หลังจากที่นากากับอลิซได้วิ่งวุ่นไปทั่วเมืองเพื่อตามหาขนมที่พรีมูล่าน่าจะชอบใจที่สุดมากันได้แล้ว ทั้งสองคนก็ได้เดินตรงกลับไปยังบ้านของเอริกะกัน โดยที่นากานั้นได้ใช้สองมือประคองกล่องขนมเค้กชิ้นใหญ่อยู่อย่างทะนุถนอมราวกับกลัวว่าถ้าเกิดเค้กที่อยู่ด้านในผิดรูปไปสักหน่อยหนึ่งพรีมูล่าอาจจะโวยวายจนบ้านแตกขึ้นมาก็เป็นได้
และเมื่อทั้งคู่เดินมาถึงหน้าบ้านของเอริกะแล้ว นากาที่ไม่กล้าขยับมือของตนแม้แต่สักนิดเดียวก็ได้ร้องบอกอลิซขึ้นมา
“อลิซ… เธอกดกริ่งเรียกคอนแนลออกมาให้หน่อยสิ”
“เข้าไปเลยก็ได้มั้ง ก่อนจะออกไปฉันคว้ากุญแจสำรองมาด้วยน่ะ”
“ถ้างั้นเธอก็เข้าไปก่อนเลย แล้วถ้าเกิดว่าข้างในยังปกติดีอยู่ก็ค่อยออกมาเรียกฉันละกัน…”
คำพูดของนากาทำให้อลิซต้องหรี่ตามองดูเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างสงสัยว่าเด็กผู้หญิงท่าทางเอ๋อๆ อย่างพรีมูล่าเวลางอแงหนักจริงๆ จะมีอาการยังไงกันแน่ถึงกับทำให้พี่ชายของเธอหวาดผวาได้ขนาดนี้ แต่ว่าอลิซเองก็ไม่คิดอยากจะลองของสักเท่าไหร่ เธอจึงได้ตัดสินใจที่จะยื่นมือไปกดกริ่งที่ติดอยู่ข้างประตูรั้วให้เขาแต่โดยดี
แอ๊ดดดดดด— ปั้ง!!
ในทันทีที่นิ้วของอลิซแตะลงบนกริ่งจนเกิดเสียงดังขึ้นมานั้น ประตูของตัวบ้านก็ถูกเปิดออกในทันทีก่อนที่คอนแนลจะแทรกตัวออกมาอย่างรวดเร็วราวกับว่าเขารอจังหวะนี้อยู่นานแล้ว
“…รอดแล้ว— อ่ะ เป็นไงบ้างครับทั้งสองคน ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือเปล่าครับ?”
“อื้ม… จะว่าเรียบร้อยก็เรียบร้อยแหล่ะ แล้ว… ข้างในเป็นยังไงบ้างล่ะ?”
นากาตอบคอนแนลกลับไปพร้อมกับเดินเข้าไปแง้มประตูของตัวบ้านออกเล็กน้อยเพื่อแอบดูสถานการณ์ข้างในและเขาก็พบว่าในห้องนั่งเล่นนั้นได้มีพรีมูล่ากับโมโกะกำลังนั่งกันอยู่บนโซฟาโดยไร้ซึ่งวี่แววของเอริกะที่เป็นเจ้าของบ้านเลยแม้แต่น้อย
“ใช่มั้ยล่ะโมโกะจัง แล้วก็วันก่อนนี่นะพี่นากาเขาก็… นี่ โมโกะจัง ฟังอยู่รึเปล่าเนี่ย นี่ นี่ นี่!”
ซึ่งพรีมูล่าที่นั่งอยู่กลางห้องนั้นก็กำลังพูดบ่นอะไรบางอย่างใส่โมโกะที่หงายหลังสลบเหมือดคาโซฟาไปแล้วอยู่ จนทำให้นากากับอลิซที่เห็นแบบนั้นได้แต่พึมพัมออกมา
“งอแงอยู่จริงๆ ด้วยแฮะ…”
“ถึงขนาดทำให้ยัยแมวขโมยนั่นสลบไปได้เลยหรอเนี่ย อ้ะ แต่ปกติก็สลบอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วล่ะนะ”
“หลังจากที่อลิซวิ่งออกไปแล้วพรีมูล่าเขาก็งอแงไม่ยอมหยุดเลยล่ะครับ…”
ในขณะที่คอนแนลกำลังอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตัวบ้านให้ทั้งสองคนฟังอยู่นั้น พรีมูล่าก็เหมือนจะสังเกตเห็นว่าพี่ชายของตนได้กลับมาแล้วและกำลังแอบมองดูเธออยู่ที่หน้าประตูบ้าน เธอจึงได้ทำแก้มป่องและหันหน้าหนีไปในทันที
“ฮึ๊ม!”
“ว่าไงพรีมูล่า? ตอนพี่ออกไปเธอเป็นเด็กดีหรือเปล่า?”
“ฮึ๊ม!”
นากาที่ถูกพรีมูล่าเจอตัวไปแล้วก็ได้ตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปง้อน้องสาวของเขาแต่โดยดี แต่ว่าเมื่อเขาได้เดินเข้าไปใกล้และเอ่ยปากพูดขึ้นมาพรีมูล่าก็ได้ทำแก้มป่องกว่าเดิมและหันหน้าหนีไปอีกทางจนทำให้นากาได้แต่ยิ้มเจือนๆ
ในขณะเดียวกันนั้นอลิซที่เดินตามเข้าตัวบ้านมาก็บ่นออกมาเบาๆ กับท่าทีของสองพี่น้องเบื้องหน้า พร้อมกับเดินไปทางห้องออฟฟิศของเอริกะแทน
“ให้ตายสิ… ถ้างั้นเดี๋ยวฉันไปบอกเอริกะให้ถอดเจ้าเครื่องนี้ออกให้ก่อนละกัน”
“อื้ม ถ้างั้นฝากเธอไปรายงานเรื่องที่ทุ่งหญ้านั่นให้เอริกะฟังด้วยสิ เธอคงจะไม่มีปัญหาอะไรเนอะ?”
“เฮ้อ… ก็ได้แหละ เพราะยังไงฉันก็น่าจะพูดรู้เรื่องกว่ามากนายอยู่แล้วล่ะนะ…”
“หา—พูดงี้หมายความว่าไงหะ!?”
เมื่อนากาได้ยินอลิซพูดขึ้นมาแบบนั้นเขาก็หันไปโวยใส่เธอในทันทีโดยไม่ได้สังเกตเห็นน้องสาวของตนที่เพิ่งจะหันหน้ากลับมามองเลยแม้แต่น้อยจนทำให้พรีมูล่าทำหน้ามุ่ยและสะบัดหน้าหนีไปอีกครั้งในทันที
ซึ่งนากาที่เห็นว่าอลิซหลบเข้าไปในออฟฟิศของเอริกะแล้วและไม่รู้เรื่องที่พรีมูล่าทำท่าเหมือนจะยอมหันกลับมาให้เขาง้อก็ได้แต่บ่นไล่หลังอลิซออกมาเบาๆ ให้คอนแนลฟัง
“ปากเสียได้ตลอดเวลาเลยจริงๆ ให้ตายสิ”
“แต่เอาจริงๆ ก็รู้ว่าอลิซเขาแค่ปากร้ายอย่างเดียวใช่มั้ยล่ะครับ?”
“มันก็จริงของนายนั่นล่ะนะ…”
เมื่อได้ยินคอนแนลพูดขึ้นมาแบบนั้นนากาก็ได้แต่เอ่ยปากเห็นด้วยออกมา เพราะเขาเองก็รู้ดีว่าถึงอลิซจะปากเสียใส่คนอื่นไปทั่ว แต่ถ้าเกิดว่าถึงคราวคับขันขึ้นมาเธอก็พร้อมที่จะปกป้องเพื่อนของเธออย่างเต็มกำลัง
อย่างเช่นในคราวที่แมรี่กำลังจะระเบิดไฟฟ้าขนาดยักษ์ออกมาที่คฤหาสน์ของเวก้า เธอก็รีบวิ่งมาช่วยพวกเขาป้องกันทั้งๆ ที่ขาของเธอเพิ่งจะโดนเศษกระจกแทงใส่จนเลือดอาบแท้ๆ
“ว่าแต่ที่ออกไปนี่เป็นยังไงบ้างล่ะครับ? อลิซเขาเป็นห่วงใหญ่เลยนะครับ เพราะเห็นว่าเวลาผ่านไปสักพักจนนากาน่าจะถึงทุ่งหญ้าทางตะวันออกเฉียงเหนือได้แล้วแต่ก็ยังไม่ติดต่อกลับมาสักทีน่ะครับ มีเรื่องอะไรร้ายแรงหรือเปล่า?”
“เรื่องร้ายแรงหรือเปล่านี่ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันแฮะ… แต่คร่าวๆ ก็มีเซซิลโดนใครก็ไม่รู้ซ้อมซะยับ แล้วก็เจอโจทก์เก่าที่ทำให้ต้องรีบหนีออกมาจากหมู่บ้านน่ะ แต่ว่าตอนนี้ดีกันแล้วล่ะมั้ง ถ้าเอาเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ ก็น่าจะเป็นพลุสัญญาณที่อลิซใช้ยิงขึ้นฟ้าขู่คนที่ซ้อมเซซิลไปนั่นล่ะ ทำเอาพวกทหารในเมืองวิ่งกันวุ่นไปหมดเลย”
นากาพูดตอบคอนแนลกลับไปก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างอ่อนแรงและหันไปสะกิดพรีมูล่าที่กำลังทำแก้มป่องหันไปอีกทางหนึ่งอยู่
“นี่พรีมูล่า—”
“ฮึ๊ม!!”
พรีมูล่านั้นได้ส่งเสียงสั้นๆ กลับมาใส่เขาอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับเชิดหน้าไปทางอื่นโดยไม่ยอมหันมามองนากาเลยแม้แต่นิดเดียว และเมื่อเป็นแบบนั้นนากาเลยต้องเอื้อมไปหยิบกล่องไม้ตายที่เขาวางไว้บนโต๊ะขึ้นมาให้พรีมูล่าดู
“พี่อุตส่าห์จะบอกว่าตอนขากลับพี่แวะไปซื้อเค้กสตรอว์เบอร์รี่มาฝากด้วยน่ะ แต่ว่าในเมื่อเธอทำท่าเหมือนจะไม่อยากกินแบบนี้ งั้นเดี๋ยวพี่กับคนอื่นๆ จะเอาไปแบ่งกันเองแทนละกันนะ”
“เอ๋ะ!?”
ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อพรีมูล่าได้ยินคำว่าเค้ก เธอก็รีบหันขวับกลับมามองนากาด้วยแววตาเป็นประกายทันที แต่ว่านากานั้นก็กลับเปิดกล่องเค้กออกมาดูข้างในโดยไม่มีท่าทีว่าจะสนใจน้องสาวของตนเลยแม้แต่น้อย จนทำให้คอนแนลที่เห็นแบบนั้นก็นึกสนุกและตามน้ำไปกับนากาด้วยเช่นกัน
“เอ๋ น่าเสียดายจังนะครับเนี่ย ถ้างั้นเดี๋ยวผมไปช่วยเตรียมจานสำหรับคนอื่นๆ ให้ละกันนะครับ เพราะไหนๆ พรีมูล่าก็ท่าทางจะไม่อยากกินอยู่แล้วนี่นะ”
“โอ้ ฝากด้วยนะ แล้วเดี๋ยวส่วนของพรีมูล่ายกให้อลิซกับเอริกะไปละกัน”
“ด—เดี๋ยวสิพี่นากา”
ผลัก!!
“เหวอ—!?”
ทันใดนั้นเองพรีมูล่าก็ได้พุ่งเข้าไปกอดพี่ชายของตัวเองเต็มแรงเมื่อเธอเห็นว่าคอนแนลได้เข้าไปในห้องครัวตามที่เขาพูดจริงๆ ก่อนที่เธอจะรีบอ้อนนากาเพื่อให้เขาเปลี่ยนใจ
“ใครบอกว่าหนูไม่กินล่ะ~ พี่นากาซื้อมาหนูก็ต้องกินอยู่แล้วสิ~”
“อ้าว พี่ก็นึกว่าเธอจะโกรธหรืองอลอะไรจนไม่อยากกินเค้กที่พี่ซื้อมาแล้วซะอีกนะ”
“ใครโกรธใครงอลอะไร หนูเป็นเด็กดีจะตายไม่เคยโกรธอะไรพี่นากาสักหน่อยเนอะ~”
ซึ่งนากาที่เห็นว่าอีกฝ่ายกลับมาเป็นน้องสาวตัวแสบตามปกติแล้วก็ขี้เกียจจะพูดอะไรออกมาอีกเขาจึงถอนหายใจออกมา และยกมือไปลูบหัวเธอเล็กน้อย
“เฮ้อ… เธอเนี่ยน๊า… ถ้างั้นเธอไปช่วยคอนแนลเตรียมจานให้ทุกคนหน่อยสิ ถ้าเป็นเด็กดีต้องรู้จักแบ่งปันคนอื่นด้วยนะรู้มั้ย”
“ค่าาา~”
พรีมูล่าขานตอบกลับมาอย่างว่าง่ายก่อนที่เธอจะรีบปล่อยตัวนากาและเดินตามคอนแนลเข้าไปในครัวด้วยความกระตือรือร้นทันที ในขณะที่นากาที่กำลังยิ้มมองไล่หลังพรีมูล่าอยู่นั้นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“อ้ะ—ต้องเอาเจ้านี่ไปคืนเอริกะด้วยนี่นา…”
นากาพูดกับตัวเองขึ้นมาเบาๆ พร้อมกับถอดเครื่องสื่อสารขนาดเล็กที่เขาใส่ไว้หูออกมาก่อนที่เขาจะลุกขึ้นจากโซฟาและเดินไปเคาะประตูห้องออฟฟิศของเอริกะไปชุดหนึ่ง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เอริกะ ตอนนี้สะดวกให้เข้าไปหรือเปล่า?”
“อ๊ะ—เข้ามาได้เลยจ้า~”
เมื่อนากาเปิดประตูเข้าไปด้านในออฟฟิศเขาก็พบกับเอริกะที่เพิ่งจะวางไขควงในมือลงไปบนโต๊ะเหมือนกับว่าเธอเพิ่งจะถอดพาร์ทส่วนล่างออกจากขาของอลิซเสร็จ ในขณะที่อลิซนั้นก็กำลังใช้ไม้ค้ำช่วยพยุงขาข้างที่บาดเจ็บยืนอยู่ใกล้ๆ กัน
“ว่าไงนากา มีอะไรหรือเปล่า? ถ้าเรื่องรายงานล่ะก็อลิซเล่าให้ฉันฟังหมดแล้วล่ะ”
“พอดีว่าจะเอาเจ้านี่มาคืนน่ะ”
เขาพูดตอบเอริกะกลับพร้อมกับยื่นเครื่องสื่อสารคืนไปให้เธอและเหลือบไปมองดูอลิซที่ใช้ไม้ค้ำเพื่อยันตัวเองอยู่ด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย แต่ว่าเมื่อนากาสบตากับอลิซที่จ้องตอบกลับมาอย่างดุๆ แล้วเขาก็ได้ตัดสินใจที่จะหันกลับไปพูดกับเอริกะแทน
“อ้อ… แล้วก็ตอนขากลับฉันแวะไปซื้อเค้กติดมือกลับมาด้วยน่ะ สนใจจะมากินด้วยกันหรือเปล่าล่ะเอริกะ”
“ก็ดีนะ~ ว่าแต่เค้กที่ว่านี่คือที่นายเอามารับมือพรีมูล่าสินะ?”
“ก็ใช่น่ะสิ เธอจะให้ฉันออกไปลุยข้างนอกแล้วกลับมาจัดการกับยัยตัวแสบนั่นอีกนี่ก็ไม่ไหวนะ”
“ฮะฮะ ก็นั่นสิน๊า~”
หลังจากที่นากาพูดเสร็จเขาก็หันไปมองพาร์ทส่วนล่างที่ถูกกองทิ้งไว้อย่างสนอกสนใจ ในขณะที่อลิซนั้นก็เหลือบมองท่าทางของนากาและเดินไปทางประตูห้องพร้อมกับพูดขึ้นมา
“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันออกไปรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นกับพวกพรีมูล่านะ”
“อื้อ~ เดินระวังๆ ด้วยล่ะอลิซ อย่าลืมว่าขาเธอยังบาดเจ็บอยู่ล่ะ”
“ฉันรู้สภาพตัวเองดีหน่า…”
อลิซเอ่ยตอบเอริกะกลับไปด้วยท่าทีหงุดหงิดราวกับว่าไม่ต้องการให้ใครมาเป็นห่วงเธอและเปิดประตูออกไปในทันทีจนทำให้เอริกะได้แต่ยักไหล่และหันกลับไปมองอีกคนหนึ่งที่ยังอยู่ในห้อง
และเมื่อเอริกะพบว่านากากำลังนั่งยองๆ จ้องมองดูพาร์ทส่วนล่างอยู่ใกล้ๆ นั้นเธอก็แอบอมยิ้มนิดๆ แล้วจึงเอ่ยปากถามนากาออกมา
“สนใจหรอนากา~? อยากจะลองใส่มันดูสักหน่อยมั้ยล่ะ?”
“ด—ได้หรอ?”
คำถามของเอริกะทำให้นากาต้องรีบหันมากลับมาถามด้วยความดีใจปนแปลกใจทันที เพราะเขานึกว่ามันจะเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้วิซในการใช้งานซะอีก
“ถ้าแค่ใส่เฉยๆ ละก็ได้อยู่แล้วล่ะ แต่ว่าจะใช้งานได้หรือเปล่านั่นมันก็ขึ้นอยู่กับวิซของนายล่ะนะ จะลองดูมั้ยล่ะ”
“อ—อื้อ!”
เอริกะที่ได้ยินนาการีบตอบกลับมาทั้งๆ ที่เธอเพิ่งจะย้ำไปว่าพาร์ทอันนี้จำเป็นที่จะต้องใช้วิซในการใช้งานก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ ให้เขา พร้อมกับหยิบพาร์ทส่วนต่างๆ ที่กองรวมกันไว้มาเรียงให้นากาดู
“เอาล่ะ ถ้างั้นก็เอาอันนี้ไปใส่ก่อน วิธีใส่ก็เหมือนกับเข็มขัดธรรมดานั่นล่ะ”
เธอพูดบอกนากาก่อนจะโยนพาร์ทส่วนเอวที่หน้าตาเหมือนกับเข็มขัดโลหะให้กับเขา ซึ่งนากาก็จับมันพลิกไปพลิกมาสักครู่หนึ่งก่อนจะคาดมันไปในแบบเดียวกับที่เขาเคยเห็นอลิซใส่
“แบบนี้น่ะนะ?”
“อื้ม นั่นล่ะ แล้วทีนี้ก็ยื่นขาออกมาหน่อย”
เอริกะตรวจดูความเรียบร้อยของพาร์ทไอพ่นที่นากาใส่เอาไว้สักครู่หนึ่งและร้องสั่งเขาอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะเอาพาร์ทส่วนที่เป็นโครงเหล็กสองชิ้นมาประกบกันครอบต้นขาของนากาเอาไว้และใช้ไขควงไขนอตตามจุดต่างๆ
และเมื่อเธอจัดการโครงเหล็กตรงส่วนต้นขาของนากาเสร็จแล้ว เธอก็เอาโครงเหล็กอีกสองชิ้นมาประกบที่บริเวณน่องของนากาและเริ่มไขนอตอีกครั้งจนเสร็จ แล้วจากนั้นเธอจึงเริ่มใส่พาร์ทต่างๆ ให้กับขาอีกข้างหนึ่งของนากาเช่นเดียวกัน
“ฟู่ว~ ก็ประมาณนี้ล่ะ แต่เดี๋ยวคงต้องพัฒนาต่อให้มันใส่ได้ง่ายกว่านี้หน่อย ที่มันยุ่งยากขนาดนี้ก็เพราะว่าจำเป็นต้องมีโครงเหล็กเอาไว้ช่วยให้คนที่ไม่เคยฝึกการต่อสู้มาก่อนใช้งานได้ง่ายๆ น่ะนะ ถ้าเกิดว่าเป็นพวกทหารอัศวินหรือว่าคนที่เคยฝึกต่อสู้มาแล้วโครงเหล็กนี่ก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่หรอก~”
“โห…”
เมื่อได้ยินแบบนั้นนากาก็ลองขยับขาของตัวเองดูทันที เพราะว่าเขาเองก็ค่อนข้างจะมั่นใจในประสิทธภาพร่างกายของตนอยู่ในระดับหนึ่งเช่นเดียวกัน
แต่เขาก็พบว่าตัวโครงเหล็กที่เอริกะบอกว่าช่วยให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นนั้นกลับรั้งขาของเขาเอาไว้จนทำให้ต้องออกแรงในการเคลื่อนไหวมากกว่าเดิมเสียอีก และเมื่อเป็นแบบนั้นนากาก็ได้แต่พูดขึ้นมาอย่างประหลาดใจ
“หือ… แต่ฉันว่ามันก็แอบขยับยากอยู่เหมือนกันนะ เหมือนกับว่ามันฝืดๆ ยังไงก็ไม่รู้สิ… นี่อลิซใส่เจ้านี่ออกไปช่วยทั้งๆ ที่ขาเจ็บแบบนั้นเนี่ยนะ?”
“อื้ม… ที่บอกว่าขยับยากนี่เพราะว่านายไม่ได้เปิดใช้งานมันมากกว่า เพราะว่าปกติโครงเหล็กพวกนี้มันจะใช้พลังงานจากตัวไอพ่นที่เอวในการช่วยขยับน่ะ พอไม่ได้เปิดใช้งานมันก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาแท่งเหล็กธรรมดาๆ มาล็อกขาเอาไว้สักเท่าไหร่หรอก”
“งั้นสำหรับฉันก็คงจะหมดหวังแล้วล่ะมั้งนั่น”
“ไม่ต้องคิดมากน่า~ ว่าแต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว นายลองพยายามส่งพลังวิซเข้าไปในตัวควบคุมที่เอวดูหน่อยสินากาคุง~”
“เฮ้อ… ลองดูสักหน่อยก็ได้ล่ะมั้ง… ถึงยังไงซะก็คงจะยังใช้ไม่ได้เหมือนเดิมก็เถอะ”
เมื่อได้ยินเอริกะพูดขึ้นมาแบบนั้น นากาก็ได้แต่ลองพยายามใช้วิซของตนออกมาตามวิธีที่อาจารย์ในหมู่บ้านโมริโกะสอนมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ดูอีกครั้ง
“…..”
แต่ไม่ว่าตัวของนากาจะพยายามตั้งใจส่งวิซเข้าไปในพาร์ทที่เอวมากสักแค่ไหนมันก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย
“…ฉัน…ใช้มันไม่ได้…”
“อื้มๆ ยังใช้ไม่ได้อยู่ดีงั้นสินะ”
ถึงแม้ว่าจะได้ยินนากาพูดขึ้นมาแบบท้อแท้แต่ว่าเอริกะที่นั่งลูบคางอยู่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะแสดงท่าทีสงสารหรือเวทนาออกมาเลยแม้แต่น้อย โดยแววตาของเอริกะนั้นมีแต่ความสงสัยใคร่รู้ราวกับว่าเรื่องที่นากาใช้วิซไม่ได้เป็นปริศนาที่น่าค้นคว้าซะมากกว่า
“ว่าแต่ต่อให้ใช้งานมันไม่ได้นายก็ยังขยับขาได้ไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย?”
“หือ…”
พอนากาได้ยินคำถามนั้นเขาก็ขยับขาไปมาดู ซึ่งถึงแม้ว่าตัวพาร์ทนั้นจะทำมาจากวัสดุที่เป็นโลหะเงาๆ คล้ายกับเหล็ก แต่ว่ามันก็มีน้ำหนักเบากว่าที่เขาคิดเอาไว้มากและเมื่อเป็นแบบนั้นนากาจึงได้ลองเดินไปมาในห้องเพื่อทดสอบดู
“ถึงจะฝืดๆ ไปหน่อย แต่คิดว่าต่อให้ติดแผ่นเกราะเสริมเข้าไปแล้วก็น่าจะยังขยับได้ง่ายกว่าชุดเกราะอัศวินเต็มตัวแบบที่เจอในคฤหาสน์ของเวก้าอยู่ล่ะมั้ง”
“อื้ม~ สรุปก็คือต่อให้ไม่ได้ใส่วิซลงไปก็ยังขยับได้ปกติแต่แค่ฝืดๆ อยู่งั้นสินะ งั้นสำหรับรุ่นนี้แค่ทำให้ขยับง่ายขึ้นหน่อยก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรแล้วล่ะมั้ง…”
เอริกะพยักหน้าพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่นากาพูดขึ้นมา ก่อนที่เธอจะลุกยืนขึ้นและเดินไปทางประตูห้องอย่างรวดเร็ว
“ถ้างั้นพวกเราก็ไปกินเค้กกันเถอะ! ถ้าเกิดออกไปช้าเดี๋ยวได้โดนพริมจังแย่งไปกินหมดซะก่อนนะ~”
“ด—เดี๋ยวก่อนสิเอริกะ มาถอดพาร์ทพวกนี้ให้ฉันก่อนสิ”
“แต่ฉันอยากกินเค้กแล้วอ่ะ แล้วโอกาสจะได้ลองใส่แบบนี้ไม่ได้มีง่ายๆ นะ เพราะงั้นเดี๋ยวไว้หลังกินเค้กเสร็จค่อยกลับมาถอดก็ได้ จะได้ลองใส่ดูนานๆ ไง~”
เอริกะที่เหมือนจะมองออกว่านากายังคงพยายามใช้งานวิซในร่างกระตุ้นให้พาร์ทที่เอวทำงานอยู่อย่างเงียบๆ นั้นได้พูดเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาจนทำให้นากาที่ได้ยินแบบนั้นเผลอยิ้มออกมาและตอบกลับไป
“อ่า ถ้าเธอว่าอย่างงั้นละก็นะ”
“ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ~ เค้ก~~~”
ซึ่งเมื่อทั้งสองคนเดินออกมาจากออฟฟิศแล้วพวกเขาก็ได้เห็นคอนแนลกับอลิซแล้วก็โมโกะที่ฟื้นกลับขึ้นมาแล้วกำลังนั่งคุยเล่นกันอยู่ ในขณะที่พรีมูล่านั้นกำลังถือมีดตัดเค้กจ้องมองเค้กสตรอว์เบอร์รีก้อนใหญ่อยู่ด้วยสายตาเป็นประกายราวกับเป็นสัตว์ป่าที่เตรียมจะตะครุบเหยื่ออยู่อย่างไรอย่างนั้น
“อ่ะ พี่นากาออกมาแล้– เอ๋—!!? พี่นากาขี้โกงอ่ะ!! หนูก็อยากลองใส่เจ้านั่นบ้างเหมือนกันนะ!!”
ทันทีที่พรีมูล่าเห็นนากาเดินออกมาจากออฟฟิศของเอริกะนั้นเธอก็รีบร้องบอกทุกคน แต่ว่าเมื่อเธอได้เห็นว่านากากำลังใส่พาร์ทท่อนล่างที่เธอเคยเห็นอลิซใส่อยู่ก่อนหน้านี้ออกมาด้วย เธอก็ทำแก้มป่องและเอามือตีใส่นาการัวๆ ราวกับว่าเป็นเด็กที่โดนแย่งของเล่นในทันที
“อะ— ด—เดี๋ยว อย่าตีพี่สิพรีมูล่า!”
ส่วนทางด้านเอริกะที่เห็นเด็กสาวผมชมพูกำลังงอแงเป็นเด็กน้อยก็หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะพูดบอกพรีมูล่าไปอย่างสบายๆ
“ฮะฮะ ถ้างั้นเดี๋ยวเธอสนใจจะลองใส่มันเล่นดูมั้ยล่ะพรีมูล่า? แต่ฉันไม่มีคริสตัลสำหรับธาตุน้ำแข็งเตรียมเอาไว้ เพราะงั้นเธอใส่แล้วอาจจะขยับได้ลำบากอยู่เหมือนกันนะ”
“เอ๋ะ! ได้หรอคะ!?”
“อื้อ! แน่นอนอยู่แล้วสิ นายเองก็ไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ยล่ะนากาคุง~?”
“อ่า ถ้ามันทำให้ยัยตัวแสบนี่หยุดงอแงได้ล่ะก็นะ… งั้นเดี๋ยวเอาไว้หลังกินเค้กเสร็จแล้วเธอก็ค่อยมาลองใส่ดูละกันนะพรีมูล่า”
นากาที่เพิ่งจะสงบศึกกับน้องสาวของตนได้นั้นไม่อยากจะให้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นมาอีกครั้งเขาจึงได้พยักหน้าตกลงกับเอริกะไปอย่างว่าง่าย และแน่นอนว่าเมื่อพรีมูล่าได้ยินแบบนั้นเธอก็โบกไม้โบกมือดีใจออกมาทันที ก่อนที่เอริกะจะเดินนำนากาไปนั่งร่วมวงกับทุกคนและพูดขึ้นมา
“ว่าแต่พอมาอยู่พร้อมหน้ากันทุกคนแบบนี้แล้วนี่ทำเอาห้องรับแขกบ้านฉันดูแคบไปเลยแฮะ”
“ก็ช่วยไม่ได้นะครับ เพราะว่าต่อให้เมื่อก่อนพวกผมจะเคยมาค้างกันที่บ้านของคุณเอริกะแต่ก็มากันแค่สองคนเองนี่ครับ”
“ก็นั่นสิน๊า… แล้วจะเอาไงดีล่ะเนี่ย… อื้ม~ งั้นเดี๋ยวไว้ลอง—–”
“อ่ะ แล้วนี่ก็ส่วนของพี่เอริกะ~”
ในระหว่างที่เอริกะกำลังคิดหาวิธีจัดการกับความแออัดในบ้านของเธออยู่นั้น พรีมูล่าก็ได้ยื่นจานใส่เค้กเข้ามาขัดเธอซะก่อนจนทำให้เธอต้องรีบตอบกลับไป
“โอ้ ขอบใจจ้ะ~”
“อย่าไปขัดคนที่กำลังพูดอยู่แบบนั้นสิพรีมูล่า… ว่าแต่เมื่อกี้เธอจะพูดอะไรน่ะเอริกะ?”
“หื้ม? เปล่านี่? เอาเป็นว่าตอนนี้พวกเรามานั่งกินเค้กกันก่อนดีกว่า~ แล้วเดี๋ยวปัญหาอื่นค่อยไปนั่งคิดกันทีหลังก็ละกัน~”
และหลังจากที่ทุกคนกินเค้กกันเสร็จแล้ว นากากับเอริกะก็ถูกพรีมูล่าลากเข้าไปในห้องออฟฟิศเพื่อที่เธอจะได้ลองใส่พาร์ทดูไวๆ ในขณะที่คนอื่นๆ นั้นก็แยกย้ายกันไปจัดการเรื่องส่วนตัวกัน
ซึ่งพรีมูล่าที่ได้ลองใส่พาร์ทสมใจเธอแล้วก็ได้วิ่งสวนทางกับคอนแนลที่เดินเข้ามาช่วยงานเอริกะออกไปวิ่งเล่นในสนามหญ้าจนดึกดื่น ก่อนที่เธอจะโดนนากาลากให้กลับมาเข้านอนในช่วงดึกและจากนั้นทุกคนก็ได้แยกย้ายกันไปเข้านอนอย่างสงบสุข