บทที่ 40 ผมต้องการมอบตัว

คิงดราก้อน

บทที่ 40 ผมต้องการมอบตัว

วันถัดมา เซียวหยางตื่นสายเล็กน้อย เมื่อวานเพลิดเพลินกับการฝึก พลังเทพมังกรเกินไป เมื่อมองเวลา จะทำอาหารเช้าก็ไม่ทันแล้ว

เขาจำได้ว่าที่ตลาดสดยังมีแผงขายอาหารเช้า รสชาติไม่เลว ดังนั้นจึงเตรียมขับรถออกไป

เมื่อถึงแผงขายอาหารเช้าที่ตลาดสดแห่งนั้น เซียวหยางก็ร้องเอ่ยว่า “เถ้าแก่ เกี๊ยวทอดสอง โจ๊กหมูไข่เยี่ยวม้าสอง ห่อกลับนะ”

เซียวหยางหาที่นั่งนั่งลง รอเถ้าแก่ส่งอาหารมาให้

“โอ้ หนุ่มหล่อ เรานี่เอง ยากที่จะพบเราในตอนเช้านะ”

เถ้าแก่เป็นหญิงสาววัยกลางคน เปิดร้านอาหารเล็กๆที่นี่มาหลายปีแล้ว ในอดีตมักจะเห็นเซียวหยางมาเดินที่ตลาดสด แต่น้อยมากที่จะเห็นเขามาซื้ออาหารเช้า

เซียวหยางยิ้ม ทักทายประโยคหนึ่ง ในเวลานี้เองที่เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งลอยมา

“เถ้าแก่ ซาลาเปาห้าลูก โจ๊กลูกเดือยหนึ่งชาม ขอบคุณค่ะ”

สาวงามคนหนึ่งสวมชุดออกกำลังกายสีดำ ที่คอมีผ้าซับเหงื่อสีขาวห้อยอยู่ คล้ายกับเพิ่งจะวิ่งออกกำลังกายเสร็จ จึงรวบผมที่ยุ่งเหยิงเป็นหางม้าไว้ที่ด้านหลังอย่างง่ายๆ

ทั้งร่างมองดูแล้วสะอาดคล่องแคล่ว ดูมีสง่าราศี

“หัวหน้าทีมเจียง คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะกินเก่งขนาดนี้ ปริมาณอาหารของซาลาเปาห้าลูก สามารถเทียบกับผมได้แล้ว” เซียวหยางยิ้มตาหยี พิจารณาเจียงเซิ่งหนาน

แรกเริ่มเซียวหยางยังมองไม่ออกว่าเป็นเธอ เพราะทรงผมในยามเช้าของเธอเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้ผมประบ่า ตอนนี้เป็นหางม้า

เจียงเซิ่งหนานเงยหน้า ก็เห็นเงาร่างอันคุ้นเคย

“เซียวหยางเป็นคุณหรือ ทำไมไปที่ไหนล้วนต้องพบกับคุณกัน!”

“ไม่อย่างนั้นจะพูดได้อย่างไรพวกเราสองคนล้วนมีวาสนาต่อกัน”

เซียวหยางหัวเราะอิอิ ในเสี้ยววินาทีก็พูดต่อว่า “หัวหน้าทีมเจียง ผู้หญิงไม่เหมาะสมจะออกกำลังกายหนักช่วงก่อนประจำเดือนมา ไม่อย่างนั้นผลที่ได้จะตรงข้ามกับที่คาดหวังนะ”

เจียงเซิ่งหนานสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที คิดถึงคำพูดเมื่อวานที่เซียวหยางพูดตอนอยู่ที่สถานีตำรวจขึ้นมา

“เซียวหยางคุณอย่าแขวนคำว่าประจำเดือนไว้บนปากจะได้หรือไม่ คลื่นไส้ไม่คลื่นไส้กัน คุณคิดว่าแบบนี้จะสามารถดึงดูดความสนใจของผู้หญิงได้อย่างนั้นหรือ อ่อนต่อโลกเสียจริง!”

เซียวหยางรู้สึกหมดคำพูดในทันที นี่มันคำพูดอะไรกัน ตัวเองก็แค่เอ่ยเตือนเธอเล็กน้อย ทำไมเธอถึงได้พูดเหมือนกับว่าบิดาจะจีบเธออย่างไรอย่างนั้น

เมื่อเห็นเซียวหยางไม่พูดไม่จา เจียงเซิ่งหนานดูเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่ จู่ๆก็มีบางอย่างพาดผ่านเข้ามา จึงเอ่ยว่า “ใช่แล้ว สองวันมานี้มีความเคลื่อนไหวของนักฆ่าบ้างไหม”

เซียวหยางตะลึงค้าง แสร้งทำเป็นโง่งม ไม่รู้เรื่องว่า “นักฆ่าอะไร ผมไม่เข้าใจความหมายของคุณ”

“อย่ามาแสร้งทำเป็นงุนงงไม่รู้เรื่องทั้งที่เข้าใจกับฉัน คุณรู้ว่าฉันกำลังพูดอะไร นักฆ่าไม่ได้พุ่งเป้ามาที่เย่หยุนซูหรอกหรือ”

“ยังคงเป็นประโยคนั้น ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดอะไร”

เซียวหยางยิ้มแปลก ผู้หญิงคนนี้คิดจะหลอกเอาคำพูดของตัวเองไป นั้นอ่อนหัดเกินไปเล็กน้อย

เจียงเซิ่งหนานพูดอย่างไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านของเขา “เซียวหยาง คุณกำลังทำร้ายเย่หยุนซู ถ้าหากว่ามีนักฆ่าจริงๆ จะต้องแจ้งทางตำรวจ คุณเข้าใจไหม มีเพียงแค่ตำรวจเท่านั้นที่จะปกป้องประธานเย่เอาไว้ได้”

เซียวหยางเหลือบมองเจียงเซิ่งหนานอย่างเฉยเมย เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังอย่างไร้ที่เปรียบของเธอแล้ว ก็หัวเราะพรืดออกมา

“หัวหน้าทีมเจียง คุณดูหนังมากเกินไปใช่หรือไม่ ประธานเย่สบายดีมาก ไม่จำเป็นต้องให้พวกคุณปกป้อง OKไหม”

ล้อเล่นน่ะ พวกกลุ่มคนระดับสากลพวกนั้น ตำรวจเหล่านี้จะรับมือไหวที่ไหนกัน ถ้าหากไปหาทางตำรวจจริงๆล่ะก็ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ดึงดูดศัตรูให้เข้ามาหามากขึ้น

เขารู้ว่าเจียงเซิ่งหนานเป็นคนที่มีนิสัยตรงไปตรงมา มีความสามารถ และถือดี ต้องการสร้างผลงานเพื่อให้ได้รับการสรรเสริญ แต่การมาหาเซียวหยาง เห็นได้ชัดว่ามาหาผิดคนแล้ว

“คุณ…….”

เจียงเซิ่งหนานเพิ่งจะตำหนิเซียวหยางไม่กี่ประโยค จู่ๆก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังลอยมา

“ฉกกระเป๋า มีคนฉกกระเป๋า!”

คุณป้าอายุประมาณ 50 ปีคนหนึ่ง วิ่งไปด้านหน้าด้วยความโมโห ชี้นิ้วไปยังผู้ชายที่สวมหมวกสีดำที่อยู่เบื้องหน้า ร้องเรียกไม่หยุด

“เป็นเขา เร็วเข้า ใครมาช่วยฉันหน่อย จับเขาเอาไว้!”

ชายสวมหมวกวิ่งไป พร้อมกับแยกเขี้ยวยิงฟันไปรอบด้าน พร้อมกับเอ่ยว่า “ไสหัวไปให้พ้น ไม่อย่างนั้นบิดาจะฆ่าพวกแกทิ้ง บัดซบ!”

หญิงชราผู้นี้แต่งกายหรูหรา เห็นได้ชัดว่าที่บ้านไม่ขัดสนเงินทอง กระเป๋าที่สะพายจะต้องมีของอยู่ไม่น้อยอย่างแน่นอน ชายสวมหมวกนั้นจ้องมองอยู่นานแล้ว

วันนี้เห็นว่าเป็นโอกาสดี จึงถือโอกาสลงมือขโมยกระเป๋า แต่คิดไม่ถึงเลยว่ายายแก่นี่จะมีสัญญาณเตือนภัยสูงขนาดนี้ สามารถพบได้ทันทีว่ากระเป๋าของตัวเองไม่อยู่แล้ว จึงตามมาตลอดทาง ทำจนผู้คนทั้งถนนล้วนรับรู้หมดแล้ว

เพียงแต่ว่า คนที่สามารถตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าได้นั้น ล้วนเป็นผู้ที่มีอายุเล็กน้อย คนเหล่านี้มีใจแต่ก็ไม่มีแรงแล้ว บวกกับการข่มขู่ของชายสวมหมวก จึงยิ่งไม่กล้าลงมือ

เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ ตลอดทางไม่มีใครสักคนที่กล้าก้าวออกมาหยุดชายสวมหมวก ชายสวมหมวกยิ้มเย็น รออีกสักพักหนึ่งสลัดยายแก่ไม่ยอมตายคนนี้ไปได้ ค่อยดูว่าในกระเป๋ามีของมีค่าเท่าไรกันแน่

เซียวหยางเพิ่งจะลุกขึ้นยืน ก็เห็นว่าเจียงเซิ่งหนานก้าวออกไปอย่างรวดเร็วแล้ว

สิ่งที่เจียงเซิ่งหนานไม่ชอบมากที่สุดคือคนที่ขี้เกียจสันหลังยาว ไม่ยอมทำอะไร เห็นอยู่ชัดๆว่ามีมือมีเท้า แต่ไม่ยินยอมที่จะไปหางานดีๆทำสักงานหนึ่ง แต่กลับทำเรื่องราวที่น่าอับอายเช่นนี้

เมื่อพบกับเหตุการณ์แบบนี้ เจียงเซิ่งหนานไม่พูดอะไร ก็ยื่นมือ ก้าวออกไปหยุดเอาไว้ในทันที

เจียงเซิ่งหนานวิ่งไม่ช้า แต่สุดท้ายแล้วเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง วิ่งสู้ชายสวมหมวกที่เป็นขโมยไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ชายสวมหมวกผู้นี้จะต้องหนีไปได้อย่างแน่นอน”

“หยุดวิ่ง หยุดเดี๋ยวนี้นะ ตำรวจ!”

เจียงเซิ่งหนานวิ่งไป ก็ตะโกนไป คิดจะทำให้ชายสวมหมวกตกใจ

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าชายสวมหมวกจะเป็นผู้ชำนาญ ไม่กลัวตำรวจเลยแม้แต่น้อย เมื่อหันหน้าก็เห็นว่าเป็นสาวงามคนหนึ่ง จึงยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย

เจียงเซิ่งหนานวิ่งตามสุดชีวิต แต่ว่าสุดท้ายแล้วก็ยังมีระยะห่างสิบเมตร ทำอย่างไรก็ไม่สามารถเข้าใกล้ได้

จู่ๆ หางตาของเจียงเซิ่งหนานก็ปรากฏเงาร่างเงาหนึ่ง คนคนนั้นมีความเร็วมาก เร็วจนพริบตาเดียวก็วิ่งนำเจียงเซิ่งหนานไปแล้ว

วินาทีถัดมาก็ปรากฏตัวขึ้นในห้าเมตรกว่า

เงาร่างนั้นก็คือเซียวหยาง

นี่เป็นความเร็วปกติของเซียวหยาง ถ้าหากว่าต้องใช้ความเร็วทั้งหมดล่ะก็ คาดว่าคงถูกคนพวกนี้ ส่งเข้าไปชำแหละวิจัยในสถาบันวิจัยคนไม่ปกติอย่างแน่นอน

แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ความเร็วก็มากพอที่จะทำให้ผู้อื่นตะลึงได้แล้ว

เร็ว!

เร็วเกินไปแล้ว!

เจ้าหมอนี่ยังเป็นคนอยู่หรือไม่ ความเร็วระดับนี้ สามารถวิ่งได้ทัดเทียมกับแชมป์เปี้ยนวิ่งระยะสั้นของโอลิมปิกได้แล้วล่ะมั้ง

เจียงเซิ่งหนานเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา

ระยะห่างสิบเมตร เซียวหยางใช้เวลาไม่ถึงสองวินาทีก็ตามทันแล้ว

ชายสวมหมวกกำลังรู้สึกยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น เบื้องหน้าไม่ไกลมีซอยเล็กซอยหนึ่ง ขอเพียงแค่เข้าไปในซอยเล็กๆซอยนี้ เขาก็เหมือนกับปลาได้น้ำ ใครก็จับเขาไม่ได้

แต่ว่าในเวลานี้เองที่ รอยเท้าขนาดใหญ่รอยหนึ่งปรากฏขึ้นบนแผ่นหลังของเขา จากนั้นชายสวมหมวกก็โอนเอน ล้มลงไปกระแทกกับขอบถนนอย่างแรง

เสียงปึกดังขึ้น!

ปากจะกระแทกเข้ากับขอบถนนพอดี เขารู้สึกว่าฟันเจ็บปวด อ้าปากคายออกมา ก็เป็นฟันสองซี่ที่หัก

บัดซบ!

ชายสวมหมวกเงยหน้าด้วยความโมโห ก็เห็นเซียวหยางเดินเข้ามาพอดี

ปักๆ!

เซียวหยางเตะเจ้าหมอนี่ไปสองที ชายสวมหมวกก็กุมท้องร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด และลุกขึ้นมาไม่ได้อีก

เซียวหยางรังเกียจคนประเภทนี้มากที่สุด แม้ว่าเจียงเซิ่งหนานจะไม่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เขาก็จะยื่นมือออกมาหยุดในวินาทีแรกเช่นกัน

“มีมือมีเท้า ทำอะไรไม่ทำ กลับทำเรื่องไม่ดีไม่งามอย่างการปล้นชิงกลางถนน ไม่ซัดนายสักหน่อยก็รู้สึกไม่สบายใจ”

พูดแล้วก็เตะเจ้าหมอนี่อีกครั้ง

ชายสวมหมวกใกล้จะร้องไห้แล้ว บิดาแย่งกระเป๋าใบหนึ่ง ทำให้นายโมโหแล้ว จะต้องรังแกคนแบบนี้ด้วยหรือ

คราวนี้เจียงเซิ่งหนานก็วิ่งมาถึงแล้วเช่นกัน

ไม่รอให้เจียงเซิ่งหนานพูดอะไร ชายสวมหมวกก็กอดขาขาวเนียนราวหิมะของเจียงเซิ่งหนานเอาไว้ ร้องไห้โวยวายว่า

“น้องสาวตำรวจคนงาม ผมต้องการมอบตัว ผมต้องการร้องเรียน เจ้าหมอนี่ใช้ความรุนแรงกับผม!”