ตอนที่ 47 โลกนี้ช่างคับแคบ (2)ตอนที่ 48 โลกนี้ช่างคับแคบ (3)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 47 โลกนี้ช่างคับแคบ (2)

“เหอะ สำนักชิงอวิ๋นบ้าบออะไรกันล่ะ พวกมันไม่มีค่าพอให้พูดถึงด้วยซ้ำ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามดังมาจากด้านข้างของจวินอู๋เสีย เมื่อนางหันไปมองก็เห็นชายหนุ่มหัวฟูดูรกรุงรังกำลังพึมพำเสียงแผ่วเบาขณะเคี้ยวใบไผ่ในปาก มือทั้งสองของเขาไขว้กันอยู่ด้านหลังศีรษะ เขามองผ่านฝูงชนรอบกายที่กำลังสรรเสริญไป๋อวิ๋นเซียนด้วยสายตาเหยียดหยามไม่พอใจ

เสียงพูดเขาเบายิ่งนัก นอกจากจวินอู๋เสียก็ไม่มีใครได้ยินว่าเขาพูดว่าอะไร

เมื่อชายหนุ่มสบเข้ากับสายตาของจวินอู๋เสีย เขาก็ผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มยิงฟันให้นางแล้วหัวเราะออกมา “ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าข้าไม่สนใจพวกโอสถวิเศษอะไรนั่น เพราะฉะนั้นข้าจึงไม่สนใจสำนักชิงอวิ๋นด้วย”

ชายหนุ่มพยายามจะอธิบาย แต่ทว่าจวินอู๋เสียกลับไม่ใส่ใจมากนัก นางทำเพียงก้าวยาวๆ ผ่านหน้าเขาไป

ชายหนุ่มเม้มปากลงแน่น และไม่พูดอะไรอีก

“เจ้าต้องการสิ่งใดเพื่อแลกเปลี่ยนกับหินวิญญาณสองก้อนนี้และไข่มุกบูรพาทั้งเก้าเม็ดนั่น” เมื่อมั่วเซวี่ยนเฝ่ยได้เห็นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนรัก เขาก็ตัดสินใจทุ่มเงินเพื่อนาง

คราที่มั่วเซวี่ยนเฝ่ยพาจวินอู๋เสียมายังเมืองผีนั้น เขาไม่จ่ายเงินแม้แต่ตำลึงเดียวด้วยซ้ำ พวกเขาทำแค่เพียงเดินไปตามตรอกซอกซอยพักหนึ่ง จากนั้นก็มุ่งหน้ากลับออกไป

ทว่ายามนี้เมื่อเขามีไป๋อวิ๋นเซียนอยู่ข้างกาย เขาก็กลับใจกว้างขึ้นมากทีเดียว

ชายชรามองไปยังมั่วเซวี่ยนเฝ่ย เขาพ่นควันบางเบาออกมาจากกล้องยาสูบแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “ข้ารับแต่โอสถวิเศษเท่านั้น”

มั่วเซวี่ยนเฝ่ยผงะไปเล็กน้อย

ในฐานะองค์ชายรองของรัฐนี้ ทรัพย์สมบัติชนิดใดบ้างที่เขาไม่เคยเห็น แต่โอสถวิเศษที่สามารถแลกเปลี่ยนได้ในเมืองผีแห่งนี้นั้นจะเป็นสิ่งของธรรมดาได้อย่างไร จริงอยู่ที่ว่ารัฐชีนั้นมีการศึกษาเรื่องการหลอมโอสถวิเศษอยู่บ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าการแพทย์ของรัฐชีนั้นยังไม่พัฒนาพอที่จะหลอมมันขึ้นมาเองได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะเดินตามไป๋อวิ๋นเซียนต้อยๆ เช่นนี้หรือ เนื่องจากโอสถวิเศษเป็นสิ่งของที่ขาดแคลน มันจึงถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีในอีกคลังหนึ่งซึ่งเขาไม่มีอำนาจพอจะนำมันออกมาใช้ได้

“ข้าจะแลกพวกมันกับหยกนี่” มั่วเซวี่ยนเฝ่ยไม่ต้องการเสียหน้าต่อหน้าไป๋อวิ๋นเซียน เขาจึงหยิบหยกชั้นดีที่มีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือออกมา หยกชิ้นนี้ก็จัดได้ว่าเป็นสมบัติหายากชิ้นหนึ่งเช่นกัน มั่วเซวี่ยนเฝ่ยตั้งใจจะทำให้ไป๋อวิ๋นเซียนรู้สึกประทับใจในตัวเขาให้ได้

ครั้งนี้เขายอมทุ่มสุดตัวแล้ว!

น่าเสียดายที่ชายชราคนนั้นไม่แม้แต่จะชายตามองเลย ยังคงดูดกล้องยาสูบของเขาต่อไป

เห็นได้ชัดเจนว่าชายชราไม่เห็นหยกของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยอยู่ในสายตาสักนิด

หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเขตเมืองหลวง ผู้ใดจะกล้าไม่ไว้หน้าทำให้มั่วเซวี่ยนเฝ่ยขุ่นเคืองใจกัน เขาคือองค์ชายผู้ทรงเกียรติ เมื่อเขาต้องการที่จะซื้อบางสิ่งจากผู้ใด นั่นหมายความว่าเขาได้เห็นหัวมันผู้นั้น และมันก็ควรที่จะรู้สึกว่าช่างเป็นเกียรติอย่างสูงสุด หากผู้ใดขัดขืนไม่ยอมทำตาม เขาก็แค่สั่งให้เหล่าองครักษ์รื้อแผงของมันจากนั้นก็โยนเจ้าของร้านเข้าคุก เท่านี้ก็เป็นอันจบเรื่อง

อย่างไรก็ตามที่นี่คือเมืองผี

เมื่องผีตั้งอยู่ในเขตลับตานอกถนนสายหลัก และแม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะอยู่ในเขตเมืองหลวง แต่ทว่ากลับไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของรัฐชี เมืองผีถูกเปิดและจัดการโดยคนลึกลับกลุ่มหนึ่ง พวกเขามียามสวมหน้ากากร่างกายแข็งแรงกำยำคอยควบคุมความเรียบร้อยในตลาดแห่งนี้ อยู่ที่นี่เจ้าจะขายอะไรก็ได้ไม่มีใครสนใจเจ้า อย่างไรก็ตามหากมีผู้ใดก่อกวนหรือสร้างปัญหาเพราะเจรจาการค้าไม่ลงตัวล่ะก็ คนเฝ้ายามจะรีบจัดการโยนมันผู้นั้นออกไปทันที

เคยมีคนพยายามเล่นลูกไม้สกปรกบังคับทำการซื้อขายในเมืองผีแห่งนี้อยู่หลายคนเหมือนกัน แต่พวกเขาก็ถูก ‘เชิญ’ ออกไปและถูกลิดสิทธิ์ห้ามไม่ให้กลับเข้ามาในเมืองผีแห่งนี้อีก

ครั้งหนึ่งบุตรชายของอัครมหาเสนาบดีได้ถูกจับโยนออกไปทิ้งไว้บนถนนนอกทางเข้าเมืองผี และเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ทำให้ตระกูลของเขาอับอายขายหน้าเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามท่านอัครมหาเสนาบดีผู้นั้นกลับไม่กล้าสร้างปัญหาใดๆ ให้แก่เมืองผีแม้แต่น้อย ทั้งยังทำเหมือนไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้นอีกด้วย

นับตั้งแต่นั้นมา ผู้คนจึงรับรู้โดยนัยว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเมืองผีนี้จะต้องมีอำนาจยิ่งใหญ่มากเป็นแน่ ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีผู้ใดกล้ามาก่อเรื่องวุ่นวายที่นี่อีกเลย

มั่วเซวี่ยนเฝ่ยในฐานะองค์ชายของรัฐ แม้เขาจะไม่ทราบว่าผู้ใดคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเมืองผีแห่งนี้กันแน่ แต่เขาก็รู้ดีว่าคนผู้นั้นเป็นตัวตนที่เขาไม่สามารถทำให้ขุ่นเคืองใจได้ ไม่อย่างนั้นเขาอาจมีจุดจบเช่นเดียวกับบุตรชายของอัครมหาเสนาบดีผู้นั้น!

…………..

ตอนที่ 48 โลกนี้ช่างคับแคบ (3)

มั่วเซวี่ยนเฝ่ยมีสีหน้าน่าเกลียด ขณะที่เขาพยายามข่มกลั้นอารมณ์ของตน ไป๋อวิ๋นเซียนขมวดคิ้วของนางเล็กน้อยจากนั้นนางก็ก้าวออกมาด้านหน้า หยิบขวดกระเบื้องเคลือบขนาดเล็กออกมาจากแขนเสื้อแล้วยื่นมันส่งให้แก่ชายชรา

“แค่นี้พอหรือไม่” ไป๋อวิ๋นเซียนเชิดหน้าถามด้วยน้ำเสียงติดจะเยาะหยันเล็กน้อย

ชายชราคว้าขวดไป เขาเลิกคิ้วขึ้นและจ้องมองไปยังไป๋อวิ๋นเซียน

ผู้คนรอบข้างต่างชะเง้อคอเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น อยากจะรู้นักว่าสิ่งที่ศิษย์เอกของท่านเจ้าสำนักชิงอวิ๋นยื่นออกมานั้นคืออะไร มันจะต้องเป็นของดีหายากอย่างแน่นอน!

ชายชราดึงจุกที่ปิดฝาขวดออก แล้วสูดดมกลิ่นเข้าไป

ทันทีที่เขาเปิดขวด กลิ่นสดชื่นหอมหวานก็แพร่กระจายออกมารอบด้าน มันทำให้ผู้คนเคลิบเคลิ้มลุ่มหลงเล็กน้อย

“สิ่งนี้มีชื่อเรียกหรือไม่” ชายชรากล่าวถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

ไป๋อวิ๋นเซียนยิ้มเยาะพลางตอบ “นี่คือเม็ดยาฉีอวิ๋นที่หลอมโดยท่านอาจารย์ของข้าเอง”

ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมาจากปากของนาง เสียงแห่งความตกตะลึงก็ดังไปทั่วทุกแห่งหน

เม็ดยาฉีอวิ๋น!

มันคือโอสถวิเศษที่เป็นที่ร่ำลือโจษจันไปทั่ว ว่ากันว่าเม็ดยาชนิดนี้มีเพียงเจ้าสำนักชิงอวิ๋นผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถปรุงมันขึ้นมาได้ ทั้งมันยังเป็นที่รู้จักในฐานะของยายื้อชีวิต ไม่ว่าคนผู้นั้นจะใกล้ตายมากเพียงใด เขาก็สามารถยืดอายุขัยของตนได้ด้วยการทานยานี้หนึ่งเม็ดทุกวัน

เหล่าฮ่องเต้และผู้ปกครองต่างพยายามหามันมาไว้ในครอบครอง การที่ไป๋อวิ๋นเซียนเดินทางมารัฐชีในครั้งนี้ ก็เพื่อส่งมอบตัวยาล้ำค่านี้ให้แก่ฮ่องเต้รัฐชีเป็นกรณีพิเศษ

ส่วนขวดที่นางเพิ่งยื่นออกไป นั่นคือยาที่ท่านอาจารย์มอบให้นางไว้ใช้โดยเฉพาะ

ชื่อเสียงของเม็ดยาฉีอวิ๋นโด่งดังไปทั่วทุกสารทิศ มันเป็นเหมือนภาพมายาที่คนมากมายต้องการ แต่ไม่อาจได้มาครอบครอง

“สุดยอดจริงๆ! ช่างสมกับที่เป็นศิษย์เอกของท่านเจ้าสำนักชิงอวิ๋น แค่นางยื่นมือออกไป ก็เป็นเม็ดยาฉีอวิ๋นที่มีค่าปานนั้น! ตาแก่นี่โชคดีเสียจริง เขาเรียกราคาได้สูงเลยทีเดียว” ผู้คนมากมายได้แต่แอบอิจฉา พวกเขามองไปยังขวดกระเบื้องใบน้อยนั่นพลางคิดในใจว่า หากไม่ใช่เพราะสถานะของไป๋อวิ๋นเซียนค่อนข้างพิเศษ พวกเขาคงแทบอดใจไม่ไหวที่จะวิ่งเข้าไปแล้วใช้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มีในตัวขอแลกมันมา

“เพื่อแลกเปลี่ยนกับของพวกนี้ถึงกับต้องใช้เม็ดยาฉีอวิ๋นถึงหนึ่งเม็ด ไป๋อวิ๋นเซียนขาดทุนครั้งใหญ่ก็คราวนี้แล”

“เจ้าจะไปรู้อะไร เม็ดยาพวกนี้น่ะล้วนถูกหลอมขึ้นโดยท่านเจ้าสำนักชิงอวิ๋น! หากครั้งนี้นางใช้หมดแล้ว ก็แค่กลับไปขอเพิ่มจากท่านอาจารย์ของนางเท่านั้น เจ้าอย่าเหมารวมนางกับคนทั่วไปอย่างเจ้าสิ! ข้าคิดว่าเม็ดยาเหล่านี้สำหรับนางมันคงไม่ได้มีค่ามากเท่าไหร่หรอก” ชายคนหนึ่งในกลุ่มคนที่มุงดูอยู่กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอิจฉา เขามองดูคู่กิ่งทองใบหยกตรงหน้าด้วยความริษยาร้อนรุ่มในหัวใจ

หากสามารถเกี่ยวดองกับไป๋อวิ๋นเซียนได้ อิทธิพลขององค์ชายรองในอนาคตคงไม่อาจคาดเดาได้แล้ว!

ไป๋อวิ๋นเซียนอยู่คนละระดับกับนางโจรจวินอู๋เสียโดยสิ้นเชิงจริงๆ!

แม้ว่าพวกเขาจะซุบซิบกันอย่างแผ่วเบา แต่มันก็ยังได้ยินได้ มั่วเซวี่ยนเฝ่ยลอบพยักหน้าอย่างเห็นด้วยในใจ

เสียงชื่นชมยังคงดังตามมาไม่หยุด ไป๋อวิ๋นเซียนดูเหมือนจะคุ้นเคยกับมันแล้ว และแม้ว่าสีหน้าของนางจะไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา แต่ในใจของนางกลับรู้สึกมีความสุขยิ่งนัก

น่าเสียดายที่ชายชราเวลานี้กลับเบ้ปากแล้วแสยะยิ้ม หลังจากเขาปิดฝาจุกกลับเข้าที่เดิม ก็โยนขวดกระเบื้องนั้นคืนให้กับไป๋อวิ๋นเซียน ไม่มีท่าทางเสียดายเลยแม้แต่น้อย

สีหน้าเย่อหยิ่งของไป๋อวิ๋นเซียนแข็งค้างไปในทันใด

“ของสิ่งนี้ข้าไม่ต้องการ ไม่แลกเปลี่ยน” เขากล่าวอย่างเศร้าสร้อย ก่อนจะนั่งเอนหลังลงที่เบาะนั่ง แล้วกลับไปดูดกล้องยาสูบของเขาต่ออย่างไม่อนาทรร้อนใจ

ณ เวลานั้น ลูกตาของทุกคนแทบจะถลนออกมานอกเบ้า

ตาแก่นั่นเสียสติไปแล้วหรือ!

นั่นเม็ดยาฉีอวิ๋นเชียวนะ เขากล้าไม่ต้องการ!

รอยยิ้มของไป๋อวิ๋นเซียนแหลกละเอียดหายวับไปในพริบตา ความไม่พอใจปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของนาง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนกล้าปฏิเสธโอสถวิเศษที่ท่านอาจารย์ของนางหลอมมันขึ้นมาเองกับมือ!

“นี่ตาแก่ นี่คือเม็ดยาฉีอวิ๋นเชียวนะ เจ้าแน่ใจจริงรึว่าไม่ต้องการมันน่ะ!” มั่วเซวี่ยนเฝ่ยที่เพิ่งถูกยกจนลอยขึ้นฟ้าถูกกระชากลงสู่พื้นอย่างไม่ไยดีด้วยท่าทีของชายชราตรงหน้า ความรู้สึกพึงพอใจเล็กน้อยถูกทุบจนแหลกเป็นฝุ่นผง เขาพูดออกไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

“ไม่ ไม่ ไม่! ถ้าเจ้าไม่มีโอสถวิเศษชนิดอื่นก็อย่ามาขวางทางลูกค้าคนอื่นของข้า” เขาตะคอกออกมาอย่างหงุดหงิด ดูท่าจะรำคาญจนทนไม่ไหวแล้ว

การกระทำของชายชราที่ตบหน้าพวกเขาต่อหน้าสาธารณชน ทำให้คู่รักได้แต่ยืนนิ่งอย่างเก้กัง สีหน้าของพวกเขามืดครึ้มอย่างถึงที่สุด

พวกเขาเริ่มสงสัยแล้วว่าตาแก่นี่อาจไม่อยากเจรจาการค้าด้วยซ้ำ เขากล้าปฏิเสธแม้แต่เม็ดยาฉีอวิ๋นเชียวรึ

“ไม่แลกก็ไม่ต้องแลก! เจ้าคิดว่าของของเจ้ามีค่ามากมายเท่าไหร่กันเชียว! หากเจ้าไม่คิดทำการค้าแต่แรกก็แค่พูดออกมาตรงๆ” มั่วเซวี่ยนเฝ่ยโต้กลับอย่างเย็นชา

ชายชราเหลือบมองเขาแวบหนึ่งแล้วยิ้มเยาะ จากนั้นก็ไม่สนใจเขาอีกต่อไป

…………….