ตอนที่ 45 การล่า

สามีข้า คือพรานป่า

แต่เฉินเฉิงเยี่ยหงุดหงิดทันทีเมื่อได้ยินผู้เป็นแม่กล่าวคำ เพราะเขาไม่ชอบให้ใครมาสั่ง!

“หมดเรื่องแล้ว ข้าต้องการพักผ่อน! ข้าเรียนและอ่านหนังสือทั้งวันเหน็ดเหนื่อยยิ่ง มันดึกมากแล้ว รีบออกไปสักที!”

หลินชวนฮวาอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ หากไม่ใช่เพราะนางคงมีหลายคนในเมืองที่พร้อมรับเขาเป็นศิษย์ แต่เพราะปัญหาที่นางก่อขึ้นทุกอย่างจึงพังทลายลง เมื่อไตร่ตรองสักครู่นางจึงตัดสินใจว่าวันถัดไปจะมุ่งหน้าเข้าเมืองเพื่อค้นหาคนที่จะรับลูกชายเป็นศิษย์… ต่อให้ต้องใช้เงินทองมากมายเท่าไหร่นางก็ยอม!

เมื่อเห็นลูกชายโกรธจัดนางจึงรีบกระวีกระวาดออกจากห้องและย่องเบาเข้าห้องตัวเอง

หลังจากนั้นไม่นานเฉินเถียนเถียนย่องออกจากโรงเก็บไม้และมุ่งหน้าขึ้นไปบนภูเขาเทพธิดา

ข้างริมธารคือสถานที่นัดหมาย เฉินเถียนเถียนมองเห็นกองไฟอยู่ไม่ไกลนัก ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างกองไฟ ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยหนวดเครารุงรังเช่นเคย

เมื่อเข้าไปไกลนางก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังย่างไก่ป่าอยู่ กลิ่นหอมของมันฟุ้งกระจายไปทั่ว… เฉินเถียนเถียนลอบกลืนน้ำลายเงียบ ๆ แต่ก็ไม่อาจปกปิดความหิวจากสีหน้าได้

“หยุนเคอ… ขอโทษที่ข้ามาช้า เป็นเพราะต้องรอให้พวกเขาหลับก่อนจึงจะแอบออกมาได้”

หยุนเคอไม่ได้ตอบคำใดกลับเพียงยกไก่ที่ถูกย่างไว้ขึ้นจากกองไฟและวางลงบนใบไม้ เขาหยิบกริชเล่มเล็กออกมาหั่นไก่ตรงหน้า

เสร็จสิ้นแล้วเขายกไก่ป่าครึ่งหนึ่งให้กับเฉินเถียนเถียน… แต่เด็กสาวกลับงุนงงต่อการกระทำนั้น นางตกตะลึงอยู่นานก่อนจะคิดได้ว่าเขามอบมันให้นาง เช่นนี้จึงรีบเอื้อมมือคว้าไว้โดยเร็ว

หยุนเคอยังคงไม่กล่าวคำใด เขาหยิบไก่อีกครึ่งขึ้นมาและเริ่มรับประทานอย่างช้า ๆ

ใบหน้านั้นยังคงเรียบเฉย ซึ่งเป็นสิ่งที่เถียนเถียนไม่สามารถคาดเดาได้ นางจึงนั่งเงียบไม่พูดอะไรอีก…

ทั้งสองคนนั่งกินไก่ป่าด้วยกันจนหมดสิ้นเหลือเพียงกระดูกที่สะอาดเอี่ยม

เฉินเถียนเถียนจึงลุกขึ้นก่อนจะกล่าวคำ “วันนี้เจ้าสอนข้าล่าสัตว์ ส่วนข้าก็จะสอนวิธีแกะรอยสัตว์ป่าทุกชนิด… เมื่อก่อนข้าเชี่ยวชาญการแกะรอยยิ้มแต่ว่าไม่มีความสามารถในการจับ หากเราร่วมมือกัน ผลลัพธ์จะต้องยอดเยี่ยมโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่ง!”

ใบหน้าเย็นชาของหยุนเคอพลันเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยก่อนเขาจะกล่าวตอบ “เริ่มกันเลย…”

นี่คือคำแรกที่เขากล่าวออกมาในคืนนี้!

เถียนเถียนเงยหน้าขึ้นมองดูแสงจันทร์พร้อมกับทอดสายตาไปรอบ ๆ นางเริ่มแกะรอยเท้าสัตว์บนพื้นอย่างรอบคอบ จนในที่สุดก็พบร่องรอยของกระต่ายป่า

หยุนเคอไม่พูดพร่ำคำใด เขาหยิบคันธนูออกมาและยิงออกไปทันที! เพียงแค่การยิงธนูดอกเดียวสามารถปลิดชีพกระต่ายป่าได้ทันที…

เฉินเถียนเถียนหยิบยกร่างกระต่ายป่าขึ้นมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะเดินไปข้างหน้าเพื่อทำงานต่อ

เป็นเพราะนี่คือกลางคืน ความมืดจึงค่อนข้างเป็นอุปสรรคในการแกะรอยไม่น้อย

ไม่นานนักเถียนเถียนได้กลิ่นเหม็นโชยมาตามลม แม้นางจะไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไรแต่ก็พอเดาได้ว่านั่นคือมูลสัตว์!

หลังจากเดินตามกลิ่นไปก็พบกองอุจจาระขนาดใหญ่… มันคือสัตว์ใหญ่!

“หยุนเคอ… ถ้าเราพบหมูป่า เจ้าจะสามารถจัดการมันได้หรือไม่?”

เถียนเถียนกล่าวถามอย่างคาดหวังแต่ดูเหมือนหยุนเคอจะรำคาญนางไม่น้อยกับคำถามเหยียดหยามเช่นนี้

‘บัดซบ! นายพรานผู้เก่งกาจสามารถเหาะเหินได้เช่นข้าหากไม่สามารถสังหารหมูป่าได้ แล้วข้าจะมีชีวิตรอดในโลกนี้ได้อย่างไร?’

เถียนเถียนตามกลิ่นนั้นไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดได้ยินเสียงดังขึ้นในความมืดตรงหน้า ทันใดนั้นเองหยุนเคอดึงนางไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว

แม้เถียนเถียนจะรู้สึกตัวช้ากว่าแต่นางก็รับรู้ได้ถึงอันตราย

ตอนนั้นเองหมูป่าตาแดงพุ่งออกมาจากพุ่มไม้ เหมือนว่าน้ำหนักของมันราวหนึ่งร้อยกิโลกรัมได้!

เขี้ยวแหลมคมโผล่ออกมาจากปากของมันเรืองรองภายใต้แสงจันทรา…

ด้วยความตื่นตระหนกเถียนเถียนจึงปีนขึ้นต้นไม้อย่างเร่งรีบ

“ข้าหามันจนพบแล้ว จากนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจะจัดการมันได้หรือไม่! ข้าจะรออยู่ตรงนี้นะ…”

หยุนเคอเพียงยกยิ้มจางก่อนจะมองเถียนเถียนผู้กำลังพยายามปีนต้นไม้อย่างเงอะงะ เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะก่อนจะอุ้มนางขึ้นและทะยานสู่ด้านบน ชายร่างใหญ่วางเด็กสาวไว้บนกิ่งไม้ก่อนจะกระโดดลงมาสู้กับหมูป่าต่อ

หมูป่าพุ่งเข้าหาหยุนเคออย่างเกรี้ยวกราด

หยุนเคอไม่ได้ใช้ธนู เขาหยิบกริชเล่มเล็กออกมา

หมูป่าพุ่งเข้ามาอย่างไม่หวาดหวั่น ส่วนหยุนเคอเพียงย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตี

จากนั้นเขายื่นกริชในมือออกไปอย่างรวดเร็ว บาดแผลยาวลึกถูกฝากไว้บนลำคอของหมูป่า เลือดไหลทะลักราวกับเขื่อนแตก

ยิ่งมันบาดเจ็บมากเท่าไหร่ ความคลั่งยิ่งเพิ่มพูนขึ้น มันเอี้ยวตัวกลับพร้อมพุ่งทะยานเข้าหาหยุนเคออีกครั้ง

หยุนเคอกระโดดพร้อมใช้ขายาวของตัวเองรัดลำคอของมันเอาไว้ก่อนจะเงื้อมกริชขึ้นสูงและแทงตัดขั้วหัวใจของมันอย่างรุนแรง!

หมูป่าล้มลงและแน่นิ่งไปโดยไม่ทันได้กรีดร้อง

เถียนเถียนเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง นางตื่นตระหนกไม่น้อยกับฉากน่าตื่นตา เด็กสาวต้องใช้เวลาสักครู่เพื่อตั้งสติก่อนจะร้องตะโกนออก “หยุนเคอ… พาข้าลงไปหน่อย!”

หยุนเคอได้ยินดังนั้นจึงนึกได้ว่านางอยู่บนต้นไม้ เขาจึงกระโดดขึ้นไปอุ้มนางกลับลงมาพื้น

เพราะเถียนเถียนคือตำรวจเก่า แม้ว่าจะเป็นคนตายนางก็ไม่คิดหวาดกลัว แต่ตอนนี้สิ่งที่ตายตกเป็นเพียงหมูป่าตัวหนึ่งเท่านั้

หยุนเคอมองเด็กสาวที่เผยแววตาหิวโหยใส่หมูป่าที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงหน้าอย่างหวาดหลัว…

“หยุนเคอ… เจ้าจะแบ่งหมูป่านี้อย่างไร มันคือสิ่งที่เราสองคนร่วมกันหา เจ้าแบ่งให้ข้าเพิ่มขึ้นอีกสักนิดได้หรือไม่? แต่ข้าไม่ได้ต้องการมากมายนัก ขอแค่สองมื้อก็พอ!”

หยุนเคอเงียบพร้อมครุ่นคิด ‘นางสามารถแกะรอยสัตว์ป่าได้… ค่อนข้างเก่งพอสมควร แต่นางยังไม่สามารถล่าสัตว์ได้ หากร่วมมือกับนาง… ข้าก็จะมีเงินสร้างบ้านในเร็ววัน!’

“ข้าให้ครึ่งหนึ่ง!”

“โอ้?”

คำกล่าวตอบถึงกับทำให้เถียนเถียนตกตะลึง

การจัดการกับหมูป่าตัวนี้ต้องใช้ทักษะมากมาย แม้ว่านางจะเป็นคนแกะรอยก็จริง แต่หากไม่มีหยุนเคอ… อย่าว่าแต่การสังหารหมูป่าเลย เพียงรักษาชีวิตตัวเองไว้ก็คงทำไม่ได้!

หยุนเคอพยายามใช้มีดหั่นเนื้อของหมูป่าเพื่อผ่าครึ่ง เถียนเถียนที่มองอยู่ก็เผยแววตาที่แปลกไป… เขาไม่ใช่คนตระหนี่สักหน่อย!

“ขอบคุณแล้ว!”

ในตอนนั้นเองหยุนเคอจึงเงยหน้าขึ้นมองเถียนเถียนด้วยแววตาประหลาด แต่นางกลับไม่เข้าใจจึงเอ่ยถาม “มีอะไรงั้นหรือ?”

หยุนเคอไม่ได้ตอบกลับพร้อมทรุดตัวนั่งลงก่อนจะกล่าวถาม “แล้วเจ้าจะแบกหมูป่าครึ่งหนึ่งกลับไปยังไง?”

เถียนเถียนได้ยินอย่างนั้นก็พลันปวดร้าว นางรีบคิดหาวิธีเพื่อจะได้รับหมูป่าอีกครึ่ง…

เมื่อคิดได้นางรีบร้องบอก “เดี๋ยวก่อน! ย้ายหมูป่าตัวนี้กลับไปที่ถ้ำกันเถอะ หลังจากผ่าครึ่งแล้ว… ข้ามีวิธีจัดการกับมัน!”

หยุนเคอพยักหน้ารับ แม้ในใจจะอยากรู้อยากเห็นแต่เขาก็ไม่คิดจะถามอะไรต่อ…