บทที่ 40 ส่งของขวัญให้พี่ ๆ

บทที่ 40 ส่งของขวัญให้พี่ ๆ

เสี่ยวเป่าฮึมฮัมทำนองเพลงอย่างอารมณ์ดี พลางใส่ของขวัญทั้งหมดที่จะส่งให้พี่ ๆ ลงในห่อกระดาษ ขาสั้น ๆ วิ่งไปหาท่านพ่อหลังจากทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย

เข้านอน ๆ ไม่สิ! ยังต้องขอให้ท่านพ่อหาคนมาช่วยส่งของขวัญให้นาง  

“ท่านพ่อดูนี่สิ นี่คือของขวัญที่เสี่ยวเป่าจะให้พวกพี่ ๆ”  

คนตัวเล็กเปิดมันออกให้ท่านพ่อของนางได้ชื่นชม ทั้งยังเชิดหน้ารอฟังคำชมจากเขา  

นิ้วเรียวของหนานกงสือเยวียนจับที่คั่นตำราที่ทำจากดอกไม้ขึ้นมาดู  

เพราะมันถูกทำให้แห้งในยามที่ยังคงสดอยู่ แม้บัดนี้จะกลายมาเป็นที่คั่นตำรา ดอกไม้ก็ยังมีสีสดใสสวยงามให้ความรู้สึกแตกต่างกันไป  

“นี่คือสิ่งใด?”  

เสี่ยวเป่า “มันคือที่คั่นหน้ากระดาษ เอาไว้ใช้ยามที่พวกท่านพี่อ่านตำรา พออ่านถึงหน้าใดก็เอาเจ้านี่คั่นไว้ คราวหน้าจะได้หาเจอได้ง่าย”  

คนตัวเล็กอธิบายเพียงสั้น ๆ แค่นั้นหนานกงสือเยวียนก็พอเข้าใจแล้ว

  

เพียงแต่…  

เขามองที่คั่นหนังสือสามอันแล้วเม้มปากไม่พูดไม่จาทำหน้าบึ้งตึง เดิมทีสีหน้าเขาก็เย็นชาอยู่แล้ว บัดนี้ ยิ่งเหมือนมีไอเย็นแผ่ออกมารอบ ๆ ตัวเขา

เสี่ยวเป่ามองไม่ออก แต่ฝูไห่พอจะรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น

องค์หญิงน้อยของกระหม่อม ท่านนึกถึงพี่ชายทั้งสามแล้วไยท่านไม่นึกถึงฝ่าบาทด้วยเล่าพ่ะย่ะค่ะ

เสี่ยวเป่าขยับไปนอนบนตักท่านพ่อพร้อมเอ่ยเบา ๆ “ท่านพ่อช่วยหาเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ให้เสี่ยวเป่าได้หรือไม่เพคะ? รอให้ดอกไม้ที่เสี่ยวเป่าปลูกโตแล้ว เสี่ยวเป่าจะเอาดอกไม้ที่สวยที่สุดมาทำที่คั่นตำราให้ท่านพ่อ หรือจะทำอย่างอื่นด้วยก็ได้”

ทันใดนั้น บรรยากาศรอบ ๆ ตัวหนานกงสือเยวียนพลันอุ่นขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ 

 

ฝูไห่รีบกล่าวขอบคุณสวรรค์และองค์หญิงน้อยทันที!  

หนานกงสือเยวียนถามว่า “เจ้าอยากปลูกดอกไม้ชนิดใด?” 

ในฐานะขันทีผู้รู้หน้าที่ ฝูไห่กงกงรีบผึ่งหูรอหมายจะจดจำให้ดี จากนั้นจะได้วางแผนให้คนไปหามาให้ทันที!  

เสี่ยวเป่าไม่ตอบ แต่ถามกลับไปว่า “ท่านพ่อชอบดอกไม้ชนิดใดเพคะ?”

หนานกงสือเยวียนตอบโดยไม่ต้องคิดว่า “ชนิดใดล้วนไม่ชอบ”  

นี่มันค่อนข้างยากนะ คนตัวเล็กทำหน้ามุ่ย ยกนิ้วขึ้นมากัดพลางทำหน้าครุ่นคิด

“…เช่นนั้นเสี่ยวเป่าจะทำที่คั่นจากดอกไม้สวย ๆ ทุกชนิดให้ท่านพ่อดีหรือไม่?”  

หนานกงสือเยวียนไม่ออกความเห็นเพียงส่งเสียงตอบรับในลำคอ “แต่อย่าให้มีกลิ่นแรงเกินไป”  

เขาไม่ชอบสิ่งของที่มีกลิ่นแรงเกินไป และกลิ่นดอกไม้ที่หอมหวานมากเกินไปอาจทำให้เขาคลื่นไส้ 

เสี่ยวเป่ายืดอกพูดอย่างมั่นใจ “ท่านพ่อวางใจเถอะ!”

จากนั้นปากน้อย ๆ ก็พ่นชื่อดอกไม้หลากหลายพันธุ์ออกมาไม่หยุด

“ข้าอยากได้กล้วยไม้ โบตั๋น เหมยกุ้ย เยว่จี้ เฉียงเวย*[1] ซิ่วฉิวฮวา*[2]…”

แรก ๆ ฝูไห่ก็พอจำได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ทว่าช่วงหลังเริ่มเวียนหัว ไอ้หยา… องค์หญิงน้อยโปรดชะลอความเร็วลงหน่อย กระหม่อมจำไม่ทันแล้ว

เผลอพูดเป็นน้ำไหลไฟดับอยู่นานสองนาน ในที่สุด เสี่ยวเป่าก็เหลือบมองท่านพ่อพลางเกาหน้าน้อย ๆ

 

“หาน้อยลงหน่อยก็ได้ เสี่ยวเป่าเผลอพูดเยอะเกินไป” 

ฝูไห่กงกงกล่าวว่า “องค์หญิง ดอกไม้ที่ท่านตรัสถึง กระหม่อมพอรู้จักส่วนหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ แต่บางชนิดกระหม่อมไม่เคยได้ยินมาก่อน”  

เสี่ยวเป่ากะพริบตาปริบ ๆ “หาได้เท่าใดก็เอาเท่านั้น ไม่ต้องหามาเยอะจนเกินไปหรอก” 

ฝูไห่ตอบรับคำสั่งพลางคิดในใจว่า องค์หญิงน้อยผู้นี้พอใจง่ายที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา อีกอย่างนางแทบไม่ขอสิ่งใดเลยจนกระทั่งตอนนี้  

หากเป็นโอรสพระองค์อื่นคงต้องใช้สารพัดวิธีเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนต้องการ หากไม่ได้ดั่งหวังก็เป็นเหล่าข้ารับใช้อย่างพวกเขาที่ต้องรับโทษ

ของขวัญที่เสี่ยวเป่ามอบให้เหล่าพระเชษฐานั้น ฝูไห่กงกงเป็นผู้นำไปส่งในวันรุ่งขึ้น องค์ชายทั้งสามคิดไม่ถึงว่าเสี่ยวเป่าจะส่งของขวัญมาให้ ทันทีที่ของขวัญถึงมือพวกเขาก็ตื่นเต้นดีใจมาก

โดยเฉพาะยามที่เปิดห่อกระดาษออกแล้วพบเข้ากับลายมือของเสด็จพ่อ มิหนำซ้ำ สิ่งที่เขียนยังเป็นชื่อของพวกเขาอีกด้วย

รู้สึกปั่นป่วนในหัวใจอย่างอธิบายไม่ได้ ยิ่งเห็นภาพใบหน้ายิ้มที่อยู่ด้านล่างอักษร พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเสี่ยวเป่าเป็นคนวาด 

ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่พวกเขาก็รู้สึกหวงแหนมันยิ่งขึ้นไปอีก

ส่วนที่คั่นตำราที่ทำมาจากดอกไม้นั้น ทั้งสามถือไว้ไม่วางมือ

หนานกงฉีเฉินอุทาน “น้องหญิงทำสิ่งนี้ได้อย่างไร?”  

หนานกงฉีรุ่ยครุ่นคิดอย่างหนัก “มันยังดูสดอยู่เลย ดอกไม้นี่จะยังเป็นเช่นนี้ตลอดไปหรือไม่?”  

หนานกงฉีจวินอยากจะป่าวประกาศให้โลกรู้ว่าน้องสาวมอบของขวัญให้เขา จึงหยิบที่คั่นตำราพร้อมกระดาษที่มีลายมือเสด็จพ่อวิ่งออกไปอวด

ตอนนี้มีเพียงองค์ชายใหญ่ที่ไม่ได้อยู่ในสำนักศึกษา ส่วนที่เหลือยังเล่าเรียนอยู่ที่นี่กันทั้งหมด แต่ระดับการศึกษาของพวกเขาแตกต่างกันไป

แน่นอนว่าพวกเขาต้องถูกเสี่ยวปาเอาของขวัญมาอวด หนานกงฉีโม่เหลือบมองแล้วยิ้มกริ่ม สักพักก็เอื้อมมือไปคว้าตัวเสี่ยวปาออกมา 

“เสี่ยวปา ให้พี่รองดูหน่อยได้หรือไม่?”  

ทุกคนมองตามหนานกงฉีจวินที่ถูกพี่รองพาตัวไป “…”

“หืม… นี่มันลายมือเสด็จพ่อจริง ๆ ด้วย เจ้าได้มันมาได้อย่างไร?”  

แม้หนานกงฉีโม่จะมีใบหน้ายิ้มแย้มที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกว่าเขาไม่เป็นอันตราย แต่มันกลับทำให้เสี่ยวปาตัวสั่น และรีบเผยที่มาที่ไปของสิ่งที่ได้มาทันที

ขณะเดียวกัน ณ ตำหนักฉินเจิ้ง หมัวมัวผู้หนึ่งถูกส่งมาที่นี่ตามที่ท่านพ่อเคยบอกไว้  

หมัวมัวผู้นี้เป็นคนสนิทของเซี่ยกุ้ยเฟย หนานกงสือเยวียนไม่ค่อยสันทัดเรื่องมารยาทการวางตัวเท่าสตรีในวังหลัง 

ดังนั้นเขาจึงไปหาเซี่ยชิงหร่านด้วยตนเอง  

เซี่ยชิงหร่านไม่คิดเลยว่า ฝ่าบาทผู้แทบจะไม่สนใจเรื่องราวในวังหลังจะมาหานางเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ 

แม้นางจะเคยได้ยินจากบุตรชายมาบ้างแล้วว่า ฝ่าบาททรงปฏิบัติต่อองค์หญิงน้อยแตกต่างจากที่ปฏิบัติต่อผู้อื่น แต่เมื่อได้เห็นกับตาตนเองก็ยังรู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย  

เซี่ยชิงหร่านตั้งใจจะจัดการเรื่องนี้ให้ดี คิดแล้วคิดอีกสุดท้ายก็ส่งหมัวมัวคนสนิทของตนไป  

หมัวมัวผู้นี้รอบรู้ทั้งเรื่องมารยาท พิธีการ และธรรมเนียมปฏิบัติในวังหลวงเป็นอย่างดี ซ้ำยังมีนิสัยใจคอไม่เลวนัก นางถึงให้ติดตามอยู่ข้างกาย ยามนี้ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับองค์หญิงน้อยมาก ถึงกับมาขอให้นางช่วยเหลือด้วยตนเอง นางจึงไม่สบายใจที่จะฝากเรื่องนี้ไว้กับผู้อื่น

คนก็ต้องให้ฝ่าบาทพบหน้าเสียก่อน หลังจากนั้นยังต้องให้องครักษ์เงาตรวจสอบภูมิหลังของหมัวมัวผู้นี้อย่างละเอียดถึงจะยอมพยักหน้า และเป็นอันว่าหมัวมัวผู้นี้ผ่าน

ดังนั้นเสี่ยวเป่าจึงไม่อาจนอนตื่นสายได้อีกแล้ว 

แน่นอนว่านางตื่นสายกว่าท่านพ่อมาก

อันหมัวมัวตกใจมากที่ถูกพาตัวมายังห้องโถงหลักของตำหนักฉินเจิ้ง แต่พอเห็นองค์หญิงน้อยนอนหลับอยู่ที่นี่ นางยิ่งหน้าซีดจนแทบไม่สีเลือดฝาด

ผู้คนในวังหลังย่อมรู้เรื่องที่ฝ่าบาททรงรักใคร่องค์หญิงน้อยมาก ต่างก็เข้าใจว่านางอาศัยอยู่ในห้องโถงด้านข้างของตำหนักฉินเจิ้ง แต่ผู้ใดจะคิดว่าองค์หญิงน้อยจะเข้าบรรทมกับฝ่าบาท 

สิทธิพิเศษเช่นนี้อย่าว่าแต่ไม่เคยมีผู้ใดได้รับมาก่อน เกรงว่าในอนาคตข้างหน้าก็ยังไม่มีองค์หญิงใดจะเป็นที่โปรดปรานมากถึงเพียงนี้!  

“อันหมัวมัว เราจะเริ่มกันตอนนี้เลยหรือ? ปกติองค์หญิงจะนอนจนถึงยามซื่อ ตอนนี้เพิ่งจะยามเฉินเองนะ”  

นางกำนัลข้างกายเสี่ยวเป่าทั้งรักและโอ๋นางมาก จึงทำใจไม่ได้ที่จะต้องพรากร่างเล็กที่นอนหลับสนิทออกจากเตียงในตอนนี้

อันหมัวมัวพยายามทำใจให้มั่นคงและหนักแน่น ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่แข็งไม่อ่อน

“องค์หญิงไม่เคยเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาก่อน คราวนี้จึงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้ ด้วยเวลาที่กระชั้นชิด งานเลี้ยงที่เตรียมไว้สำหรับองค์หญิงจะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ถึงยามนั้น ขุนนางมากหน้าหลายตา รวมทั้งบรรดาฮูหยินน้อยใหญ่จะต้องให้ความสนใจองค์หญิงในฐานะคนสำคัญของงาน

องค์หญิงเป็นเชื้อพระวงศ์ กิริยามารยาทจะต้องเพียบพร้อม ห้ามเสียมารยาทเด็ดขาด ไม่เช่นนั้น บรรดาฮูหยินและคุณหนูทั้งหลาย แม้ไม่ซุบซิบนินทาองค์หญิงต่อหน้าฝ่าบาท แต่เมื่อหลับหลังไปผู้ใดจะรู้ได้? ฉะนั้น ไม่สำคัญว่าองค์หญิงจะยังเด็กและยังไม่มีพรสวรรค์อันใด แต่จริยาวัตร*[3]อันงดงามจักต้องมีติดตัวไว้ ไม่ให้ผู้ใดดูหมิ่นดูแคลนได้”

[1] เหมยกุ้ย เยว่จี้ เฉียงเวย หมายถึง กุหลาบสามสายพันธุ์

[2] ซิ่วฉิวฮวา หมายถึง ดอกไฮเดรนเยีย

[3] จริยาวัตร หมายถึง ความประพฤติ กิริยามารยาท ท่วงทีวาจาที่งดงาม การวางตัวที่เหมาะสม