ตอนที่ 35 หวงแหนความสุข

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ได้ยินเพียงเสียงใสกล่าวปนหัวเราะขึ้นอย่างช้าๆ “น้องฉางหยวนไม่ต้องเกรงใจ ตอนที่น้องชายทั้งสิบเจ็ดคนของพี่เริ่มหัดเขียน พี่ก็มอบน้ำหมึกและหินหมึกให้พวกเขาเช่นกัน ท่านน้าชายและท่านน้าสะใภ้ดีต่อพี่เหมือนลูกแท้ๆ พี่ย่อมเห็นเจ้าเป็นเหมือนน้องชายแท้ๆ ของพี่ แต่น้องฉางหยวนเป็นถึงเจี่ยหยวนกงแล้วถึงได้ลังเลว่าจะรับหมึกและหินหมึกนี่ดีหรือไม่ หากญาติผู้น้องเห็นว่าพี่เป็นพี่ก็จงอย่าได้ปฏิเสธเลย”

สิ้นเสียงของไป๋ชิงเหยียน ชุยซื่อรีบหันไปมองทางไป๋ชิงเหยียนและต่งซื่อ ในใจไม่รู้ว่าจะยินดีหรือเศร้าใจดี

แม้ต่งซื่อจะคาดไม่ถึงว่าไป๋ชิงเหยียนจะกล่าวออกมาต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ แต่นางเตรียมใจไว้ก่อนแล้วจึงไม่ได้เสียอาการดังเช่นต่งเหล่าไท่จวิน เพียงแค่ยกน้ำชาขึ้นจิบน้อยๆ

ต่งฉางหยวนตะลึงไปชั่วขณะจากนั้นเงยหน้าขึ้น หันไปมองทางญาติผู้พี่อย่างจริงจังเป็นครั้งแรก

เห็นไป๋ชิงเหยียนอยู่ในชุดสีขาวเรียบธรรมดา ดวงตาคมใส รอยยิ้มไม่ดูห่างเหินหรือสนิทสนมจนเกินไป ไม่มีท่าทีเคอะเขินแม้แต่น้อย ผมดำขลับราวอีการวบขึ้นเป็นมวยอย่างเป็นระเบียบปักด้วยปิ่นหยกสีขาว แม้จะแต่งกายเรียบง่ายเช่นนี้แต่ก็มิอาจกลบความงดงามของหญิงสาวได้ มีใบหน้างดงามสะดุดตามากแต่กลับให้ความรู้สึกสงบนิ่ง สง่างามและสุขุมเป็นอย่างมาก

จู่ๆ ต่งฉางหยวนก็ใจเต้นรัวอย่างประหลาด ก้มหน้าลงอย่างทำตัวไม่ถูก ใบหูแดงก่ำ รู้สึกเขินอายขึ้นมา

ก่อนหน้านี้เขาโกรธที่ท่านย่าใช้ชีวิตของท่านมาขู่ให้เขาแต่งงานกับญาติผู้พี่คนนี้ ในใจเต็มไปด้วยความคับแค้นและไม่ยินยอม รังเกียจญาติผู้พี่ที่ยังไม่เคยได้พบหน้า วันนี้เลยไม่แม้แต่ปรายตามองไปที่ไป๋ชิงเหยียน

ผู้ใดจะคิดเล่าว่าญาติผู้พี่คนนี้ไม่ได้ต้องการแต่งงานกับเขา กิริยาองอาจผ่าเผยนั่นยิ่งทำให้เขากลายเป็นคนใจแคบโหดร้ายในทันที

วันนี้เมื่อรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ต่งซื่อและต่งเหล่าไท่จวินพูดคุยกันเพียงลำพังในห้องอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินทางกลับจวน

ชุนเหยียนที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวปรนนิบัติไป๋ชิงเหยียนเปลี่ยนเครื่องแต่งกายใหม่ นางแกล้งเอ่ยขึ้นลอยๆ “ลูกชายคนรองของนายท่านรองได้แค่ตำแหน่งเจี่ยหยวนกงกลับมีท่าทีโอหังยิ่งนัก บ่าวเห็นว่าตอนอยู่หน้าประตูจวนเขาไม่ชายตามองคุณหนูใหญ่แม้แต่น้อย นี่มันไม่เคารพคุณหนูใหญ่เลยนะเจ้าคะ!”

ไป๋ชิงเหยียนกำลังเอนพิงหมอนลายเมฆมงคลสีทองอ่านตำราอยู่ ได้ยินคำกล่าวนี้กลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่นิดเดียว “เจ้ากำลังทำสิ่งใด ว่าร้ายน้องฉางหยวนต่อหน้าข้าเช่นนั้นหรือ”

ชุนเหยียนโดนจับได้ หน้าแดงทันที

ชุนเหยียนได้บทเรียนจากเหตุการณ์ครั้งที่แล้ว ครั้งนี้จึงไม่กล้าเอ่ยถึงเหลียงอ๋องอีก กล่าวเพียงแต่ “บ่าวแค่คิดว่าคุณชายรองนั่นเป็นคางคกอยากกินเนื้อห่านฟ้าชัดๆ ด้วยรูปร่างหน้าตาและชาติตระกูลของคุณหนูใหญ่อยากแต่งเข้าตระกูลสูงศักดิ์ใดก็ได้ พวกเขาหวังสูงเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”

เมื่อเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา ชุนเหยียนก็ทนไม่ไหวก้าวเข้าไปด้านหน้า ถือโอกาสเอ่ยชมเหลียงอ๋องทันที “โอรสมังกรอย่างเหลียงอ๋องไม่รังเกียจคุณหนู รักและจริงใจต่อคุณหนู นั่นคือความโชคดีของคุณหนูเลยนะเจ้าคะ! คุณหนูต้องหวงแหนมันเอาไว้นะเจ้าคะ!”

หึ…ความโชคดีของนางอย่างนั้นหรือ! ไป๋ชิงเหยียนคิดว่าชาติที่แล้วนางต้องโง่เขลามาก ชุนเหยียนมีใจทรยศนายชัดเจนเช่นนี้ แต่ทุกครั้งที่ชุนเหยียนเอ่ยชมว่าเหลียงอ๋องมีใจให้นางอย่างลึกซึ้งนางกลับเชื่ออย่างสนิทใจ

หญิงสาวปิดตำราลง โยนตำราลงบนโต๊ะไม้ตัวเล็กอย่างลวกๆ จนกระทบไปโดนถ้วยชาหินเคลือบลายดอกไห่ถัง[1] รูปทรงใบกล้วยจนล้มระเนระนาดไปหมด “ชุนเหยียนใจกล้ายิ่งนัก กล้าตัดสินใจเรื่องการแต่งงานแทนข้าเช่นนั้นหรือ ผู้ใดมอบความกล้านี้ให้แก่เจ้ากัน!”

ชุนเหยียนเข่าอ่อนคุกเข่าลงบนพื้น “คุณหนูใหญ่ บ่าวมิกล้าเจ้าค่ะ! บ่าวมิได้หมายความเช่นนั้น! บ่าวแค่รู้สึกว่า…หากคุณหนูใหญ่แต่งงานกับลูกชายคนรองของนายท่านรองจะเป็นการดูถูกท่านเกินไป! บ่าวหวังดีกับคุณหนูใหญ่นะเจ้าคะ!”

ชุนเหยียนตัวสั่นราวกับลูกนก หวาดกลัวจนน้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย “บ่าวแค่เห็นว่าคุณหนูใหญ่ไม่ควรได้รับอะไรเช่นนี้ ขนาดองค์ชายอย่างเหลียงอ๋องยังให้เกียรติคุณหนูใหญ่ เขาเป็นแค่เจี่ยหยวนกงเหตุใดจึงกล้าเมินเฉยคุณหนูใหญ่กันเจ้าคะ”

ชุนเถาแหวกม่านเดินเข้ามาเพื่อจะรายงานไป๋ชิงเหยียนว่าจิงจ้าวอิ่นส่งคนไปซักถามฮูหยินโหวแล้ว ไม่คิดว่าจะเห็นสภาพเช่นนี้ นางรีบใช้ผ้าขี้ริ้วเช็ดน้ำชาที่หกบนโต๊ะ

ไป๋ชิงเหยียนตวาดออกมาอย่างโมโห “ไสหัวออกไป!”

ชุนเหยียนเดินร้องไห้ออกมาจากห้อง ชุนเถาสั่งให้คนเตรียมชาปาเป่า[2] มาแทน เอ่ยปลอบยิ้มๆ “คุณหนูโกรธชุนเหยียนได้ แต่หากคุณหนูเขวี้ยงถ้วยชาหินเคลือบลายดอกไห่ถังรูปทรงใบกล้วยทิ้ง ชุดถ้วยชาที่คุณหนูรักที่สุดก็จะแตกละเอียดเลยนะเจ้าคะ”

หญิงสาวข่มโทสะเอาไว้ หยิบตำราขึ้นมาพลิกอ่านอีกครั้ง “สั่งคนจับตาดูชุนเหยียนเอาไว้ คอยรายงานทุกความเคลื่อนไหวของนาง…”

ชุนเถามีแววจำใจเล็กน้อย รับคำสั่งจากนั้นรวบรวมสติพลางกล่าวขึ้น “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ เมื่อเช้าพ่อแม่ของสาวใช้ติดตามทั้งห้าของคุณหนูรองไปรับศพของพวกนางที่จวนว่าการจิงจ้าวอิ่นแล้วเจ้าค่ะ ไม่ถึงครึ่งวันจิงจ้าวอิ่นก็สั่งคนไปที่จวนจงหย่งโหวเพื่อสอบถามว่าฮูหยินโหวขายสาวใช้พวกนั้นให้แก่พ่อค้าทาสคนใด ฮูหยินโหวตอบไม่ได้เลยรับสารภาพว่านางสั่งคนตีสาวใช้พวกนั้นจนตายเพราะพวกนางดูแลคุณหนูรองไม่ดีเจ้าค่ะ ตอนนี้คนของที่ว่าการจิงจ้าวอิ่นล้อมอยู่หน้าจวนจงหย่งโหว แต่มีองค์รักษ์ของจวนจงหย่งโหวคุ้มกันอยู่ พวกเขาเลยจับตัวนางไปไม่ได้เจ้าค่ะ”

“เรื่องของฮูหยินโหวปล่อยให้จิงจ้าวอิ่นหาทางจัดการเอาเองเถิด พวกเรารอดูเฉยๆ ก็พอ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว “แต่ก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะทำให้เรื่องการย้ายออกจากจวนจงหย่งโหวของฉินหล่างในวันพรุ่งนี้ล่าช้าลงหรือไม่”

ฉินหล่างย้ายออกจากจวนจงหย่งโหวตามราชโองการของฮ่องเต้ จงหย่งโหวขัดขวางไม่ได้จึงได้แต่หงุดหงิดใจ

ฉินเต๋อเจาพยายามอย่างมากกว่าจะได้รับตำแหน่งฮู่ปู้หล่าง[3] ในกรมการคลัง ไม่ง่ายเลยที่เขาจะมีตำแหน่งที่มั่นคงท่ามกลางบรรดาขุนนางสูงศักดิ์ในเมืองหลวงนี้ แต่ตอนนี้ไม่ว่าใครก็ล้วนพูดคุยเรื่องแม่เลี้ยงและลูกชายของจวนเขากันอย่างสนุกปาก มันน่าหงุดหงิดใจยิ่งนัก

ยังดีที่เหลียงอ๋องส่งที่ปรึกษาของพระองค์มาปลอบใจเขา ให้คำสัญญาว่าหากเรื่องที่หนานเจียงจบลงจะทูลขอให้ฮ่องเต้เลื่อนยศแต่งตั้งเขาเป็นเสนาบดีกรมการคลังซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญมาก เมื่อถึงตอนนั้นขุนนางสูงศักดิ์คนใดในเมืองหลวงจะกล้าดูถูกเขากัน!

ณ ห้องพิเศษ ในโรงเหล้าแห่งหนึ่ง ฉินเต๋อเจาซึ่งดื่มจนเมามายนึกถึงเจิ้นกั๋วกงและซื่อจื่อที่อยู่ไกลถึงหนานเจียง รินเหล้าจอกหนึ่งพร้อมชูขึ้นบนฟ้า “ท่านกั๋วกง ซื่อจื่อ! อย่าโทษข้าเลย…จวนเจิ้นกั๋วกงของพวกท่านมีบารมีมากเกินไปแล้ว ฮ่องเต้ไม่อยากให้พวกท่านมีชีวิตอยู่ ทั่วทั้งราชสำนักก็เก็บพวกท่านไว้ไม่ได้เช่นกัน! ข้าแค่ทำตามคำสั่ง เสบียงที่ข้าติดค้างพวกท่านเอาไว้ ชาติหน้าข้าค่อย…อึก…”

ฉินเต๋อเจาสะอึก จากนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ชาติหน้า เกรงว่าข้าก็คงชดใช้ให้ไม่ได้!”

กล่าวจบก็เงยหน้ากรอกเหล้าดีกรีแรงเข้าปาก

“ท่านโหว! ท่านโหว เกิดเรื่องขึ้นที่จวนขอรับ…” ผู้ติดตามของจงหย่งโหวผลักประตูเข้ามา รายงานอย่างร้อนรน

“เอะอะโวยวายแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน” ฉินเต๋อเจาโมโห กระแทกถ้วยเหล้าลงอย่างแรง สายตาคมกริบมองไปทางผู้ติดตาม “ก็แค่ฉินหล่างย้ายออกจากจวนโหว มันจะอะไรกันนักหนา”

“ไม่ใช่ขอรับท่านโหว คนของจวนที่ว่าการจิงจ้าวอิ่นล้อมอยู่หน้าประตูจวนโหวเพื่อจับตัวฮูหยินขอรับ!”

[1] ดอกไห่ถัง คือดอกไม้ชนิดหนึ่งของจีน มีดอกสีชมพู ผลสีม่วง ลักษณะคล้ายดอกซากุระ

[2] ชาปาเป่า หรือ ชาแปดอัญมณี หมายถึงชาที่ประกอบด้วยสมุนไพรถึงแปดอย่าง ได้แก่ น้ำตาลทรายหรือน้ำตาลกรวด ดอกกุหลาบแห้ง เก๋ากี่ พุทราจีน เมล็ดวอลนัต ลำไยแห้ง งาขาว ลูกเกด แอปเปิลแห้ง ซึ่งเมื่อผสมเข้าด้วยกันจะให้รสหวาน

[3] ฮู่ปู้หลาง หมายถึงตำแหน่งขุนนางในกรมการคลัง