ตอนที่ 56 บอสสองท่าน

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature )

ตอนที่ 56 – บอสสองท่าน

นี่เป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเวลาทุกคนชิ้นหนึ่ง เพราะว่าถ้าหากคุณไม่ระวังสักหน่อย มีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นอย่างนักท่องเวลา 12 คนนั้นในข่าว ถูกกักขังอยู่ในสถานที่อะไรไม่รู้

กลายเป็นเครื่องมือขนส่งของคนอื่น

เหล่าคนค้าขายในอดีตเอาสิ่งของทางเหนือไปขายทางใต้ เอาสิ่งของทางใต้ไปขายทางเหนือ

ทว่าตอนนี้ โลกภายนอกกับโลกภายในมีสิ่งที่ไม่เหมือนกันมากเกินไป สิ่งของที่สามารถเอามาขายก็มากเกินไป

สิ่งที่สามารถจำกัดธุรกิจนี้มีเพียงอย่างเดียว : ประสิทธิภาพในการขนส่งและพื้นที่ว่างในการขนส่ง

ขณะนี้ หากคุณไม่อยากจะกลายเป็นล่อของคนอื่น งั้นคุณก็ต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นมา

หรือว่าหลบซ่อนดี ๆ

เวลานี้ชิ่งเฉินคิดว่า คนที่ซุ่มโจมตีเจียงเสวี่ยในตอนแรกก็อาจจะมีความคิดนี้

ณ ขณะนี้ หวังอวิ๋นค่อย ๆ ได้สติจากอาการตื่นตระหนก

ในห้องเรียน เพื่อนนักเรียนคนอื่นก็เริ่มสนใจข่าวชิ้นนี้ ไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องที่ชิ่งเฉินกับพวกนักเรียนย้ายเข้ากลายเป็นเพื่อนบ้านกันอีกแล้ว

จุดโฟกัสเกิดการเคลื่อนย้าย

เพียงแต่คนทั่วไปเวลาดูข่าวเหมือนกับดูไฟไหม้ข้ามแม่น้ำมากกว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนเอง

ส่วนชิ่งเฉินสังเกตเห็นว่าท้ายข่าวรายงานว่า : แก๊งอาชญากรใช้เงินคริปโตหลายสกุลทำการค้าขาย จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถสืบสาวถึงข้อมูลผู้ซื้อยาแปลงพันธุกรรม

เขาลุกขึ้นไปหากรรมการนักเรียนจ่ายค่าหนังสือ จ่ายของหนานเกิงเฉินไปด้วย

ก็ไม่ใช่ว่าชิ่งเฉินมีคุณธรรมมากมายอะไร ทว่าหลังจากอีกฝ่ายกลายเป็นนักท่องเวลา ตอนแรกสุดเลยก็คิดจะชวนตนเองไปกินข้าว เมื่อตนเองมีเงินแล้วจะช่วยอีกฝ่ายออกเงินแทนไปก่อนก็ไม่เห็นเป็นไร

เรื่องนี้ทำเอาหนานเกิงเฉินซาบซึ้งน้ำตาไหล สัญญาว่ารอให้แม่เขากลับมาจากบ้านเดิมจะคืนเงินของชิ่งเฉินทันที

พร้อมกับที่เวลาผ่านไปทีละนิด ข่าวอาชญากรรมชิ้นนั้นแพร่กระจายไปในประเทศอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อนักท่องเวลาทุกคน

……

ในตรอกโบราณแห่งหนึ่งตรงส่วนลึกของลี่จิ่งเหมิน ชายหนุ่มที่สวมเทรนช์โค้ทสีดำกำลังเดินทะลุอยู่ภายใน

ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่าลี่จิ่งเหมินสร้างขึ้นในราชวงศ์สุย ลี่จิ่งเหมินทั้งหมดประกอบไปด้วยตึกประตูเมือง, ป้อมประตูเมือง, หอธนู, กำแพงเมือง, คูเมือง ปัจจุบันนี้เป็นโบราณสถานอันมีชื่อเสียงของเมืองลั่วแล้ว

บนใบหน้าชายหนุ่มใส่แว่นกันแดด รองเท้าหนังสีดำเงาวับกับสิ่งก่อสร้างสไตล์โบราณข้างกายดูไม่เข้ากันเลย

เหมือนกับคนยุคใหม่ชาวกรุงคนหนึ่งจู่ ๆ ทะลุไปในยุคสมัยเก่า ก้าวเข้าไปในประวัติศาสตร์

ส่วนลึกของตรอกโบราณไร้ผู้คน ส้นรองเท้าหนังของชายหนุ่มย่ำไปบนถนนปูหินเขียว เกิดเสียงดังเป็นจังหวะ

เข้าไปอีก เหนือกรอบประตูเรือนเสาแดงกระเบื้องหลังคาเทาเล็ก ๆ แห่งหนึ่งแขวนป้ายหนึ่งป้าย ด้านบนเขียนตัวอักษรไม่ใหญ่ไม่เล็กสองคำว่าคุนหลุน

ชายหนุ่มยกห่วงหัวสัตว์บนประตูเคาะบานประตู ในประตูมีศีรษะยื่นออกมา สำรวจชายหนุ่มอย่างระแวง “ใคร”

ชายหนุ่มถอดแว่นกันแดดยิ้มว่า “จิ่วโจว เหอจินชิว”

“บอส เป็นเหอจินชิวของจิ่วโจว!”

ผ่านไปไม่ทันไร เสียงครืด ประตูไม้สีแดงถูกคนดึงเปิด ในเรือนมีคนชุดดำสิบกว่าคนยืนอยู่สองข้าง แต่ละคนมองดูเหอจินชิวสีหน้าเคร่งขรึม

เหอจินชิวยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ต้องกลัวผมขนาดนี้หรอก บอสเจิ้งล่ะ”

“บอสยังไม่กลับมาครับ” ลู่หยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มแฉ่ง “บอสเหอมาช่างเป็นเกียรตินัก ไปนั่งดื่มชาก่อนได้นะครับ บอสจะกลับมาทันทีเลย”

เหอจินชิวก็ไม่ได้เกรงใจ เขาเดินอย่างยิ้มแย้มไปในห้องหลักนั่งลงบนเก้าอี้ไท่ซือตำแหน่งประธานเอ่ยว่า “เฟอร์นิเจอร์สไตล์จีนนี่แข็งเกินไปแล้ว นั่งไม่สบายเลย จริงสิ…… พวกคุณมีเหล้าไหม ผมไม่ดื่มชา”

ระหว่างที่พูด สมาชิกคุนหลุนแต่ละคนมองหน้ากันอย่างเซ็ง ๆ พวกเขาเห็นเหอจินชิงนั่งลงที่ตำแหน่งของเจิ้งหย่วนตงอย่างไม่เกรงใจเช่นนี้ มีคนคิดจะขึ้นไปพูดอะไรหน่อย กลับถูกลู่หยวนหยุดเอาไว้

“เหล้า มี” เสียงดังออกมาจากนอกประตู เจิ้งหย่วนตงเดินเข้าประตูกล่าวเสียงดังฟังชัดว่า “แขกมามีเหล้ามีเนื้อ หมาป่าก็มีปืน”

เหอจินชิวจัดเทรนช์โค้ชสีดำเล็กน้อย แต่ไม่ได้ลุกขึ้น “วันก่อนเชิญบอสเจิ้งประชุม ผลคือถูกบอสเจิ้งปฏิเสธ ดังนั้นผมได้แต่บินจากเมืองจิงมาเป็นพิเศษ”

“เรื่องอะไรรีบร้อนขนาดนี้” เจิ้งหย่วนตงนั่งลงบนเก้าอี้ไท่ซืออีกตัวอย่างมั่นคง เขาสวมชุดจงซานทั้งตัว ปิดอวัยวะจักรกลของตนเองไว้ใต้เสื้อผ้าอย่างแน่นหนา

เหอจินชิวยิ้มให้เขา “บอสเจิ้งเห็นข่าววันนี้ไหมครับ”

“อืม ผมรู้ว่าคุณเพิ่งจะช่วยชีวิตนักท่องเวลา 12 คน” เจิ้งหย่วนตงพยักหน้า “แต่บอสเหอก็ไม่ต้องมาขอเครดิตที่คุนหลุนนี่หรอกมั้ง”

“เครดิตน่ะไม่จำเป็น เพียงแต่ผมอยากจะถามบอสเจิ้งหน่อยว่า เกี่ยวกับข้อเสนอของผมคุณคิดเห็นยังไง” เหอจินชิงถามอย่างสงบเงียบ “ปัจจุบันนี้จำนวนคนในมือคุนหลุนคุณไม่เพียงไม่เติบโต กลับจะลดลง นี่เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับความต้องการของยุคสมัยเลย นักท่องเวลายิ่งมายิ่งมาก คุณมีกำลังคนน้อยแค่นี้จะจัดการพวกเขาได้ยังไง”

“แนวคิดไม่ตรงกัน” เจิ้งหย่วนตงกล่าว “จิ่วโจวคุณอยากจะเก็บนักท่องเวลาทั้งหมดเข้ากระเป๋าบังคับควบคุม แต่ผมกลับรู้สึกว่าไม่จำเป็น ในองค์กรหนึ่งมีปลากับมังกรผสมปนเปกันไม่ใช่เรื่องดีอะไรเลย”

“คุณรู้ไหมว่าถ้าไม่เอาพวกเขาทั้งหมดเข้าไปในขอบเขตบังคับควบคุมจะมีนักท่องเวลามากน้อยเท่าไหร่ที่ถูกทำร้าย เรื่องวันนี้ก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง” เสียงของเหอจินชิงค่อย ๆ ให้ความรู้สึกกดดัน “คุณไม่เอาคนมารวมกันแล้วบอกพวกเขาว่าโลกภายในเป็นยังไง พวกเขาจะรู้ได้ไงว่าโลกภายในมีอันตรายมาก?”

เจิ่งหย่วนคงไม่ได้ตอบคำถามนี้ แต่กลับถามว่า “เหอเสี่ยวเสี่ยวอยู่ในมือคุณสินะ”

เหอจินชิวเงียบไปสองวินาทีแล้วยิ้มเอ่ยว่า “คุณเดาสิ?”

เจิ่งหย่วนตงนั่งตัวตรงกล่าวว่า “สรุปว่าคุณคิดจะทำอะไร สรุปว่าเป็นเพื่ออำนาจสิทธิ์ขาดในมือหรือว่าห่วงใยนักท่องเวลาพวกนั้นจริง ๆ”

เหอจินชิงลุกขึ้นเดินไปข้างนอก “ผมรู้คำตอบของบอสเจิ้งแล้ว สำหรับที่ว่าผมคิดจะทำอะไร ตอนบ่ายคุณก็จะรู้แล้ว”

สมาชิกคุนหลุนที่เดิมทีกำลังมุงดูอยู่ในลานเปิดทางให้สายหนึ่ง

เวลานี้ จู่ ๆ เจิ้งหย่วนตงกล่าวเสียงขรึมว่า “หวังว่าตอนที่มีศัตรูภายนอก คุณกับผมยังเป็นสหายศึก”

ร่างของเหอจินชิวชะงักชั่วครู่ “ครับ หัวหน้าหน่วย”

คำพูดเปล่งออกมา ผู้นำจิ่วโจววัยหนุ่มคนนี้หมุนตัวเดินเข้าไปในตรอกโบราณข้างนอก เสียงกระแทกของส้นรองเท้าหนังค่อย ๆ ไกลออกไป

……

ตอนบ่าย ตอนที่ความร้อนแรงของข่าวก่อนหน้านี้ยังไม่ได้จางหายไป ก็มีข่าวที่เกี่ยวข้องกับเหอเสี่ยวเสี่ยวอีกหนึ่งชิ้นไต่ขึ้นฮอตเสิร์ชอย่างรวดเร็ว

ในติ๊กต็อก เหอเสี่ยวเสี่ยวกล่าวด้วยฉากหลังสีดำว่า “เนื่องจากเรื่องการกักขังนักท่องเวลาอย่างโหดเหี้ยมที่ปรากฏขึ้นไม่นานมานี้ ผมแนะนำให้ผู้เล่นที่ได้รับคุณสมบัติโอเพ่นเบต้าแต่ละท่านใส่ใจกับความปลอดภัยส่วนบุคคลด้วย”

“โลกภายในมีความน่าเล่นสูงมาก ถึงขนาดที่สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตของตัวเอง แต่ถ้าชีวิตหาไม่แล้วก็จะไม่มีชะตาชีวิตอะไรอีก”

“ตัวผมขณะนี้กำลังเตรียมระบบกลุ่มแชตนักท่องเวลาซึ่งใช้เทคโนโลยีโลกภายในอยู่ ถึงเวลากลุ่มแชตจะเปิดให้นักท่องเวลาทุกคน เพื่อแบ่งปันข่าวสารของทุกคน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”

“เพื่อให้ทุกคนวางใจ ระบบกลุ่มแชตจะตั้งป้อมปราการข้อมูลไดนามิค 12 แห่งทั่วประเทศ ตัวตนของนักท่องเวลาทั้งหมดล้วนได้รับการปกป้อง โลกภายนอกไม่มีคนนอกที่สามารถอาศัยวิธีการทางเทคโนโลยีบุกรุก”

“หลังจากตั้งกลุ่มแชตแล้ว ไกด์ของผมจะโพสต์ลงในกลุ่มเท่านั้น”

พอข่าวออกมา ทั้งประเทศโกลาหล

…………………………………………….

เมืองจิงเดาว่าคือ เป่ยจิง หรือก็คือปักกิ่งค่ะ

ลี่จินเหมินคือประตูเมืองของนครลั่วหยางโบราณ

เราตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนคำแปลจากเจ้านายเป็นบอสให้หมดเลยค่ะ รู้สึกว่าน่าจะแปลได้ลื่นมากกว่า ถึงตอนแรกจะไม่ค่อยอยากใช้เท่าไหร่เพราะต้นฉบับใช้คำจีนก็ตาม (คำเดียวกับเถ้าแก่)

ป้อมปราการข้อมูล ชื่ออังกฤษคือ data fortress ฟังดูดี แต่พอแปลไทยแล้วทะแม่ง ๆ แฮะ เช่นเดียวกับเทรนช์โค้ชที่เราเห็นแปลเป็นโค้ชหรือว่าชุดกันฝน แต่โค้ชมันมีเป็นสิบ ๆ ประเภทเลยไม่อยากใช้โค้ชเลย ๆ ส่วนชุดกันฝนมันก็เหมือนจะไม่ใช่อะนะ…….

ลิ้งก์แยกประเภทเสื้อโค้ช 19 ประเภท https://effortlessgent.com/types-of-coats/

เทรนช์โค้ช (trench coat)

ชุดจงซาน เป็นชุดประจำชาติจีนยุคใหม่ ชื่อชุดมาจากชื่อ ซุนยัดเซ็น (จีนกลางคือซุนจงซาน) แต่ต่างชาติรวมถึงไทยด้วยเรียกมันว่า “ชุดเหมา” จากชื่อเหมาเจ๋อตง กระเป๋าสี่ใบนี้เป็นตัวแทนของคุณธรรมสี่ประการแห่งความเหมาะสม ความยุติธรรม ความซื่อสัตย์ และความละอาย และห้าปุ่มสาขาของรัฐบาลจีน ( ผู้บริหาร , นิติบัญญัติ , ตุลาการ , สอบ , ควบคุม ) * ที่มา https://hmong.in.th/wiki/Mao_suit

เก้าอี้ไท่ซือ

ตอนที่ 57 – ป้อมปราการข้อมูล