ตลอดเวลาช่วงเช้า หลานเสี่ยวถางฟังบรรยายของแจ็คอย่างจริงจัง จากการชี้นำของแจ็ค ความทรงจำที่ยาวนานเยอะแยะมากมายค่อย ๆ ฟื้นคืนมา
ตอนเที่ยง หลานเสี่ยงถางทำอาหารง่าย ๆ ให้ตัวเอง ช่วงบ่ายไปโรงเรียนสอนขับรถเรียนขับรถ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและอัดแน่น และในตอนนี้เอง ด้านหลานไห่ฮว๋าก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง
ในตอนที่เขาเห็นหน้าจอแสดง “เบอร์โทรส่วนตัว” ภายในดวงตามีความตื่นเต้นเล็กน้อย
จำได้ว่าคุณท่านตระกูลหลานเคยพูดไว้ว่า เธอเคยช่วยคนคนหนึ่งไว้ ในอนาคตคนคนนั้นจะติดต่อเธอในตอนที่พวกเราประสบปัญหา
ดังนั้นหลานไห่ฮว๋าจึงรีบรับสายโทรศัพท์แล้วพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “สวัสดีครับ”
ปลายสายโทรศัพท์ เป็นเสียงผู้ชายที่ได้ผ่านการดัดแปลงเสียงมาแล้ว น้ำเสียงทุ้มต่ำ “ผมคือเพื่อนของแม่คุณ ช่วงนี้ Blue Sky Groupพบเจอวิกฤติ ผมโทรหาคุณเพื่อจะถามว่าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?”
เป็นเขาจริง ๆ ด้วย! หลานไห่ฮว๋าดวงตาเปล่งประกาย “คุณผู้ชายครับ พวกเราต้องการความช่วยเหลือครับ!”
ผู้ชายพูดขึ้น “ตกลง ผมสามารถให้โครงการที่ช่วยบริษัทของคุณได้ ให้คุณมีการปรับปรุงครั้งใหญ่ อย่างน้อยภายในหนึ่งหรือสองปี แต่ว่าหลังจากที่ช่วยคุณครั้งนี้ ถือว่าตอบแทนบุญคุณจบสิ้น ต่อจากนี้ไม่ว่าตระกูลหลานจะเจอปัญหาอะไร ผมจะไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยอีก”
หลานไห่ฮว๋าอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นอย่างงงงวย “แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว? แบ่งออกเป็นรายครั้งไม่ได้หรือครับ?”
“ไม่ได้” เสียงของผู้ชายเฉยชาอย่างมาก พูดอย่างจริงจัง “แค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
“งั้นรอผมพิจารณาก่อนได้ไหมครับ?” หลานไห่ฮว๋าพูดขึ้น
“ตกลง” ผู้ชายพูดต่อ “พรุ่งนี้เวลานี้ ผมจะติดต่อคุณอีกครั้ง”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ หลานไห่ฮว๋าอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้หูซิ่วจูที่สีหน้าอยากรู้อยากเห็นที่อยู่ข้าง ๆ เขา แล้วพูดต่อว่า “คุณว่าครั้งนี้พวกเราต้องการความช่วยเหลือไหม?”
“ยังไม่ต้องก่อน!” ดวงตาของหูซิ่วจูแสดงความร้ายกาจขึ้น “ถ้าไม่ไหวจริง ๆ พวกเราเอาชุดเครื่องลายครามของคุณแม่ไปประมูล ก็สามารถยื้อได้ไม่น้อย! ถ้าครั้งหน้าไม่ไหวจริง ๆ ค่อยว่ากัน!”
“นั่นเป็นของที่ตระกูลของคุณแม่ผมสืบทอดกันมา เกรงว่า…” หลานไห่ฮว๋าลังเลเล็กน้อย
“ขายมันไป รอให้พวกเราหมุนเงินกลับมาได้เยอะกว่าเดิม ค่อยซื้อมันกลับมาก็ยังได้นี่?” หูซิ่วจูพูดขึ้น “ช่วงนี้ฉันรู้จักมืออาชีพอยู่คนหนึ่ง เขาบอกว่าสามารถช่วยฉันชนะเงินทุนกลับมาได้!”
หลานไห่ฮว๋าลังเลอยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็พยักหน้าตกลง “ตกลง งั้นก็เอาแบบนี้! ผมรู้จักคนที่ถนัดงานประมูลพอดี ผมลองถามเขาเรื่องงานประมูลดู!”
คืนนั้นตอนหนึ่งทุ่ม งานเลี้ยงขอบคุณของTimes Groupเริ่มขึ้นพอดี พวกเขาเชิญพันธมิตรการค้าของบริษัทมามากมาย งานค่อนข้างใหญ่โต
ตอนที่สือมูเฉินมาถึง งานเลี้ยงได้เริ่มงานไปสักพักหนึ่งแล้ว
สือมูชิงพูดบรรยายจบ ต่อมาก็เป็นสือเพ่ยหลินที่จะต้องเชิญผู้หญิงที่อยู่ในงานคนหนึ่งเต้นรำเปิดงาน
ตามกฎแล้ว คนที่ควรเชิญเต้นรำด้วยควรจะเป็นแขกเหรื่อ แต่ว่าสือเพ่ยหลินกลับเดินตรงไปทางเฉินจื่อโร่วในตอนที่ดนตรีเริ่มบรรเลงขึ้น
เฉินจื่อโร่วเรียนเต้นรำมาตั้งแต่เด็ก กระโปรงยาวคอวีหน้าหลังสีดำผ่าหน้า โชว์หุ่นที่นูนเว้าได้อย่างลงตัว ไม่พูดไม่ได้ว่า ชายหนุ่มในงานมากมายมองดูจนละสายตาออกไม่ได้
เวลานี้ สือมูเฉินนั่งอยู่ที่บริเวณโซฟา หยิบแก้วไวน์มาแก้วหนึ่ง แล้วเดินมาด้านข้างสือมูชิงช้า ๆ สายตาของเขาค่อย ๆ มองไปทางลานเต้นรำ แล้วพูดขึ้นอย่างเฉยชา “พี่ใหญ่ ผมดูแล้วเพ่ยหลินดูรักใคร่เลขาคนนั้นของเขามาก”
สือมู่ชิงขมวดคิ้ว “ก็แค่เรื่องสนุกของพวกเด็ก ๆเรื่องของความรัก ไม่เหมาะสมกับตระกูลสือของพวกเรา!”
“อืม” สือมูเฉินพูดขึ้นเรื่อยเปื่อย “อ่อใช่ วันนี้ตอนที่ผมมาที่นี่ เจอกับคุณหลี่พอดี เดิมทีเขาก็จะมาที่นี่ แต่เห็นบอกว่าหลานชายคลอดพอดี ก็เลยเลื่อนงานเลี้ยงออกไปก่อน”
“อุ้มหลานเร็วขนาดนี้เลยหรือ?” สือมูชิชิงอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง “ลูกชายของเขาเพิ่งจะแต่งงานไม่ใช่หรือ? ฉันเพิ่งไปส่งของขวัญให้เมื่อครึ่งปีก่อน”
สือมูเฉินพูดขึ้น “ตอนนี้คนแบบเพ่ยหลินที่แต่งงานกันมานานแล้วยังไม่มีลูกมีไม่มากนัก แน่น่อนว่าเป็นเพราะตอนนั้นเขาได้รับบาดเจ็บ นี่เป็นกรณีพิเศษ”
สือมูชิงได้ยินคำพูดของเขา จึงมองไปทางลานเต้นรำ เวลานี้สือเพ่ยหลินกำลังโอบเฉินจื่อโร่วหมุนไปโดยรอบอย่างรวดเร็ว ทุกย่างก้าวของทั้งสอง เป็นจุดเด่นของงาน
“ผู้หญิงคนนั้น หน้าตาไม่เลว” สือมูชิงพูดต่อ “แต่ว่าอยากจะแต่งเข้าตระกูลสือของพวกเรา ภูมิหลังของหล่อนยังแย่เกินไป”
สือมูเฉินแสดงความไม่เห็นด้วย “เห็นได้ชัดว่าเพ่ยหลินชอบหล่อนมาก อาจจะไม่ฟังคำเกลี้ยกล่อมของพี่”
“ตระกูลใหญ่โตอย่างตระกูลสือ จะให้เรื่องของความรักมาทำให้เสียเรื่องได้ที่ไหน!” สือมูชิงพูดจบ ก็ลุกขึ้นยืน “ฉันไปดูหน่อย”
พูดจบก็สาวเท้าเดินไปทางลานเต้นรำ
สือมูเฉินเห็นดังนั้น ในดวงตาค่อย ๆ เผยความสนุกสนานขึ้น
การเต้นรำเปิดงานจบลง สือเพ่ยหลินเดินจูงมือเฉินจื่อโร่วลงมา เห็นคุณพ่อเดินมา เขายิ้มเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นในทันที “คุณพ่อครับ ทำไมไม่นั่งพักก่อนครับ?”
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย” สือมูชิงพูดขึ้น จากนั้นมองไปทางเฉินจื่อโร่วแล้วพูดขึ้นอย่างไม่เกรงใจ “เธอปลีกตัวไปครู่หนึ่งก่อน”
“ค่ะ คุณลุง” เฉินจื่อโร่วยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่ว่ามือที่แนบอยู่ด้านข้างลำตัวกลับสั่นเล็กน้อย
“คุณพ่อครับ มีเรื่องอะไรหรือครับ?” สือเพ่ยหลินถามขึ้น
สือมูชิงพูดขึ้นอย่างไม่อ้อมค้อม “นายจริงจังกับผู้หญิงคนนั้นหรือ?”
สือเพ่ยหลินพยักหน้าโดยไม่ลังเล “ใช่ครับ ผมรู้สึกว่าโร่วโร่วคืออุดมคติอีกครึ่งหนึ่งของผม”
สือมูชิงหัวเราะในลำคอ “ดูว่าหล่อนทำให้นายลุ่มหลงแค่ไหนแล้ว!” พูดจบ เขากระแอมเล็กน้อย “จากภูมิหลังของเธอ แต่งงานเข้าตระกูลของพวกเราไม่ได้หรอก! ฉันแนะนำให้นายรักษาใจให้ดี แค่เล่น ๆ พอได้ เรื่องอื่นอย่าแม้แต่จะคิด!”
สือเพ่ยหลินอึ้งแวบหนึ่ง แล้วพูดขึ้นต่อ “งั้นถ้าหากว่าเธอท้องล่ะครับ?”
“ถ้าหากว่าท้อง เห็นแก่เด็ก ก็สามารถพิจารณาดูได้” สือมูชิงขมวดคิ้ว “เธอท้องแล้วเหรอ?”
“ไม่ครับ ผมก็แค่ถามดู” สือเพ่ยหลินในใจมีการวางแผนไว้แล้ว
“สรุป อย่าลืมเป้าหมายของงานเลี้ยงในวันนี้! ถ้าหากผู้หญิงคนนี้รบกวนการตัดสินใจเบื้องต้นในการทำงานของนาย เช่นนั้นแล้วต่อให้ท้อง ก็อย่าคิดที่จะแต่งเข้าตระกูล!” สือมูชิงพูดจบ ก็หันหลังเดินออกไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง เฉินจื่อโร่วเดินเข้ามา เห็นสีหน้าของสือเพ่ยหลินไม่ค่อยดีนัก จึงโอบแขนเขาแล้วพูดขึ้น “พี่เพ่ยหลิน คุณลุงพูดอะไรกับพี่ใช่ไหม?”
“โร่วโร่ว เธอว่าฉันกับเธอคบกันมาสองเดือนกว่าแล้ว ทำไมเธอถึงยังไม่ท้องนะ?” สือเพ่ยหลินหงุดหงิดใจนิดหน่อย “พ่อฉันบอกว่า นอกจากว่าเธอจะตั้งท้อง ไม่เช่นนั้นแล้ว…”
เฉินจื่อโร่วร้อนรน เขย่าแขนของสือเพ่ยหลิน มองดูเขาอย่างจริงจัง “งั้นจะทำยังไง? พี่เพ่ยหลิน ฉันชอบพี่มากจริง ๆ อยากจะอยู่กับพี่…ฉันรู้ว่าครอบครัวของฉันฐานะไม่ดี แต่ว่าฉันจะพยายามมาก พยายามยกระดับตัวเองมากโดยตลอด เพื่อที่จะใกล้ชิดกับพี่…”
“โร่วโร่ว ฉันเข้าใจ” สือเพ่ยหลินลูบหัวของเธอ “แต่ว่าพ่อของฉันเป็นคนที่ยืนหยัดความคิดของตน บางครั้งเรื่องที่ท่านตัดสินใจแล้วมันยากที่จะเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเธอต้องพยายาม ท้องลูกของฉัน…”
“พี่เพ่ยหลิน…” เฉินจื่อโร่วแก้มแดง “ตกลงค่ะ ฉันจะพยายาม”
ดวงตาของสือเพ่ยหลินสื่อความหมายลึกซึ้ง “หลังจากเสร็จงานเลี้ยง ไปหาฉัน”
“ค่ะ” เฉินจื่อโร่วหน้าตายิ้มแย้ม
เวลาต่อมา สือเพ่ยหลินได้สังสรรค์งานเลี้ยงกับผู้ร่วมธุรกิจ เฉินจื่อโร่วนั่งอยู่ที่โซนพักผ่อน เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเรื่องค้นหาเรื่องที่จะทำอย่างไรถึงจะตั้งครรภ์
งานเลี้ยงเสร็จสิ้น เธอมารอสือเพ่ยหลินที่ด้านนอกประตูใหญ่อยู่ก่อนแล้ว ไม่นานนัก รถของเขาก็มาจอดอยู่ตรงหน้าเธอ
“พี่เพ่ยหลิน พวกเราไม่ร้านขายยากันก่อนเถอะ! เฉินจื่อโร่วพูดขึ้น
“โร่วโร่ว เธอไม่สบายเหรอ?” สือเพ่ยหลินพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันจะไปซื้อของหน่อย…” เฉินจื่อโร่วแกล้งทำเป็นเขินอาย
ครู่หนึ่ง ทั้งสองก็ได้จอดรถที่หน้าร้านขายยา เฉินจื่อโร่วซื้อแผ่นตรวจ แล้วกลับมาที่รถ
“ฉันดูหน่อยว่ามันคืออะไร?” สือเพ่ยหลินรับมาดู “แผ่นทดสอบไข่ตก?”
เฉินจื่อโร่วพยักหน้า “อืม บนอินเทอร์เน็ตบอกว่าช่วงวันที่ตกไข่ถ้าพวกเรามีอะไรกัน ก็จะท้องได้ง่ายที่สุด”
“โร่วโร่ว ตั้งแต่ที่เธอมาเป็นเลขาของฉัน พวกเราก็มีอะไรกันทุกวันไม่ใช่เหรอ? มีแผ่นทดสอบหรือไม่มีมันแตกต่างยังไงกัน?” สือเพ่ยหลินพูดจบ ฝ่ามือก็ลูบไล้ไปที่ขาของเฉินจื่อโร่ว
“เพ่ยหลิน พวกเรายังอยู่บนถนนนะ…” เฉินจื่อโร่วจะดันมือของเขาออก
“รถของฉันติดฟิล์มสีเข้มขนาดนี้ ไม่มีใครมองเห็นได้…” สือเพ่ยหลินพูด แล้วปรับที่นั่งข้างคนขับลงเกือบจะ 180 องศา
“ว้าย น่าเกลียด…” เฉินจื่อโร่วรู้สึกได้ว่าสือเพ่ยหลินก็ล้มตัวลงพร้อมกับเธอ นิ้วมือของเขาปลดตะขอเสื้อในของเธอออกอย่างรวดเร็ว
“น่าเกลียดจริงหรือ?” สือเพ่ยหลินก้มหน้าลงไปจูบลำคอที่มีความรู้สึกไวของเธอ แล้วตั้งใจพ่นลมหายใจอุ่น ๆ ใส่ “ไม่อยากทำแล้วหรือ?”
“พี่ร้ายกาจมาก!” เฉินจื่อโร่วถูกเขาลูบไล้จนแทบไร้เรี่ยวแรง
“ร้าย?” สือเพ่ยหลินรู้สึกสนุกจนยิ้มมุมปาก “งั้นเดี๋ยวฉันจะร้ายจริง ๆ แล้ว!
“พี่เพ่ยหลิน พี่จะทำอะไร?” เฉินจื่อโร่วรู้สึกว่ากระโปรงของตัวเองถูกเลิกขึ้น กางเกงในถูกถอดออก
“เดี๋ยวเธอก็รู้แล้ว” สือเพ่ยหลินพูดจบ ก็ปลดเข็มขัดของตัวเองออก แล้วงัดเอาของแข็งบางอย่างออกมา ถูไถกับจุดที่บอบบางของเฉินจื่อโร่ว
เธอถูกเขาถูกไถจนรู้สึกวูบวาบ แต่ว่าเขาไม่ใส่มันเข้าไปง่าย ๆ ทำให้เธอทนไม่ไหวจนแทบอยากจะร้อง
“โร่วโร่ว เอาไม่เอา?” สือเพ่ยหลินต่อต้านความปรารถนาอย่างมาก
“พี่…” เฉินจื่อโร่วแทบจะร้องออกมาแล้ว “ร้ายมาก…”
“ยังพูดว่าฉันร้าย งั้นฉันก็ไม่ใส่เข้าไปแล้ว?” สือเพ่ยเฉินพูดเสียงอ่อน
“ไม่…” เฉินจื่อโร่วจิกไปทั่วร่างกายของเขา “พี่เพ่ยหลิน รีบสอดใส่เข้ามา!”
“ฮ่าฮ่า…” สือเพ่ยหลินหัวเราะเสียงต่ำ จากนั้นก็ปะทะร่างเข้าไป รถเริ่มสั่นไหวในทันที ภายในรถมีเสียงสูงต่ำดังขึ้นไม่ขาด
สือมูเฉินเห็นรถของสือเพ่ยหลินสั่นไหวอยู่ไกล ๆ ภายในรถทำอะไรกัน ไม่ต้องบอกก็รู้
เขายิ้มมุมปาก แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นโทรหาหลานเสี่ยวถาง
ในเวลานี้หลานเสี่ยวถางเพิ่งอาบน้ำเสร็จพอดี กำลังนั่งดูสื่อโปรแกรมอยู่ที่หัวเตียง เมื่อเห็นว่าสือมูเฉินโทรมา ก็รับสายในทันที “มูเฉิน”
“เสี่ยวถาง วันนี้ผมได้เจอเรื่องน่าสนใจเรื่องหนึ่ง กะว่าจะมอบเป็นของขวัญเล็ก ๆ ให้คุณ” สือมูเฉินพูดขึ้น
“ให้ของขวัญกับฉัน?” หลานเสี่ยวถางงุนงง
สือมูเฉินพูดต่อ “อีกยี่สิบนาที อย่าลืมดูคำค้นหายอดฮิตของเวยป๋อ” พูดจบเขาก็วางสายไป
ผ่านไปอีกสองนาที สือมูเฉินเห็นรถที่อยู่ด้านหน้ายิ่งอยู่ยิ่งสั่นแรงขึ้น จึงเปิดโทรศัพท์แล้วกดเบอร์โทรออก จากนั้นก็พูดรวบรัดกับคนในสายไม่กี่ประโยค
ห้านาทีให้หลัง รถยนต์ติดอาวุธทหารขับมา จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลหลายคนพร้อมกระสุนจริงกระโดดลงมาจากด้านบน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ล้อมรถของสือเพ่ยหลินไว้อย่างรวดเร็ว แล้วตะโกนบอกคนที่อารมณ์คลั่งไคล้อยู่ด้านใน “คนที่อยู่ด้านในออกมาเดี๋ยวนี้ มีคนแจ้งว่าพวกคุณครอบครองยาเสพติด!”
ในขณะเดียวกัน ก็มีรถนักข่าวอีกคันตามมา ผู้ชายที่รู้จักในนาม “พี่ชายซุบซิบอันดับหนึ่ง” ของหนิงเฉิง เขาถือกล้องไปทางรถเป้าหมาย
*คำพูดของนักเขียน ตัวเอกที่ร้าย ๆ แบบนี้ พวกคุณชอบไหม?