บทที่ 35: รับผิดชอบ
จวนอ๋องเย่ ภายในห้องหนังสือ
เย่แจ๋หยิ่งกำลังเอนกายพิงอยู่กับตั่งเก้าอี้ภายในห้อง ในมือถือหนังสือไว้เล่มหนึ่ง นิ้วเรียวยาวค่อยๆพลิกหน้าหนังสือเบาๆ ท่าทางกำลังดื่มด่ำ เขาไม่แม้แต่จะยกเปลือกตาขึ้น
องครักษ์เงาเข้ามาคุกเข่าลงบนพื้น และรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกประโยคในวังก่อนหน้านี้ให้แก่เขา
“แม้แต่ทองนางก็ไม่ได้เอาไป?”
เขาเอ่ยราวกับว่ากำลังสอบถามถึงสิ่งที่ไม่ได้สลักสำคัญหรือให้ความสนใจอันใด
“ไม่ขอรับ!”
หลานเยาเยาออกไปด้วยความรวดเร็วราวกับลมพายุฉากหนึ่ง พริบตาเดียวคนก็หายไปไกลแล้ว
“ฮึ!”
ผู้ที่รักเงินมากขนาดนั้น แม้กระทั่งทองยังไม่ทันได้คว้าก็วิ่งหนีไปแล้ว เห็นทียังคงเสียดายชีวิตน้อยๆอยู่บ้าง
มุมปากของเย่แจ๋หยิ่งกระตุกยกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นจึงโบกมือ องครักษ์เงาจึงถอยฉากออกไปอย่างเงียบๆ
ดวงตาเย็นชาของเขาดูตัวอักษรในหนังสืออย่างเงียบๆ มุมปากของของเขากระตุกยิ้มขึ้นมาอีกครั้งแม้กระทั่งตัวเขาเองยังไม่ทันสังเกตเห็น จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกมาและพลิกหน้าหนังสืออีกครั้ง
ทันใดจู่ๆประตูก็ถูกเคาะขึ้น
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก …”
“ท่านอ๋อง กงกงในวังมาขอเข้าพบ คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องงานเลี้ยงวันเกิดองค์ไทเฮาขอรับ” โดยปกติแล้ว งานเลี้ยงวันเกิดเช่นนี้ท่านอ๋องล้วนไม่เข้าร่วมทั้งสิ้น
ดังนั้น ตั้งแต่กลับมาจากชายแดน จดหมายเชิญเหล่านั้นถึงถูกทับถมกันเอาไว้
แม้กระทั่งเหลือบมองท่านอ๋องยังไม่กระทำเสียด้วยซ้ำ!
แม้แต่องค์จักรพรรดิเชิญท่านอ๋องให้ไปเผาเครื่องหอมในวัดบูชาพระพุทธเจ้าเพื่อภาวนาให้ราษฎร ท่านอ๋องก็ตอบกลับทันทีว่าไม่ไป
แต่วันนี้กลับแตกต่าง สิ่งที่กงกงนำมาก็คือราชโองการจากองค์ไทเฮา เห็นได้ชัดว่างานเลี้ยงครั้งนี้ มีจุดประสงค์แอบแฝงก็คือการเลือกพระชายาให้แก่ท่านอ๋อง
อย่างน้อยๆไทเฮานั้นก็รักเอ็นดูท่านอ๋องมาโดยตลอด ดังนั้นพระนางจึงเป็นกังวลเรื่องการแต่งงานของท่านอ๋องจนเกศามีสีดอกเลาแซมขึ้นมาแล้ว
เดิมทีไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เขารู้มาว่ามันไม่ใช่แค่การเลือกพระชายาเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่ยังเป็นการเล่นเกมกับท่านอ๋องอีกด้วย หรือก็คือการสร้างการสอดแนมขึ้นบนตัวว่าที่พระชายาของท่านอ๋องเย่ และทั้งยังอาจดึงเข้าเป็นพรรคพวก
ในเมื่อท้ายที่สุดแล้ว อำนาจในมือของท่านอ๋องนั้นอยู่เหนือผู้คนนับหมื่นรองแต่คนเพียงผู้เดียวเท่านั้น
อำนาจจากเทพเจ้าสงคราม ได้แผ่ปกคลุมลุกลามไปจนถึงกระทั่งองค์จักรพรรดิแล้ว ดังนั้นแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิก็ต้องยอมเคารพเขาอยู่ถึงสามส่วน!
ใครบ้างที่ไม่กลัวอำนาจทางทหารในมือของท่านอ๋อง?
ใครบ้างที่ไม่อิจฉาอำนาจทางทหารในมือขอท่านอ๋อง?
แม้แต่องค์ไทเฮาที่ครั้งหนึ่งเคยมีเมตตาก็หลีกเลี่ยงวิถีความเป็นปุถุชนผู้หนึ่งไปไม่พ้น
“ดูเหมือนว่าจวนอ๋องจะต้องมีพระชายาอ๋องแล้ว!” น้ำเสียงเยียบเย็นและเต็มไปด้วยความน่าดึงดูดดังขึ้นมา
จากการคำนวณของพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เห็นทีพวกเขาล้มเลิกความคิดนั้นในใจยังจะดีเสียกว่า จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นเสียงเบาบาง:
“พ่อบ้านเหมย เรื่องการคัดเลือกพระชายาคงต้องยกให้เจ้าแล้ว”
ตำแหน่งพระชายานั้นสำหรับเย่แจ๋หยิ่งก็เป็นแค่ฉากบังลมฉากหนึ่งเท่านั้น ไม่ว่าจะแต่งกับใครก็เป็นเช่นเดียวกัน “ขอรับ!”
พ่อบ้านเหมยถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ ! ท่านอ๋องเชื่อมั่นในตัวเขาขนาดนี้ เขาหวังว่าตนจะสามารถหาผู้หญิงที่ซื่อสัตย์ต่อท่านอ๋อง และมีจิตปฏิพัทธ์ต่อท่านอ๋องมาเป็นพระชายาของพระองค์ได้
เดิมคิดจะหมุนตัวกลับไป แต่จู่ๆกลับนึกขึ้นมาได้ พ่อบ้านเหมยจึงเปลี่ยนเป็นยืนนิ่งอยู่ที่นั่นตามเดิม
ไม่นานนัก!
“เจ้ามีคนในใจแล้ว?”มองเห็นท่าทางลังเลของพ่อบ้านเหมย เขาก็เอ่ยถามเสียงเรียบ
พ่อบ้านเหมยใจตกลงไปยังตาตุ่ม ก่อนจะตัดสินใจที่จะพูดออกมา
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยคิดว่าคุณหนูหกแห่งจวนท่านแม่ทัพนับว่าไม่เลว”
มือของเย่แจ๋หยิ่งที่กำลังพลิกหน้าหนังสืออยู่ชะงักลง ก่อนจะพลิกต่อไป ราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้มากนัก
“ผู้หญิงธรรมดา หน้าตาอัปลักษณ์เช่นนาง ซ้ำยังหลงใหลเงินทองอย่างออกนอกหน้า อีกทั้งยังเป็นลูกสาวของ หลานเฉินมู๋เช่นนี้จะคู่ควรกับเปิ่นหวางได้อย่างไร”
หลานเฉินมู๋เป็นหนึ่งในแม่ทัพที่ทรงพลังที่สุด ระหว่างพวกเขานั้นมีความแค้นเลือดรอชำระอยู่ เช่นนี้ตนจะแต่งงานกับลูกสาวของเขาได้อย่างไร”
“ท่านอ๋อง ท่านไม่ได้ชมชอบนางหรอกหรือขอรับ? ซ้ำในสระน้ำยัง” รังแกผู้อยู่อย่างเอาแต่ใจ
พ่อบ้านงงงวยไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะไม่พอใจอย่างยิ่ง เขาจึงแสดงคำถามออกมา เพียงแต่ยังไม่ได้ทันได้พูดจบ ก็ถูกเย่แจ๋หยิ่งตัดบทเสียก่อน
“นั่นเป็นเพียงความเข้าใจผิด!”
เดิมเขาไม่ต้องการอธิบาย แต่เมื่อเขาคิดถึงท่าทางในวันนั้นจู่ๆคำอธิบายก็ถูกเขาโพล่งออกมา
เข้าใจผิด?
หากท่านอ๋องเอ่ยอธิบายออกมาด้วยตนเองย่อมต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างแน่นอน
เฮ้อ!
ที่แท้ก็เป็นความเข้าใจผิด! น่าเสียดาย เดิมคิดว่าท่านอ๋องนั้นปฏิบัติกับหลานเยาเยาแตกต่างไปจากผู้อื่นอยู่บ้าง นึกไม่ถึงว่าที่แท้จะเป็นเรื่องเข้าใจผิด
ดังนั้น พ่อบ้านเหมยจึงคิดอยู่พักหนึ่งและจึงเอ่ย
“ถังมู่หวั่นลูกสาวของจวนสมุหนายกก็นับว่าเป็นหญิงสาวที่มีความสามารถโดดเด่น ท่าทางสุภาพอ่อนโยน ใจกว้าง ราวกับเทพธิดา เป็นที่รู้จักกันในชื่อว่านางนั้นเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง อีกทั้งสมุหนายกยังวางตัวเป็นกลางในราชสำนัก นับว่ามีถังมู่หวั่นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้น!
ความสง่างามและเยือกเย็นของ ถังมู่หวั่น กลายเป็นที่รู้จักของผู้คน จนแม่สื่อแทบจะเกือบบุกเข้าไปในประตูของจวนสมุหนายกอยู่แล้ว
แต่นางกลับไม่ต้องตาบุรุษผู้ใดเลยสักคน
ก่อนที่หลานเยาเยาจะปรากฏขึ้น พ่อบ้านเหมยร์รู้สึกว่าควรมีผู้หญิงเช่นนี้เป็นพระชายาของจวนอ๋องเย่
ตอนนี้ ในเมื่อท่านอ๋องเอ่ยว่าไม่ได้ชมชอบหลานเยาเยา เช่นนั้นก็สมควรเป็นถังมู่หวั่น
แต่ใครจะรู้ว่า….
“ไร้รสนิยม!” เสียงเยียบเย็นดังขึ้นมาจากด้านในห้องหนังสือ
พ่อบ้านเหมยตะลึงค้างไปอย่างช่วยไม่ได้…
ท่านอ๋องถึงกับบอกว่าสามงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงไร้รสนิยม?
เอาเถอะ!หากเป็นผู้หญิงที่ท่านอ๋องไม่ชอบต่อให้หน้าตางดงามราวกับเทพธิดาเพียงใด เขาก็รู้สึกว่าไม่น่ามองอยู่ดี
จากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นอีก “คุณหนูสามของจวนสิงปู้ซ่างซู(ตำแหน่ง) นั้นถือว่ารูปร่างหน้าตาน่ารัก มีความเก่งกาจ อีกทั้งยังรู้จักศิลปะ ร้องรำ ในเมืองหลวงนับว่าไม่มีใครเทียบเคียงได้ ยิ่งไปกว่านั้นผู้คนยังเข้าใจไปแล้วด้วยว่านางนั้นเป็นหนึ่งในรายชื่อพระชายา
ในเมื่อท่านอ๋องไม่ชอบความอ่อนโยนมีคุณธรรม ดังนั้นเขาจึงเลือกผู้ที่ดีที่สุดในบรรดาหญิงสาวน่ารักร่าเริง แบบนี้ท่านอ๋องคงจะชอบกระมัง?
“เปิ่นหวางต้องการพระชายา ไม่ใช่นักเต้น” เย่แจ๋หยิ่งปฏิเสธโดยไม่แม้แต่จะคิด
คราวนี้สายตาของพ่อบ้านเหมยแปรเปลี่ยนเป็นโง่งมขึ้นมาแล้ว!”
ก่อนหน้านี้ ท่านอ๋องดูเหมือนจะไม่สนใจสิ่งเหล่านี้แต่อย่างใด ทั้งหมดที่เขาต้องการล้วนคือการแสดงฉากหนึ่งเท่านั้น
แต่ตอนนี้ …
“หลินเฟยหรันบุตรสาวของไท่ฟู่(ชื่อตำแหน่ง) ย่างก้าวมีเสน่ห์ เป็นไข่มุกในมือของไท่ฟู่(ชื่อตำแหน่ง) นางมีความเชี่ยวชาญในศิลปะสี่แขนง ไม่ว่าจะเป็นกู่ฉิน หมากล้ม ตำราและการวาดภาพ นับว่าเป็นหญิงมีพรสวรรค์อันดับหนึ่งไม่มีใครเทียบ… ”
“ก็แค่ชั้นวางดอกไม้!”
คำพูดของพ่อบ้านเหมยยังไม่ทันเอ่ยจบ ก็ถูกขัดจังหวะโดยท่านอ๋องของเขาลงเสียก่อน
ครั้งนี้พ่อบ้านเหมยตกตะลึงไปแล้วจริงๆ ผู้หญิงทุกคนที่เขาพูดมาก่อนหน้านี้ล้วนแล้วแต่เป็นหญิงงามยอดคนทั้งสิ้น ซ้ำยังมีครบทุกประเภท ท่านอ๋องยังไม่ถูกตาต้องใจพวกนางอีก เช่นนี้ไหนเลยจะหาใครมาคู่ควรท่านอ๋องได้อีก?
พ่อบ้านเหมยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และนึกขึ้นได้ถึงผู้หญิงอีกหลายคน แต่พวกเขาทั้งหมดล้วนถูกเย่แจ๋หยิ่งปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
ท้ายที่สุด พ่อบ้านเหมยก็คิดไม่ออกอีกต่อไปว่าจะมีผู้หญิงคนใดที่คู่ควรกับท่านอ๋องได้อีก ดังนั้นจึงเอ่ยปากถาม “ท่านอ๋อง ในใจท่านมีผู้ใดต้องตาแล้วหรือไม่?”
มิเช่นนั้น เหตุใดคนงามทั้งหลายถึงไม่เข้าตาท่านอ๋องเลยสักนาง?
“ไม่มี!”
เย่แจ๋หยิ่งวางหนังสือไว้ในมือของเขาลง และหยิบถ้วยชาขึ้นมาดื่ม รอให้พ่อบ้านเหมยเอ่ยรายชื่อพระชายาต่อไป
แต่ว่า!
หลังจากรอไปชั่วครู่หนึ่ง พ่อบ้านเหมยกลับไม่เอ่ยอะไรออกมา เดิมคิดว่านั่นเป็นเพราะพ่อบ้านเหมยคงจะคิดอะไรไม่ออกแล้ว ตนจึงคิดจะบอกให้เขาไปพักผ่อน
ใครจะไปรู้ว่าเสียงของพ่อบ้านเหมยกลับดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยยังคงเห็นว่าหลานเยาเยาค่อนข้างเหมาะสม”
พ่อบ้านเหมยก็ไร้หนทางแล้วเช่นกัน เขาคิดไม่ออกแล้วจริงๆ ดังนั้นจึงได้แต่ยกชื่อหลานเยาเยาขึ้นมาอีกครั้ง
“ทำไม?”
เย่แจ๋หยิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย
“มีสามประการคือ ประการฝีมือด้านการแพทย์ของหลานเยาเยานั้นทั้งลึกลับและยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง ประการที่สองคือนางฉลาดหลักแหลม อีกทั้งยังสามารถเข้าใกล้ท่านอ๋องได้มากกว่าสามก้าว ประการที่สาม ร่างกายของนางถูกมองโดยท่านอ๋องไปแล้ว เดิมสมควรจะรับผิดชอบ