ตอนที่ 56 เดิมทีก็ไม่คู่ควร

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 56 เดิมทีก็ไม่คู่ควร

“นายน้อยมาแล้ว!”

เสียงของสาวรับใช้ ทำให้เยียนอวิ๋นเพ่ยที่เหม่อลอยดึงสติกลับมา

นางรีบตั้งสติ ลุกขึ้นเดินไปต้อนรับที่หน้าประตู

เมื่อเห็นหลิงฉางเฟิง ทันใดนั้นนางก็เผยยิ้มที่สมบูรณ์แบบที่สุด พร้อมทั้งเดินขึ้นหน้าพยายามคล้องแขนของอีกฝ่าย

หลิงฉางเฟิงต้องการหลบเลี่ยงการเข้าใกล้ของอีกฝ่ายในทันที แต่เขาก็นึกถึงเสียงกำชับของพี่ใหญ่ขึ้นมา เขาจึงปล่อยให้อีกฝ่ายคล้องแขนได้สำเร็จ เขาพาเยียนอวิ๋นเพ่ยเข้าประตูด้วยท่าทางที่แข็งทื่อเล็กน้อย

หลิงฉางเฟิงไม่หลบนาง!

เยียนอวิ๋นเพ่ยดีใจอย่างมาก

มันหมายความว่าความสัมพันธ์ของสามีภรรยาจะมีการคลี่คลายแล้วใช่หรือไม่

เมื่อนางรักษาโรคจนหายดี คงจะมีบุตรด้วยกันในเร็ววันใช่หรือไม่

เยียนอวิ๋นเพ่ยก้มหน้าแอบยิ้ม อารมณ์ดีอย่างมาก

“ท่านยุ่งมาทั้งวัน คงเหนื่อยแล้วใช่หรือไม่! ข้าสั่งให้ห้องครัวเตรียมอาหาร…”

“อาหารคงไม่ต้อง!” หลิงฉางเฟิงพูดขัดเยียนอวิ๋นเพ่ย เรียกให้นางนั่งลง

เยียนอวิ๋นเพ่ยทำหน้าหวาดกลัว “เดินทางมาถึงเมืองหลวงไม่ง่ายนัก ท่านไม่ดีใจหรือ”

หลิงฉางเฟิงกวาดตามองนาง พูดขึ้นโดยตรง “เจ้าเตรียมตัวให้ดี วันมะรืนเดินทางไปเยือนจวนท่านหญิงจู้หยาง อย่าลืมแต่งกายให้งดงาม อย่าทำให้ข้าขายหน้า”

“จวนท่านหญิงจู้หยาง?” เยียนอวิ๋นเพ่ยฉงนเล็กน้อย ไม่ทันได้คิดท่านหญิงจู้หยางคือผู้ใด

เห็นได้ชัดว่า นางถูกปิดกั้นข่าวอย่างมากเมื่ออยู่ในตระกูลหลิง

เรื่องภายนอก หากหลิงฉางเฟิงไม่พูด นางก็ไม่มีทางรู้

หลิงฉางเฟิงไม่พอใจเล็กน้อย “ฮูหยินแห่งท่านโหวกว่างหนิง ท่านแม่ของเจ้า แม่ยายของข้าก็คือท่านหญิงจู้หยาง”

เยียนอวิ๋นเพ่ยถูกบ้านใหญ่ตระกูลเยียนรับเลี้ยง ในนามนั้นเซียวฮูหยินก็คือท่านแม่ของนาง

เมื่อหลิงฉางเฟิงตักเตือน นางจึงกระจ่าง

นางทำหน้ากระจ่าง “ที่แท้ฮูหยินยังมีตำแหน่งเป็นท่านหญิง ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้มาก่อน”

หลิงฉางเฟิงรังเกียจนางอย่างมาก “เจ้าไม่รู้ว่าแม้แต่แม่ยายมีตำแหน่งเป็นท่านหญิง เจ้าจะรู้เรื่องใดได้อีก เจ้ามีประโยชน์อันใดกัน”

เดิมทีหลิงฉางเฟิงคิดจะเกรงใจเยียนอวิ๋นเพ่ยเสียหน่อย แต่เมื่อผ่านไปเพียงชั่วครู่ เขาก็หมดความอดทน

เขาต้องโชคร้ายอย่างมากถึงได้แต่งงานกับเยียนอวิ๋นเพ่ย

ช่วยเหลือสิ่งใดไม่ได้แม้แต่น้อย สมองก็ราวกลับใช้การไม่ได้

ดูโง่เขลาอย่างมาก

เยียนอวิ๋นเพ่ยเห็นหลิงฉางเฟิงโกรธ นางตัวสั่นเทา แสดงท่าทีอ่อนแอได้อย่างน่าสงสารยิ่งนัก

หลิงฉางเฟิงหัวเราะเย้ยหยัน

เขาเกลียดท่าทีเช่นนี้ของเยียนอวิ๋นเพ่ยที่สุด ราวกับว่าเขารังแกนางอย่างนั้น

เพียงแค่พูดจาด้วยน้ำเสียงไม่ดีเท่านั้น นางจำเป็นต้องทำท่าทางเช่นนี้หรือ

เขาหมดความอดทนจึงลุกขึ้นเตรียมตัวจากไปทันที

เยียนอวิ๋นเพ่ยทำหน้าผิดหวัง “ท่านไม่อยู่กินข้าวก่อนหรือ”

หลิงฉางเฟิงชี้นาง พูดขึ้น “เมื่อถึงจวนท่านหญิง เจ้าต้องอยู่อย่างสันติกับสองพี่น้องตระกูลเยียน อย่าได้สร้างปัญหา เจ้าจำไว้น้องอวิ๋นฉีของเจ้ากำลังจะสมรสกับองค์ชายสอง ฐานะของนางไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว อย่างไรก็ตาม อย่าได้นำกิริยาของตระกูลเจ้าไปใช้ที่จวนท่านหญิง”

พูดจบ หลิงฉางเฟิงก็สะบัดแขนเสื้อจากไปอย่างเร่งรีบ

เพร้ง!

เมื่ออีกฝ่ายจากไป เยียนอวิ๋นเพ่ยก็เขวี้ยงถ้วยชาทันที

“ออกไป ออกไปให้หมด!”

นางขับไล่บ่าวรับใช้ที่ปรนนิบัติออกไปทั้งหมด เหลือไว้เพียงสาวรับใช้ ชุนซิ่งที่ติดตามมาอยู่ข้างกาย

นางนอนคว่ำร้องไห้อยู่บนเตียง เศร้าโศกอย่างมาก

“รังแกกันเกินไปแล้ว เขารังแกข้ามากเกินไปแล้ว!”

นางลุกพรวดขึ้นนั่งบนเตียง “ข้าไม่คู่ควรกับเขาตรงใด เขารังเกียจข้าเช่นนั้นได้อย่างไร ชุนซิ่ง เจ้าพูด เจ้าพูดสิ”

ชุนซิ่งลำบากใจอย่างมาก

เดิมทีก็ไม่คู่ควรอยู่แล้ว

หากไม่ใช่เยียนอวิ๋นเพ่ยใช้กลอุบาย เดิมทีนางก็ไม่มีโอกาสแต่งงานกับหลิงฉางเฟิง

เยียนอวิ๋นเพ่ยอาจเอื้อมอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้จะถูกรับเลี้ยงอยู่ภายใต้นามของเซียวฮูหยิน แต่นางก็ยังคงอาจเอื้อม

หลิงฉางเฟิงดูถูกนางอย่างสมเหตุสมผลยิ่งนัก

แต่ชุนซิ่งไม่กล้าพูดความจริง

นางทำได้เพียงปลอบเยียนอวิ๋นเพ่ย “นายหญิงน้อย ระวังร่างกายเจ้าค่ะ อย่างอื่นเราไม่สนใจได้ เวลานี้ร่างกายสำคัญที่สุด”

เยียนอวิ๋นเพ่ยสะอื้น “ข้าช่างลำบากนัก! เจ้าก็เห็นท่าทีของนายน้อยแล้ว ในสายตาของเขา ข้าเป็นเพียงสตรีบ้านนอกที่ไม่อาจพาออกไปได้ พาออกไปก็เป็นการขายหน้าเขา จวนท่านหญิงจู้หยาง นางเป็นมารดาของข้าในนาม เป็นพี่น้องของข้า! เขามีสิทธิอันใดบอกว่าข้าขายหน้า ล้วนเป็นบุตรสาวของตระกูลเยียน ข้าด้อยกว่าตรงใด อย่างน้อยข้าดีกว่าเยียนอวิ๋นเกอใช่หรือไม่ เยียนอวิ๋นเกอต่างหากที่เป็นเด็กบ้านนอกที่ไร้มารยาท”

ชุนซิ่งพูดเสียงเบา “แต่คุณหนูอวิ๋นเกอคลานออกมาจากท้องของฮูหยิน กำเนิดจาบ้านใหญ่ ด้านบนมีพี่สาวสองคน แต่ละคนล้วนแต่งงานได้ดี…”

“หุบปาก! เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้าบอกว่าข้าแม้แต่เยียนอวิ๋นเกอยังเทียบไม่ติดอย่างนั้นหรือ”

เยียนอวิ๋นเพ่ยโกรธ

ชุนซิ่งส่ายหน้าระรัว “นายหญิงน้อยเข้าใจผิดแล้ว! บ่าวอยากจะพูดว่าคุณหนูอวิ๋นฉีสมรสกับองค์ชายสอง ภายหน้าย่อมเป็นพระชายาขององค์ชายสอง นายหญิงน้อยต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ สร้างสัมพันธ์อันดีกับคุณหนูอวิ๋นฉี หากได้รับการสนับสนุนจากนาง ตระกูลหลิงย่อมต้องให้เกียรติท่าน เมื่อเป็นเช่นนี้ ชีวิตของนายหญิงน้อยในตระกูลหลิงย่อมดีขึ้น

ส่วนคุณหนูอวิ๋นเกอ นางเป็นน้องสาวของคุณหนูอวิ๋นฉี ไม่เห็นแก่หน้าพระสงฆ์ย่อมต้องเห็นแก่หน้าพระพุทธรูป นายหญิงน้อยอย่าถือสา ทุกคนอยู่อย่างสันติ ไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ”

เยียนอวิ๋นเพ่ยส่งเสียงไม่พอใจ “เจ้าคิดได้ดี! แต่เจ้าคิดว่าเยียนอวิ๋นเกอจะมีสีหน้าดีให้ข้าหรือ ข้าแย่งงานสมรสของเยียนอวิ๋นเฟย ภายในใจของนางคงเกลียดข้าอย่างมาก ไม่แน่ว่าที่ร่างกายข้าป่วยก็เป็นฝีมือของนาง”

“เป็นไปไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ! คุณหนูอวิ๋นเกออายุยังน้อย จะรู้เรื่องของสตรีได้อย่างไร”

ชุนซิ่งไม่เชื่อ

นางเชื่อมากกว่าว่าเยียนอวิ๋นเพ่ยใช้วิธีอันไม่ถูกต้องแย่งชิงงานสมรสของเยียนอวิ๋นเฟย ดังนั้นจึงกรรมตามสนอง

ไม่อย่างนั้นเหตุใดก่อนออกเรือนยังดีๆ แต่เมื่อออกเรือนจึงเป็นโรคขึ้นมา

แน่นอน คำพูดเหล่านี้นางทำได้เพียงแอบคิดในใจ นางไม่กล้าพูดออกมา

เยียนอวิ๋นเพ่ยหัวเราะเย้ยหยัน

“เจ้าดูถูกเยียนอวิ๋นเกอเกินไป อย่ามองว่านางอายุน้อย คนอย่างนางร้ายกาจนัก มีแผนการชั่วร้ายเต็มท้อง สิ่งที่สมควรรู้ไม่สมควรรู้นางล้วนรู้หมด นางก็แค่ไม่อยากให้ข้ามีชีวิตสุขสบาย อยากเห็นความอับอายของข้า วันมะรืน เดินทางไปเป็นแขกในจวนท่านหญิง นางย่อมไม่เกรงใจต่อข้า เหตุใดข้าจึงลำบากเพียงนี้!”

พูดไปพูดมา เยียนอวิ๋นเพ่ยก็ร้องไห้ด้วยความเสียใจอีกครั้ง

ชุนซิ่งพยายามปลอบนาง กว่าจะปลอบนางได้นั้นยากเย็นนัก

เยียนอวิ๋นเพ่ยเช็ดน้ำตา “เจ้าพูดถูก ข้าไปเป็นแขก ไม่ได้ไปหาเรื่อง ไม่ต้องสนว่าท่าทีของเยียนอวิ๋นเกอเป็นอย่างไร อย่างน้อยข้าไม่อาจทำให้นายน้อยขายหน้าได้ ยิ่งไม่อาจให้คนดูถูกได้ เจ้าไปรื้อค้นลังเก็บของ หาสิ่งของล้ำค่าสองสามชิ้น ถือเป็นของขวัญพบปะสำหรับอวิ๋นฉีและอวิ๋นเกอสองพี่น้อง นอกจากนี้เตรียมของขวัญอีกชิ้นให้ฮูหยิน”

ชุนซิ่งรับคำสั่ง ก่อนจะนึกถึงอีกเรื่องขึ้นมาได้

“นายหญิงน้อย วันนี้บ่าวได้ยินคนพูดว่านายน้อยใหญ่ก็เดินทางมาถึงเมืองหลวง”

“นายน้อยใหญ่ใด”

“นายน้อยใหญ่อวิ๋นฉวนเจ้าค่ะ”

“พี่ใหญ่ก็ถึงเมืองหลวงแล้ว? ดีเสียจริง!” เยียนอวิ๋นเพ่ยดีใจขึ้นมา

“นอกจากนี้เตรียมของขวัญให้พี่ใหญ่อีกชิ้น เอาที่มูลค่ามาก”

“นายหญิงน้อยต้องการให้นายน้อยใหญ่ช่วยหนุนหลังหรือเจ้าคะ” ชุนซิ่งถามขึ้น

เยียนอวิ๋นเพ่ยเผยยิ้ม “พี่ใหญ่เป็นคนมีเมตตา หากเขาเห็นข้าลำบาก เขาต้องออกหน้าแทนข้าอย่างแน่นอน”

ชุนซิ่งคิดภายในใจ ไม่แน่หรอก

ที่นี่คือเมืองหลวง ไม่ใช่แคว้นซ่างกู่ ยิ่งไม่ใช่จวนโหว

จวนท่านหญิงจู้หยาง ฮูหยินมีสิทธิพูด

แม้จะเป็นนายน้อยใหญ่ก็ไม่ใช่อยากทำอะไรย่อมได้ทำ

เพียงแต่ นางในฐานะบ่าวรับใช้ คำพูดมากมายไม่อาจพูดได้

นางคิดให้นายหญิงน้อยอารมณ์ดีสักสองวันก่อนเถิด

วันรุ่งขึ้น หลิงฉางจื้อให้คนไปส่งบัตรเยือนที่จวนท่านหญิง

แม่ลูกตระกูลเยียนทั้งสามจึงได้รู้ว่าตระกูลหลิงมาถึงเมืองหลวงแล้ว

“ไม่คิดว่าเยียนอวิ๋นเพ่ยจะมาด้วย! นางยังมีหน้ามาพบท่านแม่ หน้าหนาเสียจริง”

คำพูดของเยียนอวิ๋นฉีไม่ปิดบังความเหยียดหยามที่มีต่อเยียนอวิ๋นเพ่ยแม้แต่น้อย

นางมองมารดาเซียวฮูหยิน “ท่านแม่ ต้องให้บ่าวรับใช้ตระกูลหลิงส่งสาร พรุ่งนี้ไม่ให้เยียนอวิ๋นเพ่ยเข้าประตูหรือไม่เจ้าคะ”

เซียวฮูหยินวางส่งบัตรเยือนลง “เดินทางมาล้วนเป็นแขก ไม่ให้เยียนอวิ๋นเพ่ยเข้าประตู นางย่อมต้องอับอายจริง แต่ตระกูลเยียนก็ย่อมต้องขายหน้า อย่างไรนางก็แซ่เยียน ในนามเป็นบุตรสาวของข้า พวกเจ้าต้องเรียกนางว่าท่านพี่”

เยียนอวิ๋นฉีทำหน้ารังเกียจ “ข้าไม่เรียกนางว่าท่านพี่”

เซียวฮูหยินยิ้ม ไม่สนใจ

นางรับสั่งบ่าวรับใช้ “บอกนายน้อยใหญ่ พรุ่งนี้ตระกูลหลิงมาเยือน เรียกเขามาต้อนรับแขก”

บ่าวรับใช้รับคำสั่งจากไป

เยียนอวิ๋นฉีขุ่นเคืองอย่างมาก แม้เรื่องจะผ่านไปหนึ่งปีแล้ว แต่ทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ล้วนทำให้คนโกรธจนต้องกัดฟันแน่น

นางจับมือของเยียนอวิ๋นเกอ “น้องสี่ เจ้าคิดอย่างไร”

เยียนอวิ๋นเกอทำท่าทางด้วยสองมือ

“ท่านแม่พูดถูก ผู้ที่เดินทางมาล้วนเป็นแขก ไม่ให้เกียรติเยียนอวิ๋นเพ่ย ยังต้องให้เกียรติตระกูลหลิง”

เอ๊ะ?

น้องสี่พูดง่ายเช่นนี้ เยียนอวิ๋นฉีทำหน้าประหลาดใจ

“น้องสี่ เจ้าไม่ได้เป็นไข้ใช่หรือไม่”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มให้นาง “พี่สองดูถูกข้าเกินไปแล้ว”

นางมีความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ สามารถเคลื่อนไหวได้แต่ก็สามารถอยู่นิ่งได้

สามารถฉีกหน้าทันที แต่ก็สามารถอดทนเอาไว้

หญิงร้ายชายชั่วอย่างเยียนอวิ๋นเพ่ยกับหลิงฉางเฟิง ในเมื่อเดินทางมาเมืองหลวงด้วยกัน อีกทั้งยังกล้าวิ่งมาหานางถึงที่

ไม่จัดการหญิงร้ายชายชั่วคู่นี้ เยียนอวิ๋นเกอจะยอมเลิกลาได้อย่างไร

แต่ว่า…

นางก็เสแสร้งได้

ในเมื่อท่านแม่พูดแล้ว คนที่มาล้วนเป็นแขก

อยู่ต่อหน้าทุกคน นางย่อมไม่ทำให้เยียนอวิ๋นเพ่ยอับอาย ยกเว้นอีกฝ่ายหาเรื่องเอง

วันเวลาอีกยาวไกล ทุกคนต่างอาศัยอยู่ในเมืองหลวง

โอกาสจัดการหญิงร้ายชายมีมากมาย นางไม่รีบ

นางมีความอดทน

เยียนอวิ๋นฉีหัวเราะร่า “น้องสี่ทำให้ข้าประหลาดใจเสียจริง ไม่เลว ไม่เลว มิน่าท่านแม่บอกว่าเจ้ามีการพัฒนา กล้าถามน้องสี่ เจ้าคิดจะทำอย่างไร คลุมกระสอบ ใช้ไม่กระบอง หรือว่า…”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มอย่างลึกลับ สองมือทำท่า “ท่านลองเดา!”

เยียนอวิ๋นฉีหดหู่

นางไม่มีความคิดมากมายเหมือนน้องสี่ เดาไม่ออกเสียจริง