“ดินแดนมนต์ดําอยู่ที่นี่!”

เมอร์ลินเบิกตากว้างอย่างตกใจ เขาเปลี่ยนความสนในจากคาเปซกับแคทเธอรีนโดยทันที เขารีบขยายพลังจิตอย่างรวดเร็วและเริ่มค้นหารอบตัวเขา

เขาสังเกตเห็นตัวอักษรรูนลึกลับที่สลักบนแหวนได้กระพริบอย่างต่อเนื่อง ในเวลาเดียวกันเขามองเห็นลําแสงจาง ๆ ที่อยู่บนอากาศ เขาได้ใช้พลังจิตตรวจสอบลําแสงนั่น เขารู้สึกได้มันมีรูปแบบพลังที่คล้ายกับตัวอักษรรูนบนแหวนเลย

“หรือว่าแหวนนี้จะเป็นวงแหวนเวทย์?”

เมอร์ลินนึกขึ้นได้ว่าวงแหวนเวทย์นั้นมันถูกสร้างขึ้นโดยคาถาที่ทรงพลังในตํานาน มันจําเป็นต้องใช้พลังจิตในการขับเคลื่อนวงแหวนเวทย์ หากเปิดใช้งานมันได้ มันจะสามารถพาคน ๆ หนึ่งไป ยังสถานที่ที่ห่างไกลหลายร้อยหรือหลายพันกิโลเมตรแต่เนื่องจากเมอร์ลินมีความรู้เรื่องตัวอักษรรูนน้อยมากและเขาไม่มั่นใจว่าแหวนวงนี้จะใช่วงแหวนเวทย์ที่เขารู้จักรึเปล่า ดังนั้นเขาจึงตั้งใจลองทดสอบมัน

เมอร์ลินคิดว่าแหวนน่าจะเป็นตัวช่วยสําคัญในการค้นหาดินแดนมนต์ดํา เมอร์ลินได้ยกแหวนสีดําขึ้นมา จากนั้นก็ส่งพลังจิตไปกระตุ้นมัน

ในขณะที่เมอร์ลินกําลังจะใช้พลังจิตกระตุ้นแหวนอยู่นั้น ทางด้านหมาป่าน้ำแข็งได้หันมามองเมอร์ลินอย่างตื่นตัว มันรู้สึกว่าเมอร์ลินเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่สําหรับมัน มันจึงตัดสินใจพุ่งทะยานไปหาเมอร์ลินพร้อมกับไอเย็นที่หนาวเหน็บ

“หมาป่าน้ำแข็ง มันไปที่ทางคุณแล้ว!”

แม้ว่าคาเปซกับแคทเธอรีนจะอยู่ในสถานการณ์อันตรายแต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนเตือนเมอร์ลิน

“ถอยไปซะ!!”

เมอร์ลินหันมามองหมาป่าน้ำแข็งอย่างเย็นพร้อมกับเสกลูกไฟจํานวนมากใส่มัน พวกลูกไฟพุ่งใส่มันอย่างไร้ปรานี

*ฉ่า*

ไอเย็นและคลื่นความร้อนได้ปะทะกันอย่างไม่ขาดสาย มันทําให้เกิดกลุ่มควันจํานวนมาก

“แช่แข็ง!”

เขาจ้องมองหมาป่าน้ำแข็งอย่างเย็นชา ตัวมันกําลังขัดขวางการค้นหาของเขา ทําให้เขา ตัดสินใจใช้คาถาแช่แข็งใส่มันทันที

*ครึ่ก!*

แม้ว่าตัวของหมาป่าน้ำแข็งจะถูกสร้างขึ้นจากธาตุน้ำแข็งแต่คาถาแช่แข็งของเมอร์ลินมีความพิเศษมากจึงสามารถตรึงร่างของเจ้าหมาป่าได้แต่อย่างไรคาถาแช่แข็งทําได้แค่เพียงหยุดหมาป่าน้ำแข็งได้เท่านั้นแต่ไม่สามารถทําอะไรตัวมันได้

ดังนั้นเมอร์ลินจึงส่งลูกไฟขนาดมหึมาใส่มัน

“ตูม!*

เมื่อลูกไฟยักษ์ถึงเป้าหมาย เขาก็ส่งให้มันระเบิดทันที ด้วยแรงระเบิดอันมหาศาลทําให้หมาป่าน้ำแข็งถูกเผาเป็นจุล เพียงพริบตาตัวของมันก็กลายเป็นเถ้าธุลี

“นะนักเวทย์ เขาเป็นนักเวทย์งั้นเหรอ?”

คาเปซกับแคทเธอรีนจ้องมองเบื้องหน้าอย่างงุนงง พวกเขาไม่คิดว่าเมอร์ลินที่ได้ร่วมเดินทางกับพวกเขาจะเป็นพ่อมดที่ทรงพลัง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสามารถจัดการหมาป่าน้ำแข็งที่พวกเขาวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนได้ในพริบตาเพียงแค่สะบัดมือ

เมอร์ลินไม่ได้สนใจอะไรกับมหาป่าน้ำแข็งอยู่แล้ว เขาสามารถจัดการมันอย่างง่ายดาย ตอนนี้เขากําลังจดจ่อกับแหวนที่อยู่ในมือของเขา

*วิ้ง! วิ้ง วิ้ง!*

เมอร์ลินช้พลังจิตส่งเขาไปในแหวนอย่างเต็มกําลัง จากนั้นมันก็เปล่งแสงอันเจิดจ้าออกมา แสงเหล่านี้ได้เข้ามาห่อหุ้มตัวของเมอร์ลินไว้

“อย่างที่ฉันคิดเลย แหวนวงนี้เป็นวงแหวนเวทย์สินะ”

เมอร์ลินสัมผัสได้ถึงอักษรรูนมากมายรอบตัวเขา มันได้ก่อตัวเป็นวงกลมและห่อหุ้มตัวเขาไว้

“พวกคุณไม่มีคุณสมบัติของพ่อมด รีบออกมาจากที่นี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้” เมอร์ลินได้หันมาพูดกับคาเปซกับแคทเธอรีน

เขายังไม่ลืมสาเหตุที่พวกเขาเดินทางมายังเทือกเขาเคอร์ริชแห่งนี้ พวกเขาต้องการมาเป็นนักเวทย์แต่พวกเขาไร้ซึ่งคุณสมบัติ มันจึงไร้ประโยชน์ที่พวกเขาจะเดินทางต่อ

หากพวกเขาเป็นคนทั่วไป เขาจะไม่สนใจพวกเขาแต่เนื่องจากแคทเธอรีนที่ไร้เดียงสา มันทําให้เขานึกเชลลี่ บุตรสาวของเคานต์เซลินด้วยเหตุนี้เขาจึงยอมให้คําเตือนแก่พวกเขา

แต่พวกเขาจะยอมทําตามคําแนะนําของเขาหรือไม่ มันไม่ใช่ธุระของเขา

เมื่อสิ้นเสียงของเมอร์ลิน เขาก็รู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่กําลังพาเขาไปยังสถานที่ที่ไม่รู้จัก

*หวู่ม!*

แสงสว่างได้สาดส่องไปทั่วบริเวณ ร่างของเมอร์ลินได้หายไปทันที จากนั้นป่าทึบก็กลับสู่สภาวะปกติ

ถ้าคาเปซกับแคทเธอรีนไมได้เห็นด้วยตาตัวเอง พวกเขาก็คงคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน หน้าเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น

“คุณเมอร์ลินจะต้องเป็นนักเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ของดินแดนมนต์ดําอย่างแน่นอน ช่างน่าเสียดายที่พวกเราพลาดโอกาสในการผูกมิตรกับเขา…” แคทเธอรีนก้มหน้าลงและกล่าวอย่างขุนเคือง

ทางด้านคาเปซ เขาจ้องมองไปยังจุดที่เมอร์ลินหายตัวไปด้วยสายตาที่ซับซ้อน จากนั้นเขาก็ส่ายหัวเบา ๆ และถอนหายใจเฮือกใหญ่

“แม้แต่คุณเมอร์ลินยังบอกว่าพวกเราไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นพ่อมดแคทเธอรีน พี่ว่าเราควรกลับบ้านและไปขอโทษพ่อดีกว่านะ”

ตอนนี้คาเปซล้มเลิกที่จะเป็นนักเวทย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แคทเธอรีนเม้มปากแน่นและพูดด้วยความไม่พอใจ “หนูได้ยินมาว่า ถ้าเราสามารถเป็นนักดาบธาตุขั้นสูงได้ พวกเขาจะมีพลังที่ไม่ด้อยกว่านักเวทย์เลย ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะกลับไปฝึกฝนอย่างขันแข็งเพื่อกลายเป็นนักดาบธาตุที่แข็งแกร่งที่สุด…”

แคทเธอรีนที่รู้สึกท้อแท้เมื่อครู่แต่ตอนนี้จิตวิญญาณแห่งนักสู้ได้กลับมาอีกครั้ง ตอนนี้เธอได้เปลี่ยนเป้าหมายเป็นนักดาบธาตุขั้นสูง

*ซ่า ซ่า*

แนวชายฝั่งที่ไหนสักแห่ง สายลมที่ได้พัดพากลิ่นอายของทะเลขึ้นบนอย่างไม่หยุดหย่อน คลื่นทะเลได้ซัดเข้าหาแนวปะการังอย่างต่อเนื่อง

เหล่านกนางนวลบนวนเหนือท้องฟ้าของเกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง บางตัวก็ร่อนลงบนชายหาดเพื่อเล่นน้ำ

*หวู่ม*

ทันใดนั้นได้มีคลื่นพลังอันผันผวนได้หมุนวนบนชายหาดอันแสนสงบ จากนั้นก็มีแสงสีขาวส่องออกมาจากตรงนั้น

จากนั้นก็มีชายของชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวบนโขดหิน

“ที่นี่คือดินแดนมนต์ดํางั้นเหรอ?”

เมอร์ลินขมวดคิ้วและพึมพําเบา ๆ จากนั้นเขาได้ตรวจสอบร่างกายของตัวเอง เขาพบว่าตัวเหนื่อยจากการใช้พลังจิตไปจํานวนมาก ส่วนนอกจากนั้นไม่มีอะไรผิดปกติ

จากนั้นเขาก็เดินออกจากโขดหิน เขาได้พบว่าบนหินมีอักษรหินสลักไว้เป็นจํานวนมาก เป็นได้ชัดว่าวงแหวนเวทย์นี้ถูกสร้างโดยนักเวทย์

เขาหันไปมองท้องทะเลอันกว้างไกล เขาจําได้ว่าที่เทือกเขาเคอร์ริชไม่ได้อยู่ติดกับทะเลอยู่เหมือนว่าวงแหวนเวทย์จะส่งเขามาที่สถานที่อันไกลแสนไกล

เขาไม่พบสิ่งมีชีวิตตัวไหนเลย นอกเสียจากพวกนกนางนวลที่บินไปมาบนชายหาด

เขาได้เดินเข้าไปในเกาะ เขาก็พบกับแผ่นหินโบราณที่สูงเท่ากับมนุษย์ มันตั้งตระหง่านบนพื้นหญ้าสีเขียว

มันถูกสลักด้วยภาษามอลต้าว่า – ดินแดนมนต์ดํา

“ที่นี่คือดินแดนมนต์ดําสินะ”

เมอร์ลินได้หันไปมองรอบ ๆ เขาเพียงความว่างเปล่า เขาไม่เห็นสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ของที่นี่เลยราวกับที่นี่เป็นเพียงเกาะร้าง

“ที่แบบนี้จะเป็นดินแดนมนต์ดําได้อย่างไร?”

“นี่มันเรื่องอะไรกัน? อย่างบอกนะว่าดินแดนมนต์ดําจะตั้งอยู่บนเกาะร้างแห่งนี้?”

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงหัวเราะอันแหลมสูงดังขึ้นในโสตประสาทของเมอร์ลิน

“ฮิฮิ ในที่สุดก็มีคนเข้ามา พ่อมดหนุ่มเอ๊ย ยินดีต้อนรับเข้าสู่ดินแดนมนต์ดํา!”

เมอร์ลินตกตะลึง เขาหันไปมองทางต้นเสียงทันที เขามองเห็นร่างโปร่งแสงที่ค่อย ๆ ลอยออกมาจากแผ่นหินโบราณที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ จากนั้นมันก็เปลี่ยนร่างเป็นแมวสีดําที่มีขนเงางามและเปล่งประกาย

แมวดําลอยอยู่บนอากาศ มันมีดวงตาสองสี ข้างหน้าสีแดงและอีกข้างเป็นสีขาว มันจ้องมองเมอร์ลินอย่างเงียบ ๆ