ตอนที่ 61 องค์ที่ 3 บดขยี้ - เด็กชายเกิดใหม่และสันตะปาปา

[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

…5 ปีผ่านมาแล้ว นับจากที่ฉันได้ผ่านการพบกับผู้เกิดใหม่จากต่างโลกครั้งแรก… และครั้งที่เลวร้ายที่สุดในโลกใหม่นี้

ตอนนี้ ฉันอายุ 13 แล้ว

ตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ฉันถูกแยกจากครอบครัวภายใต้ข้ออ้างที่ว่า ‘ถูกรับเลือกเป็นผู้ร่วมทางกับผู้กล้า’ ――― พร้อมๆ กับที่อาวิซ หรืออีกชื่อก็คือคุโรดะ ได้ออกตามหาเหล่าผู้เกิดใหม่จากต่างโลกตามที่ต่างๆ มารวมกัน

ช่วงเวลานั่นค่อนข้างลำบากเลย เพราะการดูแลนี่ไม่ต่างจากคนรับใช้สักนิด

แม้แต่พวกคนในโบสถ์ก็ไม่พูดอะไรซักคำ ไม่ว่าพวกมันจะทำอะไร แค่เพราะอาวิซน่ะเป็นผู้กล้า นี่มันหายนะชัดๆ

…แต่นี่น่ะ มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง

เหตุผลคือ พวกมันค่อยๆ เจอพวก [ผู้เกิดใหม่จากต่างโลก] แบบพวกเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อพวกเราเดินทางไปในหลากหลายประเทศ และประกาศสุนทรพจน์ไปในทุกเมือง ถามผู้คนว่าพวกเขารู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับญี่ปุ่นมั้ย ผู้เกิดใหม่จากต่างโลกก็มารวมตัวกันทีละคน ทีละคน… แถมพวกเราทุกคนแทบจะตายพร้อมกันเลย อายุเลยไม่ต่างกันเท่าไหร่ ถึงอย่างนั้น ก็ดูเหมือนจะไม่มีคนอื่นเลยที่มาเกิดที่ต่างโลกนี่ นอกจากพวกเรา

และตอนนี้ เพื่อนร่วมชั้นของพวกเรา 22 คน จากทั้งหมด 28 คน รวมอาจารย์ ก็มารวมตัวกันแล้ว

ณ อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ เมอร์คิวเรียส, เทวนคร มิซารี่

ว่ากันว่านี่คือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในโลก ด้วยบาเรียคุ้มครองที่แข็งแกร่งที่สุด และยังอยู่ไกลจากสมรภูมิกับกองทัพจอมมารที่สุดด้วย

สัญลักษณ์แห่งเทวนครที่ใจกลางเมือง… โบสถ์สำนักใหญ่แห่งมิซารี่ ศาสนสถานหลักของศาสนามิซารี่

ในตอนนี้ พวกเราที่กำลังฝึกซ้อมประจำวันในฐานะผู้ได้รับเลือกเป็นคณะผู้กล้ากลุ่มต่อไป ได้ถูกเรียกมารวมตัวกันในโถงใหญ่ของโบสถ์นี้

“เขาจะพูดเรื่องอะไรนะ? โชตะ”

“นายถามฉัน แล้วฉันจะไปถามใครฟะ… อีกอย่าง ไม่รู้บอกนายไปกี่ครั้งแล้วนะ เรื่องการเรียกกันด้วยชื่อเดิมน่ะ นายเข้าใจใช่มั้ย จี๊ด…”

ไม่รู้ว่าเราแลกเปลี่ยนบทสนทนาแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว

คนที่อยู่ข้างฉันในตอนนี้ก็คือจี๊ด ผู้เกิดใหม่จากต่างโลกที่เราไปเจอเมื่อ 3 ปีก่อน

ชื่อของเขาในชาติก่อนก็คือ คิตาจิมะ โทวยะ เพื่อนที่ฉันสนิทด้วยมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว

“โทดที โทดที เซโน่ ถึงยังไง นี่ก็โอกาสหายากนะเนี่ยที่เราจะมารวมตัวกันในโถงใหญ่ขนาดนี้ เนอะ? เหลือแค่ผู้กล้าคุโรดะ ไม่สิ อาวิซสินะที่ไม่อยู่ตรงนี้”

“ก็นะ… ถ้าตามข่าวลือ ท่านผู้กล้าก็กำลังมาล่ะนะ”

“เน่ เน่ อาวิซ อย่ามาที่นี่เลยน้า ไปหาเค้กกินกันเหอะ”

“…พูดอะไรของเธอ ถ้าเกิดไม่ทำหน้าที่ของผู้กล้าล่ะก็ พวกระดับสูงก็จะบ่นนู่นบ่นนี่ จริงมั้ย? อะไรพวกนั้นน่ะ”

“บู่ว―!”

…ชินอิจิ คุโรดะ หรือชื่อในโลกนี้ อาวิซ โนวาไรท์

[ผู้กล้า] รุ่นปัจจุบันที่พาทุกคนมารวมกันที่นี่แบบกึ่งบังคับ

แล้วก็ กำลังเดินเข้ามาที่นี่พร้อมกับพวกลูกไล่แบบเมื่อชาติก่อนเลย

ผู้หญิงน่ารำคาญที่เกาะแขนอาวิซอยู่นั่นคือ อาเมเลีย ซูรัน

ได้เกิดมาเป็นชนชั้นสูงในซักประเทศนึง อาจจะเพราะโตมาแบบลูกโอ๋สุดๆ เลยยิ่งเอาแต่ใจยิ่งกว่าชาติที่แล้วซะอีก

ส่วนอีก 4 คนที่เหลือ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าไอ้พวกลูกไล่พวกนี้ ทำไมถึงได้เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด 4 อันดับแรก ในบรรดาผู้เกิดใหม่จากต่างโลกทุกคนได้กันเนี่ย?

อะไรกัน? หรือว่าพลังกับนิสัยนี่จะตรงข้ามกันงั้นเหรอ?

ระหว่างที่กำลังคิดอะไรพวกนั้นไปเรื่อยเปื่อย…

“…ดูเหมือนทุกคนจะมากันพร้อมแล้วสินะ”

บันไดที่ทอดจากชั้นบนลงมาที่โถงกลางนั่น

จากที่นั่น ก็มีคนใหญ่คนโตคนหนึ่งเดินลงมา

ผู้ชายที่รูปร่างหน้าตาดูดีจนน่าขัดใจ ดูภายนอกแล้วยังหนุ่ม เหมือนอายุยัง 20 กลางๆ ในขณะที่เขาค่อยๆ เดินลงมา ก็มีเสียงกรี๊ดกร๊าดของพวกผู้หญิงดังขึ้นเล็กน้อย

แถมคนๆ นี้ยังเป็นคนที่สุดยอดสุดๆ ไปเลยด้วย

“ครับ ฝ่าบาท กระผม ผู้กล้าอาวิซ และว่าที่สมาชิกในคณะผู้กล้าทั้ง 21 คน มาถึงแล้วครับ”

แล้ว อาวิซ คนที่ชอบมองเหยียดผู้คนลงมาอยู่เสมอ ก็ก้มหัวลงโค้งอย่างนอบน้อม พร้อมพูดตอบรับคำสนทนาของเขา

ผู้ชายคนนี้ คนที่ดูดีเหมือนยังอายุ 20 กว่าๆ นั่น คือผู้อยู่ในจุดสูงสุดของมนุษยชาติ

องค์สันตะปาปาแห่งศาสนามิซารี่

และในเวลาเดียวกัน

เขาก็คือผู้อยู่ในลำดับที่ 1 แห่งอัครสาวก―――‘บุตรแห่งพระเจ้า’ รีเวลซ์ ฮิวแมนลอร์ด

ทายาทโดยตรงของชายผู้สถาปนาอาณาจักรแห่งนี้ ‘ผู้กล้าแห่งจุดเริ่มต้น’ นายเหนือหัวของมนุษยชาติ และมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก

“เหตุผลที่เราเรียกพวกเธอทุกคนมารวมที่นี่นั้นมีเพียงข้อเดียว… เราคิดว่า ถึงเวลาที่เราจะเลือกคณะผู้กล้าแล้ว”

“…ในที่สุด สินะครับ”

“โอ้ ผู้กล้าอาวิซเอ๋ย เธอน่ะแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว ไม่คิดเหรอว่าตอนนี้ได้เวลาที่เธอจะไปเรียนรู้เกี่ยวกับสนามรบจริงแล้วน่ะ”

“…เช่นนั้นเหรอครับ?”

…ในที่สุด ก็จะส่งผู้กล้าออกไปแนวหน้าแล้วงั้นเหรอเนี่ย?

ก็สมกับที่เป็นอาวิซล่ะนะ ดูเหมือนท่านรีเวลซ์จะทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาแย้งเลย ทำได้แค่พยักหน้าหงึกๆ เท่านั้น ถึงดูแล้วเขาจะไม่อยากลงไปสู้ในสงครามเลยซักนิด

และการตัดสินใจทำแบบนั้นก็ถูกต้อง ถ้าท่านรีเวลซ์เอาจริงล่ะก็ พวกเราทั้ง 22 คนที่อยู่ที่นี่น่ะคงถูกฆ่าแบบไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลยในเวลาไม่ถึง 10 วินาทีด้วยซ้ำ

12 อัครสาวกคนอื่นๆ …มีข่าวลือว่าขนาดลำดับที่ 2 ก็ยังมีพลังต่างกับเขาแบบลิบลับเลย

“คณะผู้กล้าคือ… พวกเธอ 5 คนที่อยู่ข้างผู้กล้ามาตลอดนะ สมดุลของทีมก็ไม่ได้แย่ แถมยังเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มอีกด้วย แล้วก็ เพิ่มอัครสาวกไปด้วยจำนวนหนึ่ง ประมาณนี้คิดเห็นอย่างไรบ้าง?”

“ไม่มีข้อเห็นแย้งใดๆ ครับ ขอบพระคุณอย่างสุดซึ้งกับความอาทรของท่านครับ”

“งั้นเหรอ คนที่เหลือขอให้รออยู่ที่โบสถ์นี่ในฐานะผู้สืบทอด กรณีที่มีตำแหน่งว่างนะ …แค่นี้ ผู้กล้าอาวิซเอ๋ย ศึกแรกของเจ้าจะเริ่มขึ้น ณ เดือนหนึ่ง จงเพิ่มเลเวลของตัวเองเอาไว้แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตามด้วยล่ะ”

“…ครับ!”

เดี๋ยวนะ นี่พวกเราเตรียมพร้อมแล้วเหรอ?

เอาเถอะ ฉันเองก็ไม่อยากไปสู้ในสงครามเลย งั้นก็ขออวยพร ฝากให้พวกนั้นจัดการจอมมารให้เรียบร้อยด้วยก็แล้วกัน

ท่านรีเวลซ์หันหลัง ก่อนจะเดินจากไป

“โปรดรอสักครู่ก่อนค่ะ ฝ่าบาท”

เสียงก้องจากด้านหลังหยุดเขาเอาไว้

“…มีอางั้นเหรอ?”

โห เป็นผู้หญิงที่สวยอะไรขนาดนี้เนี่ย… สวยจนแม้แต่คำว่า ‘สวย’ ยังบรรยายออกมาไม่พอเลย

ผมสีเงินสวย หน้าตาดุจชนชั้นสูง และรูปร่างที่ทำให้ผู้คนตกหลุมรักแต่แรกเห็นเลย

12 อัครสาวกลำดับที่ 11 ‘สตรีสวรรค์’ คุณมีอา

เธอได้ขึ้นเป็น 12 อัครสาวกเมื่อ 3 ปีก่อน ตั้งแต่อายุ 13 ปี ตอนนี้เธออายุ 16 ปี อัจฉริยะที่ได้รับเลือกเป็นอัครสาวกด้วยอายุที่น้อยที่สุดเท่าที่เคยมีมา

และรูปลักษณ์ของเธอไม่ได้ดึงดูดได้แค่ผู้ชายนะ ผู้หญิงก็หลงใหลในตัวเธอเหมือนกัน

สามารถควบคุมได้ทุกสรรพสิ่งด้วยความงามของเธอ ประดุจนางฟ้าจากสรวงสวรรค์ สมกับฉายา ‘สตรีสวรรค์’ ของเธอจริงๆ

“…เรามั่นใจว่าเธอน่าจะอยู่ที่อาณาจักรอัลเวร่าไม่ใช่หรือ? เหตุใดเธอถึงมาอยู่ที่นี่?”

“ดิฉันตัดสินใจว่าควรนำสิ่งนี้มาบอกแก่ฝ่าบาทโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ เพราะเหตุนั้น ดิฉันจึงเลือกที่จะกลับมาค่ะ”

“โห… นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาที่อยู่ที่นี่ฟังด้วยได้หรือเปล่า?”

“ค่ะ แน่นอนค่ะ… ดิฉันยืนยันตัวตนของผู้บริหารคนใหม่ของกองทัพจอมมารได้แล้วค่ะ”

ถึงพวกนั้นจะมีจำนวนน้อยกว่ามนุษย์มาก แต่พวกเขาก็มีศักยภาพที่สูงกว่าเช่นกัน นั้นแหละ เผ่ามาร และกองกำลังพันธมิตรของพวกเขาก็คือกองทัพจอมมารนั่นเอง

ในบรรดาพวกเขา สมาชิกระดับสูงสุด 10 คนของกองทัพจอมมาร ที่ทั้งแข็งแกร่งเป็นพิเศษและได้รับการเคารพจากเหล่ามารทั้งหลาย นั่นคือเหล่าผู้บริหารของกองทัพจอมมาร

แล้วนี่… คนที่ 11… หมายความว่าไงน่ะ…

“โห… ผู้บริหารคนใหม่อย่างนั้นเหรอ? ถ้างั้น เจ้าได้จัดการมันไปเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”

“ไม่ค่ะ… ดิฉันหมายถึง ดิฉันเทียบเจ้านั่นไม่ได้ซักนิดเลยค่ะ พูดตามตรง หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้… ดิฉันเกรงว่าอาณาจักรอัลเวร่าคงถึงคราวล่มสลายแล้วค่ะ”

“…ว่ายังไงนะ?”

…อาณาจักรล่มสลายเลยเหรอ?

ล้อกันเล่นใช่มั้ยนั่นน่ะ?

“ลักษณะ? เผ่าพันธุ์? ชื่อ?”

“ชื่อของผู้บริหารคนนั้นคือ ลีน บลัดลอร์ด ผู้บริหารลำดับที่ 5 ของกองทัพจอมมาร ฉายาว่า ‘แม่ทัพจอมกระหายเลือด’ ดูเหมือนจะเป็นแวมไพร์ผู้รอดชีวิตนะคะ”

“…เธอบอกว่าแวมไพร์อย่างนั้นเหรอ?”

การใช้คำว่า ‘ผู้รอดชีวิต’ นี่ แสดงว่าเผ่าแวมไพร์ควรจะสูญพันธ์ุไปแล้วงั้นเหรอ?

…ไม่สิ เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง คำถามที่สำคัญกว่าคือ คนๆ นั้นแข็งแกร่งขนาดไหนต่างหาก

“ลักษณะภายนอก มีผมสีดำ ตาสีแดงฉาน และฟันคู่ หลักฐานยืนยันชัดเจนว่าเป็นแวมไพร์แน่นอนค่ะ… ที่เหลือก็เป็นความสามารถที่สูงลิบ ดิฉันคาดหวังว่าจะไม่ต้องไปเผชิญหน้ากับเจ้านั่นอีกแล้วค่ะ”

“เรื่องความสามารถที่ว่าสูงนั่น เธอสามารถบอกโดยคร่าวได้หรือไม่ว่าสูงแค่ไหน?”

“เธอเป็นพวกนักสู้ผู้ใช้เวทมนตร์ สามารถใช้ได้ทั้งเวทมนตร์และศิลปะการต่อสู้ระยะประชิดในการต่อสู้ แต่ว่า เธอกลับทำทั้ง 2 สิ่งนั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบจนผิดปกติ เจ้านั่นมันสัตว์ประหลาดเลยค่ะ ความสามารถขนาดนั้น… ต่อให้นับรวมการอวยพรจากดวงจันทร์แล้ว เจ้านั่นน่ะ เป็นปัญหายิ่งกว่าเรน เกรย์ หรือซากุระเสียอีกค่ะ การต่อสู้ของกองกำลังรักษาพระองค์นั้นถูกทำให้จบในเวลาไม่ถึง 5 วินาที ผลการต่อสู้คือ กองกำลังของอาณาจักรอัลเวร่ากว่า 70 คนถูกสังหารจนหมดสิ้นเลยค่ะ”

“……ดันมีตัวปัญหาโผล่ขึ้นมาจนได้”

ไม่อยากจะเชื่อเลย นี่หูฝาดไปหรือเปล่า

ถ้าพูดถึงกองกำลังรักษาพระองค์ล่ะก็ นั่นคือกลุ่มคนที่แข็งแกร่งที่สุดของแต่ละประเทศเลยนะ

แล้วฆ่าคนพวกนั้นทั้งหมดในเวลาไม่กี่วินาทีงั้นเหรอ? ต้องเป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหนกันถึงจะทำแบบนั้นได้เนี่ย?

“ลำบากน่าดูเลยนะเพื่อนำเรื่องนี้กลับมาแจ้งแก่เรา มีอา เธอกลับไปได้แล้ว …เอาล่ะ พวกเธอทุกคน ได้ยินแล้วสินะ พวกเธอน่ะแข็งแกร่งขึ้นแล้วแน่นอน แต่อย่าได้ลืมว่ายังมีสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งจนผิดปกติแบบเจ้านั่นที่เราเพิ่งพูดถึงไปอยู่… หมั่นฝึกฝนเข้าล่ะ”

“““ครับ/ค่ะ!”””

จบประโยคนั้น คราวนี้ท่านรีเวลซ์ก็เดินกลับขึ้นไปชั้นบนและหายตัวไป และพวกเราเองก็สลายตัวกัน

เพราะอะไรไม่รู้ ฉันถึงเอาผู้หญิงที่ชื่อว่าลีนนี่ออกจากหัวไม่ได้เลย

ฉันมุ่งหน้ากลับไปยังลานฝึกอีกครั้ง พร้อมกับที่รู้สึกทรมานกับอะไรบางอย่าง

TN: เปิดตัวแล้วครับ ผู้นำของฝั่งมนุษย์ ในยุคที่ศาสนามอมเมา ใครเล่าจะเหมาะเป็นผู้นำมากเท่าหัวหน้าศาสนจักรอีก