ตอนที่ 37 ทวิสต์เสิร์ฟ

เขียนเกี่ยวกับเทนนิส?

การแข่งขันกีฬา?

หยางเฟิงสาบานได้ว่าตนไม่ใช่คนที่ฝักใฝ่ชื่อเสียงอะไร แต่เมื่อเห็นนิยายซึ่งเขียนเกี่ยวกับการแข่งขันเทนนิสตรงหน้าแล้ว เขาก็แทบขมวดคิ้วเป็นปมโดยไม่รู้ตัว

แปลกใหม่น่ะไม่ผิด

แต่นี่มันแปลกใหม่ไปแล้วล่ะมั้ง?

นิยายแนวการแข่งขันกีฬา ถ้าเขียนเกี่ยวกับฟุตบอล บาสเกตบอล หรือปิงปองก็ยังพอว่า อย่างน้อยกีฬาจำพวกนี้คนก็พอจะเคยสัมผัสมาบ้างไม่มากก็น้อย อีกทั้งคนที่ชื่นชอบก็ยังมีมาก แต่ทำไมดันมาเลือกกีฬาที่ธรณีประตูค่อนข้างสูง ไม่ได้รับความนิยมอย่างเทนนิสกันล่ะเนี่ย

แปลกใหม่ก็แปลกใหม่

กลุ่มเป้าหมายก็เล็กนิดเดียว

ทว่าในฐานะคนทำอาชีพบรรณาธิการแล้ว แม้ว่าหยางเฟิงจะมีความคิดอยู่เต็มไปหมด แต่ก็คงไม่ถึงกับปัดตกไม่ให้ผุดให้เกิดในทีเดียว ถ้าหากนักเขียนมีศักยภาพ เขาก็ยินดีที่จะทำความรู้จัก

นี่เป็นเรื่องปกติของวงการนิยาย

เมื่อได้พบกับนักเขียนที่ค่อนข้างมีศักยภาพ ต่อให้ต้นฉบับของอีกฝ่ายไม่ผ่าน บรรณาธิการก็จะลองฟูมฟักพวกเขาสักตั้ง ถึงขั้นที่มีนักเขียนจำนวนมากซึ่งประสบความสำเร็จจากการอุ้มชูของบรรณาธิการ แน่นอนว่าระหว่างกระบวนการนี้ พวกเขาจะต้องเผชิญกับการถูกปฏิเสธจากบรรณาธิการซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เปิดหน้าแรกในคอมพิวเตอร์

หยางเฟิงก็เริ่มตรวจสอบต้นฉบับอย่างเป็นทางการ

ถ้าหากยังไม่พูดถึงเนื้อเรื่อง เขามีความรู้สึกเชิงบวกกับนักเขียนซึ่งกล้าเขียนแนวเทนนิสคนนี้มากทีเดียว จิตวิญญาณที่ไม่ยอมจำนนต่อตลาดพรรค์นี้หยางเฟิงชื่นชมมากด้วยซ้ำ ถ้านักเขียนส่วนใหญ่มีทัศนคติแบบนี้ ตลาดนิยายคงไม่เต็มไปด้วยนิยายแนวเดียวกันมากมายอย่างทุกวันนี้

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น

บนรถรางมุ่งหน้าสู่โรงเรียนชิงชุน เด็กหนุ่มในทีมโรงเรียนคนหนึ่งกำลังสอนเพื่อนร่วมทีมคนใหม่ของตนด้วยท่าทางวางก้าม เอ่ยอธิบายว่าควรจับไม้เทนนิสอย่างไรพลางเหวี่ยงไม้ไม่หยุด จนท้ายที่สุดกลับไม่ทันระวังฟาดไปโดนใบหน้าของเด็กหญิงคนหนึ่งเข้า

‘ขอโทษครับ’

เด็กหนุ่มเหลือบมองเด็กหญิง ก่อนจะหันไปสอนเพื่อนร่วมทีมคนใหม่ต่อ ทว่าขณะที่เขากำลังเหวี่ยงไม้เทนนิสอย่างออกรสออกชาติ เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งกลับดังขึ้นมา ‘นายนี่หนวกหูจริงๆ’

ผู้พูดคือวัยรุ่นคนหนึ่ง

ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง วัยรุ่นคนนั้นก็สะพายกระเป๋าเทนนิส พร้อมทั้งพูดอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะขึ้นรถไปว่า ‘จับจากด้านบนของไม้ตอนวางราบถึงจะเป็นการจับแบบเวสเทิร์นกริปที่ถูกต้อง จับไม้แนวตั้งในท่าทางเหมือนการจับมือ นั่นคือวิธีการจับไม้แบบอีสเทิร์นกริปดั้งเดิม’

‘นาย…’

ถึงกับถูกวัยรุ่นคนหนึ่งสอน ใบหน้าของเด็กหนุ่มก็ออกจะบึ้งบูดไปเล็กน้อย ถลึงตาใส่วัยรุ่นซึ่งแก้สิ่งที่ตนพูดผิดเมื่อครู่ แต่เมื่อเขากำลังจะอ้าปากพูด เด็กวัยรุ่นคนนั้นก็ขึ้นรถจากไปเสียแล้ว

“พระเอก?”

หยางเฟิงพยักหน้า

ฉากเปิดเรื่องดูทรงแล้วใช้ได้ ต่อให้เขาเล่นเทนนิสไม่เป็น ก็ยังอ่านความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทนนิสเข้าใจ อีกทั้งพระเอกดูคล้ายกับสอนเด็กหนุ่ม แท้จริงแล้วกำลังระบายความโมโหแทนเด็กหญิงที่ได้รับบาดเจ็บเมื่อครู่

ฉากเปลี่ยนไป

ผู้ชายหลายคนกำลังล้อมรอบรายชื่อ และถกเถียงกันอยู่ หนึ่งในนั้นพูดว่า ‘ปีนี้ชมรมเทนนิสของโรงเรียนมีเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้าเรียนเข้ามาด้วย แล้วก็ยังไม่ต้องเป็นตัวสำรองด้วย เป็นตัวจริงที่ลงสนามได้เลย’

‘ไม่มั้ง?’

‘เป็นไปได้ยังไงกัน’

‘ลงทะเบียนพลาดล่ะมั้ง’

เพื่อนร่วมทีมต่างคลางแคลงใจ ‘เด็กปีหนึ่งเพิ่งจะเรียนจบมัธยมต้น จะไปมีคุณสมบัติพอที่จะเข้าชมรมเทนนิสของโรงเรียนได้ยังไง แถมยังเป็นตัวจริงของชมรมอีก รู้อยู่แล้วว่าชมรมเทนนิสโรงเรียนเรามีไว้สำหรับนักกีฬามืออาชีพ!’

ในรายชื่อ

นักเรียนปีหนึ่งซึ่งมีคุณสมบัติเป็นตัวจริงของชมรมเทนนิสมีชื่อว่าหลงหม่า ปีนี้อายุสิบหก

อายุน้อยว่าอายุเฉลี่ยของทั้งชมรมเทนนิส เพราะนักกีฬาตัวจริงของชมรมเทนนิสซึ่งอายุน้อยที่สุดนั้นอยู่ปีสองเป็นอย่างน้อย

ขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น

หลงหม่าก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับสะพายแร็กเก็ตเทนนิสไว้ด้านหลัง

ผู้ชายหลายคนซึ่งได้พบบนรถรางก่อนหน้านี้ก็ปรากฏตัวเช่นกัน มิหนำซ้ำยังดึงดูดความสนใจของบรรดานักเรียนภายในชั่วพริบตา เดิมทีวันนี้พวกเขามาที่โรงเรียนนี้ก็เพื่อแข่งแมตช์ท้าชิง แต่เมื่อเด็กหนุ่มซึ่งเป็นหัวหน้าเห็นหลงหม่าเข้า ก็พลันเดือดดาลขึ้นมา ใช้ไม้เทนนิสชี้หน้าหลงหม่าพลางแค่นหัวเราะเย็นเยียบ ‘นายรู้มั้ยว่าเมื่อกี้นายสอนหัวหน้านักกีฬาเสาหลักตัวจริงของทีมเทนนิสวิทยาลัยแลนดอนตีเทนนิส’

หลงหม่ามองเขาอย่างเยือกเย็น

สายตานี้ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกอึดอัด เขาจึงเหวี่ยงไม้เทนนิสเข้าใส่ศีรษะของหลงหม่า แน่นอนว่าเขาเพียงขู่หลงหม่า ไม่ได้คิดจะลงไม้ลงมือจริงๆ ทว่าสิ่งที่ทำให้ผู้คนโดยรอบตกใจก็คือ หลงหม่าไม่ได้เบี่ยงหลบแม้แต่น้อย ราวกับคาดการณ์ไว้แล้วว่าไม้เทนนิสไม่มีทางฟาดลงมาที่ตนจริง

‘ไปเถอะ ยังมีเรื่องสำคัญต้องทำอีก’

เพื่อนของเด็กหนุ่มคนนั้นหัวเราะ พลางเอ่ยโน้มน้าว

เด็กหนุ่มแค่นเสียงขึ้นจมูก กำลังจะเดินออกไป หลงหม่ากลับใช้ไม้เทนนิสตีไปยังขวดเครื่องดื่มที่เด็กหนุ่มเพิ่งดื่มหมด จนกระเด็นไปลงในถังขยะอย่างแม่นยำ ก่อนจะมองอีกฝ่ายแล้วถามว่า ‘จับแร็กเก็ตเป็นหรือยัง หรือจะให้ผมสอนวิธีตีเทนนิสให้’

ฝูงชนโดยรอบตะลึงงันไปตามกัน

เด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งมีคุณสมบัติได้มาท้าชิงกับโรงเรียนชิงชุน เห็นได้ชัดว่าความสามารถของพวกเขาแข็งแกร่งมาก ทว่าวัยรุ่นหน้าละอ่อนพรรค์นี้ถึงกับพูดแบบนี้ออกมา ย่อมทำให้คนอึ้งกันไปไม่น้อย

‘เขาบ้าไปแล้วเหรอ’

สายตาต่างจับจ้องไปยังหลงหม่า

และหยางเฟิงซึ่งนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็เปลี่ยนหน้ากระดาษด้วยความสนใจ แรกเริ่มเดิมทีเขาคิดว่าเทนนิสเป็นตลาดเล็ก แต่เมื่ออ่านมาถึงตอนนี้เขาไม่รู้สึกเบื่อเลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังไม่รู้สึกว่าเรื่องราวนั้นกำกวมเข้าใจยาก แต่กลับเกิดความรู้สึกตื่นเต้นและคาดหวัง

เด็กหนุ่มประกาศสงครามแล้ว

ดังนั้นสิ่งที่ทำให้บรรดานักเรียนในโรงเรียนชิงชุนนับไม่ถ้วนซึ่งมามุงดูตะลึงลานก็ได้เกิดขึ้นแล้ว เด็กวัยรุ่นท่าทางไร้เดียงสาคนนี้ได้ใช้ความสามารถที่ต่างชั้นกันเชือดเด็กหนุ่มที่เรียกตนเองว่าเป็นนักกีฬาเสาหลักจากทีมโรงเรียนสักแห่ง!

เด็กหนุ่มโกรธขึ้นมาแล้ว

ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เห็นหลงหม่าอยู่ในสายตา ทว่าเมื่อเสียคะแนนติดต่อกันเรื่อยๆ เรียกได้ว่าถูกหักหน้าจนแหลกละเอียด จึงใช้ไม้ตายเด็ดของตน ไม้ตายเด็ดนี้เตรียมพร้อมมาเพื่อแข่งกับชมรมเทนนิสของโรงเรียนชิงชุน แต่กลับถูกวัยรุ่นคนนี้บีบคั้นเสียได้

เขาทำเอาคืนได้สำเร็จไปหนึ่งเกม

ในตอนนั้นโค้ชของสโมสรเยาวชนก็ปรากฏตัวขึ้น แถมมองปราดเดียวก็เห็นหลงหม่าซึ่งอยู่ในสนามเทนนิส รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก ‘เขามาเร็วกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก’

‘คุณย่ารู้จักเขาเหรอคะ?’

เด็กหญิงซึ่งก่อนหน้านี้ถูกเด็กหนุ่มทำให้บาดเจ็บโดยไม่ทันระวังบนรถรางก็อยู่ด้วย และเธอก็คือหลานสาวของโค้ชคนนี้ แต่ถึงอย่างนั้นโค้ชก็ไม่ได้อธิบายอะไร เพียงแค่ชมการแข่งขันครั้งนี้อย่างใจเย็น

พลั่ก พลั่ก พลั่ก

หลงหม่าถูกตีตื้นขึ้นมาอีกหลายคะแนน

ทั้งสองเริ่มมีรับมีโต้

หยางเฟิงขมวดคิ้ว เปิดเรื่องมาก็บรรยายถึงพรสวรรค์ของหลงหม่า แต่จากระดับความสามารถของหลงหม่าในตอนนี้ ก็ยังไม่ถึงจุดไคลแม็กซ์ของเรื่องเลย นิยายแนวเทนนิสนี่เขียนไม่ง่ายจริงๆ

เขาส่ายหน้าอ่านต่อไป

ทว่าหลังจากนั้น เนื้อเรื่องอันแสนดุเดือดซึ่งเรียกอะดรีนาลีนของเขาก็เริ่มต้นขึ้น เพราะภายใต้ความตกตะลึงของทุกคน หลงหม่าก็สลับไม้เทนนิสจากมือขวาไปยังมือซ้าย!

‘เขาถนัดซ้าย’

โค้ชเทนนิสหัวเราะราวกับสุนัขจิ้งจอก

หยางเฟิงไม่คาดคิดว่าหลงหม่าจะถนัดซ้าย นี่ก็เหมือนคนที่ปกติใช้มือขวาฝืนใช้มือซ้ายจับตะเกียบกินข้าว ทั้งสองอย่างนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่หลงหม่าใช้แค่มือขวาก็กดดันอีกฝ่ายที่ความสามารถไม่ธรรมดาได้ ถ้าเปลี่ยนเป็นมือซ้ายที่ถนัดจะแตะถึงระดับไหนกัน

เขาตั้งหน้าตั้งตารอคอยมากเหมือนกัน

พล็อตเรื่องไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง ถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้หลงหม่าทำได้แค่กดดันอีกฝ่ายล่ะก็ หากเปลี่ยนเป็นหลงหม่าซึ่งใช้มือซ้ายตีเทนนิส ก็ย่อมเป็นการแกล้งสัพยอกคู่ต่อสู้แล้ว ฉะนั้นอย่าว่าแต่สองฝ่ายประลองฝีมือแบบมีรับมีโต้แล้ว อีกฝ่ายถึงขั้นที่แทบจะรับลูกเสิร์ฟของหลงหม่าไม่ได้ด้วยซ้ำ

คะแนนกลับมาเชือดเฉือนกันอีกครั้ง

ท่ามกลางเสียงลมหายใจเย็นเฉียบรอบกาย โค้ชทีมโรงเรียนชิงชุนหรี่ตาลงเอ่ย ‘ในเวลาสั้นๆ แค่หนึ่งปีก็แข่งในรายการเยาวชนไปทั่วทั้งฉินโจว กวาดรางวัลเทนนิสชายเดี่ยวทั้งหมด อัจฉริยะที่ชนะขาดลอยมาสิบแปดรายการติด เป็นนักเรียนโควตาเทนนิสที่ผอ.ออกหน้าเชิญเข้ามาด้วยตัวเอง หลงหม่า อายุสิบหก!’

‘หลงหม่า!’

‘อายุสิบหก!’

ผู้คนโดยรอบได้สติกลับมา

จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงดังเอะอะโวยวาย วัยรุ่นคนนี้ก็คือหลงหม่าที่เพิ่งเข้าเรียนก็ได้เป็นตัวจริงในทีมเสาหลักของชมรมเทนนิส ผลงานของเขาโดดเด่นรุ่งโรจน์ถึงขั้นนี้เชียว

“น่าสนใจ”

สายตาของหยางเฟิงเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย

เขาถูกเรื่องราวดึงดูดไปแล้ว ถึงกับที่บริษัทแจ้งเวลาเลิกงานแล้วเขาก็ไม่สนใจ จดจ่ออ่านต่อไป

การแข่งขันนั้นยังไม่สิ้นสุด

ข้อด้อยของหลงหม่าก็คือปีนี้เพิ่งอายุสิบหก รูปร่างยังห่างไกลกับเด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มปรับกลยุทธ์ ยืนตระหง่านอยู่หน้าตาข่ายหมายใช้ข้อได้เปรียบจากส่วนสูง น่าเสียดายที่ผลลัพธ์ไม่ได้มากมาย หลงหม่ายังคงสำแดงแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวออกมาได้

‘ฮ่าๆ’

ผู้คนโดยรอบหัวเราะเยาะ

เด็กหนุ่มอับอายจนกลายเป็นความโกรธ จนเค้นพลังออกมาสุดแรงเกิด เหวี่ยงไม้เทนนิสใส่หลงหม่า เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด ใบหน้าของหลงหม่าถูกไม้เทนนิสอีกฝ่ายกระแทกเข้าเต็มรัก หน้าผากมีเลือดไหล

หยางเฟิงรู้สึกโมโหเกินทน

ฝูงคนต่างก็เอ่ยตำหนิ

เด็กหนุ่มกลับหัวเราะลั่น บอกว่าตนไม่ทันระวังจับไม้ไม่แน่นพอ แต่ขณะที่ทุกคนคิดว่าหลงหม่าหมดหนทางแข่งต่อนั้นเอง หลงหม่ากลับเพียงเช็ดรอยเลือด ‘เห็นทีนายก็ยังจับแร็กเก็ตด้วยวิธีที่ถูกไม่เป็น’

‘แก!’

การแข่งขันดำเนินต่อไป

นี่นับว่าเป็นการตอบโต้ของหลงหม่า ทุกลูกของเขาล้วนรวดเร็วและปราดเปรียว ทั้งยังใช้เทคนิคสูงมาก ถึงขั้นตี

เข้าใส่หน้าอีกฝ่ายอยู่หลายครั้ง เจ็บปวดจนอีกฝ่ายร้องโอดโอย จนทำให้หยางเฟิงต้องตบเข่าฉาด รู้สึกสะใจสุดๆ

สะใจ สะใจจริงๆ ว้อย!

นายนั่นแหละไม่มีน้ำใจนักกีฬา!

จังหวะการตอกหน้าคนเฮงซวยแบบนี้ได้ใจนักอ่านวัยรุ่นจำนวนมาก และขณะที่หลงหม่าโต้กลับแต่ละครั้ง เขาก็พูดคะแนนออกมาอย่างไม่สนใจใยดี ‘สิบห้าต่อศูนย์ สามสิบต่อศูนย์ สี่สิบต่อศูนย์’

‘นี่มันอะไรกันเนี่ย’

เพื่อนร่วมทีมของเด็กหนุ่มล้วนตกตะลึง

โค้ชโรงเรียนชิงชุนกล่าวเสียงเรียบ ‘ทวิสต์เสิร์ฟ ใช้พื้นยางถูกับลูกเทนนิสเพื่อให้เกิดทวิสต์ตกลงบนพื้นสนาม เพราะขณะที่ลูกบอลทวิสต์อย่างรวดเร็วและแตะโดนไม้ จะไม่เกิดแรงเป็นเส้นตรงวงโคจรปกติ นี่คือหนึ่งในท่าไม้ตายที่หลงหม่าใช้จัดการกับทีมเยาวชนทั่วทั้งฉินโจว ด้วยระดับของเขา ยังรับลูกแบบนี้ไม่ได้หรอก’

เด็กหนุ่มถูกโต้กลับจนกลัว

ลูกสุดท้าย เขาถึงขั้นยอมจำนนเลิกต่อต้าน ทว่าความจริงแล้วในลูกสุดท้ายหลงหม่าเพียงแค่ตีเบาๆ ฉะนั้นหลัง

จากลูกเทนนิสกระดอนไปชั่วพริบตา ก็ไปหล่นอยู่ข้างกายเด็กหนุ่ม พลอยให้ฉากนี้เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ขัน

ตอนที่หนึ่งจบลง

หยางเฟิงสูดหายใจเข้าลึก

เขาไม่คิดมาก่อนว่าตนซึ่งเห็นชัดๆ ว่าเล่นเทนนิสไม่เป็นเลย จะเข้าถึงอรรถรสของนิยายการแข่งขันเทนนิสได้ขนาดนี้

…………………………………………..