ตอนที่ 62 องค์ที่ 3 บดขยี้ - เด็กชายเกิดใหม่และข่าวร้าย

[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

“…อย่ามาพูดบ้าๆ นะเว่ย”

คืนนั้น หลังจากที่ท่านสันตะปาปาประกาศส่งกลุ่มผู้กล้าไปยังแนวรบในสมรภูมิ

ฉันไม่สนใจเสียงบ่นอุบอิบของอาวิซนี่หรอก

ตอนนี้มีแค่เรา 2 คนอยู่ในห้อง อึดอัด อึดอัดโคตรๆ… มีแค่ฉันกับไอ้หมอนี่มาอยู่ห้องเดียวกันด้วยเนี่ย

เพราะแบบนั้น หมอนี่ถึงชอบใช้ฉันเหมือนเป็นคนใช้หรือลูกน้องเลย

ก็ ช่วงนี้เจ้านี่มันก็ค่อนข้างงานยุ่ง แถมจำนวนผู้เกิดใหม่จากต่างโลกที่เจอตัวก็เพิ่มขึ้นมาแล้วด้วย ลูกน้องของมันก็เพิ่มขึ้นมาด้วยเหมือนกัน แบบนี้งานของฉันมันก็เลยลดไปเยอะด้วย

“…พูดเรื่องอะไรของนายน่ะ”

“แกก็รู้นี่ นี่มันสงครามนะเว่ย…! บ้ารึไงวะ มันตั้งใจจะส่งเด็ก 13 ลงไปในสนามรบเนี่ยนะ แม่งปกติที่ไหนวะ!?”

“…เขาเล่ากันว่าผู้กล้ารุ่นก่อนเองก็เข้าร่วมในแนวหน้าตั้งแต่อายุ 8 ขวบเลยนี่”

“แล้ว!? แม้แต่ไอ้คนที่เขาว่าแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์อะไรนั่น มันก็ตายไปในเวลาไม่ถึงปีเลยไม่ใช่รึไงวะ!!”

เฮ้อ… ดูแล้ว น่าสะอิดสะเอียนเป็นบ้า

“น่าแปลกใจเลยนะ นึกว่านายจะเป็นนักรบผู้ไร้ผู้เทียมทาน ที่จะสร้างชื่อเสียงอันน่าเกรงข้ามในสนามรบ แล้วก็พยายามสร้างฮาเร็มต่างโลกเป็นของตัวเองซะอีก”

“จะไปเสี่ยงชีวิตแบบนั้นหาอะไร แถมถ้ามีพลังระดับผู้กล้าละก็ จะหญิงกี่คนก็หามาได้ทั้งนั้นนั่นแหละ… ตูคิดว่าอีกซัก 2 ปีถึงจะเข้าไปสู่ในสนามรบแท้ๆ ไอ้โป๊ปเวรเอ๊ย…!”

ใครเคยเห็นขยะถูกปั้นออกมาเป็นรูปเป็นร่างแบบนี้บ้าง

สิทธิของผู้กล้าน่ะ เป็นหนึ่งในรางวัลที่เหมาะสมแล้วสำหรับผู้ที่มีหน้าที่เป็นผู้กล้า แต่ไอ้หมอนี่มันทำหน้าที่พวกนั้นไม่ได้ซักนิด แถมแกก็ไม่มีสิทธิเอาสิทธิที่ตัวเองได้มาพวกนั้นมาใช้ในทางชั่วๆ อย่างที่แกกำลังใช้อยู่ตอนนี้ด้วยซ้ำ

“แล้วนี่ตูยังต้องมาเจอบอสตัวเป้งเพิ่มมาอีกตัวนึงอีกเหรอวะ? ยัยผู้หญิงที่มีพลังสูสีกับ 3 สุดยอดขุมกำลังสุดน่ารำคาญของกองทัพจอมมารอะไรนั่นน่ะนะ?…อย่ามาพูดบ้าๆ น่า! ถ้าเกิดตูต้องไปเจอไอ้สัตว์ประหลาดที่ฆ่าพวกกองอัศวินรักษาพระองค์ได้ใน 5 วิล่ะก็ ตูก็ตายเหมือนกันนั่นแหละโว้ย!!”

“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ โลกน่ะกว้างใหญ่จะตายไป แถมตอนนี้ เจ้าพวกนั้นก็กำลังสู้รบตบมือกันอยู่ที่อื่นด้วยนี่ จริงมั้ยเล่า?”

“นี่เอ็งบ้าหรือไง? พวกเราตอนนี้น่ะ ต่อให้ช่วยกันรุมมันทุกคน ก็ยังเอาชนะพวกผู้บริหารของกองทัพจอมมารไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงยัยผู้หญิงชื่อลีนที่พวกเราพูดถึงกันเมื่อตอนบ่ายเลยนะ เอาแค่ในระดับผู้บริหาร ก็มีอีกตั้งหลายคนเลยที่พลิกกระแสสงครามได้ด้วยตัวคนเดียว ถ้าดันมีคนแบบนั้นโผล่มาซักคน พร้อมๆ กับถูกห้ามใช้เวทเคลื่อนย้ายหนีล่ะก็ พวกเราก็ตายกันหมดแล้วไม่ใช่หรือไงวะ!”

นี่ศึกแรกของแก เขาก็บอกแล้วนะว่าจะไปสู้ในสนามรบที่สถานการณ์ไม่ตึงเครียดมาก แต่นี่ก็กลัวหัวหดขนาดนี้แล้วเหรอ…

หลังจากนั้น ฉันก็ต้องฟังเจ้านี่พล่ามมากมายไม่หยุดไม่หย่อนจนฉันไม่แน่ใจว่ามันเป็นการบ่นหรือการครวญครางกันแน่ แต่กว่าที่ฉันจะรู้ตัว มันก็ฟ้าสางแล้ว

1 เดือนผ่านไป ก็มาถึงวันที่คุโรดะกับพรรคพวกร่วมทาง 5 คนจะออกไปสู้ในแนวหน้าแล้ว

…ก็ เจ้าพวกนั้นออกเดินทางกันไปดื้อๆ ไม่บอกกันซักคำ

เอาเถอะ ฉันก็ไม่อยากพูดบอกลากับหมอนั่นในชาตินี้หรอก แถมเดี๋ยวคืนนี้มันก็กลับมาอยู่ดี ยิ่งกว่านั้น นั่นมันจุดที่การต่อสู้ไม่ตึงเครียดของสมรภูมิด้วย มีอะไรต้องกังวลกันล่ะ

…ก็ เอาเข้าจริง… ฉันก็ อยากให้พวกมันตายๆ ไปซะนะ

อาจจะเป็นสิ่งที่ฉันคิดมาตลอดตั้งแต่ชาติก่อนเลยก็ได้

“…คุณเซนโจ”

คุณเซนโจ โยนะ คนที่ฉันแอบชอบที่ถูกรังแกจากเจ้าพวกคุโรดะอย่างหนักเลย

เกรดไม่ได้ดี แถมคาบพละก็ทำได้แย่อีก… แต่เธอก็เป็นผู้หญิงเงียบๆ ไม่ได้สุงสิงกับใครนานๆ เลย

คุโรดะกับพวกของมันก็เอาแต่รังแกเธอแรงมาก… ยิ่งคิดก็ยิ่งเกลียดพวกมันโคตรๆ เลย

ผู้เกิดใหม่จากต่างโลก 22 คนมารวมตัวกันที่โบสถ์นี้ แต่จำนวนคนในห้องของเรามีอยู่ 28 คน รวมอาจารย์ล่ะนะ

ตอนนี้เรายังหาไม่เจออีก 6 คน ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม… ไม่แน่ พวกเขาอาจจะตายไปในการต่อสู้กับพวกเผ่ามารแล้วก็ได้

คุณเซนโจก็เป็น 1 ใน 6 คนนั้นที่ยังหายสาบสูญ

แต่ว่าวันนั้นที่เกิดอุบัติเหตุ คุณเซนโจไม่ได้อยู่ในห้องแล็บนี่นา บางทีเธออาจจะเป็นคนเดียวในห้องเราที่ปลอดภัยก็ได้ หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ

“…ดันมาคิดเรื่องชาติที่แล้วเอาป่านนี้…เป็นเอาหนักจริงๆ เลยน่า”

รู้ตัวดีอยู่แล้วนั่นแหละ แต่ ฉันก็ชอบที่จะทำมันนะ

…2 เดือนผ่านไปนับตั้งแต่พวกคุโรดะเริ่มลงเข้าไปสู้จริงในสนามรบ

ตอนแรก คุโรดะก็ไม่เต็มใจ แต่ดูเหมือนจะทำผลงานได้ไม่น้อย ช่วงนี้หมอนั่นเลยไปลุยในสนามรบพร้อมอารมณ์ที่คึกสุดๆ

“เอาล่ะ ไปกันเถอะ พวกเรา! วันนี้ พวกเราก็ไปตบพวกเผ่ามารกระจอกงอกง่อยพวกนั้นกันอีกดีกว่า!”

“ย้าาา― อาวิซ นั่นน่ะโคตรเท่เลย!”

“สมกับเป็นคุณอาวิซเลยนะ ขนาดเมื่อวานนี้…”

การสนทนานั่น ดูเหมือนพวกตัวร้ายกับลูกกระจ๊อกในหนังเลยแฮะ

“เอ้า เคลื่อนย้ายพวกฉันไปซะทีสิ”

“เข้าใจแล้วครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ ท่านผู้กล้า”

แล้วอาวิซก็ถูกเคลื่อนย้ายไปที่สนามรบในวันนี้พร้อมๆ กับเสียงนั้นเหมือนเดิม

คณะผู้กล้าอาวิซแข็งแกร่งกันมากเลยล่ะนะ

ผู้กล้าอย่างอาวิซน่ะ ก็เป็นระดับเหนือมนุษย์พร้อมกับสเตตัสเฉลี่ยสูงกว่า 8,000 ซะอีก ส่วนพรรคพวกร่วมคณะของหมอนั่นก็เพิ่มเลเวลจนมีสเตตัสเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5,000 แล้ว

นอกจากนั้นก็มีนักผจญภัยระดับ S 4 คน แถมอัครสาวกลำดับที่ 8, 9 และ 10 ยังรวมอยู่ในกลุ่มด้วย

ไม่มีทางไปแพ้ใครง่ายๆ อยู่แล้วล่ะ

…ฉันก็คิดอย่างนั้นแหละนะ

เย็นวันนั้น ดวงอาทิตย์กำลังตกดิน

พวกเรากำลังรอการกลับมาของคุโรดะกันอยู่

“พวกเราก็เป็นพรรคพวกของผู้กล้านะ เราก็ต้องพร้อมฉลองชัยชนะให้กับการกลับมาของคณะผู้กล้าสิ”

ด้วยเหตุผลแปลกๆ ที่ไม่สามารถเข้าใจได้นั่น ฉันก็ถูกลากมาทุกครั้งเลย

“…โอ่ย นี่มันช้าไปแล้วหรือเปล่า?”

“รีบๆ กันซักหน่อยสิ”

“จะว่าไป ตอนนี้กี่โมงแล้วเนี่ย?”

เฮ้อ วันนี้ต้องกลับบ้านดึกสินะเนี่ย

นักบวชที่อยู่รอบๆ นั้นก็กำลังสับสนกันว่ามีอะไรร้ายๆ เกิดขึ้นหรือเปล่า… ในคราวนี้

แล้วรอบๆ บริเวณก็เกิดเสียงดังโหวกเหวกวุ่นวายขึ้นมาทันที

เพราะแท่นเวทเคลื่อนย้ายเริ่มสว่างขึ้นแล้ว

แท่นเวทเคลื่อนย้ายถูกสร้างขึ้นจากเวทพื้นที่ และถ้าเราใช้เวทที่มีสูตรเข้าคู่กันแล้ว เราก็จะสามารถเคลื่อนย้ายกลับมาที่นี่ได้โดยไม่สนใจการระงับการเคลื่อนย้ายเลย และจะมีแค่ไม่กี่คนที่เรียนรู้สูตรเวทมนตร์ดังกล่าวได้ เช่น นักเวทที่อยู่ในนักผจญภัยระดับ S คนนั้น

…เดี๋ยวนะ นั่นคุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับนั่น?

ต้องมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ มั่นใจเลย

ความคิดพวกนั้นก็ถูกปัดทิ้งไปเลย ด้วยนักเวทที่กลับมาคนนั้น สภาพรุ่งริ่ง พร้อมกับตาที่ลอกแลกไปทั่วบริเวณ

“อะไรน่ะ…!?”

“นี่ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ? แล้ว คนที่เหลือล่ะครับ!?”

“อาวิซล่ะ? เกิดอะไรขึ้นกับพรรคพวกของคุณ? ทุกคนอยู่ในสภาพเดียวกันเหรอ!?”

“อึก……อือ…อาา……ชะ ช่วย ช่วย ด้วย……… กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!”

“โอ๊ย ใจเย็นก่อนนะ!”

“จับตัวเธอเอาไว้ก่อน! เธอคลุ้มคลั่งแล้ว!”

เธอเป็นนักเวทมีชื่อเสียงในฐานะนักผจญภัยระดับ S เลยนะ ทำไมเธอถึงได้ดูสับสนขนาดนั้น ยังกับว่ากำลังหวาดกลัวอะไรซักอย่างอยู่เลย

…พวกอาวิซไม่อยู่ที่นี่ ยิ่งกว่านั้น มีเสียงก้องดังไปทั่วบริเวณแบบนั้นด้วย

…ฉันพอเดาได้แล้วว่าต้องมีเกิดอะไรขึ้นกันแน่

วันต่อมา โถงกลางของโบสถ์ถูกเปลี่ยนเป็นห้องประชุม ที่ที่พวกเรา เหล่าว่าที่สมาชิกของคณะผู้กล้า เหล่าผู้มีอิทธิพลของโบสถ์ รวมทั้งเหล่า 12 อัครสาวกที่รวมตัวมาเท่าที่ทำได้

นำโดยท่านรีเวลซ์ อัครสาวกลำดับที่ 1, ‘เนตรสมบัติ’ คุณเฮเลน่า อัครสาวกลำดับที่ 2 , ‘ลิขิตชะตา’ คุณเกล อัครสาวกลำดับที่ 3, ‘จอมเวทเจ้าน้ำตา’ คุณนอยน์ อัครสาวกลำดับที่ 6 และ ‘ดาบวิศุทธ์’ คุณอีดิธ อัครสาวกลำดับที่ 7

“จูเลีย นักผจญภัยระดับ S และสมาชิกในคณะผู้กล้าเอ๋ย เมื่อวานนี้เธอดูสับสนมากทีเดียว สงบใจลงบ้างหรือยัง?”

“………ค- ค่ะ……ขอ ขอ ขอโทษที่ทำให้….ให้ทุกท่าน ต้องเป็นห่วง…ห่วงนะคะ…”

ดูยังไงก็ยังไม่สงบใจลงเลยนะครับ

นี่ผ่านไปแค่คืนเดียว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย…?

“…เช่นนั้น เธอจะบอกเราได้หรือไม่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

“อึก……อ- อา อา อา…น่า- น่ากลัว……มัน…”

“ใจเย็นก่อน ที่นี่ไม่มีสิ่งใดที่เธอต้องกลัว มองตรงมาสิ เหล่า 12 อัครสาวกมากมายถึงขนาดนี้ แถมลำดับที่ 1 อย่างเราก็อยู่ที่นี่ด้วย อย่าได้กลัวที่จะบอกกับเราเลย”

“ค- ค่ะ… ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ค่ะ”

แล้วเธอคนนั้น… ในฐานะที่เป็นนักผจญภัยระดับ S ตอนพบกันครั้งแรกนั้น เธอน่ะเต็มไปด้วยความมั่นใจแบบล้นเหลือ แต่ตอนนี้ เธอดูเหนื่อยล้าไร้เรี่ยวแรงและชีวิตชีวาไปอย่างสิ้นเชิงเลย เธอค่อยๆ พูดออกมาทีละนิด ทีละนิด

“พ- พวกเรา…… คณะผู้กล้า…… รอบเศษซากปรักของอาณาจักรอัลเวร่า เราพบกับผู้บริหารของกองทัพจอมมาร…ล- หลังการต่อสู้… ทุกคนถูกกำจัดทั้งหมด…”

ว่าแล้วเชียว มั่นใจเลยว่าต้องเป็นแบบนั้น

แต่ว่า… พอมาได้ยินจริงๆ แล้ว ก็รู้สึกได้เลยว่าอากาศรอบตัวมันหนักไปหมด

คุโรดะกับพรรคพวก ทุกคนตายหมดแล้ว

ไอ้ชั่วอย่างหมอนั่น ฉันอยากให้ตายๆ ไปซะมาตลอดเลย

…แต่ ความตายจริงๆ มันกลับทำให้ฉันรู้สึกดิ่งไปมากกว่าที่คิดนิดหน่อย ถึงจะเป็นขยะอย่างสมบูรณ์ แต่เจ้านั่นก็เป็นผู้เกิดใหม่จากต่างโลกเหมือนกัน… เป็นเพื่อนร่วมชะตาคนนึง

“…จริงๆ สินะ”

“กำจัดคณะผู้กล้า… ศัตรูมาเป็นกลุ่มอย่างงั้นเหรอ”

“ไอ้พวกขี้ขลาด! นี่แหละพวกมันถึงได้เป็นแค่เผ่ามารไงเล่า!”

“แค่เพราะพวกมันไม่สามารถดวลตัวต่อตัวกับผู้กล้าได้ พวกมันใช้ผู้บริหารมารุมซักกี่คนกัน…! พวกเธอลากพวกมันตามไปได้กี่คนล่ะ?”

“โธ่… ช่างน่าเศร้า! เราไม่อยากเชื่อเลย!”

และข้อสงสัยก็เกิดขึ้น

ลากผู้บริหารตายตามไปได้กี่คนงั้นเหรอ? ข้อมูลพวกนั้นน่ะนะ

ก็จริงอยู่ที่การสูญเสียผู้กล้าไปนั้นมันเจ็บปวด แต่ถ้าจำนวนผู้บริหารลดลงไปบ้างล่ะก็ พวกเขาอาจจะวางแผนจะใช้โอกาสจากช่องว่างนี้ก็ได้

แต่ความคิดแบบนั้นน่ะ มันอ่อนหัดเกินไป

“ม-… ไม่ใช่ค่ะ ศัตรูน่ะ… มีแค่-…… แค่หนึ่ง”

“…ฮะ?”

“ค- แค่ แค่คนเดียว… แวมไพร์ที่ชื่อลีนนั่น มาแค่คนเดียว… พ- พวกเรา ถูกฆ่าหมด ด้วยน้ำมือของเจ้านั่นแค่คนเดียว……”

TN: ไม่ต้องตกใจกันนะครับ เดี๋ยวเรื่องนี้ เราจะย้อนกลับมาเล่าอย่าง “ล-ะ-เ-อี-ย-ด” แน่นอนครับ