บทที่ 44 ฆ่าได้หยามไม่ได้

คิงดราก้อน

ระหว่างทาง จูเจียนเฉียงขับรถ ด้วยความรวดเร็ว โดยไม่มีท่าทีตึงเครียดอะไรเลย

เมื่อมีเซียวหยางมาด้วย การมาทวงเงินคืนนั้นก็เหมือนมาเที่ยวเท่านั้น

อาจารย์เป็นคนที่สามารถจัดการได้โดยการออกหมัดเพียงไม่กี่ครั้ง คนที่แรงหมัดหนักมากนั้น มีเขามาอยู่ข้างๆ นั้น ตัวเองยังจะต้องกลัวอะไรอีก

จูเจียนเฉียงถึงกับคิด ว่าอีกไม่นานจะต้องปรี่เข้าไปก่อนอย่างแน่นอน เพื่อให้อาจารย์เห็นสิ่งที่ตัวเองฝึกมา

เมื่อคิดได้แบบนั้น เขาก็ขับรถเร็วกว่าเดิม

ราวๆ สี่สิบนาที ทั้งสองคนก็มาถึงด้านหน้าของเขตอุตสาหกรรมภาคใต้เมือง

ในสวนนั้นมีตึกสำนักงานอยู่ มีโรงงาน อย่างน้อยก็กินพื้นที่ราวๆ สองพันตารางกิโลเมตรได้

ที่ประตูมีหมาเฝ้าประตูตัวใหญ่หลายตัว ที่กำลังนอนหลับสบายท่ามกลางแสงอาทิตย์

หลังจากที่จอดรถแล้ว จูเจียนเฉียงก็มาที่หน้าประตู ก่อนจะมียามเดินเข้ามาหา

“มีเรื่องอะไรเหรอ มาหาใคร?”

น้ำเสียงของยามคนนี้ไม่ดี เขาใส่หมวกเอียงๆ ที่เอวมีกระบองอยู่ ถกแขนเสื้อขึ้น แถมที่แขนยังมีรอยสักรูปต่างๆ ด้วย

“พวกเราเป็นคนของบริษัทหยุนซู มาเคลียร์บัญชี”

บริษัทหยุนซูเหรอ?มาเคลียร์บัญชีงั้นเหรอ?

ยามยิ้มขึ้นอย่างร้ายกาจ เพราะคิดไม่ถึงว่าจะมาจริงๆ

เขาหยิบวอร์มา ก่อนจะกดแล้วพูด “คนของบริษัทหยุนซูมาแล้ว”

ผ่านไปหนึ่งนาที ก็มีคนพูดมาจากปลายสายว่าให้พวกเขาเข้ามา ยามพยักหน้า ก่อนจะเปิดทางเล็กๆ ให้เข้า

“โอเค เข้ามาเถอะ”

จูเจียนเฉียงรู้สึกไม่ค่อยชอบมาพากลเท่าไหร่ จู่ๆ ในใจก็เต้นแรง “อาจารย์ พวกเรา……จะเข้าไปจริงๆ เหรอ?”

“ทำไมจะไม่เข้าไปล่ะ ดูวิวสิ” เซียวหยางโบกมือ ก่อนจะเดินเข้าไปในสวนอย่างช้าๆ

ทั้งสองคนเพิ่งจะเดินเข้าไป ประตูเหล็กก็ปิดลง เมื่อเป็นแบบนี้ เซียวหยางกับจูเจียนเฉียงก็เหมือนกับถูกขังเอาไว้ในสวน อยากจะออกไปก็ไม่ได้

เซียวหยางยิ้มอย่างไม่แยแส ก่อนจะขยับข้อมือเล็กน้อย แล้วเดินต่อเข้าไปข้างใน

จู่ๆ ก็มีคนเดินออกมาจากตึกสำนักงาน คนที่นำมานั้นหัวล้าน เปลือยครึ่งตัว หน้าอกมีรอยสักเป็นมังกรด้วย ส่วนมือซ้ายกำลังจงสุนัขทิเบตันมาด้วย

บนใบหน้านั้นเป็นริ้วรอยเต็มไปหมด แต่ตาทั้งสองข้างนั้นคมกริบเป็นอย่างมาก

คนคนนี้เป็นเจ้าของของบริษัท จื้อเต๋อ จํากัด ชื่อซ่างเปีย คนเรียกว่าพี่เปียว เป็นคนอันดับต้นๆ ของภาคใต้เมืองเลยล่ะ

เมื่อเขาได้รับโทรศักท์ของผู้จัดการฝ่ายขายของบริษัทหยุนซู ให้กำไรกับเขา ด้วยข้อเสนอง่ายๆ คือพรุ่งนี้จะมีคนมาเคลียร์บัญชีของบริษัทหยุนซู ให้จัดการพนักงานขายที่ไม่ได้เรื่องออกไป

ผ่านวันนี้ไป ถือว่าเงินล้านนั้นก็หายกัน ไม่เพียงจะได้การตกรางวัล เงินก็ไม่ต้องเอาแล้ว นี่มันยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวจริงๆ เลย

“ฉันอยากจะเห็น ว่าใครไม่เกรงกลัว จนกล้ามารนหาที่ตายที่นี่จริงๆ เลย”

ซ่างเปียหรี่ตาลง เป็นคนสองคน คนหนึ่งก็ผอมเหลือเกิน ไม่ทันไร ก็น่าจะกลัวจนตัวหดแล้ว

ส่วนอีกคนนั้นยังดูปกติ แต่อีกไม่นานคงกลัวจนฉี่ราด

“มาเคลียร์บัญชีใช่ไหม”

ซ่างเปียชี้นิ้วไปที่จูเจียนเฉียงที่ถือเอกสารอยู่ “มา เอาเอกสารมาให้ดูหน่อย”

เซียวหยางไม่ได้สนใจซ่างเปียเลย เขากำลังสังเกตสถานการณ์รอบๆ ห่างออกไปไม่ไกลมีโรงงานแล้วก็ยุ้งฉาง เปิดประตูอยู่ แต่กลับไม่มีการทำงาน ในนั้นน่าจะเกิดเรื่องขึ้น

“อาจารย์……”

เซียวหยางเลิกคิ้วก่อนจะมองไปทางคนที่อยู่ด้านหน้า แล้วยิ้มเบาๆ พลางพูด “เอาไปให้เขาดู”

จูเจียนเฉียงเลียริมฝีปากที่แห้งกร้าน ก่อนจะยืดตัวขึ้น แล้วเดินไปเอาเอกสารยื่นให้ซ่างเปีย

แต่ซ่างเปียไม่มีทางทีจะรับเอกสารเลย เขามองเหยียดจูเจียนเฉียง ก่อนจะกระแอม แล้วถุยน้ำลายออกมา

“ขาก ถุย!”

น้ำลายเหนียวข้นนั้นมันมาอยู่ตรงรองเท้าหนังของจูเจียนเฉียง

ให้ตายเถอะ ฆ่าได้หยามไม่ได้!

จูเจียนเฉียงโกรธขึ้นมาทันที อีกฝ่ายนั้นกำลังหาเรื่องจริงๆ เขากำลังจะออกหมัด กลับเห็นอีกฝ่ายมองเขาด้วยความน่าเกรงขาม เลยชะงักไปในทันที

“บ้าเอ้ย มองอะไร เอาเอกสารมาให้ฉัน”

ซ่างเปียแย่งเอกสารนั้นมา ก่อนจะส่งให้ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังโดยไม่ได้มอง พลางพูด “ดูหน่อย พวกเราติดเขาอยู่เท่าไหร่ ถ้าติดก็คืนไป”

พวกพ้องที่อยู่ด้านหลังยิ้มร้ายๆ ก่อนจะรับเอกสารมา พลางทำเป็นเหมือนมองเล็กน้อย จากนั้นก็รวมเอกสารเอาไว้ แล้วโยนไปทางใต้ปากของสุนัขทิเบตัน

สุนัขทิเบตันได้รับการฝึกมาแล้ว เลยร้องออกมา ก่อนจะกัดกระดาษเอาไว้ แล้วฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ

“คุณ……พวกคุณทำอะไร นี่เป็นหลักฐานที่พวกคุณติดเงิน คุณฉีกเอกสารทิ้ง แล้วจะคิดอย่างไรล่ะ?”

จูเจียนเฉียงตกใจเพราะสุนัขทิเบตัน เลยถอยห่าง

“โทษฉันไม่ได้ เป็นความผิดของสุนัขทิเบตันนะ ไม่อย่างนั้น ก็คุยกันหน่อยไหม?”

“ฮ่าๆ ใช่สิ คุณเห่าสักหน่อย ไม่แน่สุนัขทิเบตันอาจจะคายออกมาก็ได้”

“บ้าเอ้ย ยังอยากจะได้เงิน ไปเอากับพ่อแกเถอะ”

“ไอ้งั่ง กล้ามาทวงเงินที่นี่ กล้ามากเกินไปแล้วมั้ง!”

ชายร่างกำยำสิบคนหัวเราะ อย่างเย่อหยิ่ง

ซ่างเปียโบกมือ ก่อนจะบอกให้เงียบลงหน่อย

เขาเอียงคอพลางพูด “ที่นี่คือภาคใต้เมือง ภาคใต้เมืองเป็นที่ที่ของซ่างเปีย คุณอยากทวงเงินเหรอ คุกเข่าเห่าต่อหน้าฉันสักหน่อย ถ้าทำได้ดี ฉันจะเอาเงินให้คุณไปใช้เล่นสักหน่อย เป็นอย่างไร?”

“ฮ่าๆ เห่า เห่าสิ?”

“รีบคุกเข่าลงแล้วเห่าเร็ว เห่าให้มันดีๆ !”

จูเจียนเฉียงถูกคนเหล่านี้มาล้อมเอาไว้ พลางหันมามองเซียวหยางด้วยอารมณ์สับสนเต็มไปหมด

“เรื่องนี้มันไม่เท่าเทียม ยังอยากจะเป็นลูกน้องฉัน ยังเสียหน้าไม่พออีกเหรอ” เซียวหยางบ่นด้วยความไม่พอใจ

จูเจียนเฉียงโกรธเป็นอย่างมาก เหมือนกับถูกอาจารย์ตบหน้าเลย

บ้าเอ้ย เพื่อเกม เพื่อผู้หญิง และเพื่อความยุติธรรมต่อตัวเอง สู้เลย!

จูเจียนเฉียงก้าวเท้าขึ้นไป ก่อนจะพูดเสียงเย็นชา “ฉันคือจูเจียนเฉียงที่เป็นฝ่ายขายของบริษัทหยุนซู พวกคุณเรียกว่าพี่เฉียงก็ได้!”

“วันนี้ฉันมาทวงเงิน พวกคุณติดเงินกับเย่หยุนซูอยู่เป็นล้านแล้ว เงินในวันนี้ คุณต้องให้ ถ้าไม่อยากให้ ก็ต้องให้!”

“งั้นถ้าฉันไม่ให้ล่ะ?” ซ่างเปียพูดด้วยความสนใจ

“ไม่ให้……ไม่ให้ก็แจ้งความ!”

เมื่อพูดออกไป ก็เกิดเสียงหัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมาทันที คนเหล่านั้นหัวเราะจนกล้ามท้องขึ้น

“ให้ตายเถอะ ไอ้งั่งคนนี้ ยังจะแจ้งความอีก!”

“มันตลกที่สุดตั้งแต่ฉันได้ยินมาเลย รอตำรวจมา คุณก็สะอึกก่อนแล้ว กล้าแจ้งความก็เอาสิ?”

เซียวหยางพอใจมากในตอนแรก แต่เมื่อได้ยินจูเจียนเฉียงพูดว่าแจ้งความ ก็อดไม่ได้ที่จะพูดไม่ออก

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ซ่างเปียก็หัวเราะเสียงเย็นชาขึ้นมา ในมือก็ปล่อยสุนัขออกมาทันที

สุนัขทิเบตันหรี่เข้ามาหาจูเจียนเฉียงพลางคำราม หมาที่สูงครึ่งหนึ่งของตัวคน น้ำหนักราวๆ ห้าสิบกิโลกรัม มันไม่ต่างกับเสือที่โตเต็มวัยเลย

จูเจียนเฉียงตกใจจนตาแทบถลน สุนัขทิเบตันนี้ดูดุร้ายเป็นอย่างมาก เขาไม่เคยชนะคนธรรมดาด้วยซ้ำ แล้วจะทำอย่างไรกับสุนัขทิเบตันตัวใหญ่แบบนี้

สุนัขทิเบตันมีฟันที่แหลมคม กรงเล็บก็คมกริบ มันจิกพื้นอยู่ แถมมันห่างจูเจียนเฉียงเพียงแค่ห้าเมตร ก็กระโดดเข้าหา

จากนั้นจึงอ้าปากกว้าง พลางจะกัดหัวของจูเจียนเฉียง!