“พี่นากาาาาาาา~ ตื่นได้แล้วววว~”
นากาที่หลับสนิทจนถึงช่วงเช้าโดยไม่ได้เจอกับพาเทียซ์ในความฝันเหมือนกับที่เขาคาดไว้นั้นก็ได้รีบผุดลุกขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงของน้องสาวตัวแสบดังขึ้นมาก่อนที่เขาจะถูกอีกฝ่ายปลุกด้วยวิธีประหลาดๆ อีกครั้ง
“อ่ะ พี่นากาตื่นแล้วแฮะ”
“ม—มีอะไรหรอพรีมูล่า?”
“จะมีอะไรซะอีกล่ะ! นี่มันจะเที่ยงอยู่แล้วนะพี่นากา!”
“เอ๋ะ?”
เมื่อนากาได้ยินแบบนั้นเขาก็หันไปมองนาฬิกาเรือนเล็กๆ ที่ติดอยู่บนกำแพงห้องนั่งเล่นในทันที และเขาก็พบว่าเข็มสั้นของนาฬิกาเกือบจะชี้ไปถึงเลขสิบเอ็ดอยู่แล้วจริงๆ
“แล้วก็พี่เอริกะเขาบอกว่าจะมีแขกมาด้วยอ่ะ ให้พี่นาการีบตื่นไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วจะได้ไปทำความรู้จักกับเขาหน่อย”
“หื้ม? แขกงั้นหรอ?”
“ช่าย~ อีกเดี๋ยวก็จะมากันแล้วอ่ะ พี่นาการีบๆ ไปเตรียมตัวได้แล้ว”
“อ่า ได้สิๆ”
นากาพยักหน้าตอบพรีมูล่าไปพร้อมกับลุกขึ้นและเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อที่จะเตรียมตัวต้อนรับแขกให้เรียบร้อย และเมื่อนากาจัดการอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินตรงไปยังห้องออฟฟิศของเอริกะและเคาะประตูไปสองสามที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“อะ เข้ามาได้เลยจ้ะ~”
เมื่อนากาได้ยินเสียงของเอริกะตอบกลับมาแล้วเขาจึงได้เปิดประตูเข้าไปข้างใน ซึ่งเขาก็พบว่านอกจากเอริกะที่นั่งอยู่ด้านในห้องแล้วก็ยังมีเอริซาเบธ เดรค และหญิงสาวผมสีขาวนัยน์ตาสีแดงในชุดเดรสสีขาวที่เขาไม่คุ้นหน้าอีกคนหนึ่งอยู่ด้วย
“หื้ม~ คนนี้น่ะหรอคะที่คุณเอริกะพูดถึงน่ะ?”
“อ่า ใช่แล้วล่ะมีอา เด็กคนนี้แหล่ะที่ฉันเล่าให้ฟัง”
“อ–เอ๋ะ?”
หญิงสาวผมสีขาวได้เดินเข้ามายื่นหน้ามองนากาใกล้ๆ จนทำให้นากาถึงกับทำตัวไม่ถูก และเมื่อเอริซาเบธเห็นแบบนั้นเธอจึงได้พูดแนะนำตัวให้ทั้งคู่ออกมา
“นากาคุงผู้หญิงคนนี้ก็คือมีอาที่ฉันเคยพูดถึงเมื่อก่อนหน้านี้ไง ส่วนมีอา นั่นก็นากาคุงที่ฉันเล่าให้ฟังน่ะ”
“เรียกฉันว่ามีอาเฉยๆ เลยก็ได้จ้ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“อ่าครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณมีอา”
แต่พอเอริซาเบธได้ยินนากาเรียกเพื่อนของเธอออกมาแบบนั้น เธอก็รีบเดินมาและยื่นมือออกมาดึงแก้มของเขาไปมาไปทีหนึ่ง
“โอ๊ยๆๆ”
“มีอาเขาบอกให้เรียกว่ามีอาเฉยๆ ไม่ใช่หรอหื๊อ?”
“เข้าใจแล้วๆ เรียกมีอาเฉยๆ ก็ได้!!”
“งั้นก็เอาตามนั้นแหละเนอะ~”
มีอาที่ได้ยินนากายอมตอบกลับมาแบบนั้นแต่โดยดี ก็พยักหน้าพร้อมพูดตอบกลับมาทีหนึ่ง ก่อนที่เอริซาเบธนั้นจะยอมปล่อยมือออกจากแก้มของนากา
“ว่าแต่เอริกะ นี่เธอเรียกฉันมาแนะนำตัวกับมีอาเฉยๆ หรอ? หรือว่ามีเรื่องอะไรอย่างอื่นอีกหรือเปล่า?”
“ตอนนี้นายหายเหนื่อยจากเรื่องเมื่อวานแล้วหรือยังล่ะ?”
“หืม? ก็หายเหนื่อยแล้วล่ะ มีอะไรจะให้ฉันทำหรอน่ะ?”
นากาที่ได้ยินเอริกะถามมาแบบนั้นก็ตอบเธอพร้อมถามกลับไปด้วยความสงสัย แต่ว่าเอริกะก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมาและหันไปสั่งให้เอริซาเบธกับเดรคให้พาตัวเขาไปในทันที
“ถ้างั้นเดรคกับเอริซาเบธ เดี๋ยวพวกเธอพาตัวนากาไปที่คฤหาสน์ได้เลยนะ”
“ฮึ่ม…”
“ค่าาา~ ถ้างั้นพวกฉันขอตัวไปหยิบอุปกรณ์กันก่อนนะคะ ส่วนนากาคุงไปรอพวกฉันที่หน้าบ้านได้เลย~”
“อ่ะ— เดี๋—”
ทันทีที่เอริซาเบธได้รับคำสั่งจากเอริกะเธอก็หันไปคว้าแขนของเดรคและเดินนำออกไปจากห้องโดยไม่ได้อธิบายเลยว่าจะพาเขาไปไหนกันแน่ จนทำให้นากาต้องหันไปถามเอริกะที่เป็นคนสั่งงานแทน
“นี่เอริกะ สรุปว่าเธอจะให้ฉันไปทำอะไรที่ไหนกับพวกเอริซาเบธกันแน่เนี่ย?”
“อ่ะ โทษทีๆ ลืมบอกไปเลยนี่เนอะ”
เอริกะที่เพิ่งจะรู้ตัวนั้นได้ส่งเอกสารในมือคืนให้มีอาไปก่อน และหันกลับมาพูดอธิบายให้นากาฟัง ในขณะที่มีอานั้นก็นำเอกสารที่ถูกส่งคืนกลับมาตรวจความเรียบร้อยดูอีกครั้งหนึ่งระหว่างที่รอให้ทั้งสองคนพูดคุยกันเสร็จ
“นายยังจำคฤหาสน์ของเวก้าได้ใช่มั้ยล่ะนากา?”
“ก็ต้องจำได้อยู่แล้วสิ ฉันเพิ่งจะวิ่งผ่านไปเมื่อวานนี้เองนะ”
“ก็นั่นล่ะ พอดีว่าฉันอยากให้นายไปช่วยเอริซาเบธกับเดรคเขาตรวจดูด้านในอีกรอบนึงน่ะว่ามีอะไรตกหล่นไปหรือเปล่า ถึงเดรคเขาจะบอกว่าจัดการเอาออกมาหมดแล้วก็เถอะ แต่ยังไงก็ไปตรวจดูอีกรอบนึงเผื่อไว้ก่อนดีกว่าน่ะ จะได้ถือโอกาสตรวจสภาพของตัวคฤหาสน์ไว้สำหรับเตรียมแผนการซ่อมแซมไปด้วยเลย”
“เธอจะซ่อมที่นั่นหรอ ท่าทางจะงานหนักเลยนะนั่น… เดี๋ยวสิ… ที่เธอบอกว่าเผื่อมีอะไรตกหล่นนั่นหมายถึงพวกนั้นนั่นน่ะนะ?”
“ก็หมายถึงพวกนั้นนั่นแหล่ะ”
คำตอบของเอริกะนั้นทำให้นากาอดที่จะทำสีหน้าเจือนๆ ออกมาไม่ได้เมื่อเขานึกถึงสิ่งหลงเหลือไว้ภายในคฤหาสน์หลังจากการคลุ้มคลั่งของแมรี่ที่เขากับเอริซาเบธได้ไปเจอมากันก่อนหน้านี้
“เฮ้อ… ให้ฉันไปเช็กสภาพคฤหาสน์กับพวกเอริเขาเฉยๆ ใช่มั้ยล่ะ ก็หวังว่าเธอกับเดรคจะเก็บกวาดรอบแรกไปหมดแล้วน่ะนะ…”
“อื้อ~ แล้วก็ถ้าไม่มีปัญหาอะไรอีกฉันว่าจะให้กลุ่มของพวกเธอแล้วก็คอนแนลช่วยกันซ่อมคฤหาสน์นั่นกันด้วยน่ะ พวกเธอคงไม่มีปัญหาอะไรหรอกเนอะ~”
“งั้นเดี๋ยวเรื่องนั้นไว้ฉันจะไปบอกทุกคนให้เองละกัน ว่าแต่คอนแนลเป็นอัศวินของเวก้าไม่ใช่หรอ เธอเอาเขามาใช้งานแบบนี้จะไม่มีปัญหาอะไรหรอน่ะ?”
“อ๋อ~ ถ้าเรื่องนั้นฉันกำลังให้มีอาเตรียมเอกสารสำหรับขอย้ายคอนแนลมาเป็นผู้ช่วยฉันอยู่น่ะ ถึงจะฟังดูแปลกๆ อยู่นิดหน่อยที่จะดึงตัวอัศวินจากวังหลวงมาใช้งานก็เถอะ แต่ว่าช่วงนี้พวกนั้นไม่กล้าขัดใจฉันเท่าไหร่หรอก~”
เอริกะพูดตอบคำถามของนากาออกมาพร้อมกับชี้นิ้วไปทางมีอาที่กำลังไล่ตรวจเอกสารในแฟ้มไปมาอยู่ ก่อนที่เธอจะหันมาขยิบตาให้นากาไปทีหนึ่งและพูดต่อขึ้นมา
“แต่ยังไงก็เก็บเรื่องนี้ไว้อย่าบอกคอนแนลเขาหน่อยนะ พอดีฉันอยากเซอร์ไพรส์เขาน่ะ~”
“เซอร์ไพรส์— ก็สมกับเป็นเธอดีล่ะมั้ง… งั้นเดี๋ยวไว้เรื่องนี้ฉันให้เธอเป็นคนบอกคอนแนลเขาเองก็ละกันเนอะ”
“ขอบใจมากน๊า~”
“ว่าแต่รอบนี้ฉันพาพรีมูล่าไปด้วยได้หรือเปล่าน่ะ?”
“ได้สิ แต่ว่าตอนเข้าไปข้างในก็ระวังๆ หน่อยละกันเผื่อว่าจะมีอะไรเหลืออยู่น่ะ นายคงไม่อยากให้น้องสาวนายเห็นอะไรแบบนั้นหรอกใช่มั้ยล่ะ~”
หลังจากที่นากาได้ยินคำตอบจากเอริกะแล้วเขาก็ยังคงยืนนึกถึงเรื่องอะไรบางอย่างอยู่สักครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะตัดสินใจที่จะหันกลับและก้าวขาเดินไปยังประตูห้องแทน
“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันออกไปตามตัวพรีมูล่าก่อนละกัน”
“ไปดีมาดีละกันนะจ๊ะ”
“อื้อ โชคดีนะนากาคุง~”
ซึ่งหลังจากที่นากาได้ปิดประตูกลับดังเดิม เอริกะที่เหลือบมองไปทางมีอานั่นก็พยักหน้าเป็นสัญญาณให้เธอลุกมาหา ก่อนที่มีอานั้นจะเดินถือเอกสารชุดนั้นมาหาเอริกะอย่างว่าง่าย
“เท่าที่ฉันดูแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะคะคุณเอริกะ”
“เฮ้อ… เธอหมายถึงเอกสารโยกย้ายตำแหน่งของคอนแนลหรือเรื่องของนากาคุง หรือว่าเรื่องการโจมตีที่แพนเทร่ากับกลุ่มทหารที่ทุ่งหญ้าเมื่อวานนี้กันล่ะ?”
“อ—เอ่อ— ฉันหมายถึงแค่สองอย่างแรกที่คุณเอริกะพูดมาเท่านั้นแหล่ะค่ะ! ว่าแต่อย่าบอกนะคะว่าเรื่องเมื่อวานนี้มันเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เมืองแพนเทร่าด้วยน่ะคะ?”
มีอาที่ถูกเอริกะถามกลับมานั้นได้รีบพูดเสริมขึ้นมาในทันทีพร้อมกับถามเพิ่มเติมไปด้วยความสงสัย ซึ่งเอริกะก็ได้หยิบเอกสารแผ่นหนึ่งขึ้นมาส่งให้มีอาไป
“รายละเอียดที่ทีมภาคสนามหามาได้อยู่ในนั้นหมดแล้ว ต้องบอกว่าโชคดีที่เรื่องเมื่อวานนี้เหมือนจะเป็นแค่เรื่องของกลุ่มทหารรับจ้างกับทหารจากเมืองซายูกิที่ตกลงผลประโยชน์กันไม่ได้เฉยๆ ล่ะนะ แต่ก็ยังยืนยันไม่ได้ว่าพวกนั้นมาจากเมืองซากิหรือว่าจากเมืองยูกิกันแน่อยู่ดี… ให้ตายสิขนาดในเวลาแบบนี้มนุษย์พวกนั้นก็ยังจะหาเรื่องทะเลาะกันเองได้อีกนะ”
“เมืองซายูกิงั้นหรอคะ? ดันเป็นเมืองที่เข้าไปสืบหาข้อมูลได้ยากที่สุดด้วยสินะคะเนี่ย เพราะว่าดันแบ่งเมืองออกเป็นสองส่วนแบบนั้นน่ะ”
“ก็นั่นสิน๊า~ ถ้างั้นก็คงต้องส่งคนเข้าไปสืบดูทั้งสองเมืองเลยนั่นล่ะ ตอนนี้มีกลุ่มไหนที่พอจะเรียกใช้งานได้บ้างมั้ยเนี่ย”
“ต่อให้รวมกลุ่มทหารรับจ้างจากภายนอกที่พวกเราติดต่อไปแล้วตอนนี้ก็มีแค่สองกลุ่มที่พร้อมรับคำสั่งค่ะ”
“สองกลุ่ม? ทำไมถึงมีแค่นั้นเองล่ะ… รายงานรายชื่อกลุ่มทหารรับจ้างที่เราหามาได้ให้ฉันฟังหน่อยสิ”
“รับทราบค่ะ… พวกกลุ่มทหารรับจ้างที่หามาได้ตอนนี้มีประจำการรอบๆ รีมินัสอยู่สิบเก้ากลุ่ม ที่แพนเทร่าสิบห้ากลุ่ม ที่กราวิทัสอีกสิบห้ากลุ่ม แล้วก็มีอีกสองกลุ่มที่ยังไม่ได้โดนสั่งให้ไปประจำการที่ไหน รวมทั้งสิ้นแล้วมีทั้งหมดห้าสิบเอ็ดกลุ่มพอดีค่ะ”
“ได้มาแค่ห้าสิบเอ็ดกลุ่มเองงั้นหรอ… จะหาเพิ่มอีกจากที่ไหนดีนะ…”
“ค—แค่? ห้าสิบเอ็ดกลุ่มเนี่ยนะคะ!? ถ้าเกิดว่ารวมกลุ่มของพวกฉันกับกลุ่มของเซซิเรีย แล้วก็พวกนากาคุงที่เพิ่งเข้ามาใหม่นี่ก็เกือบจะสองร้อยคนเข้าไปแล้วนะคะ!! ถ้าเกิดว่ายังจะเพิ่มคนเข้าไปมากกว่านี้มีหวังว่าเดี๋ยวพวกเราจะได้โดนทั้งสี่เมืองหลักเพ่งเล็งเข้าจริงๆ หรอกค่ะ!!”
เมื่อมีอาได้ยินอีกฝ่ายบ่นพึมพำออกมาเหมือนกับว่าจำนวนคนกว่าสองร้อยคนนั้นจะยังไม่พอใจเธอ มีอาก็ได้ร้องขึ้นมาอย่างตกใจและเอ่ยปากเตือนออกไปด้วยความเป็นห่วง
แต่ว่าเมื่อเธอเห็นสายตาของเอริกะที่มองมาอย่างจริงจังนั้น มีอาก็คิดว่าคำว่า ‘แค่’ ของเอริกะนั้นอาจจะหมายถึงว่าพวกเธอยังมีกำลังคนยังไม่พออยู่จริงๆ ก็เป็นได้
“ร…รับทราบค่ะ เดี๋ยวฉันจะสั่งให้เปิดประกาศรับสมัครทหารรับจ้างต่อไปก็แล้วกันนะคะ แต่ว่าเอาจริงๆ ถ้าคุณเอริกะลดเงื่อนไขลงมาหน่อยก็น่าจะแก้ปัญหาเรื่องกำลังคนได้ทันทีเลยล่ะมั้งคะ เพราะว่าพอมันเป็นงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับทะเลมรกตแล้วพวกกลุ่มใหญ่ๆ ก็มีท่าทีว่าจะสนใจเหมือนกันนะคะ”
“มีพวกกลุ่มใหญ่เข้ามาคุยด้วยงั้นหรอ?”
“ก็มีอยู่บ้างล่ะค่ะ แต่ว่าปฏิเสธไปหมดแล้วเพราะว่าไม่ตรงกับเงื่อนไข อย่างกลุ่มแบล็คโคเมทที่รีมินัสนี่ กลุ่มยูกิฮานะจากซายูกิ แล้วก็กลุ่มแคทเทลจากแพนเทร่าน่ะค่ะ”
“เฮ้อ… ถ้าเป็นพวกนั้นก็ไม่ไหวหรอก พวกนั้นมีคนเยอะเกินไปแถมบางกลุ่มยังรับงานจากวังหลวงมาทำเป็นประจำด้วยนี่ ถ้าเกิดเรารับเข้ามามีหวังทางวังจะคิดว่าเราไปแย่งกำลังคนเขามาซะเปล่าๆ นะ”
“ถ้าคุณเอริกะว่าอย่างนั้นก็ตามนั้นละกันค่ะ…”
มีอาพยักหน้าตอบเอริกะไปทีหนึ่ง แล้วจึงก้มลงอ่านเอกสารที่เอริกะส่งมาให้อีกครั้ง ซึ่งสิ่งที่ถูกเขียนไว้ในเอกสารนั้นก็ทำให้เธอตัดสินใจที่จะเอ่ยปากถามเอริกะออกมาด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ
“ค…คุณเอริกะคะ… เอาจริงๆ ปัญหาเรื่องนี้พวกเราปล่อยให้พวกเมืองหลวงเขาจัดการกันเองก็ได้ไม่ใช่หรอคะ? ถ้าเกิดเราเข้าไปยุ่มย่ามแล้วเผลอทำอะไรผิดพลาดไปล่ะก็พวกเราอาจจะโดนพวกเขาหมายหัวเอาก็ได้นะคะ…”
“หึ~ กลัวหรอไงมีอา? ถ้าเกิดเธอกังวลล่ะก็เดี๋ยวฉันถอนเธอกับเอริซาเบธเขาออกจากทีมให้ก็ได้นะ”
“ม—ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อยค่ะ! แล้วไหงจู่ๆ ถึงพูดถึงยัยนั่นขึ้นมาแบบนี้ล่ะคะ!?”
“อ่าว ไม่ใช่หรอกหรอ~? ฉันก็นึกว่าเธอเป็นห่วงใครบางคนเลยพูดออกมาแบบนั้นซะอีกนะ~”
เอริกะทำตาแพรวพราวมองดูมีอาที่หน้าแดงก่ำอยู่สักพัก ก่อนที่เธอจะหยุดการล้อเล่นเอาไว้เพียงเท่านี้และพูดขึ้นมาต่อ
“เชื่อฉันเถอะมีอา—ไม่สิ เธอไม่จำเป็นต้องเชื่อใจฉันก็ได้ เพราะงั้นถ้าเกิดว่าเธอคิดจะถอนตัวไปจริงๆ ฉันก็ไม่ห้ามหรอก แต่ว่าฉันจะไม่หยุดทำมันหรอกนะต่อให้จะเหลือฉันเพียงแค่คนเดียวก็ตามที”
“แผนการนั้นมันสำคัญถึงขนาดต้องหว่านแหจ้างคนจากทุกมุมโลกมาใช้งาน หรือกระทั่งอาจจะต้องยอมเสี่ยงที่จะเป็นศัตรูกับทั้งสี่เมืองเลยงั้นหรอคะ…”
“อ่า…ใช่แล้วล่ะ”
“—!”
มีอาที่จ้องมองเอริกะอยู่นั้นได้เผลอผงะไปเล็กน้อย เมื่ออยู่ดีๆ สีหน้าของเอริกะที่มักจะทำเป็นขี้เล่นอยู่เสมอได้เปลี่ยนกลายมาเป็นสีหน้าจริงจังแน่วแน่แตกต่างจากปกติโดยสิ้นเชิง ก่อนที่เอริกะจะพูดขึ้นมาต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับว่าไม่มีอะไรที่จะทำให้เธอเปลี่ยนใจได้แล้วแน่นอน
“เพราะถ้าเกิดฉันไม่ทำมันต่อไปล่ะก็… คงจะไม่มีใครในโลกที่จะสานต่อมันแล้วล่ะ…”
“ห๊าวววว~”
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่ชั้นสองของบ้านเอริกะที่สาวๆ ได้จับจองเป็นห้องนอนกันก็ได้มีเสียงหาวยาวยืดของโมโกะที่เพิ่งจะลุกขึ้นมานั่งยืดแขนอยู่บนเตียงดังขึ้นมา
“ตื่นได้สักทีนะ… ฉันกำลังคิดว่าถ้าถึงเที่ยงแล้วเธอยังไม่ตื่นฉันจะไปตามอารอนมาส่งเธอเข้าห้องดับจิตอยู่พอดีเลยล่ะ”
ในขณะที่โมโกะกำลังบิดขี้เกียจอยู่นั้น อลิซที่เหมือนจะตื่นมาได้สักพักแล้วและกำลังนอนอ่านเอกสารบางอย่างที่เอริกะทิ้งไว้ในห้องเล่นอยู่ก็ได้พูดขึ้นมาจนทำให้โมโกะต้องขมวดคิ้วตอบกลับไป
“เสียมารยาทน่า! เธอห่วงแผลที่ขาตัวเองก่อนดีกว่ามั้ง”
“มันก็ไม่ค่อยเจ็บแล้วนะ แต่ว่าก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันแฮะ… เธอลองตรวจดูให้หน่อยสิ?”
ทันทีที่อลิซพูดจบเธอก็พลิกตัวกลับมานั่งและทำท่าเหมือนกับว่าจะเปิดผ้าพันแผลออกมาให้โมโกะตรวจดูอาการเข้าจริงๆ จนทำให้โมโกะต้องรีบจับมืออีกฝ่ายออกให้พ้นผ้าพันแผลอย่างลนลาน
“เดี๋ยวๆๆๆ หยุดก่อนเลย!”
“ล้อเล่นน่ะ…”
“ให้ตายสิ! นี่ฉันเพิ่งจะตื่นเองนะอย่าเพิ่งทำอะไรให้ตกใจเล่นแบบนี้ได้มั้ยหะ!?”
แต่ถึงแม้ว่าโมโกะจะว่าอลิซกลับไปแบบนั้นก็ตามแต่ก็ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ถือสาอะไรอีกฝ่ายมากนัก ก่อนที่โมโกะจะเดินไปยังประตูห้องนอนเพื่อลงไปชั้นล่างพร้อมกับพูดขึ้นมา
“เดี๋ยวฉันจะไปห้องน้ำหน่อย เธอจะฝากฉันหยิบอะไรข้างล่างให้มั้ยอลิซ?”
“นั่นสินะ… เค้กก็ละกัน… น่าจะยังเหลือส่วนของฉันอยู่ในตู้เย็นฝากเธอหยิบมาหน่อยละกัน…”
“เค้กสินะได้สิๆ”
“อย่าลืมล้างมือก่อนออกจากห้องน้ำด้วยล่ะ…”
“นี่ฉันไม่ใช่พรีมูล่านะ!!”
เมื่อโมโกะได้ยินอลิซพูดหยอกล้อมาอีกครั้งนั้นเธอก็รีบตอบกลับไปทันทีก่อนที่จะรีบปิดประตูห้องลงเพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรออกมาอีกและรีบเดินลงไปชั้นล่างในทันที
“ด–เดี๋ยว ไม่ต้องวิ่งก็ได้พรีมูล่—”
“เย้~”
“หือ? เสียงของยัยตัวแสบกับนากานี่นา?”
ในระหว่างที่โมโกะกำลังจัดการธุระส่วนตัวอยู่นั้นก็ได้มีเสียงร้องอย่างดีใจของพรีมูล่าดังขึ้นมาพร้อมๆ กับเสียงโวยวายของนากาที่เหมือนจะถูกน้องสาวของเขาลากแขนออกไปก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงของประตูบ้านที่ถูกปิดลงอย่างแรง
ปึ้ง!
“ช่างเถอะ คงโดนพรีมูล่าลากไปหาของกินอีกล่ะมั้ง”
โมโกะพูดขึ้นมาหลังจากที่ไม่ได้ยินเสียงโวยวายของทั้งสองดังขึ้นมาอีก ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อที่จะหยิบขนมเค้กกลับไปให้อลิซที่รออยู่ในห้องนอน
และหลังที่เธอกลับขึ้นไปบนชั้นสองและส่งเค้กชิ้นนั้นให้กับอลิซไปแล้ว เธอก็ได้เดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อรับลมเย็นจากภายนอกเข้ามาด้านในบ้าง
“ห—หือ—”
ในระหว่างที่โมโกะกำลังรับลมเย็นๆ ที่พัดเข้ามาอยู่นั้น สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างสีเขียวๆ เหลืองๆ อยู่ที่ใต้ต้นไม้ในสวนของบ้านเอริกะเข้าจนทำให้เธอต้องขยี้ตาเพื่อมองดูให้ชัดๆ ในทันที
ซึ่งเธอก็พบว่าสิ่งนั้นก็คือเด็กสาวผมสีเหลืองแซมเขียวในชุดนักเรียนของโรงเรียนรีมินัสนั่นเธอ และอีกฝ่ายนั้นก็เหมือนจะสัมผัสได้ถึงสายตาของโมโกะ เธอจึงได้ชำเลืองขึ้นมาทางหน้าต่างห้องนอนก่อนจะยิ้มกว้างและเอียงคอมองกลับมาจนทำให้โมโกะถึงกับขนลุก
“น—นี่อลิซ! เธอมาดูอะไรนี่หน่อยสิ!?”
“หื้ม…อะไรอีกล่ะ…รบกวนเวลาคนป่วยซะจริง”
อลิซที่ได้ยินโมโกะร้องเรียกด้วยท่าทีหวาดผวานั้นได้รีบวางเค้กก้อนที่เหมือนจะเล็กกว่าที่เธอจำได้เมื่อคืนลง พร้อมกับหยิบไม้ค้ำมาเดินกะโผลกกะเผลกไปที่หน้าต่างในทันที
“เด็กผู้หญิงหัวเขียวๆ เหลืองๆ นั่นใช่เพื่อนเธอหรือเปล่าน่ะ!?”
“เด็กผู้หญิง…? พูดเรื่องอะไรของเธอน่ะยัยแมวผี ที่สวนไม่เห็นมีใครเลยนะ?”
“หา— ก็ตรงที่ต้นไม้นั่—- อ—-เอ่อ— แต่เมื่อกี้ฉัน— แต่เมื่อกี้ฉันเห็นเด็กผู้หญิงอยู่ตรงต้นไม้นั่นจริงๆ นะ!!”
เมื่ออลิซได้ยินโมโกะพูดขึ้นมาแบบนั้นเธอก็มองไปยังต้นไม้ในสวนอีกครั้งหนึ่งแต่ว่าก็ยังไม่เห็นวี่แววของใครอยู่ดี ก่อนที่เธอจะหันกลับมามองครีมเปื้อนแก้มของโมโกะอยู่และเหลือบไปมองเค้กที่ก้อนเล็กกว่าที่เธอจำได้แล้วจึงพูดออกมา
“มีใครแอบใส่อะไรลงไปในเค้กนี่หรือเปล่าเนี่ย… แล้วไหนๆ เธอก็แอบกินไปแล้วนี่นะสนใจจะกินให้หมดเลยมั้ย?”