บทที่ 41 แผนการพิสดาร (ต้น)
“ไม่ ไม่ใช่หรอก…” จี้เสี่ยวซีรีบหลบตา “ข้าแค่…ไม่คิดว่าท่านจะ…ดู…ดีขนาดนี้…” นางอายเกินกว่าจะมองดูเขาอย่างตรงไปตรงมาก่อนหน้านี้ ดังนั้นตอนนี้นางจึงเพิ่งมาเห็นว่าหน้าตาที่แท้จริงของซูอันเป็นอย่างไร
“แน่นอน ย้อนกลับไปที่บ้านเกิดของข้า บรรดาคนในครอบครัวหรือเพื่อนของข้ามักจะเรียกข้าว่าแดเนียล วูแห่งซานหลี่ถุนเชียวนา”ซูอันรู้สึกเบิกบานเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการยกย่องจากหญิงสาวที่งามขนาดนี้
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้จริงจังอะไรกับแนวคิดที่ว่า ฉู่ชูเหยียน อาจจะเลือกเขาจากหน้าตาแต่ตอนนี้เมื่อได้ยินคำชมของ จี้เสี่ยวซีเขาก็เริ่มคิดจริงจังว่าแนวคิดนี้มันอาจเป็นไปได้จริง ๆ ก็ได้! เพราะเมื่อเขามองดูเงาของตัวเองในน้ำอีกครั้ง เขาก็คิดว่ารูปลักษณ์ของตนนั้นถือว่าโดดเด่นในโลกนี้จริง ๆ
“ใครคือแดเนียล วู?”จี้เสี่ยวซีถามด้วยความสงสัย
“อา เขาเป็นหนึ่งในผู้ชายที่ดูดีที่สุดในบ้านเกิดของข้า” ซูอันตอบขณะที่เขาเริ่มหวนคิดถึงโลกอีกใบของเขา เขาพลาดมือถือและอินเทอร์เน็ต และความสุขสงบของโลกที่เขาจากมา
“อือ” ใบหน้าของจี้เสี่ยวซีแดงเล็กน้อย ทันใดนั้น นางพูดว่า “ท่านไม่ใช่คนดี”
“ฮะ? ไหงเป็นงั้นล่ะข้ายังไม่ได้ทำอะไรเจ้าสักหน่อย?” ซูอันรู้สึกประหลาดใจ พร้อมกับจ้องมองไปที่หญิงสาวที่ดูไร้เดียงสาด้วยท่าทีตื่นตัวมากขึ้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางแข็งแกร่งกว่าเขาในแง่ของระดับการบ่มเพาะ ถ้านางเกิดโมโหทำอะไรเขาขึ้นมาในตอนนี้ เขาคงจะตกอยู่ในที่นั่งลำบากแน่นอน
“ท่านบอกว่าหมาป่ากระซวกทวารกำลังไล่ตามท่านจนท่านตกลงไปในน้ำ แต่เมื่อข้ามองไปรอบ ๆ บริเวณของที่นี่ข้าไม่เห็นร่องรอยของหมาป่ากระซวกทวารอยู่เลย นอกจากนี้เสื้อผ้าของท่านยังถูกพับเอาไว้อย่างเรียบร้อยบนชายฝั่ง ซึ่งแสดงว่าท่านลงไปในน้ำอย่างผ่อนคลาย สรุปแล้วเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันต่างจากที่ท่านบอกกับข้ามาอย่างแน่นอน”จี้เสี่ยวซีกล่าวขณะที่นางชี้ไปที่พื้นรอบ ๆ ถึงแม้ว่านางจะไร้เดียงสา แต่นางไม่ใช่คนโง่
ซูอันหัวเราะด้วยความอับอาย อย่างไรก็ตามเวลาที่พวกเขาคุยกันก่อนหน้านี้ทำให้เขาเข้าใจถึงบุคลิกของนางได้ดี เขาจึงอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “ไม่ใช่ว่าข้าอยากจะโกหกเจ้า แต่ข้ากลัวว่าเจ้าจะเข้าใจผิด โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนั้น นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าต้องหาข้อแก้ตัวที่ดูสมเหตุสมผลที่สุด แต่ต่อให้ข้าจะไม่พูดความจริงทั้งหมดแต่อย่างน้อย ๆ เรื่องที่ข้าข้าหมดสติไปและจบลงด้วยการถูกกระแสน้ำพัดพาไปจนบังเอิญได้เจอกับเจ้านั่นเป็นเรื่องจริงแน่นอน ข้ารับรองกับเจ้าได้ว่าข้าไม่ได้โกหก”
“อย่างนั้นหรือ”จี้เสี่ยวซีประเมินเขาอย่างสงสัยตั้งแต่หัวจรดเท้า “ดูเหมือนว่าท่านจะอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ท่านดูไม่ป่วยสำหรับข้า ไหนข้าขอดูมือท่านหน่อย”
“ฮะ? “ซูอันรู้สึกงุนงงเล็กน้อย แต่ท่าทีดูน่ารักน่าชังของนางทำให้เขาปฏิเสธไม่ลงเช่นกัน ดังนั้นจึงยื่นมือออกไปให้นางอย่างว่าง่าย
แต่แล้วเมื่อสามนิ้วที่เย็นเฉียบประทับลงบนชีพจรของเขา จู่ ๆ กลิ่นอายของจี้เสี่ยวซีก็ดูเหมือนจะกลายเป็นคนละคน ความรู้สึกอ่อนโยนก่อนหน้านี้ของนางมันมลายหายไปในทันทีเหลือแต่แรงกดดันรุนแรงที่ทำให้ฝั่งตรงข้ามไม่อาจขัดขืนได้
แม้แต่คนช่างจ้ออย่างซูอันก็พบว่าตัวเองไม่กล้าพูดอะไรเพราะกลัวว่าจะขัดจังหวะนาง
“ข้าเห็นแล้ว ที่แท้จุดชีพจรหยินของท่านมีปัญหานี่เอง” จี้เสี่ยวซีหดนิ้วของนางกลับ ในขณะที่สีหน้าของนางเปลี่ยนจากระแวดระวังกลายเป็นสงสารแทน “ข้าเกรงว่าข้าคงไม่สามารถรักษาท่านได้ด้วยตัวข้าเองเพราะทักษะของข้ายังคงไม่เพียงพอแต่ข้ามั่นใจว่าพ่อของข้าคงจะรักษาท่านได้แน่นอน”
เมื่อเห็นหญิงสาวมองดูร่างกายส่วนล่างของเขาด้วยความเห็นอกเห็นใจ ได้ฟังแล้วน้ำตาชายหนุ่มแทบจะไหลเป็นสายเลือด ผู้ชายคนไหนบ้างที่เต็มใจจะแสดงด้านที่อ่อนแอของเขาให้ผู้หญิงเห็น?
แถมก่อนหน้านี้เขายังคงคิดที่จะหยอกล้อนางเล็กน้อย แต่ตอนนี้ปัญหาของเขาถูกนางมองเห็นทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว…
น่าอายจริง ๆ พับผ่าสิ!!
ซูอันเสียใจอย่างสุดซึ้ง เขาไม่ควรยื่นมือออกไปเลยจริง ๆ แต่ก็อย่างว่าแหละ เขาจะไปรู้ได้ยังไงว่าหญิงสาวคนนี้มีทักษะทางด้านการแพทย์ขนาดนี้?
เดี๋ยวก่อน นามสกุลของนางคือ จี้ และนางก็มีความชำนาญด้านการแพทย์ด้วย มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้ง?
ซูอัน พยายามถามต่อไปว่า “ข้าขอถามได้ไหมว่าใครเป็นพ่อของเจ้า?”
จี้เสี่ยวซี ตอบด้วยรอยยิ้มอันแสนหวาน “พ่อของข้าคือ จี้เติ้งถู เขามีชื่อเสียงค่อนข้างมากในเมืองจันทร์กระจ่าง ไม่แน่ท่านอาจเคยได้ยินชื่อเสียงของพ่อข้ามาบ้างแล้วก็ได้” ตอนแรกนางระวังตัวกับซูอันเป็นอย่างมากแต่ตอนนี้เมื่อนางรู้ว่าซูอันป่วยเป็นอะไร ความกังวลที่มีก็พลันหายไป จนนางเชื่อว่าเหตุการณ์ที่แอบมองก่อนหน้านี้เป็นเหตุบังเอิญที่ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ
“อา หมอเทวะจี้ ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเขา” ซูอันตอบ หลังจากครุ่นคิดเขาตัดสินใจที่จะไม่บอกนางว่าเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการเดินทางของเขาที่นี่เป็นเพราะภารกิจของพ่อเจ้าที่มอบให้ข้านั่นแหละ!
“เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าจะพาเจ้ากลับบ้านไปหาพ่อของข้า เขาน่าจะมีวิธีรักษาโรคของเจ้า” เมื่อเห็นใบหน้าของซูอันที่ดูแปลกไปเล็กน้อย จี้เสี่ยวซีคิดว่าเขากังวลเกี่ยวกับความเจ็บป่วยของเขา ดังนั้นนางจึงรีบปลอบประโลมเขาอย่างรวดเร็ว
“แต่ข้ายังต้องการเก็บ โก๋วเป่า” ซูอันไม่ค่อยเชื่อในข้อเสนอของจี้เสี่ยวซีที่อาสาจะช่วย เขาได้เห็นแล้วว่าหมอเทวะจี้หน้าเงินแค่ไหน แถมหมอเทวะจี้ยังกล้าเรียกลูกตัวเองว่าลูกระยำอีกต่างหาก
ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่เขาจะเชื่อว่าคำพูดของจี้เสี่ยวซีจะมีน้ำหนักพอโน้มน้าวพ่อของนางให้รักษาเขาได้ ฉะนั้นเพื่อเป็นการปลอดภัยที่สุดเขาจึงต้องหวังพึงการทำภารกิจให้สำเร็จก่อนเป็นอันดับแรก
เมื่อได้ยินคำพูดของซูอันจี้เสี่ยวซี ลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะพูดว่า “แต่ด้วยความแข็งแกร่งของท่าน ข้าเกรงว่า…”
ความหมายของนางชัดเจนมากแบบที่ ‘ไม่ใช่ว่าข้าต้องการดูถูกเจ้า แต่ความแข็งแกร่งของเจ้ามันอ่อนด้อยจริง ๆ’
เฮ้อ…นี่คงจะเป็นสิ่งที่นางคิด
ซูอัน หัวเราะและตอบกลับไปว่า “อันที่จริงตอนแรกข้าก็ไม่รู้ว่าจะใช้หนทางไหนเหมือนกัน แต่ข้าพบกับทางออกของปัญหาแล้วหลังจากพบเจ้า!”
“หลังจากพบข้า?” จี้เสี่ยวซีแสดงสีหน้างุนงงและรีบตอบกลับทันที “แต่ข้าอยู่แค่ขั้นสามเท่านั้น หรือต่อให้ข้าใช้อุจจาระมังกร พวกหมาป่ากระซวกทวารเหล่านั้นก็เพียงแค่ถอยห่างออกไปเท่านั้น ส่วนยากล่อมประสาทข้าก็ใช้มันหมดแล้วเพื่อจัดการกับแรดคลั่งตาแดง…”
ซูอันรู้สึกว่ามันเป็นปาฏิหาริย์มากที่หญิงสาวคนนี้สามารถมีชีวิตอยู่ได้มาจนถึงทุกวันนี้ นางหงายไพ่เด็ดในมือทั้งหมดให้กับคนแปลกหน้าโดยไม่ลังเล นางไม่เคยครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่เขาจะเป็นคนเลวเลยงั้นหรือไง?
แต่เมื่อคิดให้ลึกลงไป อาจเป็นเพราะนางรู้ว่าเขาคงทำอะไรนางไม่ได้ล่ะมั้ง นางเลยไว้ใจเขาขนาดนี้?
“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าหรอก ข้าจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง” ซูอันตอบด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย “เจ้าพูดก่อนหน้านี้ใช่ไหมว่าแรดคลั่งตาแดงนั้นมีนิสัยที่พยาบาทเป็นอย่างมาก?”
“ถูกต้อง” จี้เสี่ยวซีตอบกลับพร้อมพยักหน้า ตอนนั้นเองที่ดวงตาของนางเบิกกว้างเหมือนว่าจะรู้ทันความคิดของซูอัน ”นี่ท่านตั้งใจจะใช้แรดคลั่งตาแดงจัดการกับพวกหมาป่ากระซวกทวารงั้นเหรอ? แม้ว่าแรดคลั่งตาแดงจะมีผิวที่หนา แต่ความเร็วของมันก็เทียบไม่ได้เลยกับพวกหมาป่ากระซวกทวาร มันไม่มีทางที่จะฆ่าพวกหมาป่าได้แน่นอน นอกจากนี้จ่าฝูงของพวกหมาป่ากระซวกทวารก็อยู่ในขั้นสามแล้ว ข้าคิดว่าหากแรดคลั่งตาแดงถูกรุมมาก ๆ เข้า มันน่าจะหนีไปในตอนท้ายที่สุดหรือไม่ก็อาจจะกลายเป็นเหยื่อของฝูงหมาป่าเลยด้วยซ้ำ”
“ข้ามีแผนการอยู่ในใจ” ซูอันตอบด้วยรอยยิ้มลึกลับในขณะที่เขาเริ่มเดินเลียบไปตามแม่น้ำ ซึ่งจี้เสี่ยวซีที่กำลังงงงวยก็เดินตามเขาไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน