ตอนที่ 48 ขัดขวางการรักษา

“หนังสือยินยอมอะไร?” หลินเซวียเหวินขมวดคิ้วและถามออกมา

“โรคนี้มีความเสี่ยง หากไม่รักษาตอนนี้ต้องตายอย่างแน่นอน แต่ต่อให้ข้ารักษาแล้ว ก็มีความเสี่ยงที่เขาจะตายได้ถึงสี่ส่วน หากพวกท่านตกลงยอมให้ข้ารักษาก็ต้องลงชื่อและประทับลายนิ้วมือ หากคนไข้โชคร้ายไม่รอดก็ไม่เกี่ยวกับข้า” จี้จือฮวนอธิบายด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

หลินเซวียเหวินคัดค้านทันที “ข้ารู้อยู่แล้วว่าหมอหญิงเช่นเจ้าเชื่อถือไม่ได้”

“พวกท่านมีสิทธิ์ที่จะเลือก ไม่มีใครบังคับพวกท่าน” จี้จือฮวนลุกขึ้นยืน ทำท่าทางว่าไม่อยากรักษาให้แล้วจริง ๆ

แต่หญิงสูงวัยผู้นั้นกลับร้องไห้และเอ่ยขึ้นมา “ไม่ได้นะเจ้าคะ หมอที่เก่งที่สุดในตำบลฉาซู่ก็คือท่านหมอจาง พวกเรายังจะไปที่ใดได้อีก เกรงว่าระหว่างทาง…”

นางเอ่ยเพียงเท่านั้นก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง

หลินเซวียเหวินเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าที่ย่ำแย่เอามาก ๆ “อาจารย์แม่ขอรับ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีหมอที่รักษาได้แล้วจริง ๆ”

“ไม่มีหมอคนไหนจะรักษาได้แล้ว”

ในยุคนี้เทคโนโลยีทางการแพทย์ยังไม่พัฒนา ยิ่งไปกว่านั้น คนไข้ก็มีอายุมากแล้ว ยิ่งมาเป็นไส้ติ่งอักเสบอีก ก็คงได้แต่รอความตายเท่านั้น

จางหยวนเฉียวถอนหายใจออกมา “ข้าเองก็ขอบอกพวกเจ้าตามตรงว่าข้าไม่สามารถรักษาได้แล้ว จึงได้เชิญแม่นางจี้มา พวกเจ้ารีบตัดสินใจเถอะ หากลงชื่อ อย่างน้อยก็ยังพอมีโอกาสรอดอยู่”

ความจริงแล้วหวังหงอี้อยากให้พวกหลินเซวียเหวินไปรักษาที่อื่นซะ โรงยาฮุ่ยหมินจะได้ไม่ต้องพลอยลำบากไปด้วย

แต่เขาก็ยังให้ความเคารพจางหยวนเฉียวอยู่

หลินเซวียเหวินขมวดคิ้ว เขาย่อมรู้ฝีมือของจางหยวนเฉียวดี แต่คนที่เขาไม่เชื่อใจก็คือสตรีที่มีหน้าตาอัปลักษณ์ตรงหน้าผู้นี้ เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างลังเล “เจ้ารักษาได้ทุกโรคอย่างนั้นหรือ รู้ได้อย่างไรว่าโรคนี้รักษาอย่างไร?”

“ทั่วทั้งใต้หล้านี้ ไม่มีหมอคนไหนกล้าบอกว่าตัวเองรักษาได้ทุกโรค ข้าเองก็เช่นกัน ท่านเลิกเสียเวลาสักที หากไม่หามคนไปหาหมอที่อื่น ก็ลงชื่อและประทับลายนิ้วมือเสีย” จี้จือฮวนจ้องมองหน้าเขา “ยมบาลไม่คอยท่าหรอกนะ”

หญิงสูงวัยรีบเอ่ยขึ้นมาทันที “ข้าเขียน ข้าเขียนเอง”

จี้จือฮวนพยักหน้า “เถ้าแก่หวัง รบกวนท่านช่วยร่างหนังสือให้ข้าที ตอนนี้ข้าจะช่วยคนแล้ว ขอเชิญทุกท่านออกไปก่อน”

หวังหงอี้รีบพาคนทั้งหมดออกไปทันที รวมทั้งหญิงสูงวัยที่คอยมองคนป่วยไม่คลาดสายตาผู้นี้ด้วย

จางหยวนเฉียวเห็นคนออกไปหมดแล้ว จึงเดินไปตรงหน้าจี้จือฮวนแล้วถามขึ้นมา “เจ้าคิดจะรักษาเช่นไรหรือ?”

“ผ่าตัด เอาไส้ติ่งออก” จี้จือฮวนเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง จางหยวนเฉียวกลับเอ่ยด้วยความตื่นตระหนกขึ้นมา “เจ้าผ่าตัดเป็นด้วยหรือ?”

“มีปัญหาอะไรหรือ?” จี้จือฮวนมองหน้าเขา

“ข้าเคยอ่านวิธีการที่อันตรายเช่นนี้ในตำราโบราณมาก่อน แต่ว่าหมอเทวดาผู้นั้นไม่มีผู้สืบทอด คิดไม่ถึงว่าวันนี้ข้าจะได้เห็นวิธีการเช่นนี้กับตาตัวเอง แม่นางจี้ข้าขออยู่ดูด้วยจะได้หรือไม่?”

ในสมัยโบราณเคยมีคนผ่าตัดช่องท้องมาก่อนจริง ๆ แต่ส่วนใหญ่จะติดเชื้อและเสียชีวิตไป จึงมีคนไม่มากนักที่รอดชีวิต

จี้จือฮวนมองหน้าจางหยวนเฉียวครู่หนึ่ง จางหยวนเฉียวจึงรีบเอ่ยขึ้นมา “เจ้าวางใจเถอะ ข้าไม่มีทางนำเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ไปบอกใครอย่างแน่นอน”

“ข้าไม่ได้กังวลว่าท่านจะพูดออกไป แต่ท่านจะทนได้หรือไม่ ไม่ใช่ถึงเวลาแล้วเป็นลมเป็นแล้งไป จนข้ายังต้องมาช่วยท่านอีกหรอกนะ” หากเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นระหว่างการผ่าตัด จะทำให้เกิดความสูญเสียที่ไม่สามารถแก้ไขได้

โดยเฉพาะจางหยวนเฉียวที่มีอายุมากแล้ว

จางหยวนเฉียวไตร่ตรองดูแล้วก็ดูเหมือนว่าจะเป็นจริงตามนั้น “เช่นนั้นข้าจะขอดูห่าง ๆ อยู่ที่หน้าประตู หากข้ากลัวขึ้นมาก็จะหลับตาเช่นนี้ได้หรือไม่?”

“อืม” จี้จือฮวนเปิดกล่องยาน้อย ๆ ขึ้นมา ในกล่องยามีสิ่งของที่จำเป็นสำหรับการรักษาไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลันอยู่ในกล่องยาจริง ๆ นางสวมถุงมือ หยิบมีดผ่าตัดบนกล่องชั้นสองออกมา และเตรียมทำการผ่าตัดไส้ติ่ง

จางหยวนเฉียวปิดประตูเรียบร้อย และเฝ้าอยู่ตรงหน้าประตู

ในยุคปัจจุบัน นี่ถือเป็นการผ่าตัดเล็ก ๆ เท่านั้น แต่สำหรับที่นี่ถือเป็นการช่วงชิงชีวิตคนกับยมบาลเลยก็ว่าได้

จี้จือฮวนฉีดยาสลบให้กับคนไข้ก่อน จากนั้นจึงเริ่มฆ่าเชื้อที่ท้องน้อยด้านขวา ไม่ช้ากลิ่นเลือดก็โชยออกมา จางหยวนเฉียวเองถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ และรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย

สถานการณ์เช่นนี้แม้แต่เขาที่อายุปูนนี้แล้วก็ยังอดกลัวไม่ได้ แต่แม่นางน้อยผู้นั้นทำราวกลับว่ามองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น

ด้านนอกห้อง หลินเซวียเหวินเดินไปเดินมาด้วยความร้อนใจ ก่อนจะเอ่ยถามหวังหงอี้ “เถ้าแก่หวัง หมอหญิงผู้นั้นไว้ใจได้หรือไม่ ก่อนหน้านี้เคยช่วยใครมาก่อนหรือไม่ รักษาคนมากี่ปีแล้ว?”

หวังหงอี้จะไปรู้ได้อย่างไรเล่า จางหยวนเฉียวบอกแค่ว่าต้องเชิญนางมาให้ได้ นี่เป็นความหวังสุดท้ายของเฉียวเหล่าแล้ว

“ข้าเองก็ไม่ทราบ” หวังหงอี้จึงตอบไปตามความจริง

“อะไรนะ?! เจ้าไม่ทราบอย่างนั้นหรือ ไม่ได้ ข้าจะรอต่อไปไม่ได้อีกแล้ว” หลินเซวียเหวินเอ่ยจบก็จะบุกเข้าไป เผยจี้ฉือรีบพุ่งตัวเข้าไปขวางหน้าเขาเอาไว้ทันที

“ในเมื่อท่านลงชื่อในหนังสือยินยอมแล้ว ก็ไม่เข้าควรไปขัดการรักษาของนาง!”

“เจ้าหลีกไปนะ!” หลินเซวียเหวินตะโกนออกมา

เผยจี้ฉือทำท่าทางราวกับหมาป่าตัวน้อย ไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว “ขาของข้านางก็เป็นคนรักษาให้!”

เขาเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับก้มลงไปพับขากางเกงขึ้นมา ด้านบนยังมีรอยแผลเป็นอยู่ “ก่อนหน้านี้ข้าถูกกับดักล่าสัตว์หนีบมา แต่แค่สองสามวันก็สามารถกลับมาเดินได้แล้ว ตอนนี้แทบไม่มีปัญหาอะไรเลย”

หวังหงอี้ตาโตขึ้นมาทันที เขาสูดลมหายใจเข้าลึก “ถูกกับดักล่าสัตว์หนีบอย่างนั้นหรือ?”

สิ่งนั้นทำลายกล้ามเนื้อและกระดูกได้เชียวนะ ไม่ถึงสามเดือนจะดีขึ้นได้อย่างไร?

“ขาของเจ้าจะเหมือนกับอาการของอาจารย์ข้าได้อย่างไร รีบหลีกไปซะ” หลินเซวียเหวินไม่ยอมฟังอะไรทั้งสิ้น ขณะที่กำลังจะผลักเผยจี้ฉือออกไปให้พ้นทาง ประตูห้องก็เปิดออกพอดี

จี้จือฮวนยังไม่ทันล้างเลือดที่มือออก ดวงตาเย็นชาคู่หนึ่งก็มองไปทางหลินเซวียเหวิน “ท่านลองแตะต้องเขาดูสิ”

หลินเซวียเหวินเอ่ยขึ้นมาอย่างร้อนใจ “เหตุใดมือของเจ้าถึงมีแต่เลือด อาจารย์ข้าเป็นเช่นไรบ้าง?”

หญิงสูงวัยที่ร้องไห้ไม่หยุดก็แทรกตัวเข้ามา จี้จือฮวนจึงเอ่ยเสียงเรียบออกมา “เข้าไปดูเอง”

แค่ผ่าตัดไส้ติ่งยังไม่สามารถทำอย่างสงบได้ เสียงดังน่ารำคาญจริง ๆ

หญิงสูงวัยและหลินเซวียเหวินจึงพุ่งตัวเข้าไปทันที จางหยวนเฉียวกำลังตรวจชีพจรคนไข้อยู่ หลินเซวียเหวินเมื่อเห็นอาจารย์ของตัวเองยังหลับตาอยู่ ดวงตาก็แดงก่ำขึ้นมา เขาชี้หน้าจี้จือฮวนพร้อมกับต่อว่าออกมา “เจ้าเป็นหมอเก๊ หากอาจารย์ของข้าเป็นอะไรไปละก็ ข้าจะไปที่จวนปกครองและฟ้องเจ้าซะ”

จางหยวนเฉียวอดทนกับหลินเซวียเหวินผู้นี้มาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินเขาพูดจาไม่เคารพจี้จือฮวน จึงไม่พอใจขึ้นมา

เขาวางข้อมือของเฉียวเหล่าลง ก่อนจะยืนขึ้นและพุ่งเข้าไปตีหลินเซวียเหวิน

“เจ้าหนอนหนังสือไร้ปัญญา พูดจาเหลวไหลอะไรของเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อครู่อันตรายเพียงใด ใครให้เจ้าตะโกนโหวกเหวกอยู่หน้าประตูตอนที่กำลังรักษาคนไข้กัน เจ้าขัดขวางคนที่ช่วยอาจารย์เจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าจงใจจะฆ่าเขาใช่หรือไม่ เรียนจนสมองเลอะเลือนไปหมดแล้วหรืออย่างไร หรือถูกสุนัขกินลงท้องไปจนหมดแล้ว?!”

จางหยวนเฉียวด่าออกมาเป็นชุด จนหลินเซวียเหวินได้แต่ตกตะลึง

ส่วนหญิงสูงวัยก็เอ่ยถามออกมาอย่างสะอึกสะอื้น “ท่านหมอจาง สามีข้าเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ?”

จางหยวนเฉียวจึงตอบไปตามที่จี้จือฮวนบอกเมื่อครู่ “คนปลอดภัยแล้ว นี่เป็นของที่ตัดออกมาจากภายในตัวเขา การดูแลต่อจากนี้คนของเราจะรับผิดชอบต่อเอง ตอนนี้เขายังไม่สามารถขยับได้ แต่ว่าคนปลอดภัยดีแล้ว ที่ตอนนี้ยังไม่ฟื้นเพราะก่อนหน้านี้เราได้ใช้ยาสลบไป”

หญิงสูงวัยได้ยินดังนั้นก็ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ และเข้าไปจะคุกเข่าให้กับจี้จือฮวน “ขอบคุณท่านหมอเทวดาที่ช่วยสามีของข้าเจ้าค่ะ”

ทว่าจี้จือฮวนเพียงแค่ย่อตัวลง และเอาขากางเกงลงให้เผยจี้ฉือ พลางเอามือรีดรอยยับย่นให้เรียบร้อย “เมื่อครู่มีใครรังแกเจ้าหรือไม่?”