บทที่ 40 น่าเอ็นดู (ปลาย)
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาคิดถึงเสวี่ยเอ๋อร์ที่ปากร้ายเหมือนแม่มด เขาก็รีบขจัดความคิดโลกสวยของเขาออกไปอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกัน เมื่อเห็นว่าซูอันหลับตาลงจริง ๆ หญิงสาวก็เริ่มว่ายน้ำไปที่ริมฝั่ง
เมื่อได้ยินเสียงน้ำกระเซ็น ซูอันก็อดไม่ได้ที่จะแอบเปิดตาเปลือกตาขึ้นเล็กน้อย ซึ่งภาพที่เขาได้เห็นมันก็ทำให้หัวใจเขาเต้นรัว
เขามองดูหญิงสาวว่ายอย่างสวยงามราวกับนางเงือกน้อยในทะเล ร่างของนางมองเห็นได้ไม่ชัดเจนนักเมื่ออยู่ในน้ำ
แต่แล้วเมื่อนางว่ายน้ำไปถึงฝั่งและกำลังจะยันกายขึ้น จู่ ๆ หญิงสาวก็โบกมือขึ้นโดยไม่คาดคิดสร้างกำแพงน้ำขนาดพอดีตัวปกคลุมร่างของนางเอาไว้
เขาโมโหจนแทบกระอักเลือดทันที
‘บ้าเอ๊ย นางทำแบบนี้ทำไม? นี่นางไม่ไว้ใจข้าขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ!?’
ครู่ต่อมา กำแพงน้ำก็หายไปในที่สุด หญิงสาวที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว นางหันไปที่ใจกลางแม่น้ำแล้วโบกมือกล่าวว่า “ข้าสวมเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ท่านเปิดตาได้เลย!”
“อืม!” ซูอันตอบในขณะที่เขาคิดว่าหญิงสาวคนนี้ช่างใสซื่อดีจริง ๆ
เขากำลังว่ายไปขึ้นฝั่ง และในที่สุดก็ได้มองดูหญิงสาวอย่างใกล้ชิด ดวงตาของเขาสว่างชัดขึ้นทันที ตอนนี้นางสวมชุดสีน้ำเงินที่มีลูกไม้สีขาวผูกรอบเอว ซึ่งเน้นรูปร่างที่เพรียวบางของนางเป็นอย่างดี
หญิงสาวมองกลับมาที่ซูอันด้วยดวงตากลมโตที่ระยิบระยับราวกับแสงดาวบนท้องฟ้า ซึ่งมันทำให้ชั่วขณะนั้นซูอันรู้สึกมึนงงเล็กน้อย เขาคิดว่าหญิงสาวคนนี้โคตรจะเหมือน ไซโต้ อาสึกะ เป็นบ้าเลย!
อย่างไรก็ตาม เขาสัมผัสได้ว่ายิ่งพวกเขาจ้องมองกันมากเท่าไหร่ สถานการณ์มันก็ยิ่งน่าอึดอัดขึ้นเรื่อย ๆ และอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญในตอนนี้ก็คือเสื้อผ้าของเขาไม่ได้อยู่กับเขา!
“ทำไมท่านไม่ขึ้นมาจากแม่น้ำสักทีล่ะ?” หญิงสาวมองชายที่อยู่ในน้ำก่อนจะหลบสายตาของเขาอย่างรวดเร็วด้วยแก็มที่แดงก่ำ
“ข้าไม่ได้บอกเจ้าก่อนหน้านี้ว่าข้าหมดสติและถูกแม่น้ำพัดมาที่นี่? ข้าไม่รู้ว่าเสื้อผ้าของข้าอยู่ที่ไหน” ซูอันตอบกลับ
หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ในเมื่อเจ้าถูกแม่น้ำพัดพามา ถ้านั้นข้าคิดว่าเสื้อผ้าของเจ้าน่าจะอยู่ที่ต้นแม่น้ำ”
“เจ้าไปกับข้าที่นั่นได้ไหม? ข้ากลัวนิดหน่อยที่จะไปด้วยตัวเอง” ความสัมพันธ์ของมนุษย์ก็เหมือนกับหนังยาง ถ้าด้านหนึ่งคลายออก อีกด้านหนึ่งก็จะกระชับขึ้น ตอนแรกซูอันกังวลว่าจะถูกนางฆ่า แต่หลังจากเห็นนิสัยขี้อายของนางแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากที่จะเหย้าแหย่นางสักนิด
หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยในที่สุด “ก็ได้ข้าไปกับท่านก็ได้ แต่จริง ๆ แล้วท่านไม่ต้องกลัวอันตรายอะไรนักหรอก บริเวณต้นแม่น้ำมันมีสัตว์ป่าไม่มากนัก ต้องรอถึงตอนช่วงเย็นโน่นแหละ ถึงจะมีสัตว์ป่ามากินน้ำที่ริมฝั่งเยอะหน่อย ตราบใดที่ท่านไม่ไปกระตุ้นพวกหมาป่ากระซวกทวารจากหุบเขาหมาป่า ท่านก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
“ถ้างั้นแรดตัวนั้นมันมาแถวนี้ได้ยังไง?” ซูอันชี้ไปที่แรดด้วยความรู้สึกทึ่งกับความใหญ่โตของมัน
ใบหน้าของหญิงสาวแดงก่ำ “อันที่จริง มันตามข้าลงมาจากภูเขามังกรซ่อน”
ซูอันรู้สึกตกใจ “เจ้าเข้าไปในภูเขามังกรซ่อน?” ต่อให้ใช้หัวแม่โป้งคิด ก็ควรรู้ว่าที่ภูเขามังกรซ่อนเป็นที่สถานที่ที่ไม่ควรไปแค่ไหน เขาเคยได้ยินคำเตือนนับไม่ถ้วนจากผู้คนมากมายไม่ให้เข้าไปในภูเขาที่สุดแสนจะอันตรายนั่น ทว่าหญิงสาวคนนี้เข้าไปในภูเขามังกรซ่อนเพียงลำพัง?
…นั่นก็หมายความว่านางแข็งแกร่งมากจริงไหม?
ชายหนุ่มเริ่มเสียใจกับการตัดสินใจของเขา เขากำลังพาระเบิดเวลาติดตัวไปด้วยทุกที่นี่หว่า!
“ถูกต้อง มีสมุนไพรบางชนิดที่สามารถพบได้ในส่วนลึกของภูเขามังกรซ่อนเท่านั้น” หญิงสาวสอดมือเข้าไปในตะกร้าที่บรรจุสมุนไพรหลายอย่างอยู่ในนั้นและหยิบมันออกมาให้ซูอันดูบางส่วนด้วยรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ จากนั้นนางกล่าวต่อว่า “ไปกันเถอะ ข้าจะไปช่วยท่านเอาเสื้อผ้ากลับมาก็แล้วกัน”
“ข้าขอบคุณเจ้าจริง ๆ แม่นาง…” ซูอันว่ายอยู่ในน้ำ
“อ้อจริงสิข้าลืมแนะนำตัวไปเลย! ข้าชื่อซูอัน ข้าขอทราบได้ไหมว่าเจ้านั้นชื่ออะไร?” เมื่อรู้ว่าหญิงสาวคนนี้เป็นผู้บ่มเพาะที่น่าจะแข็งแกร่ง เขาจึงคิดว่าเขาควรจะผูกสัมพันธ์ให้มากกว่าเดิม
“ซูอัน? ช่างเป็นชื่อที่แปลกจริง ๆ” หญิงสาวพึมพำกับตัวเองก่อนจะตอบคำถามของเขา
“ข้าชื่อจี้เสี่ยวซี”
ซูอัน หัวเราะ “ชื่อเจ้าฟังดูดีกว่าข้ามาก”
ใบหน้าของหญิงสาวแดงก่ำด้วยความเขินอาย
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ซูอันก็ยืนยันในใจว่านางมีบุคลิกที่ขี้อายและนั่นทำให้เขามีความกล้าขึ้นมาเล็กน้อย “เสี่ยวซี ในเมื่อเจ้าสามารถเข้าไปเก็บสมุนไพรในภูเขามังกรซ่อนได้โดยลำพังแบบนี้ มันก็หมายความว่าเจ้าคงแข็งแกร่งมากเลยใช่ไหม?”
จี้เสี่ยวซีส่ายหัวตอบอย่างไม่ระวัง “ระดับการบ่มเพาะของข้าอยู่แค่ระดับสามเท่านั้น เหตุผลเดียวที่ข้าสามารถเข้าไปในภูเขาได้ก็เพราะสิ่งของบางอย่างที่พ่อของข้ามอบเอาไว้ให้”
ขณะที่นางพูด นางหยิบขวดใสที่บรรจุผงสีเขียวเล็กน้อยออกมา
ซูอัน รู้สึกงุนงง “นั่นมันคืออะไรน่ะ? ”
จี้เสี่ยวซีตอบว่า “มันเป็นยาที่ทำจากมูลมังกรแห้ง มันสามารถทำให้ข้ามีกลิ่นอายเหมือนกับมังกร ซึ่งส่งผลให้สัตว์ทั้งหลายไม่กล้าเข้ามาทำร้ายข้า”
ซูอันรู้สึกประหลาดใจ มังกรมีอยู่ในโลกนี้จริง ๆ ด้วย!
จี้เสี่ยวซีเก็บขวดของนางไปอย่างระมัดระวังก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย “สิ่งนี้มันมีกลิ่นที่รุนแรงเกินไป ดังนั้นข้าจึงจำเป็นต้องอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่จะกลับไปที่เมืองทุกครั้ง ซึ่งข้าไม่ได้คาดหวังว่าวันนี้ข้าจะได้มาเจอกับ…ท่าน”
“มันคงเป็นโชคชะตานั่นล่ะนะ” ซูอันหัวเราะ แต่เมื่อเห็นว่าสีหน้าของนางยังคงบึ้งตึง ซูอันจึงรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว
“เอ๊ะเดี๋ยวนะ ในเมื่อเจ้ามียาวิเศษอยู่กับตัวแบบนี้งั้นทำไมเมื่อครู่แรดคลั่งตาแดงถึงได้มาโจมตีเจ้าแบบนั้นกันล่ะ?”
“นั่นเป็นเพราะประสาทการรับกลิ่นของมันแย่มาก ๆ เลยน่ะสิ” จี้เสี่ยวซีอธิบาย “เมื่อแรดคลั่งตาแดงไม่ได้กลิ่นกลิ่นอุจจาระของมังกร ดังนั้นมันจึงไม่หวาดกลัว ยิ่งกว่านั้นมันมีนิสัยที่พยาบาทอย่างยิ่ง ข้าเผลอไปเดินผ่านอาณาเขตของมันโดยไม่รู้ตัวดังนั้นมันเลยไล่ตามข้ามาจนถึงที่นี่นี่แหละ”
“อ่า…เข้าใจแล้ว!” ซูอันพยักหน้ารับรู้ เมื่อนึกถึงร่างกายของแรดคลั่งตาแดง
จู่ ๆ ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของเขา
ทั้งสองยังคงคุยกันต่อไปในขณะที่มุ่งหน้าไปยังต้นน้ำ และในไม่ช้าพวกเขาก็กลับมาที่ที่ซูอันวางเสื้อผ้าผ้าทิ้งเอาไว้ซึ่งในขขณะนี้ เสื้อผ้าของเขาก็ยังคงถูกพับอย่างเรียบร้อยอยู่ตรงจุดเดิม
“เสี่ยวซี เจ้าหันไปก่อนได้ไหม” ในความเป็นจริงซูอันไม่ได้รังเกียจที่จะถูกมองเห็น แต่เขาไม่ต้องการถูกมองว่าเป็นไอ้โรคจิตต่อหน้าหญิงสาว
จี้เสี่ยวซีพยักหน้า “อืม” จากนั้นนางวิ่งไปข้างหลังต้นไม้
ซูอันขึ้นฝั่งอย่างรวดเร็วและสวมเสื้อผ้าของเขา จากนั้นเมื่อเขายืนยันว่าโก๋วเป่าและเหรียญเงินที่เขาปล้นมาจากดอกบ๊วยสิบสอง ยังคงอยู่ครบเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เอาล่ะ ข้าแต่งตัวเสร็จแล้ว” ซูอันตะโกนออกไป
ในที่สุดจี้เสี่ยวซีก็เดินออกจากต้นไม้ เมื่อมองซูอันใกล้ ๆ เหมือนนางกำลังตกอยู่ในความงุนงง
ซูอันประหลาดใจกับปฏิกิริยาของสาวงาม เขาใช้มือลูบหน้าตัวเองด้วยความงุนงงและถามว่า “มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับข้างั้นเหรอ?”