บทที่ 15 คุณดูเข้ากับพวกเขาไม่ได้

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

บทที่ 15 คุณดูเข้ากับพวกเขาไม่ได้

บทที่ 15 คุณดูเข้ากับพวกเขาไม่ได้

ลู่เฉินพูดอย่างหมดหนทาง “เอาล่ะ ผมจะลองคบกับเธออย่างที่คุณปู่บอกก็ได้ แต่ถ้าไปกันไม่รอด ทุกอย่างก็ถือเป็นโมฆะ”

ก็แค่ทำเป็นเล่นตามบทที่คุณปู่วางไว้ก็พอจะได้ไม่ต้องมาทนฟังอะไรแบบนี้อีก

ลู่ก่วงเซินรู้ว่าลู่เฉินเพียงแค่ขอไปทีเท่านั้น แต่ถึงยังไงชายชราก็บรรลุเป้าหมายแล้ว แค่ให้ลู่เฉินรับปากก็พอ

ซูโย่วอี๋พยายามอย่างหนักในการลดน้ำหนัก เธอไม่ลืมคำสัญญาว่าจะลดน้ำหนักให้ได้ห้าสิบกิโลกรัมในหนึ่งเดือนของเธอ ดังนั้นในทุกวัน การออกกำลังกายของเธอจึงหนักขึ้นเปลี่ยนจากสองชั่วโมงต่อวันเป็นสี่ชั่วโมง และผลลัพธ์ก็ยังดีอยู่

วันก่อนการบันทึกรายการ เธอลดน้ำหนักไปได้ห้ากิโลกรัม และน้ำหนักในตอนนี้ก็ลดลงเหลือแปดสิบสามกิโลกรัม

เมื่อสองวันก่อน ซูโย่วอี๋ได้รับแจ้งจากทีมงานรายการเรื่องการถ่ายทำรายการวาไรตี้ โดยจะรวมตัวกันที่ท่าเรือโอวไห่ เวลา 8:30 น. ในวันพรุ่งนี้ และสาว ๆ ห้าสิบคนจะไปที่สถานที่ถ่ายทำที่เกาะซีเหมยโดยเรือ หลังจากไปถึงเกาะแล้ว เธอจะเริ่มการประเมินขั้นเบื้องต้นทันที และให้เตรียมการแสดงภายในสามนาที

การถ่ายทำทั้งหมดเกิดขึ้นบนเกาะที่ถูกปิดเพื่อถ่ายทำรายการในครั้งนี้

ซูโย่วอี๋หยิบกระเป๋าเดินทางออกมาเพื่อเก็บเสื้อผ้าและของใช้จำเป็น สุนัขจิ้งจอกนอนอย่างเกียจคร้านบนโซฟาโดยมีอุ้งเท้าหน้าประคองศีรษะไว้ [หมายความว่าฉันจะไม่สามารถดูโทรทัศน์ได้หลังจากที่คุณเข้าไปเกาะ?]

ซูโย่วอี๋พยักหน้า “ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น”

จู่ ๆ สุนัขจิ้งจอกก็นึกคำถามขึ้นมาได้ [ถ้าอย่างนั้น เราควรจะนอนดึกเพื่อรอดูละครในวันนี้ ถ้าไม่ฉันก็ต้องรอถึงเดือนหน้าเลยนะ]

ซูโย่วอี๋หัวเราะ “ไม่ได้หรอกหรอก”

“ทำไม?”

“ละครยังถ่ายทำเลย ฮ่า ๆ”

หลังจากที่จิ้งจอกค้นหาความหมายของ ‘ลำดับการถ่ายทำ’ ในระบบ สุนัขจิ้งจอกก็มองเพดานด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า และดวงตาสีฟ้าของมันก็แทบไม่มีน้ำตาให้ไหลออกมา

นี่มันฆ่ากันชัด ๆ

ในตอนเช้าของวันถัดไป ซูโย่วอี๋นั่งแท็กซี่ไปที่ท่าเรือโอวไห่ คนขับช่วยเธอยกกระเป๋าเดินทางอย่างกระตือรือร้น น้ำเสียงของเขาค่อนข้างประหลาดใจ “คุณมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมรายการนั้นเหรอ”

ซูโย่วอี๋พยักหน้า

ในตอนเช้าของฤดูร้อนยังคงหนาวเย็นเล็กน้อย เธอบอกลาคนขับรถ แล้วลากกระเป๋าเดินทางไปที่ท่าเรือด้วยความพยายามอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเธอเลือกของที่จำเป็นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้มา แต่ทำไมมันยังหนักอึ้ง!

ก่อนแปดโมงมีคนมากมายยืนอยู่ที่ท่าเรือ

เหล่าสาว ๆ ที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม ใส่เสื้อผ้าสวย ๆ รูปร่างอ้อนแอ้นของพวกเธอดูน่ามอง ทุกคนรวมกันเป็นสองและสามกลุ่ม ในบางครั้งมีเสียงหัวเราะดัง กลายเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามของท่าเรือ

สุนัขจิ้งจอกกัดริมฝีปากของมัน [ซู่จู่ ดูเหมือนคุณจะเข้ากับพวกเขาไม่ได้]

ซูโย่วอี๋มองที่เสื้อยืดและกางเกงของเธอ โอเค ฉันสบายดี

จู่ ๆ ก็มีเสียงล้อดังกึกก้อง เมื่อสาว ๆ เห็นใครบางคนกำลังมา พวกเขาก็หยุดพูดทันที ทุกคนหันไปมองซูโย่วอี๋ตั้งแต่หัวจรดเท้า และกระซิบกระซาบกัน

ซูโย่วอี๋คุ้นเคยกับสายตาแบบนี้มาก การแข่งขันที่มองไม่เห็นในหมู่ผู้หญิงมักเกิดขึ้นแบบไม่รู้ตัวเสมอ จำได้ว่าเมื่อก่อนเธอเองก็เคยเป็นศัตรูในจินตนาการของใครหลายคน ตอนที่เธอยังเป็นดาวเด่นของโรงเรียนมัธยมศึกษาช่วงเวลาหกปี

หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบตัวตนของเธอ พวกเขาก็ให้เธอรอสักครู่

ซูโย่วอี๋พบที่นั่งที่ห่างไกลจากคนอื่นแล้วไปนั่งตรงนั้น เธอคุยไม่เก่งและไม่ต้องการเข้าใกล้คนอื่น ครั้งนี้เธอขอตัวไปใช้ประโยชน์จากโอกาสในการเรียนรู้ทั้งหมดเพื่อพัฒนาความสามารถของเธอให้เร็วที่สุด

สำหรับการหาเพื่อน? นั่นคือสิ่งที่เด็ก ๆ หลงใหล

ขณะที่ซูโย่วอี๋กำลังจดจ่อกับทิวทัศน์ เสียงใสน่ารักก็ดังเข้ามาที่หูของเธอ “สวัสดีค่ะ ฉันขอนั่งข้างคุณได้ไหม”

เมื่อมองย้อนกลับไป มีหญิงสาวในชุดเครื่องแบบนักเรียน มัดผมหางม้า ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดูเหมือนพยายามเรียกความกล้าออกมาทักทายเธอ จนแก้มของเธอก็แดงระเรื่อ

“เชิญค่ะ”

ที่นั่งตรงนี้มีเธอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่นั่งอยู่ ดังนั้นสาวน้อยคนนี้ไม่จำเป็นต้องถามเธอ

เด็กสาวในชุดนักเรียนนั่งลงข้าง ๆ ซูโย่วอี๋ และเมื่อเห็นว่าซูโย่วอี๋เพิกเฉยต่อเธอ เธอเลยรู้สึกเสียใจเล็กน้อย “พี่คะ พี่ไม่ชอบฉันเหรอ”

ซูโย่วอี๋ “…?”

น้องสาวคนนี้เพิ่งหย่านมมารึไง?

“เธออายุเท่าไหร่?”

เด็กสาวในชุดนักเรียนไม่คาดหวังว่าซูโย่วอี๋จะเป็นคนเริ่มพูดคุยก่อน “ฉันอายุสิบเจ็ดปีค่ะ พ่อแม่ของฉันไม่เห็นด้วยกับการที่ฉันจะเข้าวงการบันเทิง มันโหดร้ายเกินไป ฉันมาเข้าร่วมการคัดเลือก โดยไม่บอกครอบครัวและฉันก็ไม่คาดคิดว่าจะถูกเลือก พี่คะ พี่คิดว่ามันเป็นประสงค์ของพระเจ้าหรือเปล่า”

ซูโย่วอี๋อ้าปากอยากจะบอกน้องสาวตรงหน้าว่าเธอเพ้อฝันเกินไป

ตึ๊ง!

[ประกาศภารกิจ: ซู่จู่ต้องโน้มน้าวอีกให้มาเป็นแฟนตัวยงในการถ่ายทำวาไรตี้นี้]

คำพูดเย็นชาของซูโย่วอี๋ติดอยู่ในลำคอของเธอ ภารกิจนี้คือการบังคับให้เธอมีต้องสนิทกับเด็กสาวตรงหน้า

“ใช่… ถูกต้องเลย ฉันคิดว่าต้องเป็นอย่างนั้นแน่ เธอกล้าหาญมาก”

เด็กสาวเบิกตากว้าง “จริง ๆ เหรอคะ ฉันไม่เคยต่อต้านพ่อแม่เเลยตั้งแต่ฉันยังเด็ก ฉันก็มีปัญหามากเช่นกันที่จะเข้าร่วมการคัดเลือกนี้ รู้สึกดีมากเลยค่ะที่ได้ยินพี่พูดแบบนั้น”

ดวงตาของเธอเป็นประกายขึ้นเล็กน้อย

หลังจากการสนทนา ซูโย่วอี๋รู้ว่าชื่อจริงของเด็กสาวคือเฉินซีซี และเธอเป็นนักเรียนชั้นปีที่สอง โรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งในไต้หวัน มือเล็ก ๆ ของเธอขาวและนิ่มมาก และสร้อยคอที่คอของเธอก็คงราคาไม่เบา เห็นได้ชัดว่าฐานะทางครอบครัวของเธอดี และนิสัยของเธอก็ไม่ได้แย่อะไร

เจ้าหน้าที่ทักทายทุกคนเพื่อขึ้นเรือ และเฉินซีซีก็จับมือเธออย่าง กระตือรือร้น “พี่สาว รีบไปนั่งใกล้หน้าต่างกันเถอะ ฉันเมาเรือนิดหน่อยน่ะ”

เธอเมาเรือเธอก็ควรรีบวิ่งไป ฉันอ้วนขนาดนี้จะวิ่งได้อย่างไร

เมื่อพิจารณาแล้ว ซูโย่วอี๋ไม่ได้กลอกตา แต่ปล่อยให้เฉินซีซีพาเธอไปที่นั่ง

โชคดีที่ผู้หญิงคนอื่น ๆ ต้องการรักษาภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบ เธอเหล่านั้นเดินช้า ๆ เหมือนออกไปเที่ยวในฤดูใบไม้ร่วงด้วยท่าทีที่สง่างาม และสุภาพกับพนักงาน

เฉินซีซีมีความสุขมากที่ได้นั่งริมหน้าต่าง “พี่สาว วิวที่นี่สวยมาก”

จากนั้นเธอก็กินยาแก้เมาเเรือสองเม็ดจากกระเป๋ากระต่ายสีขาวขนปุย

“ขอให้ฉันด้วยได้ไหม”

ซูโย่วอี๋ฉีกซองและส่งคืนให้เธอ เฉินซีซียังมองไปที่ทะเลอย่างไม่กะพริบตา รูม่านตาสีน้ำตาลและขนตาของเธอราวกับกระต่าย รวม ๆ แล้วเธอสวยมาก

ซูโย่วอี๋ลอบถอนหายใจในใจ เธอเติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และดูคนออก หากเธอชอบหรือไม่ชอบอะไรก็จะบอกออกไปตามตรง ต่างจากเฉินซีซี เด็กสาวคนนี้ดูเหมือนจะเป็นเด็กที่ถูกครอบครัวเลี้ยงดูมาอย่างดี ไม่เคยต้องทำอะไรด้วยตัวเอง

หลังจากที่ซูโย่วอี๋กินยาแก้เมาของเธอแล้ว ระบบก็ดังขึ้น

[แจ้งเตือนรายการโปรด: ความชอบของเฉินซีซีที่มีต่อคุณคือ +5 และความชอบในปัจจุบันคือ 56]

“เจ้าจิ้งจอกเน่า ฉันต้องทำให้เธอชอบแค่ไหน”

[ถ้าคะแนนเกิน 90 ภารกิจก็สำเร็จ]

ในระหว่างการเดินทางของเรือข้ามฟาก เห็นได้ชัดว่าเฉินซีซีรู้สึกไม่สบายและพูดว่า “พี่สาว พี่จะแสดงอะไรบนเวทีในวันแรก?”

ไม่ว่าพวกเธอจะรู้จักกันหรือไม่ แต่พวกเธอก็ถือว่าเป็นคู่แข่งกัน นี่เป็นการสอดรู้สอดเห็นความลับของคนอื่น “ร้องเพลง”

เฉินซีซีพยายามทำสายตาเข้มแข็งเพื่อให้เธอดูมีพลัง “ฉันกำลังร้องเพลงและเต้น พี่เคยได้ยินฟูจิซากุระไหม เป็นที่นิยมมากในญี่ปุ่นเลยนะ”

สายตาของซูโย่วอี๋ดูไร้เดียงสาจริง ๆ

หลังจากที่เรือมาถึงเกาะแล้ว พวกเขาก็มารวมตัวกันที่ลานด้านหน้าห้องโถง และเจ้าหน้าที่จะเขียนป้ายหมายเลขให้กับแต่ละคน โดยทำเครื่องหมายตามลำดับการมาถึง

เฉินซีซีได้หมายเลข 8 เธอประหม่าเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าซูโย่วอี๋หมายเลข 23 เธอจึงพูดว่า “พี่สาว ฉันขอแลกกับพี่ได้ไหม”

ซูโย่วอี๋โบกป้ายหมายเลข “มีชื่อของเธออยู่ในนี้”