ตอนที่ 55 คนโง่หลิงฉางเฟิง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 55 คนโง่หลิงฉางเฟิง

ผ่านไปสักพัก…

ท่านอ๋องตงผิงถอนหายใจ บรรยากาศที่นิ่งงันไปชั่วขณะในรถม้าไหลเวียนขึ้นมาอีกครั้ง

จี้ซินแสโล่งอกตามไปด้วย

ท่านอ๋องตงผิงพูดเสียงเบา “ฝ่าบาทมีความเป็นไปได้ที่จะทรงลงมือกับตระกูลเถา”

จี้ซินแสถามอย่างรีบร้อน “นายน้อยหกพูดเองหรือ”

ท่านอ๋องตงผิงส่ายหน้าเล็กน้อย “ลูกทรพีไม่ยอมรับ เขาไม่พูดความจริงแม้แต่ประโยคเดียว แต่ข้าเห็นความผิดปกติของเขา เจ้าคิดไม่ถึงแน่ ลูกทรพีถูกขังอยู่ในคุกหลวง แต่องครักษ์จินอู่กลับไม่ทรมานเขาแม้แต่น้อย อีกทั้งยังปรนนิบัติเขาอย่างดี ดูจากท่าทางสุขสบายของเขา ไม่เหมือนกับการถูกขังอยู่ในคุก แต่เหมือนกับการเที่ยวเล่นเสียมากกว่า”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!

จี้ซินแสเงียบไปสักพัก “หากฝ่าบาททรงต้องการลงมือกับตระกูลเถาจริง ข้าคิดว่าท่านอ๋องควรอยู่เฉยๆ เสียดีกว่า รอเข้าร่วมงานมงคลขององค์ชายทั้งสองเสร็จ ค่อยหาโอกาสกลับพื้นที่ศักดินา”

“ย่อมเป็นเช่นนั้น!” ท่านอ๋องตงผิงถอนหายใจยาว

เขามองออกไปนอกรถม้า เมืองหลวงกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้ว

ในวันเดียวกัน

ขบวนรถของตระกูลหลิงจากแคว้นหงหนงเคลื่อนตัวเข้ามาในเมืองหลวงอย่างเชื่องช้า

เยียนอวิ๋นเพ่ยนั่งอยู่บนรถม้า นางยกม่านรถขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองดูทิวทัศน์ของเมืองหลวง

ใบหน้าของนางซีดเซียว ไร้ซึ่งสีเลือด

เมื่อเทียบกับตอนออกเรือนเมื่อปีที่แล้ว นางผอมลงอย่างมาก

ฤดูร้อนช่วงต้นใกล้เข้ามาแล้ว คนที่อารมณ์ร้อนต่างเปลี่ยนเป็นชุดฤดูร้อนที่เบาบาง ส่วนนางยังคงสวมชุดนวมคลุมตัวเองเอาไว้อย่างแน่นหนา ดูเหมือนนางจะกลัวความหนาวอย่างมาก

นางมองเมืองหลวงที่แปลกตา สีหน้าราวกับดีใจแต่ก็ราวกับโกรธ ภายในใจมีความคิดมากมาย

“ฮูหยินอยู่ในเมืองหลวงจริงหรือ”

นางถามสาวรับใช้

สาวรับใช้พยักหน้าตอบรับ

ฮูหยินที่นางเอ่ยถึงย่อมหมายถึงเซียวฮูหยิน

หลังจากได้รับคำตอบจากสาวรับใช้ นางก็กัดฟัน “หากพูดเช่นนี้ หญิงชั้นต่ำอย่างเยียนอวิ๋นเกอก็อยู่ในเมืองหลวงด้วยอย่างนั้นหรือ”

สาวรับใช้ได้ยินน้ำเสียงของนางจึงตกใจอย่างมาก “นายหญิงน้อยระงับความโกรธเจ้าค่ะ! ที่นี่เป็นเมืองหลวง เวลาทำสิ่งใดต้องคำนึงให้ดีเสียก่อน นายน้อยกำชับซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่าได้สร้างปัญหาเจ้าค่ะ”

เยียนอวิ๋นเพ่ยได้ยินจึงส่งเสียงไม่พอใจ “ข้าเห็นเจ้าจงรักภักดีต่อนายน้อยนัก เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าผู้ใดเป็นนายของเจ้า”

สาวรับใช้ทำหน้าหวาดกลัว “นายหญิงน้อย บ่าวเป็นคนของนายหญิงน้อย ตายเป็นผีของนายหญิงน้อย ทุกสิ่งที่บ่าวทำล้วนทำเพื่อนายหญิงน้อย หากบ่าวมีสองใจ บ่าวขอให้ฟ้าผ่าไม่ได้ตายดีเจ้าค่ะ”

“เอาเถิด หยุดพูดได้แล้ว” เยียนอวิ๋นเพ่ยปล่อยม่านรถลง อารมณ์ไม่ดีนัก

องค์ชายใหญ่และองค์ชายสองจะมีงานอภิเษกสมรสในเร็ววัน ตระกูลหลิงส่งคนเข้าเมืองหลวงมาเพื่อถวายของกำนัล

เรื่องการเข้าเมืองหลวงจึงมีหลิงฉางจื้อ ผู้เป็นหลานชายคนโตของตระกูลหลิงรับผิดชอบ

หลิงฉางจื้อและหลิงฉางเฟิงเป็นพี่น้องร่วมมารดากัน

โอกาสเข้าเมืองหลวงที่หาได้ยากเช่นนี้ หลิงฉางเฟิงย่อมไม่อยากพลาด

เขาใช้ข้ออ้างที่เยียนอวิ๋นเพ่ยผู้เป็นภรรยาเป็นพี่น้องกับเยียนอวิ๋นฉี ขอร้องอ้อนวอนติดตามพี่ชายมาเมืองหลวง

ในเมื่อเป็นการถวายความยินดีกับองค์ชายทั้งสอง อีกทั้งเยียนอวิ๋นเพ่ยกับเยียนอวิ๋นฉีก็เป็นพี่น้องกัน ดังนั้นเยียนอวิ๋นเพ่ยจึงได้รับโอกาสเดินทางเข้าเมืองหลวงด้วย

การมาเมืองหลวงเป็นโอกาสที่หายากยิ่งนัก เดิมทีเยียนอวิ๋นเพ่ยดีใจอย่างมาก

จนกระทั่งออกเดินทาง นางถึงได้รู้ว่าเยียนอวิ๋นฉีถูกหมั้นหมายให้องค์ชายสอง เยียนอวิ๋นเกอก็อยู่ในเมืองหลวงเช่นเดียวกัน อารมณ์ดีทั้งหมดของนางจึงหายไปจนหมดสิ้น

หลิงฉางเฟิงตักเตือนนาง เมื่อถึงเมืองหลวง หากพบกับพี่น้องตระกูลเยียน นางต้องสันติ อย่าได้มีเรื่องกัน ยิ่งไม่อาจทำให้พระชายาขององค์ชายสองขุ่นเคือง

เยียนอวิ๋นเพ่ยพยักหน้าตอบรับ

เดิมทีนางคิดจะใช้โอกาสในการเดินทางเข้าเมืองหลวงครั้งนี้เพื่อให้สามีภรรยาจะมีโอกาสอยู่ด้วยกัน นางอยากให้หลิงฉางเฟิงอยู่ข้ามคืนภายในห้อง แต่สุดท้ายหลิงฉางเฟิงพูดเสร็จก็สะบัดแขนเสื้อจากไป

ไม่คิดจะอยู่ค้างคืนแม้แต่น้อย

เยียนอวิ๋นเพ่ยโกรธจนทั้งร้องไห้ทั้งด่า

“ชีวิตของข้าลำบากนัก!”

นับแต่นางสมรสกับหลิงฉางเฟิง นางก็มีโรคทางเพศเพิ่มขึ้น

หลิงฉางเฟิงรังเกียจนาง อย่าว่าแต่ร่วมหอ แม้แต่ประตูห้องยังไม่ก้าวเข้ามา

แม่สามีรังเกียจนางเพราะชาติกำเนิดที่ต่ำต้อย นิสัยย่ำแย่ ทำตัวไม่เหมาะสม จัดแจงให้แม่นมในจวนกลั่นแกล้งนาง โดยอ้างว่าเป็นการเรียนรู้กฎระเบียบ

สะใภ้ในจวนก็ดูถูกนาง รังเกียจที่นางยอมลดค่าตัวเอง รู้สึกว่าการสนทนากับนางจะทำให้ปากสกปรก

ชีวิตของนางในตระกูลหลิงยากลำบากเกินจะบรรยาย

อีกทั้งโรคทางเพศของนาง ทำให้นางไม่อาจร่วมหอกับหลิงฉางเฟิงได้ จึงไม่มีโอกาสได้ผูกมัดจิตใจของหลิงฉางเฟิง

ยิ่งไม่ต้องหวังให้หลิงฉางเฟิงออกหน้าแทนนาง

หากไม่ใช่เยียนอวิ๋นฉีถูกหมั้นหมายให้องค์ชายสอง นางก็คงไม่มีโอกาสได้ออกจากตระกูลหลิงแม้แต่ก้าวเดียว ยิ่งไม่มีโอกาสได้เข้าเมืองหลวง

แต่ภายในใจของนางกลับไม่รู้สึกขอบคุณเยียนอวิ๋นฉี

นอกจากนี้นางยังเกิดความเกลียดชัง

นางแย่งหลิงฉางเฟิงไป แต่สุดท้ายเยียนอวิ๋นเฟยกลับได้สมรสกับท่านโหวผิงอู่ สืออุน กลายเป็นฮูหยิน

ของท่านโหว

ส่วนเยียนอวิ๋นฉีก็ไม่รู้ว่าได้โชคจากที่ใด ถูกหมั้นหมายให้องค์ชายสอง

ทุกคนต่างแซ่เยียน เหตุใดเยียนอวิ๋นเฟยกับเยียนอวิ๋นฉีจึงมีคู่ครองที่ดี มีเพียงนางต้องทนรับความทรมาน

แต่นางไม่เคยคิดว่างานสมรสกับหลิงฉางเฟิง นางเป็นคนเสนอตัวแย่งมาเอง ทุกสิ่งที่ได้รับในวันนี้ล้วนเป็นเพราะตัวของนางเอง

ภายในใจของเยียนอวิ๋นเพ่ยเศร้าโศกอย่างมาก นางกระแอมไออย่างต่อเนื่อง

สาวรับใช้ชุนซิ่งเป็นกังวลอย่างมาก ลูบหลังของนางไปพลางพูด “เพิ่งถึงเมืองหลวง ร่างกายของนายหญิงน้อยก็ป่วยเสียแล้ว ไม่ได้การแล้ว บ่าวจะไปรายงานนายน้อย ให้นายน้อยหาไต้ฟูมารักษานายหญิงน้อย…”

“รักษาอันใดกัน ข้าไม่ได้ป่วย!” เยียนอวิ๋นเพ่ยจับข้อมือของสาวรับใช้ชุนซิ่งเอาไว้แน่น แรงมากจนน่าตกใจ

สาวรับใช้ชุนซิ่งเกลี้ยกล่อม “ร่างกายของนายหญิงน้อย…”

เยียนอวิ๋นเพ่ยกัดฟัน พูด “หุบปาก! ร่างกายของข้า ข้ารู้ดี หากเจ้ามีใจจริง รอปักหลักที่จวนเรียบร้อยแล้ว เจ้าค่อยไปเชิญไต้ฟูรักษาโรคสตรีมาให้ข้า เพียงแค่รักษาโรคบนตัวหาย โรคอื่นย่อมหายดีไปด้วย”

สาวรับใช้ชุนซิ่งพยักหน้าระรัว “นายหญิงน้อยน้อยวางใจ รอปักหลักเรียบร้อย บ่าวจะไปหาไต้ฟูที่ดีย่อมต้องเชิญกลับมาให้นายหญิงน้อยให้ได้”

เยียนอวิ๋นเพ่ยโล่งใจ

ตอนอยู่ในตระกูลหลิง นางไม่กล้าเชิญหมอใช้ยาอย่างเปิดเผย

เดิมทีนางก็ไม่ได้รับความโปรดปรานจากคนในตระกูลหลิง หากแม่สามีรู้ว่านางมีโรคนี้ แล้วยั่วยุให้หลิงฉางเฟิงหย่ากับนาง นางคงไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ

ไม่ว่าอย่างไร นางจะถูกหย่าไม่ได้

นางเป็นคนแย่งหลิงฉางเฟิงมา ไม่ว่าลำบากเพียงใด นางย่อมต้องครอบครองตำแหน่งภรรยาเอกของหลิงฉางเฟิงเอาไว้ ไม่ให้สตรีคนอื่นแย่งไป

ดังนั้นนางจึงปิดบังทุกคน ให้สาวรับใช้นำอาการของนางออกจากจวนไปซื้อยาอย่างลับๆ

แต่แล้วเมื่อไม่มีไต้ฟูตรวจดูอาการเอง อาศัยการให้สาวรับใช้ซื้อยานั้นไม่ได้ผลนัก หลายวันนี้โรคของนางไม่ดีขึ้นแม้แต่น้อย

ครานี้เดินทางมาเมืองหลวง หลุดพ้นจากการจับตาของแม่สามีเสียที ไม่ว่าอย่างไรนางย่อมต้องเชิญไต้ฟูมาตรวจรักษานางให้หาย

เมื่อร่างกายของนางสะอาดแล้ว นางย่อมสามารถร่วมหอกับหลิงฉางเฟิงได้

เพียงแค่ร่วมหอ นางย่อมมั่นใจว่าสามารถผูกมัดใจของหลิงฉางเฟิงได้ นางจะพยายามมีบุตรเพื่อความมั่นคงในตำแหน่งของตนเอง

ตระกูลหลิงร่ำรวย พวกเขาซื้อจวนในเมืองหลวงเอาไว้

จวนใหญ่ที่มีสามเรือนซ้อนทับกัน กว้างขวางและโอ่อ่าอย่างมาก

อีกทั้งตำแหน่งที่ตั้งดี ห่างจากตรอกผิงอันที่เป็นแหล่งรวมของชนชั้นสูงเพียงแค่สองตรอกถนน

หลังจากปักหลักลง หลิงฉางจื้อพูดคุยกับหลิงฉางเฟิง

“ฮูหยินแห่งท่านโหวกว่างหนิง หรือท่านหญิงจู้หยางอยู่ในเมืองหลวง วันมะรืน เจ้ากับข้าไปเยือนท่านที่จวน อย่างไรพวกเราตระกูลหลิงกับตระกูลเยียนก็เป็นครอบครัวเดียวกัน มารยาทที่ควรมีไม่อาจล่าช้าได้”

หลิงฉางเฟิงได้ยินว่าจะไปเยือนจวนท่านหญิงจู้หยาง เขาก็ทำหน้าลำบากใจ

เขาลังเล “พี่ใหญ่ไปคนเดียวก็ถือว่าทำตามมารยาทแล้ว ข้าคงไม่ต้องไป”

หลิงฉางจื้อส่งเสียงไม่พอใจ ใบหน้าเข้มงวดมีบารมีอย่างมาก “เจ้ารู้สึกผิดอย่างนั้นหรือ เจ้าก็สมควรรู้สึกผิดอยู่แล้ว เดิมทีเจ้าควรสมรสกับบุตรสาวคนโตของเยียนโส่วจ้าน แต่สุดท้ายเจ้ากลับสมรสกับบุตรสาวของบ้านรองตระกูลเยียน หากเจ้าไม่ใช่น้องชายข้า ข้าคงฆ่าเจ้าไปแล้ว”

หลิงฉางเฟิงทั้งอับอายทั้งเสียใจทั้งรู้สึกผิด “เวลานี้แล้ว พี่ใหญ่ตำหนิข้าก็ไม่มีประโยชน์อันใด อีกทั้งหากไม่ใช่ท่านลุงเข้ามาแทรกแซง ข้าก็ไม่ต้องสมรสกับเยียนอวิ๋นเพ่ย”

“บังอาจ!” หลิงฉางจื้อทำหน้าบึ้ง ดูน่ากลัวไม่น้อย “ถึงวันนี้เจ้ายังไม่สำนึก คิดว่าตนเองสมรสกับบุตรสาวของบ้านรองตระกูลเยียนด้วยความไม่เป็นธรรม อีกทั้งยังบังอาจโทษท่านลุงอย่างนั้นหรือ

ข้าจะบอกความจริงแก่เจ้า เดิมทีตระกูลหลิงสมรสกับตระกูลเยียน เพราะเยียนโส่วจ้านมีเรื่องขอร้องตระกูลหลิง แต่เพราะคนโง่อย่างเจ้า ทำให้ตระกูลหลิงสูญเสียการเป็นฝ่ายจู่โจม เยียนโส่วจ้านจึงใช้โอกาสนี้เรียกร้อง หากมิใช่ท่านลุงช่วยเหลือ เจ้าคิดว่าเจ้าจะรอดได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ

ในสายตาของเจ้า มันอาจเป็นเพียงการสมรส แต่หารู้ไม่ว่ามันยังเป็นการต่อสู้ระหว่างตระกูลหลิงกับตระกูลเยียน ข้อได้เปรียบของตระกูลหลิงถูกเจ้าทำลาย หากเจ้าไม่ได้กำเนิดจากภรรยาหลวง เพียงแค่เรื่องเลวร้ายที่เจ้าทำ คนในตระกูลคงได้อัญเชิญกฎตระกูลโบยเจ้าจนตาย”

คำว่าโบยจนตายทำให้หลิงฉางเฟิงกลัวจนตัวสั่น ใบหน้าซีดเผือด

เขาถามอย่างระมัดระวัง “เรื่องมันร้ายแรงเหมือนที่พี่ใหญ่พูดหรือ”

หลิงฉางจื้อมีรูปลักษณ์โดดเด่น เป็นนายน้อยที่สง่างาม

เพียงแต่เมื่อเขาทำหน้าบึ้ง ทำให้เขาดูโหดเหี้ยมและน่าหวาดกลัวมากขึ้น

เขาพูดกับหลิงฉางเฟิง “เรื่องนี้ร้ายแรงกว่าที่เจ้าคิด เจ้ารอดมาได้ หนึ่งเพราะท่านลุงขอร้องแทนเจ้าในจดหมาย สองเพราะท่านแม่ปกป้องเจ้า มิฉะนั้น แค่เรื่องที่เจ้าทำ โบยจนตายก็ไม่เกินกว่าเหตุ ดังนั้น ไม่ว่าเจ้าจะชอบการสมรสในครานี้หรือไม่ เจ้าก็ต้องเกรงใจต่อตระกูลภรรยาของเจ้า ยิ่งไปกว่านั้นคุณหนูรองของท่านหญิงจู้หยางกำลังจะสมรสกับองค์ชายสอง การไปเยือนจวนท่านหญิงจู้หยางในวันมะรืน เจ้าไปก็ต้องไป ไม่ไปก็ต้องไป”

หลิงฉางเฟิงส่งเสียง “อ่อ หากข้ารู้ว่าหลับนอนกับเยียนอวิ๋นเพ่ยจะมีผลร้ายแรงเพียงนี้ ข้ารับรองว่าจะไม่แตะต้องนางแม้แต่นิ้วเดียว”

หลิงฉางจื้อทำหน้ารังเกียจ “เจ้ารีบแก้ไขโรคหลงใหลในความงามของตนเองเสีย ที่นี่คือเมืองหลวง หากเจ้ายังกล้าสร้างปัญหาอีก ไม่ต้องอัญเชิญกฎตระกูล ข้าจะจัดการเจ้าเอง”

หลิงฉางเฟิงตัวสั่นในทันที ก่อนจะรู้สึกน้อยใจ “ท่านเป็นพี่ใหญ่ของข้าจริงหรือไม่ เหตุใดจึงโหดร้ายกับน้องชายเพียงนี้”

หลิงฉางจื้อส่งเสียงไม่พอใจ ทำท่าจะเดินเข้ามา หลิงฉางเฟิงลุกขึ้นรีบวิ่งออกไปด้านนอก

พลางวิ่งพลางพูด “เวลาสายแล้ว ข้ากลับไปพักผ่อนก่อน วันมะรืนข้าย่อมเดินทางไปเยือนจวนท่านหญิงอย่างเชื่อฟัง”

เขาวิ่งไปถึงนอกประตูในพรวดเดียว ก่อนจะหันกลับมาถาม “พี่ใหญ่ น้องสะใภ้ของท่าน

เยียนอวิ๋นเพ่ยต้องติดตามไปด้วยหรือไม่”

หลิงฉางจื้อทำหน้าบึ้ง “เจ้าโง่! วันมะรืนไปเยือนจวนท่านหญิงเท่ากับไปเยือนตระกูลของน้องสะใภ้ หากไม่พานางไปด้วย เจ้าคิดว่าเหมาะสมหรือไม่”

หลิงฉางเฟิงหัวเราะ “เข้าใจแล้ว ข้าจะไปบอกนาง กลับตระกูลครั้งแรก ของขวัญต้องเตรียมให้มากเสียหน่อย”