บทที่ 37 ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเจ้า !

ฮั่วจีว์นั่งเกาศีรษะอยู่ข้าง ๆ หลังจากที่น้องสาวแสดงความห่วงใยต่อพี่ชายคนโต ก็ต้องเป็นตาของพี่ชายคนรองอย่างเขาใช่หรือไม่? ฮั่วจีว์นั่งตาละห้อย บนใบหน้าของคุณชายเสเพลเหมือนถูกเขียนคำว่า “ถามข้าสิ” เอาไว้ หญิงสาวเม้มปากกลั้นยิ้ม

“พี่รองล่ะ…ท่านมาที่นี่ทำไมหรือ?”

อา… น้องสาวเป็นห่วงเขา!

ฮั่วจีว์เงยหน้ามองถังหลี่ เขาเหมือนมีหางงอกออกมา

“ข้าหนีการแต่งงานมาน่ะสิ! มารดาข้าจับข้าไปหมั้นหมายกับผู้ใดก็ไม่รู้ เด็กสาวคนนั้นพลัดพรากจากครอบครัว ตอนนี้เมื่อนางกลับสู่อ้อมอกของครอบครัวแล้ว บิดามารดาข้าก็อยากให้ตบแต่งกับนาง!”

“ข้าไม่ชอบสตรีผู้นั้น! ดังนั้นข้าจะไม่ยอมแต่งงาน ข้าจะไม่ยอมพวกเขาหรอก”

เพิ่งหาตัวเจอ? มันจะไม่บังเอิญเกินไปหรือ?

“สตรีที่ท่านต้องหมั้นด้วยคือผู้ใดหรือ?” ถังหลี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถาม

“บุตรสาวของแม่ทัพกู้ ท่านแม่ทัพและฮูหยินกล่าวว่าบุตรสาวของพวกเขาแสนดีและมีค่ามาก แต่ข้าไม่ได้ชอบพอนาง หลังจากฟังคำที่เขาเยินยอลูกสาวแล้ว ข้าก็ขี้เกียจจะใส่ใจกับนางอีก”

บุตรสาวแม่ทัพกู้?

กู้อิ๋นจริง ๆ!

ในนวนิยายต้นฉบับ เดิมทีบุตรสาวของแม่ทัพกู้มีคู่หมั้นตั้งแต่เล็กและอีกฝ่ายเป็นคุณชายเจ้าสำราญ ถึงกู้อิ๋นจะเป็นคนหยิ่งผยองแต่นางก็ไม่เคยดูแคลนคุณชายผู้นี้เลย ต่อเมื่อคุณชายปฏิเสธการหมั้นหมายทำให้กู้อิ๋นรู้สึกว่าตัวเองโดนดูถูก นางจึงได้แต่เก็บความคับแค้นเอาไว้ในใจ กู้อิ๋นวางแผนให้คุณชายผู้นี้ถูกทุบตีจนตาย ร่างไร้วิญญานของเขาโดนทิ้งให้สุนัขป่ากัดทึ้งและครอบครัวของเขาถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏร่วมมือกับศัตรูทรยศประเทศ ทำให้ถูกประหารเก้าชั่วโคตร

คนโชคร้ายที่กู้อิ๋นฆ่าทิ้งคือฮั่วจีว์หรือ?

แสดงว่าเขาก็เป็นหนึ่งในบันไดของกู้อิ๋นใช่หรือไม่?

พี่ชายทั้งสองของนางเป็นเสมือนตัวประกอบที่ไม่มีบทสำคัญในชีวิตของกู้อิ๋นใช่หรือไม่? สิ่งนี้ทำให้ถังหลี่ใส่ใจฮั่วจีว์เพิ่มขึ้น

ถังหลี่คุยกับพี่ชายทั้งสองคนของนางอยู่พักใหญ่ เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดลง หญิงสาวจึงเอ่ยปากอำลาและพาเด็กชายทั้งสองคนกลับบ้าน

แต่ในฐานะพี่ชายก็ต้องดูแลน้องสาวให้ดีสิ!

“น้องเล็ก ข้าจะไปส่งเจ้าเอง! ไป๋มู่หยางข้าขอยืมรถม้าหน่อย”

ฮั่วจีว์บังคับรถม้าไปส่งถังหลี่และเด็กทั้งสองกลับบ้าน นี่เป็นครั้งแรกที่ต้าเป่าได้ขึ้นมานั่งบนรถม้า มันให้ความรู้สึกที่แปลกมาก

“ท่านแม่ ข้าจะเรียนให้หนัก เมื่อใดที่ข้าได้เป็นขุนนางใหญ่มียศถาบรรดาศักดิ์แล้ว ข้าจะซื้อรถม้าแบบนี้ให้ท่าน”

เสียงเล็ก ๆ ของต้าเป่ากล่าว แม้ถังหลี่จะรู้ว่ามันคือคำพูดที่ไร้เดียงสาของเด็กน้อยแต่ก็เต็มไปด้วยความกตัญญูต่อบุพการี

“เอาล่ะ แม่จะรอวันนั้นนะ” ถังหลี่ลูบหัวเล็ก ๆ ของเขา

รถม้ามาหยุดอยู่นอกบ้านของสกุลเว่ย ฮั่วจีว์ไม่ได้ลงจากรถม้า น้องสาวของเขาอยู่ในบ้านดินแห่งนี้จริงหรือ? มันช่างดูมอซอทรุดโทรมเหลือเกิน หากเขากลับเมืองหลวงเมื่อไหร่ ฮั่วจีว์จะขโมยเงินของที่บ้านมาซื้อบ้านหลังใหญ่ที่มีสามทางเข้าสามทางออกให้น้องสาวเขา!

ตอนนี้ชายหนุ่มอยากเห็นนักว่าผู้ชายบ้านนอกคนไหนกันที่แต่งงานกับน้องสาวของเขา ฮั่วจีว์ต้องการเห็นกับตาว่าน้องเขยผู้นี้เหมาะสมกับถังหลี่จริงหรือไม่? ถ้าหากดูแล้วไม่เหมาะสม เขาไม่ชอบแล้วละก็..… พอเขากลับเมืองหลวงเขาจะให้น้องสาวแต่งงานกับคนที่ดีกว่า! ฮั่วจีว์จะคัดกรองคนที่ดีให้แก่นางเอง!

ชายหนุ่มมองไปอยู่ครู่หนึ่งประตูบ้านก็ถูกเปิด บุรุษร่างกำยำออกมาจากบ้าน ร่างของชายหนุ่มผู้นี้ช่างสง่างามและแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แม้ในวันที่อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ เขากลับสวมใส่เพียงแค่เสื้อบาง ๆ เท่านั้น แขนของชายหนุ่มเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อที่เรียงตัวสวย ผิวเป็นสีน้ำผึ้ง ใบหน้าหยาบกร้านแลดูเย็นชา เขามีลักษณะของชายชาตรีมาก ฮั่วจีว์ยืดตัวตรงทันที ในฐานะพี่รองของภรรยา เขาคือตัวแทนครอบครัวของถังหลี่ ดังนั้นฮั่วจีว์จะไม่พลาดโอกาสที่ข่มอีกฝ่ายอย่างเด็ดขาด!

เมื่อชายคนนั้นเห็นถังหลี่ เขาคลี่ยิ้มออกมาอย่างโง่งม

“ภรรยา เจ้ากลับมาแล้ว”

เมื่อฮั่วจีว์เห็นเขายิ้มแบบนั้นทำให้ชายหนุ่มประหลาดใจเล็กน้อย

“ภรรยา เจ้ารับบุตรบุญธรรมมาอีกคนหรือ? เขาไม่โตเกินไปหน่อยหรือ ?” ฮั่วจีว์สำลักความโกรธแทบตาย! ผู้ชายคนนี้พูดจาเพ้อเจ้อเสียสติไปแล้วหรือไง?!

“เด็กน้อยบ้าอะไร ข้าอายุสิบหกปี เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว!” เมื่อพูดเช่นนั้นเขาทำท่าจะต่อยเว่ยฉิง ชายหนุ่มเหยียดมือออกคว้าคอเสื้อของฮั่วจีว์เอาไว้ แต่ฮั่วจีว์ไม่ใช่คนไร้ฝีมือ เขาสามารถรับมือกับพวกโจรได้อย่างสบาย

“สามี ปล่อยเขาเถิด เขาเป็นพี่ชายข้า”

“พี่ชาย?” เว่ยฉิงมองฮั่วจีว์อย่างสงสัย

“ใช่ พี่ชาย! น้องเขยเจ้าไม่มีความเคารพต่อผู้อาวุโสของภรรยาเลยนะ!” ฮั่วจีว์ชี้ไปที่เว่ยฉิง ชายหนุ่มวางเขาลง

ฮั่วจีว์รู้สึกโกรธมาก เดิมทีเขาต้องการเอาชนะน้องเขยคนนี้เพื่อที่จะสั่งสอนให้เขาทำดีกับน้องสาวเขาให้มากสักหน่อย แต่ด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายที่ต่างกัน พี่ภรรยาอย่างเขากลับไม่สามารถทำอะไรเว่ยฉิงได้ เขาจึงทำได้แค่ขึ้นรถม้าหนีไปเท่านั้น

ทันทีที่ฮั่วจีว์กลับไป เว่ยฉิงกอดถังหลี่ไว้ในอ้อมกอดของเขา ขาของชายหนุ่มเกือบจะหายดีแล้ว ถ้าไม่สังเกตก็ไม่มีใครรู้… เขาช้อนตัวหญิงสาวอุ้มเดินไปที่ประตู เว่ยฉิงกกกอดนางไว้ไม่ยอมปล่อย เขาเทชา ล้างมือ เช็ดใบหน้าให้ถังหลี่ไม่ห่าง ตัวติดกันราวกับฝาแฝด

ถังหลี่ถูกรั้งไปนั่งบนตักของเว่ยฉิง หญิงสาวติดอยู่ในอ้อมกอดของเขา นางเล่าเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้สามีฟัง

“ไว้วันหลังข้าจะเข้าเมืองไปหาพี่ชายทั้งสองของเจ้า”

ขณะที่เว่ยฉิงพูดกับหญิงสาว เขาล้วงมือไปในแขนเสื้อตัวเองและหยิบถุงที่โป่งพองออกมาจากแขนเสื้อแล้วยัดใส่มือถังหลี่

“สำหรับเจ้า…ฮูหยิน!”

ถังหลี่เปิดถุงผ้าออกและพบว่าในนั้นคือเงิน! มูลค่ารวม ๆ แล้วไม่ต่ำหนึ่งร้อยตำลึง

“เจ้าต้องใช้เงินเพื่อเปิดโรงงานผลิตถุงหอม ไหนจะมีค่าเล่าเรียนของเด็กทั้งสองอีก ไม่ต้องห่วงนะ! ข้าจะหาเงินมาให้เจ้าอีก!”

“เจ้าไปหาเงินมากมายขนาดนี้มาได้อย่างไรหรือ?” ถังหลี่ประหลาดใจ

“ข้าพบว่ามีงานที่ข้าสามารถทำได้” เว่ยฉิงกล่าว

“ไม่กี่วันก่อนข้าไปหางานทำในเมือง บังเอิญไปเจอคนหมดสติเข้า ข้าเลยพาเขาไปที่โรงหมอ ข้าไม่ได้สนใจมากนัก แต่วันนี้จู่ ๆ คนผู้นี้ก็นำเงินมาให้ข้า”

“หนึ่งพันตำลึงเชียวนะ! แต่ข้ารับมันไว้ไม่ได้ เขาจึงต่อรองกับข้าบอกว่าจะให้เงินห้าร้อยตำลึงแทน จากนั้นก็ให้ข้ารีบรับเงินไป สักพักคนผู้นั้นบอกจะให้ข้าดูแลคุ้มกันจวนเขา ค่าจ้างเดือนละหนึ่งร้อยตำลึง”

“หากเป็นเช่นนั้นก็ดี… ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยต้องไปเรียนหนังสือในเมือง เจ้าจะได้ดูแลพวกเขาด้วย” ถังหลี่กล่าว นางเริ่มคิดวางแผน …สงสัยต้องหาบ้านพักในเมืองด้วยแล้ว

……

วันถัดมา

ถังหลี่จำคำพูดที่เอ่ยไว้กับไป๋มู่หยางได้ หลังจากที่พูดคุยกับหมอซู หญิงสาวพาหมอซูเข้าไปในเมือง เมื่อทั้งสองมาถึงจวนสกุลไป๋ พวกเขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่นอกประตูพร้อมกับกล่องอาหารที่วิจิตรงดงาม นางแต่งตัวเฉิดฉายเกล้าผมเป็นทรงสูง สตรีผู้นั้นคือเฉินเสี่ยวชุ่ย ในเวลานี้เสี่ยวชุ่ยกำลังคุยกับบ่าวเฝ้าประตูด้วยรอยยิ้ม

“นี่คือขนมที่ข้าทำเองทั้งหมด เป็นขนมพื้นบ้านของเมืองนี้ ข้าอยากให้นายท่านไป๋ได้ลองชิมดู ขอให้ข้าเข้าไปพบนายท่านไป๋ได้หรือไม่?”

เฉินเสี่ยวชุ่ยแต่งงานกับนายท่านสามตระกูลรองไป๋ และกลายเป็นภรรยาคนที่สามของเขา นางสวมชุดผ้าไหมแพรต่วน มีสาวใช้สองคนขนาบข้าง ดูงดงามชดช้อยยิ่งนัก ในตอนแรกที่แต่งเข้าไป เฉินเสี่ยวชุ่ยค่อนข้างพอใจในสถานะของตนเอง หากเมื่อเวลาผ่านไป นางกลับไม่ให้ความสนใจไป๋ซานผู้เป็นสามีอีก ชายชราแก่ใกล้ตายมีฟันเหลือง กลิ่นตัวเหม็นผู้นั้น เขาชอบเล่นสนุกโลดโผนและทุบตีนางอยู่บ่อยครั้ง

เฉฺินเสี่ยวชุ่ยไม่สบายใจและเสียใจเป็นอย่างมาก หญิงสาวคิดได้ว่าไป๋ซานไม่คู่ควรกับนางเลย นางเป็นดอกไม้ที่บอบบาง จะมาเติบโตงอกงามในมูลวัวสกปรกนี้ไปตลอดชีวิตได้อย่างไร

หญิงสาวต้องการหาคนที่คู่ควรกับตนเอง

ในวันนั้นเอง นางก็เห็นนายท่านไป๋ เจ้าของกิจการตระกูลไป๋ ตระกูลหลักแห่งซ่างจิงซึ่งมีทรัพย์สมบัติมากมาย เป็นตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดในแคว้นนี้ ชายหนุ่มทั้งอ่อนโยนและหล่อเหลา ขนาดไป๋ซานยังต้องโค้งคำนับเขาอย่างนอบน้อมเมื่อยามพบเห็นเขา

คนแบบนี้จะไม่เหมาะสมกับนางได้อย่างไร?

แต่ถึงแม้ว่าเสี่ยวชุ่ยจะพูดอะไร บ่าวรับใช้ก็ได้แต่เพิกเฉย

“นายท่านของเราไม่ว่าง แม่นางโปรดกลับไปเถิด”

“ข้าคือสะใภ้ตระกูลไป๋ เจ้าแสดงท่าทีแบบนี้ต่อข้าได้อย่างไร!” เฉินเสี่ยวชุ่ยลุกเป็นไฟ

“ท่านคือภรรยาของนายท่านสามไป๋ ขอได้โปรดกลับไปที่จวนของนายท่านสามแล้วไปเบ่งอำนาจที่นั่น จวนไป๋แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะมาวางอำนาจได้!”

ท่าทางของบ่าวคนนั้นทั้งดูถูกและเหยียดหยามเฉินเสี่ยวชุ่ย ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นสีคล้ำด้วยความโกรธ

ขอสวรรค์ลงโทษมันเถิด! ไอ้สุนัขเฝ้าบ้าน! หากข้าได้เป็นฮูหยินไป๋เมื่อไหร่ ข้าจะต้องลงโทษไอ้สุนัขตัวนี้ให้ได้!

ทันทีที่เฉินเสี่ยวชุ่ยหันกลับมา นางเห็นสตรีที่คุ้นเคยยืนอยู่ด้านหลัง หญิงสาวผู้นั้นคือถังหลี่ เฉินเสี่ยวชุ่ยรู้สึกอับอายและโกรธจัดขึ้นมาทันที แต่แล้วนางก็เปลี่ยนท่าทีแสดงตนเป็นเจ้าบ้านขึ้นมา

“เหอะ ถังหลี่! เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ไม่รู้หรือว่าที่นี่คือจวนของนายท่านใหญ่ตระกูลไป๋ของเรา เจ้าซุกหัวอยู่แต่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ตลอดทั้งปีทั้งชาติ คงไม่เคยเห็นจวนใหญ่แบบนี้สินะ ถ้าเช่นนั้นก็เชิญชมดูเสียให้พอเถิด …แต่อย่าได้มายืนขวางประตูให้นานเกินไปล่ะ ข้าเกรงว่าหน้าตาธรรมดาจืดชืดของเจ้าจะทำให้นายท่านไป๋ของเราระคายเคืองตา!”

———————