ตอนที่ 45 ตำราชำรุด (3)
“รอเดี๋ยว” หลังจากคิดตริตรองอยู่สักพัก สุดท้ายนางก็กัดฟันพูดออกมา
ชายหนุ่มหันหน้ากลับมาอย่างช้าๆ มองจวินอู๋เสียอย่างไม่สนใจ “ขอโทษจริงๆ ข้าไม่สนใจโอสถวิเศษ”
“ข้ารู้” ท่าทางของชายหนุ่มตอนนี้แตกต่างจากตอนแรกอย่างสิ้นเชิง จุดนี้ยืนยันได้แล้ว
“เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าแถวนี้มีที่ให้แลกของที่เจ้าต้องการบ้างหรือเปล่า ข้าจะไปแลกเปลี่ยนมาให้” จวินอู๋เสียพูดอย่างใจเย็น นางมองชายหนุ่มด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า ปราศจากอารมณ์ใดๆ ทั้งนั้น
ชายหนุ่มมองจวินอู๋เสียครู่หนึ่ง หลังจากลังเลอยู่นาน ถึงค่อยลูบจมูกแล้วพูดว่า
“มันก็มีอยู่หรอก ทางด้านโน้นมีตาแก่คนหนึ่งขายไข่มุกบูรพาอยู่ เขารับแลกกับโอสถวิเศษ เพียงแต่คุณภาพของโอสถวิเศษที่เขาต้องการ เกรงว่าเจ้าจะหาให้เขาไม่ได้” พูดตามจริง ชายหนุ่มไม่ได้คาดหวังอะไรกับเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเลย
หนุ่มน้อยหน้าขาวดูบอบบางเช่นนี้ เดิมทีแค่ปรากฏตัวในเมืองผีแห่งนี้ก็น่าประหลาดใจมากพอแล้ว ยังจะเอาโอสถวิเศษดีๆ มาจากที่ไหนได้อีก
“พาข้าไป” จวินอู๋เสียพูด
ชายหนุ่มแบะปาก มองไปยังแผงขายของที่ไม่มีลูกค้าสักคนของตัวเองแวบหนึ่ง
“หากว่าแลกได้ นอกจากไข่มุกบูรพาทั้งสี่เม็ดแล้ว ข้าจะเพิ่มโอสถวิเศษของข้าให้เจ้าอีกหนึ่งขวด” จวินอู๋เสียมองชายหนุ่มที่ไม่ยอมนำทาง และเริ่มต่อรองราคา
“ข้าไม่ต้องการโอสถวิเศษของเจ้าจริงๆ ถ้าข้าต้องการโอสถวิเศษ ข้าจะถ่อมาถึงที่นี่ทำไมล่ะ…” ชายหนุ่มยืนกราน ก็ไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อเห็นแววตาที่นิ่งสงบของจวินอู๋เสีย เขาก็รู้สึกว่าเด็กหนุ่มตรงหน้ามีบางอย่างแตกต่างออกไป อย่างน้อยๆ ในช่วงสองถึงสามวันที่ผ่านมานี้ ตลอดเวลาที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองผี ก็ไม่เคยเห็นใครสงบนิ่ง พิเศษได้เท่าเขามาก่อน
“ก็ได้ ข้าจะนำทางให้เจ้าก็ได้ ถึงอย่างไรหลายวันมานี้ข้าก็มีเจ้าเป็นลูกค้าเพียงคนเดียวเท่านั้น” ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะคิดได้แล้ว เขายักไหล่อย่างปลงตก
เมื่อเทียบกับแผงขายของที่เงียบเหงาของเขาแล้ว แผงของตาแก่ที่ขายไข่มุกบูรพากลับมีผู้คนแห่เข้าไปดูอย่างคับคั่ง ผู้คนเบียดเสียดกันอยู่ตรงนี้เป็นจำนวนมาก มองดูเพชรพลอยและหินวิญญาณต่างๆ บนแผงขายของชายชรา
ไข่มุกวิญญาณขนาดใหญ่ทั้งเก้าเม็ดถูกจัดเรียงไว้ในกล่องผ้าสีดำที่มีผ้าสักหลาดสีดำวางรองไว้อย่างดี สีดำของผ้ากับสีของไข่มุกตัดกันอย่างยิ่ง ทำให้แสงของไข่มุกสว่างมากกว่าเดิมและดึงดูดความสนใจของผู้คนมากหน้าหลายตา ยิ่งไปกว่านั้น บนแผงเล็กๆ ของเขายังมีหินวิญญาณอีกมากมายหลายประเภท ต้องรู้ไว้ก่อนว่าการจะพัฒนาพลังของภูติวิญญาณนั้น วิธีหนึ่งก็คือต้องใช้หินวิญญาณ! เนื่องจากหินวิญญาณสามารถเสริมสร้างพลังวิญญาณ ทั้งยังเพิ่มความแข็งแรงให้กระดูกได้ มันจึงมีมูลค่าสูงกว่าอัญมณีทั่วไปมากโข และมีคนที่ต้องการมันมากมายมหาศาลเช่นกัน
ขนาดของหินวิญญาณแต่ละเม็ดจะมีขนาดเพียงครึ่งเดียวของเล็บมือเท่านั้น แต่พลังวิญญาณที่แฝงอยู่ด้านในกลับเต็มเปี่ยม บ่อยครั้งที่หินวิญญาณขนาดเท่าเมล็ดข้าวสามารถขายได้ในราคาที่สูงมากจนน่าตกใจ และของแบบนี้มีเพียงคนที่มีฐานะเท่านั้นถึงจะซื้อใช้ได้
จวนหลินอ๋องเองก็มีหินวิญญาณอยู่สองสามเม็ด ซึ่งองค์ปฐมฮ่องเต้ของรัฐชีได้ให้กับจวินเสี่ยนเพื่อเป็นรางวัลเมื่อหลายสิบปีก่อน ภูติวิญญาณของทั้งจวินเสี่ยนและจวินชิงหลังจากได้ดูดซับมันจึงเหมือนกับได้เกิดใหม่อีกครั้ง เปี่ยมไปด้วยพลังและคุณสมบัติที่ดีเยี่ยม
เดิมทีจวินเสี่ยนตั้งใจจะมอบหินวิญญาณก้อนสุดท้ายที่เหลืออยู่ให้กับจวินอู๋เสียเพื่อให้นางไว้ใช้ฝึกฝน อย่างไรก็ตามจวินอู๋เสียไม่มีโอกาสได้ใช้มัน
จวินอู๋เสียไม่สนใจหินวิญญาณแม้แต่น้อย ตอนนี้สิ่งที่นางต้องการมีเพียงรีบๆ แลกของแล้วไปหาตำราฝึกยุทธของตัวเองต่อ!
เจ้าของแผงขายของนี้เป็นชายชราอายุราวๆ ห้าสิบกว่าปี เขาถือกล้องยาสูบไว้ในมือข้างหนึ่ง หรี่ตามองผู้คนที่อยู่รอบๆ แล้วแค่นเสียงหึเวลามีใครถามอะไรออกมา ดูไม่รับแขก ไม่เป็นมิตรอย่างยิ่ง ทว่าผู้คนที่เข้ามามุงดูแผงของเขากลับเพิ่มมากขึ้นเสียอย่างนั้น
………….
ตอนที่ 46 โลกนี้ช่างคับแคบ (1)
“อา…แตกต่าง…นี่มันจะแตกต่างกันเกินไปแล้ว” ชายหนุ่มหัวยุ่งรำพึงรำพันอย่างรวดร้าวเมื่อได้เห็นจำนวนลูกค้าที่มากมายที่หน้าร้านตาแก่
“เจ้าต้องการสิ่งนั้นหรือ” จวินอู๋เสียไม่ตอบสนองมากนัก แต่ชี้ไปยังไข่มุกบูรพาที่วางแสดงอยู่และถามชายหนุ่ม
ชายหนุ่มพยักหน้าตอบรับ
ทว่าขณะที่จวินอู๋เสียกำลังเบียดแทรกผ่านฝูงชนเพื่อไปยังหน้าร้าน นางก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้พบกับเงาร่างสองร่างที่คุ้นเคยยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน
ชายหนุ่มรูปงามในชุดผ้าไหมจิ่นผู้หนึ่งยืนอยู่หน้าแผงลอยของร้านเล็กๆ นั่น ข้างกายเขามีหญิงสาววัยแรกรุ่นรูปโฉมสะดุดตาในชุดสีขาวแลงามสง่ายืนอยู่เคียงข้างกัน การปรากฏตัวของคู่รักที่มีเสน่ห์ดึงดูดคู่นี้กลายเป็นเป้าสายตา ผู้คนทั้งหลายต่างลอบมองพวกเขาอย่างชื่นชม
“ไม่คิดเลยว่าสถานที่นี้ก็มีของดีๆ อยู่เหมือนกัน” ชายหนุ่มรูปงามเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเขาผูกติดอยู่กับสตรีที่อยู่ข้างกาย
หญิงสาวทำเพียงแค่พยักหน้าตอบเล็กน้อย ท่าทีที่แสดงออกค่อนข้างห่างเหินและทะนงตน
เจ้าแมวดำตัวน้อยที่อยู่ข้างกายจวินอู๋เสียระเบิดโทสะออกมาทันทีที่ได้เห็น ขนของมันลุกซู่ทั้งตัว ดวงตาจับจ้องไปที่คู่บุรุษสตรีสุนัขตรงหน้าอย่างโกรธจัด
เจ้าคู่ผีเน่ากับโลงผุนั่น!
คู่รักคู่นั้นคือมั่วเซวี่ยนเฝ่ยกับไป๋อวิ๋นเซียนไม่ผิดแน่ เจ้าคู่ชู้หน้าไม่อายที่ถ่อไปสร้างปัญหาให้นางถึงจวนหลินอ๋อง!
ตรงกันข้ามกับเจ้าแมวดำที่ทำเสียงฟ่อและขู่คำราม จวินอู๋เสียกลับมองผ่านมันไปอย่างไม่แยแส
“หินวิญญาณสองก้อนนี้กับไข่มุกบูรพาเก้าเม็ดนี่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!” มั่วเซวี่ยนเฝ่ยส่งเสียงร้องออกมาอย่างร่าเริง เขาถูกใจหินวิญญาณสองก้อนนั้นมาก เพราะมันสามารถแบ่งให้เขากับไป๋อวิ๋นเซียนได้คนละก้อนพอดิบพอดี
นับตั้งแต่เหตุการณ์ในครั้งนั้น ไป๋อวิ๋นเซียนก็เศร้าหมองมาโดยตลอดทั้งยังไม่ยิ้มอีกเลย เขาพยายามทำทุกวิถีทางแล้วแต่นางก็ยังไม่ยอมเผยรอยยิ้มให้เห็น จนกระทั่งเขานึกถึงเมืองผีขึ้นมา จำได้ว่าที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสิ่งแปลกตาและของหายาก จึงมั่นใจว่าเขาจะสามารถหาของบางอย่างที่จะทำให้นางอารมณ์ดีขึ้นจากที่นี่ได้อย่างแน่นอน!
ทว่าหลังจากเดินเที่ยวในเมืองผีมาได้ครู่ใหญ่ ไป๋อวิ๋นเซียนก็ยังคงเป็นเช่นเดิม นางเป็นถึงศิษย์ของท่านเจ้าสำนักชิงอวิ๋นเชียวนะ! ยังมีของหายากประเภทไหนที่นางไม่เคยได้เห็นอีกหรือ
พวกเขาเดินเกือบจะหมดทุกซอกทุกมุมของเมืองผีแห่งนี้แล้ว แต่พวกเขากลับไม่พบสิ่งที่สามารถทำให้ไป๋อวิ๋นเซียนหยุดฝีเท้าลงได้เลย ทว่าแผงลอยเล็กๆ นี่กลับเรียกความประหลาดใจในแววตาของไป๋อวิ๋นเซียนได้อย่างน่าฉงน
หินวิญญาณสองก้อนนั้น แม้แต่ละก้อนจะมีขนาดเล็กจิ๋วเทียบเท่ากับเล็บบนนิ้วก้อย แต่ก็ถือว่าใหญ่มากแล้ว แถมพวกมันยังอัดแน่นไปด้วยพลังวิญญาณมหาศาลอีก ที่สำคัญไปกว่านั้นคือภูติวิญญาณของพวกเขาทั้งสองตอบสนองต่อหินวิญญาณพวกนี้
ส่วนไข่มุกบูรพาที่มีถึงเก้าเม็ดนั่น ก็ทำให้แม้แต่องค์ชายของรัฐอย่างมั่วเซวี่ยนเฝ่ยยังต้องคร่ำครวญ เขาอดไม่ได้ทอดถอนใจออกมาคำหนึ่งแล้วจ้องมองพวกมันอย่างชื่นชม ไข่มุกบูรพาที่สวยงามเม็ดโตเยี่ยงนี้ แม้แต่ในท้องพระคลังหลวงก็ยังมีไม่มากเลย
“ไข่มุกบูรพาเก้าเม็ดนี้ช่างเหมาะที่จะนำไปประดับมงกุฎที่ข้าเตรียมไว้ให้เจ้าเป็นพิเศษยิ่งนัก อวิ๋นเซียนเจ้าชอบพวกมันหรือไม่” เขาสะกิดถามนางอย่างเอาใจ ในดวงตาของเขาแสดงความรักออกมาอย่างชัดเจน
ไป๋อวิ๋นเซียนผงกศีรษะรับเล็กน้อยด้วยท่าทีเอียงอาย ในที่สุดนางก็เผยรอยยิ้มออกมาหลังจากเย็นชามาเป็นเวลานาน
ขณะที่คู่รักคู่นี้กำลังเกี้ยวพาราสีกันราวกับบนโลกใบนี้มีเพียงพวกเขาแค่สองคน ผู้คนโดยรอบก็กระซิบกระซาบพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องข่าวลือที่พวกเขาได้ยินมา เนื่องจากทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างทราบสถานะของชายหญิงที่ไม่อายฟ้าดินคู่นี้ดีว่าคือใคร
ก่อนหน้านี้ ยามที่มั่วเซวี่ยนเฝ่ยและจวินอู๋เสียหมั้นหมายกันอย่างเป็นทางการนั้น มั่วเซวี่ยนเฝ่ยเป็นเป้าหมายที่ใครๆ ต่างก็รู้สึกสงสาร ทุกคนล้วนเวทนาและเห็นอกเห็นใจเขา อย่างไรก็ตามตอนนี้เมื่อได้เห็นเขาเคียงคู่อยู่กับไป๋อวิ๋นเซียน เขากลับกลายเป็นที่น่าริษยาชิงชัง ผู้คนโดยรอบต่างจ้องมองเขาอย่างอิจฉาตาร้อน
จวินอู๋เสียนั้นมีชื่อเสียงไม่ดีนัก พฤติกรรมกดขี่ข่มเหงผู้อื่นราวกับนางโจรของนางเลื่องชื่อลือชาไปทั้งเมืองหลวง แม้ว่านางจะงดงามดั่งบุปผา แต่นิสัยและการประพฤติตัวของนางก็ได้บั่นทอนความงามนั้นไปจนหมดสิ้น มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังอดทนกับอารมณ์ที่ร้อนเป็นไฟของนางได้!
แตกต่างกับไป๋อวิ๋นเซียนที่ให้ความรู้สึกไปคนละขั้ว ฝ่ายหลังไม่เพียงแต่มีรูปโฉมงดงาม แต่นางยังมีรัศมีที่ดูเหมือนนางเซียนสวรรค์กระจายออกมารอบตัว นอกจากนี้กิริยามารยาทของนางก็นุ่มนวล ซ้ำยังพูดจาไพเราะน่าฟัง เหนือสิ่งอื่นใดคือนางมีอีกฐานะหนึ่งเป็นถึงลูกศิษย์ของท่านเจ้าสำนักชิงอวิ๋น!
ยิ่งผู้คนนับถือไป๋อวิ๋นเซียนมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งด่าว่าจวินอู๋เสียอย่างเสียๆ หายๆ มากขึ้นเท่านั้น
จวินอู๋เสียได้ยินคำพูดพวกนั้นทั้งหมด แต่นางยังคงสงบเยือกเย็น ควบคุมสติของตัวเองไว้ได้ ไม่มีการตอบโต้หรือชักสีหน้าใดๆ ให้เห็นแม้แต่น้อย
กลับเป็นเจ้าแมวดำที่ยืนอยู่ข้างๆ นางที่หมดความอดทน มันแทบอยากกระโจนเข้าไปกัดเจ้าพวกโง่เขลาเบาปัญญาที่ยืนอยู่ข้างหน้ามันพวกนี้ให้หมด!
เจ้าพวกโง่เง่าพวกนี้จะไปรู้อะไร! กล้าดีอย่างไรเอานังผู้หญิงนั่นมาเทียบกับเจ้านายของมัน!
ด้วยความสามารถต่ำต้อยเพียงนั้น ขนาดถือรองเท้าให้เจ้านายมันยังไม่คู่ควรด้วยซ้ำ!
………..