ตอนที่ 40 ไม่อยากมีหุ้นส่วน

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 40 ไม่อยากมีหุ้นส่วน

เมื่อนำราคาของไข่ไก่สิบฟอง 1.5 หยวนมาเปรียบเทียบกัน ลูกค้าที่ซื้อไก่ตัวผู้ชั่งละสองหยวนก็รู้สึกว่ายังพอรับได้

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ไก่ตัวผู้ไม่กี่สิบตัวก็ถูกขายหมดเกลี้ยง เหลือไข่ไก่ที่ขายอย่างไรก็ขายไม่ออก และแพะอีกห้าตัวบนรถ

หลินม่ายจึงให้คนขับอุ้มแพะลงมาจากรถ

จังหวะนั้นก็มีลูกค้าเข้ามาถามเธอ “หนูขายแพะทั้งตัวเลยเหรอ?”

จะขายทั้งตัวได้อย่างไร? ไม่มีใครซื้อแพะทั้งตัวหรอก

ประการแรกคือคนในเมืองไม่อยากเชือดแพะเอง ประการที่สองไม่มีใครยอมจ่ายเงินก้อนใหญ่ซื้อแพะทั้งตัวหรอก มันสิ้นเปลืองเกินไป

หลินม่ายตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ไม่ค่ะ จะเชือดแล้วแบ่งขายเลย”

ชายคนหนึ่งจ้องมองแพะตัวนั้นด้วยดวงตาเป็นประกาย “แล้วขายยังไง”

“ขาแพะชั่งละห้าหยวน เนื้อแพะชั่งละสี่หยวน ตับแพะชั่งละสามหยวน…”

แม้ว่าราคาจะสูงกว่าปกติ แต่ถ้าอยากซื้ออย่างไรก็ต้องซื้อให้ได้

ด้วยความช่วยเหลือของคนขับรถแทรกเตอร์ หลังจากเชือดแพะตัวแรกเสร็จ นอกจากเลือดและปอดแพะแล้ว เนื้อแพะต่างถูกยื้อแย่งซื้อจนหมดเกลี้ยง แม้แต่ส่วนหัว และสำไส้ก็ยังถูกซื้อไปไม่มีเหลือ

ฆ่าหนึ่งตัวก็ขายหนึ่งตัว ผ่านไปหลายชั่วโมง แพะทั้งห้าตัวก็ถูกขายจนหมดเกลี้ยง

แม้แต่ไข่ไก่ที่ขายไม่ออกมาตลอดเมื่อนำมาเปรียบเทียบราคากับเนื้อแพะแล้ว เธอก็ขายออกไปแล้วกว่าแปดร้อยฟอง

ตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็น  คงต้องหยุดขาย ขืนขายต่อมีหวังค่ำแน่ และคนชั่วพวกนั้นอาจจะเข้ามาทำร้ายพวกเธอ 

เธอสังเกตเห็นว่ามีชายฉกรรจ์อย่างน้อยเจ็ดแปดคนท่าทางมีพิรุธเดินวนเวียนอยู่รอบตัวเธอไม่ใกล้ไม่ไกล หากไม่ใช่ขโมย ก็ต้องเป็นนักล้วงกระเป๋า หรือไม่ก็โจรชั่ว

พวกหัวขโมยและนักล้วงกระเป๋าขโมยเงินจากเธอไม่ง่าย เพราะเธอเอาเงินยัดใส่ถุงผ้าขนาดเล็กที่แขวนอยู่ตรงหน้าอก

ถุงผ้าใบนี้เป็นถุงผ้าที่คุณย่าฟางตั้งใจทำตามความต้องการของเธอตลอดเมื่อคืน

เมื่อขายของเสร็จ เธอก็รีบยัดถุงผ้าใบนั้นลงในเสื้อบุนวม แล้วพูดกับคนขับรถแทรกเตอร์ว่า”คุณอา เก็บร้านค่ะ”

คนขับรถแทรกเตอร์ตื่นตกใจ “จะไม่ขายไข่ไก่พวกนี้แล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่ไม่ขาย แต่ขายไม่ได้” หลินม่ายลากถังใส่ตับแพะทั้งห้าชิ้นขึ้นรถ

“ไข่ไก่ที่เหลือนำไปส่งให้กับสมาคมสตรีเถอะค่ะ พรุ่งนี้ผู้นำของสมาคมจะนำไข่ไก่เหล่านี้ไปแจกจ่ายให้กับผู้หญิงยากจนและปลอบประโลมพวกหล่อนในวันสตรีสากล เราจะช้าไม่ได้

หลินม่ายพูดโกหกหน้าตายจนคนขับรถแทรกเตอร์มองไม่ออกว่าเป็นเรื่องจริงหรือโกหก จากนั้นก็ยกไข่ไก่ที่ยังขายไม่หมดและเลือดแพะที่เธอใส่รวมกันขึ้นรถ แล้วขับออกไป

โจรพวกนั้นทุบหน้าอกด้วยความโกรธเกรี้ยวแต่ทำอะไรไม่ได้ แกะอ้วนตัวนี้กลับเกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการ ทำให้พวกเขาไม่กล้ากระทำการบุ่มบ่าม

หลินม่ายเห็นคนชั่วพวกนั้นไม่กล้าตามมาจึงวางใจ

คนขับรถจึงเอ่ยถาม “สมาคมสตรีไปทางไหน?”

หลินม่ายส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าสมาคมสตรีนั้นไปทางไหน ที่ฉันพูดแบบนี้ก็เพราะต้องการขู่โจรพวกนั้นน่ะค่ะ”

เดิมทีเธออยากบอกว่าเธอจะไปนำไข่ไก่ไปส่งที่สถานีตำรวจด้วยซ้ำ แต่ก็กลัวว่าถ้าโกหกเกินจริงมากไปจะเป็นการหาเหาใส่ตัว ทำให้โจรชั่วพวกนั้นสงสัย

ดังนั้นจึงพุ่งเป้าไปยังสมาคมสตรีแทน ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกว่าน่าเชื่อถือบ้าง

คนขับรถอึ้งงันไป “มีโจรชั่วด้วยเหรอ ฉันมัวแต่สนใจว่าจะมีเทศกิจออกมาจับไหมเท่านั้น ว่าแต่ไข่ไก่ที่ขายไม่หมดพวกนี้จะทำยังไง?”

ไข่ไก่กว่าหนึ่งพันฟอง รับซื้อมาใบละห้าเฟิน ต้นทุนก็เกือบหกสิบหยวน เป็นเงินไม่น้อย เกิดเสียหายขึ้นมา เขาก็เสียดายแทนหลินม่าย

ไข่ไก่เหล่านี้หลินม่ายวางแผนไว้แล้ว พรุ่งนี้จะขายอีกครึ่งวัน ถ้ายังขายไม่หมด หลังปีใหม่ค่อยทำไข่ต้มพะโล้ขาย

ต้มไข่พะโล้ขาย ฟองละหนึ่งเหมายังพอขายออก แต่กำไรนั้นบางเบามาก แต่ก็ดีกว่าขาดทุนหรือทำเงินไม่ได้เลย

จึงพูดต่อว่า “ไปส่งที่พักในเมืองของฉันแล้วกันค่ะ พรุ่งนี้ค่อยขายต่อ”

คนขับรถเอ่ยด้วยความแปลกใจ “พรุ่งนี้เป็นวันที่สามสิบแล้วนะ จะมีคนออกมาซื้อของในวันปีใหม่อีกเหรอ?”

“พรุ่งนี้ฉันไม่กล้ามั่นใจหรอกค่ะว่าจะมีคนออกมาจบจ่ายซื้อของสำหรับวันปีใหม่ไหม แต่ฉันกล้ามั่นใจว่าพรุ่งนี้เทศกิจจะไม่มาขับไล่แผงขายของพวกนี้แน่นอน ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีคนมาซื้อของในตลาดมืด เราก็ขนของไปขายในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านก็จบเรื่อง”

สาเหตุที่หลินม่ายกล้ามั่นใจแบบนี้ นั่นเพราะตั้งแต่เธอเปิดแผงขายของอยู่ในเมืองมานานขนาดนี้ก็ยังไม่มีเทศกิจคนไหนมาขับไล่

แม้สาเหตุหลักจะมาจากแผงขายของขนาดเล็กที่เปิดอยู่ไม่กี่ร้าน แต่เมื่อเข้าสู่เดือนสิบสองพวกเทศกิจยังคงปล่อยให้พ่อค้าแม่ขายหาบเร่เหล่านี้ลอยนวลต่อไป

วันนี้คนขับรถเห็นกับตาว่ากิจการของหลินม่ายนั้นเฟื่องฟูมากแค่ไหน หาเงินได้ง่ายแค่ไหน

ได้ยินหลินม่ายบอกว่าพรุ่งนี้จะต้องมาขายอีก ก็ได้แต่ตะลึงงันอยู่ในใจ เพราะอยากตามเธอมาขายสินค้าเกษตรแบบนี้อีก

เขาเลยลองถามหยั่งเชิงออกไป “พรุ่งนี้ฉันต้องตามมาขายไก่กับเธอไหม?”

เขาไม่อยากขายไข่ไก่แล้ว เพราะถึงอย่างไรก็ขายไม่ออก

แต่ขายไก่หนึ่งชั่งก็พอหาเงินได้อย่างน้อยแปดเหมา กำไรน่าตะลึงแบบนี้ ต่อให้เขาขายไก่แค่หนึ่งร้อยตัว ก็ยังหาเงินได้เกือบหนึ่งร้อยหยวน

หลินม่ายเอ่ย “ไม่จำเป็นต้องเป็นหุ้นส่วนกันหรอกค่ะ แต่จะขายด้วยก็ได้ เราต่างเปิดร้านของตัวเอง ต่างคนต่างหาเงิน จะได้ไม่ขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ ไม่มีการขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ก็ไม่ต้องอิจฉาตาร้อน แค่ต้องช่วยเหลือกันและกันก็พอ”

เธอชินกับการทำงานคนเดียว ไม่ชอบเป็นหุ้นส่วนร่วมกับใคร ชินกับการชวนคนอื่นมาเป็นพันธมิตรกันเท่านั้น

เป็นหุ้นส่วนหมายความว่าต้องเอาเงินที่ตัวเองหามาได้แบ่งให้คนอื่นบางส่วนด้วย ซึ่งเธอไม่ยอม

ทุกคนต่างหาเงินได้ด้วยความสามารถของตัวเอง มันยุติธรรมต่อทุกคนที่สุดแล้ว

แม้จะถูกหลินม่ายปฏิเสธ แต่คนขับรถก็ไม่ได้โกรธ เจ้าตัวยอมพาเขาไปค้าขายด้วยเขาก็พอใจมากแล้ว

“งั้นก็ตามนั้น คืนนี้ฉันกลับไปรีบซื้อไก่สักห้าร้อยตัว พรุ่งนี้จะไปขายกับเธอแล้วกัน”

หลินม่ายเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “มากสุดแค่สองร้อยตัวก็พอค่ะ รับมากไปกลัวว่าจะขายไม่หมด ถึงอย่างไรพรุ่งนี้ก็เป็นวันที่สามสิบแล้ว เปิดร้านได้แค่ครึ่งวัน”

คนขับรถถาม “แล้วเธอเตรียมจะรับซื้อเท่าไหร่?”

หลินม่ายเข้าใจทันที เขากำลังสงสัยว่าเธอตั้งใจขัดขวางเขาที่รับซื้อไก่ “ฉันคงจะรับซื้อไก่แค่สองร้อยกว่าตัวเท่านั้น”

เมื่อถึงหมู่บ้านซานหยางก็นำไข่ไก่กลับบ้าน แล้วทั้งสองคนขับรถตรงไปยังหมู่บ้าน

เมื่อผ่านร้านขายของกินขนาดเล็กโดยรัฐบาล หลินม่ายก็ให้คนขับจอดรถ

ทั้งสองคนเดินเข้าไปในร้านของกินโดยรัฐบาล หลินม่ายซื้อบะหมี่สองชามและซาลาเปาอีกสองสามลูกเป็นมื้อค่ำสำหรับพวกเขา

หลินม่ายซดบะหมี่ชามนั้นลงท้องจนอิ่ม แต่เธอไม่ได้กินซาลาเปาสักลูก

คนขับรถอยากกินแทบขาดใจ

หลังจากกินบะหมี่เสร็จแล้ว เขาก็ยังเอ่ยถามหลินม่ายว่ากินซาลาเปาไหม

เมื่อเธอบอกว่าไม่กิน เขาก็ยัดซาลาเปาสองสามลูกนั้นใส่กระเป๋า เตรียมนำกลับไปให้พวกเด็ก ๆ กิน

หลินม่ายเห็นดังนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไร กระทั่งนึกอยากเก็บไว้ให้คุณปู่คุณย่าฟางและโต้วโต้ว ก็เลยซื้อซาลาเปาเนื้อสองสามลูกไปให้หล่อนและสองเฒ่า

จนกระทั่งสามทุ่ม ทั้งสองคนก็เพิ่งกลับถึงในเมือง

ตอนนี้หลินม่ายได้จ่ายเงินค่าจ้างวันนี้ให้กับคนขับรถ

แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะตกลงเรื่องราคากันแล้วว่าสิบหยวน แต่คนขับรถช่วยเธอมาตลอดทั้งวัน คงจะคำนวณค่าจ้างตามครึ่งวันไม่ได้

ประกอบกับที่เขาช่วยเชือดแพะ ยังไงก็ต้องให้ค่าจ้างเขา

หลินม่ายไม่เคยเรียกใครมาช่วยฟรี ๆ ดังนั้นจึงให้ธนบัตรกับเขาไปอีกสามใบ

คุณอาขับรถรับธนบัตรทั้งสามใบไปด้วยความดีใจ เงินจำนวนนี้หามาได้อย่างง่ายดาย!

เมื่อหลินม่ายกลับมาถึงบ้านคุณย่าฟาง ไม่เพียงแต่สองเฒ่าที่ยังไม่เข้านอน โต้วโต้วก็ยังไม่เข้านอนเช่นกัน

เมื่อเด็กน้อยเห็นเธอ หล่อนก็โผเข้าไปกอดขาของเธอ แล้วเงยหน้าเรียกหาแม่ ขอให้เธออุ้ม

หลินม่ายหมดเรี่ยวแรง ไหนเลยจะมีแรงอุ้มหล่อน จึงนำซาลาเปาที่ซื้อไว้ออกมา อุ่นร้อนด้วยเตาอั้งโล่ให้หล่อนได้กินกับสองเฒ่า

โต้วโต้วกลับนำซาลาเปาเหล่านั้นไปวางบนโต๊ะ แล้วรินน้ำให้เธอดื่มอย่างรู้งาน

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

สกิลการเอาตัวรอดของม่ายจื่อนี่น่านับถือเลยค่ะ ถ้าไม่รู้ทันคนคงเสียเงินมหาศาล

ไหหม่า(海馬)