ซูสุ่ยเลี่ยนคลุมหน้าด้วยผ้าแพรมงคลแล้วก็ถูกบรรดาป้าๆ จูงออกมาจากห้อง จากนั้นป้าเหลาก็เป็นคนส่งผ้าแพรแดงในมือซูสุ่ยเลี่ยนอีกด้านใส่มือหลินซือเย่าที่รีบเข้ามารับ
สองคนถือผ้าแพรแดงค่อยๆ เดินไปยังด้านหน้าโต๊ะตั้งป้ายบรรพชน
“ได้ฤกษ์มงคลแล้ว!” เฝิงเหล่าลิ่วตะเบ็งเสียงดัง ไม่ลืมที่จะตีฆ้องในมือ
บรรดาคนที่ส่งเสียงคุยกันจ้อกแจ้กก็เงียบลงทันที
“หนึ่งคำนับฟ้าดิน!”
“สองคำนับผู้ใหญ่!”
“สามีภรรยาคำนับกัน!”
“เสร็จพิธี! ส่งตัวเข้าหอ!”
“ฮา ฮา ฮา…”
“ยินดี ยินดี!”
“มีลูกเร็ววัน!”
ซูสุ่ยเลี่ยนรู้สึกราวกับฝันไป ป้าเหลาและป้าเถียนข้างๆ จูงตนเองไปคำนับสองครั้งแรก ก่อนสามีภรรยาคำนับกัน นางแทบจะลืมหายใจ แต่การได้กลิ่นอายอบอุ่นของผู้ชายข้างๆ และเห็นรองเท้าสีดำผ้าฝ้ายของเขาที่ตนเองปักด้วยมือจากมุมมองใต้ผ้าคลุมหน้าคู่นั้น เขายืนอยู่ข้างกายและเบื้องหน้านางอยู่ตลอด ทำให้รู้สึกว่าทุกอย่างเป็นความจริง จากนั้นก็เป็นเสียงตะโกนอวยพรดังโหวกเหวก ซูสุ่ยเลี่ยนพบว่าตนเองมานั่งอยู่บนเตียงใหญ่แล้ว
ผ้าคลุมหน้าปิดหน้าตนไว้จนมองไม่เห็นกลุ่มคนรอบๆ แต่คำอวยพรจริงใจต่างๆ ล้วนได้ยินชัดเจน
“น้องชาย เร็วหน่อย เปิดผ้าคลุมหน้าให้พวกเราได้ชมภรรยาเจ้า”
“ได้ยินว่าภรรยาเจ้างามมาก พี่หลิน ข้าอิจฉาพี่จริง”
“เจ้าหนุ่มน้อย เจ้าอายุเท่าไรกัน รีบร้อนไปไหน!”
“โอยโย! ท่านพ่ออย่าเอาแต่ทุบหัวข้าสิ โง่กันพอดี…ข้าอีกปีก็สิบสามแล้วนะ ไม่ได้เป็นเด็กน้อยนะ”
“ฮา ฮา ฮา…”
ซูสุ่ยเลี่ยนได้ยินก็ยิ้มไม่หยุด มุมปากหยักยิ้มบาง มีแสงสว่างวาบหนึ่งส่องกระทบตาจนต้องหรี่ตาลง พอลืมตาขึ้นก็พบว่าผ้าคลุมหน้าถูกหลินซือเย่าเลิกขึ้นวางไว้บนหัวเตียงแล้ว เขาถือไม้ตาชั่งยืนอยู่หน้านาง สองตาส่องประกายเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
“โอ! พี่หลิน พี่แต่งเทพธิดาหรือ? แต่ข้าว่านะ งามกว่าเทพธิดาในเทศกาลวันชีซีนั่นมาก”
ซูสุ่ยเลี่ยนจึงได้พบว่าข้างกายหลินซือเย่ายังมีเด็กหนุ่มสีหน้าตื่นเต้นอีกคนหนึ่ง เดาว่าน่าจะเป็นเสียงเด็กที่เพิ่งบอกว่าปีหน้าตนเองจะอายุสิบสามคนนั้น
พอเห็นรอยยิ้มบางของซูสุ่ยเลี่ยนมองเขา เขาก็ไม่เขิน ยังยิ้มหน้าบานตอบกลับซูสุ่ยเลี่ยน
“พอละๆ อีกพักงานเลี้ยงก็เลิกแล้ว พวกเราแยกย้ายได้แล้ว ปล่อยให้สองสามีภรรยาได้คุยกันสักพัก” ป้าเหลาเห็นหลินซือเย่าเริ่มหน้าเครียด ก็ไล่ให้พวกที่ยังไม่รู้อีโหน่อีเหน่มัวแต่รบกวนเจ้าสาวให้ออกไปจากห้อง
“ป้าเหลา ข้ายังดูเทพธิดาไม่พอเลย ท่านไล่พวกเราออกไปทำไม” หนุ่มน้อยบ่นใส่ป้าเหลา พลางถูกป้าเถียนลากตัวออกไป ตลอดทางยังไม่ลืมหันไปมองและโบกมือให้ซูสุ่ยเลี่ยน “พี่สาว พี่เทพธิดา ข้าชื่อเถียนต้าเป่า ไว้ข้าจะมาหาพี่ใหม่นะ โอ๊ย ท่านแม่ ท่านใจร้าย ข้าใช่ลูกแท้ๆ ท่านไหมเนี่ย…”
……
รอจนพวกชาวบ้านออกไปกันหมดแล้ว ทั้งบ้านเหลือเพียงซูสุ่ยเลี่ยนกับหลินซือเย่าสองคน อ้อ ยังมีลูกหมาป่าแสนซื่อสัตย์อีกสองตัวนอนอยู่ในบ้านไม้หลังน้อยของตนเองอย่างสุขใจ หลับฝันหวานกันไปแล้ว
หลินซือเย่ายกน้ำอุ่นมา สะบัดแขนเสื้อกว้างชุดแต่งงานขึ้นก่อนจะบิดผ้าชุบน้ำหมาดมานั่งลงข้างซูสุ่ยเลี่ยน ดึงฝ่ามือชุ่มเหงื่อของนางมาเช็ดเบาๆ
“อาเย่า…” น้ำเสียงซูสุ่ยเลี่ยนอ่อนหวาน เรียกเขาไว้ด้วยท่าทางเขินอาย
“ป้าเหลาว่า…ดื่มสุรามงคล…” หลินซือเย่าวางผ้าเช็ดหน้าลง คว้าจอกสุราสองจอกมา มองใบหน้าที่ดูเก้กังของซูสุ่ยเลี่ยนอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
สองคนรีบคล้องแขนกันยกจอกสุราขาวดื่มเสร็จ หลินซือเย่าป้อนเกี๊ยวมงคลสามตัวที่ป้าเหลาทำให้นาง
“ชุดแต่งงานร้อน ถอดออกก่อน พวกเราค่อยออกไปข้างนอกดื่มสุรามงคลกัน” หลินซือเย่าเช็ดฝ่ามือและหน้าผากที่ชุ่มเหงื่อให้นาง พลางกล่าวน้ำเสียงอ่อนโยน
“เอ๋? แต่ว่า…” ที่นี่ไม่ใช่ว่าคืนแต่งงานห้ามออกจากห้องหอ ตามสามีออกไปร่วมงานเลี้ยงไม่ได้ไม่ใช่หรือ นี่เขา…
“สุ่ยเลี่ยน ข้าไม่ใช่พวกงี่เง่า นับประสาอันใดกับข้าเองที่ไม่วางใจ” หลินซือเย่าพูดเบาๆ จบ สีหน้าก็เริ่มแดงอย่างยากจะสังเกตเห็น
ไม่วางใจ? ซูสุ่ยเลี่ยนมองอย่างไม่เข้าใจ เงยหน้ามองไปยังหลินซือเย่าที่กำลังเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดใหม่
“ชุดนี้ไหม” หลินซือเย่าไม่สนใจท่าทางงุนงงของซูสุ่ยเลี่ยน หยิบชุดสีแสดออกมาสองชุด นี่เป็นสีมงคล น่าจะสวมตอนนี้ได้
ซูสุ่ยเลี่ยนพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้น ช่วยเขาถอดชุดแต่งงานสีแดงสดออก ชุดแต่งงานทับซ้อนหลายชั้น ทำให้รู้สึกอึดอัดจริง
“เจ้าก็เปลี่ยนด้วยสิ” หลินซือเย่ารับชุดใหม่สีแสดจากมือนางไป บุ้ยใบ้บอกให้ซูสุ่ยเลี่ยนถอดชุดแต่งงานที่สวยก็สวยอยู่ แต่ร้อนอบอ้าวนี้ออก
“ข้า…ออกไปกับเจ้าได้จริงหรือ” ซูสุ่ยเลี่ยนช่วยเขาติดกระดุมพลางเงยหน้าถามเบาๆ
“อืม ย่อมออกไปด้วยกัน” หลินซือเย่าสวมชุดใหม่สีแสด แขนเสื้อปักลายเมฆ พอรัดเข็มขัดสีเดียวกันเสร็จ ก็เงยหน้ามองซูสุ่ยเลี่ยนที่ยังถือกระโปรงสีเดียวกันกับชุดนาง ยืนอยู่ข้างโต๊ะกลมท่าทางเหม่อลอย
“เหม่ออะไรอีก?” หลินซือเย่ารับเสื้อนางมาถือไว้พลางยิ้มบาง ลากนางไปเปลี่ยนเสื้อ ราวกับว่าจะช่วยนางเปลี่ยน
“อา! ข้าเปลี่ยนเอง” ซูสุ่ยเลี่ยนดึงเสื้อคืนจากมือเขามาด้วยท่าทางเขินอาย ผลักให้เขาออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อไป ทำเอาหลินซือเย่าแอบหัวเราะขลุกขลักในลำคอไม่หยุด
ทำเอาใบหน้าซูสุ่ยเลี่ยนยิ่งร้อนผ่าว นางคิดว่าจากนี้ต้องเป็นคืนเข้าหอแล้ว สองแก้มก็แดงระเรื่อขึ้นทันที ในใจก็เต้นโครมครามราวกับจะหลุดออกมา
……
“ดูๆ อาเย่ารักภรรยาจริง” มองดูบ่าวสาวรักใคร่ปรองดองกันในชุดสีเดียวกัน นางเหลาก็อดกระแซะนางเถียนไม่ได้ วาจากลับถูกส่งไปยังตาเฒ่าของนางที่เอาแต่สูบกล้องยาอยู่ด้านหลัง แม้บ้านนาจะไม่เหมือนในเมือง แต่การจะพาภรรยามานั่งร่วมดื่มสุรามงคลที่โต๊ะด้วยกันในงานแต่ง ที่รู้มาเหมือนมีแค่หลินซือเย่าคนเดียว
“ใช่ นางหนูวาสนาดีจริง” นางเถียนมองลูกสาวตนแวบหนึ่ง เห็นนางมองพวกซูสุ่ยเลี่ยนที่เดินเข้ามาใกล้อย่างไม่คิดอะไรแม้แต่น้อยก็ลอบถอนหายใจ หวังว่าลูกเขยจะดีกับลูกสาวนาง นางมีลูกสองคน ลูกชาย…ไม่หวังแล้ว หวังแค่ว่าวันหน้าลูกสาวจะมีชีวิตที่ดี
เสียงนางเถียนเพิ่งจบลง ก็ได้ยินเสียงลูกชายไม่เอาไหนของนางตะโกนดังมา “พี่หลิน พี่เทพธิดา พวกท่านมาแล้ว เร็วๆ มานั่งนี่ ข้าจองไว้ให้สองที่”
นางเถียงตบหน้าผากตนอย่างไม่รู้จะทำเช่นไรดี ต้าเป่าจะสิบสองแล้ว ตอนเก้าขวบตกลงไปในสระน้ำใหญ่ของหมู่บ้าน พอช่วยขึ้นมา ร่างกายไม่เป็นไร แต่จิตใจเหมือนหยุดอยู่ที่เก้าขวบ ยิ่งโตก็ยิ่งเป็นที่สังเกต ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรจริงๆ
“ต้าเป่า เจ้านี่ มานี่ มานั่งกับพ่อเจ้า” นางเถียนรีบเข้าไปรั้งไว้ ดึงหูเถียนต้าเป่าให้ไปนั่งข้างเถียนต้าฟู่
“โอ๊ย ท่านแม่…ท่านแม่…ข้าอยากจะพูดกับพี่เทพธิดาสักหน่อยน้า! ถามนางหน่อยว่ามีน้องสาวไหม…โอ๊ย!”
“ฮา ฮา ฮา…” ชาวบ้านที่นั่งอยู่โดยรอบพากันหัวเราะดังลั่น
“ข้าว่านะ ต้าฟู่ ต้าเป่าเ จ้าเหมือนรู้ความแล้วนะ ดูท่า ปีหน้าก็ลองมองหาคู่ให้ได้แล้ว ฮา ฮา…”
“ซ้อเถียนยังว่าต้าเป่ายังเล็ก นิสัยยังเหมือนเด็ก แต่ข้าไม่เห็นด้วยนะ ต้าเป่าคิดแต่งภรรยาแล้ว!” นางซือนิสัยโผงผางก็เอ่ยสัพยอกนางเถียน พูดจนนางเถียนหน้าแดงไปหมด ในใจแอบนึกด่าลูกชายไม่ได้เรื่องของตน
พูดไปแล้วก็แปลก ว่ากันว่าทุกคนในเมืองฝานฮัวไม่มีคนกล้าคุยกับหลินซือเย่าตรงๆ แม้แต่เฝิงเหล่าลิ่วที่ค่อนข้างใกล้ชิดกับเขาอยู่ตอนนี้ก็ตาม พอเอ่ยถึงหลินซือเย่าในใจก็เริ่มเกร็งกันขึ้นมาทันที แต่เจ้าลูกชายไม่ได้เรื่องของตนคนนี้ เอาแต่ล้อมหน้าล้อมหลังถามหลินซือเย่าเรื่องสุนัขสองตัวนั่นไม่หยุด จากนั้นก็เริ่มสนิทกับเขาเรียกเขาว่า ‘พี่หลิน’ แต่ว่าก่อนหน้าไม่เคยเห็นพวกเขารู้จักกัน งานเลี้ยงตอนบ่ายนางกลับไปเยี่ยมแม่นางที่บ้าน เลยมาไม่ทันงาน นางเถียนแอบบ่นในใจ
ซูสุ่ยเลี่ยนตามหลินซือเย่าออกมาทักทายกับบรรดาเพื่อนบ้านแล้วก็นั่งลงในตำแหน่งเจ้าบ้าน
“เจ้าสนิทกับต้าเป่า?” ซูสุ่ยเลี่ยนมองเถียนต้าเป่าที่ถูกนางเถียนลากไปนั่งข้างเถียนต้าฟู่แล้วก็ยังเอาแต่มองมาทางพวกนางไม่หยุด พอสบตากับซูสุ่ยเลี่ยนที่หันไปมองโดยบังเอิญก็ยังแอบส่งยิ้มกว้างกลับมาให้นางด้วย
“ไม่สนิท” หลินซือเย่าตอบอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย ในยามนี้รู้สึกหึงหวงที่ใจนางไม่ได้อยู่ที่ตน จากนั้นก็เริ่มรู้สึกขำตนเอง อีกฝ่ายเป็นแค่เด็กที่ยังไม่โตและสติปัญญาไม่สมบูรณ์ ตนเองไปหาความอะไรกับเขากัน
ซูสุ่ยเลี่ยนได้ยินก็ไม่ถามต่ออีก คิดว่าเด็กน้อยนิสัยร่าเริงกระมัง กับคนแปลกหน้าเช่นพวกนางก็เลยมีปฏิกิริยาใกล้ชิดเป็นธรรมชาติเช่นนี้ได้
“มา นางหนู อาเย่า ป้าเหลาดื่มไม่ค่อยเป็น ก็ขอใช้จอกเล็กนี่อวยพรพวกเจ้า ขอให้พวกเจ้าอยู่กันจนแก่จนเฒ่า!” ป้าเหลายกจอกสุราขึ้น สุราเกาเหลียงเต็มจอก ยิ้มอวยพรซูสุ่ยเลี่ยนกับหลินซือเย่า
ซูสุ่ยเลี่ยนกับหลินซือเย่าส่งยิ้มให้กัน ลุกขึ้นพร้อมกันยกจอกสุราชนแล้วก็ดื่มหมดจอก
“ข้าด้วย ข้าด้วย!” นางเถียนยกชามสุราขึ้น แต่ไรมานางก็คอแข็งไม่น้อย “มา อวยพรให้พวกเจ้ามีลูกเร็วๆ เหอๆ…หมดชาม!”
“ป้าเถียน…” ซูสุ่ยเลี่ยนมองชามสุราป้าเถียนอย่างไร้วาจาจะกล่าว แอบตะลึงอึ้ง นางเองคอไม่แข็ง นางรู้ดี ไม่พูดถึงว่ายังต้องรับสุราอวยพรจากคนอื่นอีกเท่าไร แค่สุราเกาหลียงดีกรีสูงชามใหญ่อย่างนี้ลงท้องไป ตนเองคงเมาพับไปแล้ว
“ป้าเถียน สุ่ยเลี่ยนไม่ค่อยได้ดื่ม ข้าดื่มแทนนางเอง ดีไหม?”
หลินซือเย่าถามพลางหรี่ตามองนางเถียนที่ถือชามสุราอยู่ ยื่นมือออกไปรับชามสุรามาถือไว้ ไม่รอให้นางเถียนตอบ ก็ดื่มรวดเดียวหมด
“เยี่ยม! ชายชาตรี! น้องชาย มา เราดื่มกันต่อ!” เฝิงเหล่าลิ่วยามนี้ดื่มไปหลายจอก ลิ้นเริ่มอ้อแอ้ ดังนั้นจึงไม่มีความรู้สึกกลัวหลินซือเย่าเหมือนเดิม ยกสุราอุ่นมาชามใหญ่ ชนดื่มกับหลินซือเย่า
ซูสุ่ยเลี่ยนเห็นเช่นนี้ก็อดดึงแขนเสื้อหลินซือเย่าไว้อย่างเป็นห่วงไม่ได้
หลินซือเย่าหันไปยิ้มมุมปากเหมือนบอกนางว่าไม่ต้องห่วง ก่อนจะรับชามสุรามาดื่มรวดเดียวหมด
“เยี่ยม!”
“เยี่ยม!”
“ชายชาตรี!”
“มา มา มา ตาข้าบ้าง”
“ข้าด้วย ข้าด้วย…”
“ใจเย็น ทีละคน! เรามีสุราเยอะ ต้าเป่า ไป ไปบ้านอาลิ่วขนสุรามากัน!”