั้งห้าสงบจิตใจ คลายอาการใจสั่นและกำจัดวิญญาณชั่วร้าย” ทั้งนี้ในยุคโบราณสำหรับบ้านที่ไม่ได้ร่ำรวย อาจจะใช้ หยก เหรียญทองแดง หรือผ้า ทำเป็นกุญแจอายุยืน