บทที่ 32พวกเธอพูดพอแล้วหรือยัง

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่32พวกเธอพูดพอแล้วหรือยัง

เมื่อได้ยินเจียงหยุนเอ๋อพูดแบบนี้ ไม่กี่คนนี้รอยยิ้มในอดีตก็ผุดขึ้นอย่างไม่ได้นัดกัน ราวกับว่าพอใจกับเรื่องที่เจียงหยุนเอ๋อเอาตัวรอด

ตอนนั้นเอง น้ำเสียงที่น่าดึงดูดด้านหลังพวกเธอก็ดังขึ้น “เมิ่งซิน”

ไม่กี่คนนั้นหันหัวกลับไป ก็เห็นผู้ชายสามคนยืนอยู่ตรงนั้น ก็คือสามีของเธอพอดี

พอดีกับสายตาของพวกเธอที่มองกลับไป เจียงหยุนเอ๋อก็มองเห็นคนพวกนั้น ซ้ายสุดดูเหมือนจะอายุค่อนข้างเยอะ หุ่นก้านดูอวบเล็กน้อย ตรงกลางคนนั้นกลับดูเหมือนกับนักธุรกิจที่แต่งตัวอย่างเนี้ยบ ชุดสูททั้งตัวมองไปก็ดูเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก ด้านขวาสุดก็คือสามีหนุ่มน้อยของเจียงเหมิง รูปร่างหน้าตารวมๆ แล้วก็ไม่แย่ แต่เทียบกับรูปแล้วยังห่างไกลไม่น้อย

เจียงหยุนเอ๋อไตร่ตรองโดยที่ไม่พูดออกมา ไม่รู้ว่าต่อจากนี้คนพวกนี้จะต้องคิดอะไรไม่ดีออกมาแน่ๆ

เมิ่งซินก็รีบวิ่งเข้าไป ควงแขนสามีของเธอแน่น พูดขึ้นอย่าง “โถ่เอ๊ย ก็ไม่ใช่บอกแล้วเหรอว่าไม่ต้องมารับ? พวกเรายังไม่ได้เริ่มกินข้าวเลยนะ”

เจียงเหมิงและส้งฉิงก็ต่างคนต่างเดินเข้าไป เจียงหยุนเอ๋อจริงๆ แล้วก็ทนมองไม่กี่คนนั้นพลอดรักกันแบบนั้น อดไม่ได้ที่จะก้มหัวลงไป

จากนั้นคนพวกนี้ก็ไม่ได้คิดที่จะปล่อยเธอไป ต่างดึงแขนสามีตัวเองเดินเข้ามา

“หยุนเอ๋อ นี่คือสามีของฉัน แนะนำให้เธอรู้จักสักหน่อย ตอนนี้เขาเป็นผู้จัดการบริษัท ปีหนึ่งหาเงินได้เป็นสิบๆ ล้าน เฮ้อออ ก็แค่ระดับธรรมดาน่ะ” เมิ่งซินถอนหายใจมาอีกครั้ง แล้วพูดขึ้น

สามีของเมื่อได้ฟังก็ไม่โมโห พูดอย่างชอบอกชอบใจ “เงินเยอะขนาดนี้เลี้ยงดูเธอได้ก็เพียงพอแล้ว ยังมีอีกเหลือเฟือ”

เมิ่งซินแกล้งทำเป็นโกรธแล้วจ้องไปที่สามีของเธอ เอนหัวซบไหล่ของเขา “โอ๊ยย เค้าก็แค่พูดเฉยๆ อ่ะ ที่จริงแล้วในใจก็พอใจแล้ว แค่ได้อยู่กับคุณ ไม่ว่าในแต่ล่ะวันจะเป็นอย่างไรฉันก็รับได้หมด”

“เป็นธรรมดาที่ผมจะสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีในการใช้ชีวิตเพื่อคุณ”

เจียงเหมิงก็แสดงออกมาว่าตนก็ไม่ได้แย่กว่าคนอื่น “หยุนเอ๋อ สามีของฉันเป็นนายแบบ เคยถ่ายแบบให้นิตยสารดังๆ มาเยอะแล้ว ตอนที่เธออยู่ต่างประเทศไม่แน่อาจจะเคยเห็นนิตยสารต่างประเทศ อ่อ ขอโทษที ฉันเกือบลืมไปเลย เธอคงยุ่งกับการเลี้ยงลูก คงไม่มีเวลาดูนิตยสารหรอก?”

เจียงเหมิงเอ่ยขอโทษพลางขำๆ จากรอยยิ้มไม่มีความรู้สึกจริงเลย

สายตาของเจียงหยุนเอ๋อค่อยๆ เย็นชาลง ไม่มีอารมณ์ไปต่อกรกับคนพวกนี้อีกแล้ว เพราะฉะนั้นส้งฉิงที่แนะนำต่อหลังตอนนั้นเธอก็แทบจะไม่ได้สนใจฟัง แต่ว่าก็ยังถูกยัดนามบัตรไม่กี่ใบมาอยู่ดี

เธอก้มหัวมองชายตาปราดเดียว แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไร ปล่อยมือไปวางลงไปบนโต๊ะ

หลังจากที่แนะนำสามีของแต่ล่ะคนเสร็จ ไม่กี่คนนี้ก็ยังไม่ยอมจบง่ายๆ

“สามี คนนี้คือเพื่อนร่วมห้องเมื่อก่อนของฉัน ตอนนั้นนะ ก็เป็นคนดังเลยล่ะ” ส้งฉิงพูดไป แล้วก็ยิ้มที่เหมือนเจตนาร้าย

ผู้ชายไม่กี่คนนั้นได้ยินเธอพูดแบบนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย ถามต่อว่า “อ๋อ? ทำไมเหรอ?”

ส้งฉิงเหลือบไปมองเจียงหยุนเอ๋อชั่วครู่ ลากเสียงยาวพูดขึ้น “เป็นเพราะตอนนั้นเธอมีคู่ในสภาพนั้นยังท้องอีก ที่แปลกก็คือ ไม่รู้ว่าพ่อของเด็กคนนั้นเป็นใคร ก็ราวกับว่าอยู่ดีๆ ก็ท้องขึ้นมาซะอย่างนั้น”

“อู้ว? ยังมีเรื่องแบบนี้ด้วย?” ผู้ชายคนหนึ่งในนั้นถามขึ้นอย่างไว้หน้า

เมิ่งซินและเจียงเหมิงก็รีบคล้อยตามขึ้นมา “ใช่สิ พวกเราเป็นพยานได้น่ะ ตอนนี้พวกเราก็ยังคิดกันว่า ไม่แน่หยุนเอ๋อก็อาจจะท้องล่ะ”

พูดจบ ไม่กี่คนนั้นก็หัวเราะออกมา

เมื่อเห็นว่าพวกเขาเอาตัวเองเป็นหัวข้อเรื่องคุย เจียงหยุนเอ๋อก็โมโหจนกำหมัดแน่น จากนั้นพวกเมิ่งซินก็ราวกับว่าอยากจะเห็นท่าทางแบบนี้ของเธอ หันหัวกลับมาจ้องเธอทั้งหมด

ในสายตาของผู้ชายไม่กี่คนนั้นแฝงไปด้วยหยอกย้อและยั่วเย้า เจียงหยุนเอ๋อเธอรู้สึกได้ สายตาของพวกผู้ชายพวกนี้กำเริบเป็นอย่างมาก เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเอาตัวเองไปเป็นผู้หญิงที่มีผู้ชายไม่ซ้ำหน้า

“โถ่เอ้ย พวกคุณอย่าหัวเราะสิ หยุนเอ๋อเขาโกรธแล้วนั่นน่ะ” เจียงเหมิงทำเหมือนกับว่าเดือดดาลแล้วตัดบทพวกเขาที่กำลังสนทนา พูดขึ้น

เจียงหยุนเอ๋อมองเธออย่างเย็นชาชั่วครู่ พูดอย่างช้าๆ ชัดๆ ว่า “ขอบคุณเธอมากที่หวังดี”

คนไม่กี่คนนี้ราวกับว่าไม่ได้มีความคิดที่จะออกไป ก็แบบนี้ยืนอยู่หน้าของเจียงหยุนเอ๋อ พูดคุยถึงเรื่องเธอที่เมื่อก่อนตอนที่ถูกคนอื่นทอดทิ้ง

“คุณพูดแบบนี้ ผมเองก็กลับมีความประทับใจอยู่ ไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสได้เจอ” สามีของส้งฉิงท่าทางนึกบางอย่างออกได้อย่างฉับพลัน พูดขึ้น

เจียงหยุนเอ๋อ แท้จริงแล้วก็อดทนคนพวกนี้เยาะเย้ยถากถางเธอ บรรยากาศแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกแย่ เรื่องในตอนนั้นเธอใช้เวลานานกว่าจะยอมรับได้ทั้งหมด แต่ว่าตอนนี้ต้องมาถูกคนพูดถึงเรื่องเก่าๆ อีกเหรอ?

“พวกเธอพูดพอหรือยัง?” เจียงหยุนเอ๋อพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา

“หยุนเอ๋อ เธออย่างโมโห พวกเราพูดเรื่องนี้ก็แค่ล้อเล่นเฉยๆ เธออย่าได้เก็บเอาไปคิดภายในใจล่ะ” เมิ่งซินเอามือปิดปากเบาๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าที่ไม่มีความผิด

เจียงหยุนเอ๋อไม่อยากจะเข้าไปผัวพันกับพวกเขาอีกแล้ว ลุกขึ้นยืนตรงๆ อยากจะหนีออกจากตรงนี้ “ขอโทษด้วย ฉันยังมีธุระอีกขอตัวก่อนนะ พวกเธอก็คุยกันต่อเถอะ”

“เอ๊ะ เธออย่าเพิ่งไปสิ” ส้งฉิงดึงแขนเจียงหยุนเอ๋อเข้ามา “พวกเราเพื่อนสาวนี่ก็ไม่ได้เจอกันนานแล้ว อย่างน้อยก็ให้พวกเราเลี้ยงข้าวเธอหน่อยเถอะ”

“ไม่ต้องหรอก” เจียงหยุนเอ๋อสะบัดแขนออก สีหน้าดูแย่

เมิ่งซินและเจียงเหมิงก็รีบเดินเข้ามา ขวางทางเจียงหยุนเอ๋อตรงๆ “หยุนเอ๋อ กว่าเราจะมีโอกาสได้เจอกันครั้งหนึ่งก็ไม่ง่าย เธอจะไม่ไว้หน้ากันเลยเหรอ ไป ไปกินข้าวกับพวกเราเถอะ”

“ฉันกินไปแล้ว เจียงหยุนเอ๋อพูดปฏิเสธต่อ”

ไม่กี่คนนั้นมองเธอปราดหนึ่งเธอพึ่งจะนั่งลงบนโต๊ะอาหาร ในใจก็ยอมรับว่าเจียงหยุนเอ๋อกินอาหารแพงๆ ที่นี่ไม่ไหวแน่นอน ตอนนี้คาดว่าก็แค่คนที่ไม่มีเงินเสแสร้งเป็นคนรวยก็เท่านั้น

“โถ่เอ๊ย หยุนเอ๋อ เธอก็อย่าดื้อกับพวกเราเลย ไปด้วยกันเถอะ” พูดไป ไม่กี่คนนั้นก็ส่งสายตาเป็นนัยให้สามีตัวเอง ทันใดนั้นเอง ทั้งหกคนก็พากันล้อมรอบ

ผู้ชายไม่กี่คนนี้ยืนมือมาฉุดๆ ดึงๆ เจียงหยุนเอ๋อ “สาวน้อยจ๋า เพื่อนร่วมห้องกันมานานหลายปีขนาดนี้ ไม่ต้องเกรงใจหรอก ก็ไปกินข้าวด้วยกันเถอะ”

เจียงหยุนเอ๋ออยากจะรีบหนีออกไปจากตรงนี้ ตอนนั้นเอง เสียงเดินก็ดังมาเป็นระยะ เสียงเคร่งขรึมของลี่จุนถิงดังขึ้นมาจากด้านหลังของเธอ “พวกคุณทำอะไร?”