ตอนที่ 20 เริ่มเลย มาถ่ายทอดสดกินปลาหมึกกันเถอะ (20)
โอคาซีคิดว่าองค์หญิงเสียใจที่พวกเขาไม่สามารถกำจัดพวกเอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์เหล่านี้ออกไปได้ เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าที่จริงแล้ว องค์หญิงสามของเขากำลังกลัวว่าเธอจะไม่สามารถเพลิดเพลินกับอาหารได้เมื่อเธอตาย!
“ไม่ต้องกลัวครับ ทีมกู้ภัยของเราจะมาถึงทันเวลาแน่”
เมื่อผู้ชมดูการถ่ายทอดสดอีกครั้ง พวกเขาก็ไม่เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยขององค์หญิงสาม แต่เป็นกองทัพเอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์ที่มีเยอะแบบไม่มีที่สิ้นสุดกำลังเดินข้ามหุบเขามาอย่างต่อเนื่องราวกับกระแสน้ำ
ทหารหลายคนได้ปล่อยคลื่นกระแทกและกระสุนเลเซอร์ไปที่ด้านล่างแล้ว การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น
“เยอะมาก!” คนดูถึงกับตัวสั่น! เมื่อไหร่พวกนี้จะถูกฆ่าจนหมดเนี่ย สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ ถ้าไม่แน่ใจว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายหนึ่งได้หรือไม่ เธอจะไม่พูดอะไรเลย แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเธอจะสามารถช่วยชีวิตตัวเองได้ไหม
“อย่างที่คุณเห็น มีราชาเอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์ระดับ 8 ดาวอยู่ตรงนั้น!” สวี่หลิงอวิ๋นยักไหล่ “ฉันไม่แน่ใจว่าพวกเราจะอยู่รอดได้จนกว่าความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัยจะมาถึง อืม!”
“ทุกคนกรุณาจับตาดูการถ่ายทอดสดของฉันไว้ให้ดี เพราะบางทีนี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณจะได้เห็นท่านพลเอกโอคาซีอันเป็นที่รักของคุณ!”
“เงียบไปเลยนะ! ยัยคนปากไม่มีหูรูด! ท่านพลเอกของเราจะต้องไม่เป็นอะไร!”
“ใช่แล้ว! หากท่านสามารถรอดชีวิตมาได้ พวกเราจะยอมปล่อยให้ท่านชนะเป็นเวลาสามชั่วโมง!”
“ว่ากันว่าคนชั่วมีชีวิตอยู่ได้นานนับพันปี แล้วทำไมท่านถึงเจอหายนะจนจะต้องตายเร็วขนาดนี้ล่ะ?”
ผู้ชมต่างตื่นตระหนก พระราชากังวลยิ่งขึ้นเมื่อได้เห็นจึงเรียกแผนกเทคโนโลยีมาอีกครั้ง “เจ้าก็เห็นว่าตอนนี้ทหารกำลังต่อสู้นองเลือดกัน ถ้าเจ้าไม่รีบซ่อมแซมทางเชื่อมมิติให้เร็วกว่านี้ ข้าจะส่งพวกเจ้าไปซ่อมแซมต่อในหลุมดำซะ!”
หัวหน้าแผนกเทคโนโลยีย่อมไม่กล้าปฏิเสธ เขาวิ่งไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะภาระงานเพิ่มมากขึ้น
ประชาชนสวดมนต์ภาวนาขอให้ทหารกลับมาโดยสวัสดิภาพ
โอคาซียังคงต่อสู้กับเอเลี่ยนระดับ 8 ดาว ทั้งสองไม่ใช่คู่ต่อสู้เผ่าพันธุ์เดียวกัน โดยพลังการต่อสู้ของโอคาซีนั้นแข็งแกร่งกว่าเอเลี่ยนระดับ 8 ดาวเพียงเล็กน้อย ต้องขอบคุณผัดปลาหมึกของสวี่หลิงอวิ๋น
สวี่หลิงอวิ๋นเตรียมผงพริกเอาไว้จำนวนมาก และเธอก็เอาฟืนจำนวนมากมาชุบผงพริกผสมน้ำ เมื่อจุดไฟควันก็ลอยขึ้นมาทันที ควันหนาทึบที่มีกลิ่นฉุนทำให้เอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์แตกตื่นทันที ขนาดราชาเอเลี่ยนที่แข็งแกร่งก็ยังทนไม่ได้ ปฏิกิริยาเคลื่อนที่ช้าลงเช่นนี้ทำให้โอคาซีพบกับจุดอ่อน จึงตัดหนวดมันออก
ทำให้ผู้ชมที่ชมการต่อสู้ผ่านทางหน้าจอรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาเล็กน้อย!
“ท่านพลเอกผู้ยิ่งใหญ่! องค์หญิงสามรีบเข้าไปเลย! เพิ่มผงพริกให้มากขึ้นกว่านี้อีก!”
“ขอแนะนำให้โรยผงพริกนี้ให้ทั่วอาณาจักรไปเลย! สิ่งนี้มีราคาถูกมาก! มันสามารถกินได้และยังเป็นศัตรูธรรมชาติของเอเลี่ยนอีกด้วย สมบูรณ์แบบ!”
“องค์หญิงสาม ท่านสวยที่สุดแล้ว! ฉันชอบมันเทศ!”
…….
แต่ราชาเอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์ได้เปิดใช้งานพลังดวงดาวและใช้พลังดวงดาวสร้างเกราะป้องกันขึ้นมา ตอนนี้ควันหนาและกลิ่นที่ทำให้สำลักของผงพริกก็ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้อีกแล้ว พวกเอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์ที่อยู่ข้างหลังก็ทำตาม แล้วทุกตัวก็สวมใส่เกราะป้องกัน
“เอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์พวกนี้ฉลาดเกินไป!” ผู้ชมต่างวิตกกังวลมาก ในที่สุดก็พบวิธีแก้ปัญหาที่น่าจะมีประสิทธิภาพเช่นนี้ได้ แต่ผลลัพธ์ของวิธีการดังกล่าวกลับกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง!
“พวกคุณคิดผิดแล้ว! นี่เป็นวิธีที่ถูกต้องในการสังหารศัตรู!” ทหารผ่านศึกกล่าวด้วยความชื่นชม “ระดับของเอเลี่ยนเหล่านี้โดยทั่วไปแล้วคือระดับ 6 ดาว และเราทุกคนต่างรู้ดีว่าเกราะป้องกันนั้นต้องใช้พลังงานมากที่สุด ดังนั้นเกราะของเอเลี่ยนปลาหมึกเหล่านี้จะอยู่ได้นานราวสองชั่วโมงแล้วจะไม่สามารถอยู่ได้อีกต่อไป เมื่อถึงเวลานั้นพลังงานดวงดาวก็จะหมดลง แล้วพวกมันก็จะใช้ได้แค่พละกำลังของสัตว์เท่านั้น ถึงตอนนั้นพวกเราก็ชนะแล้ว”
สิ่งที่ทหารผ่านศึกพูดนั้นมีเหตุผลทำให้ผู้ชมพยักหน้า แสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้กินแตงโมรอฟังสิ่งที่มีประโยชน์และช่วยเสริมความรู้
สายตาของทุกคนจับจ้องอยู่ที่การต่อสู้ด้วยความกังวลมาก
สวี่หลิงอวิ๋นร้ายกาจขนาดไหน! จำนวนพริกก็มีมากมายเท่านั้นแหละ แต่การเผาไหม้อย่างไม่จำกัดจะเป็นไปได้ยังไง? เมื่อเธอเห็นว่าเอเลี่ยนทุกตัวใส่เกราะป้องกันหมดแล้ว เธอก็เริ่มคำนวณเวลา หลังจากนั้นยี่สิบนาทีเธอก็ดับไฟ
ทันทีที่เธอดับไฟ ตัวที่เป็นราชาก็วางเกราะป้องกันลง จากนั้นเอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์ทุกตัวก็วางเกราะป้องกันของพวกมันลงด้วย
“องค์หญิงสามกำลังทำอะไรอยู่? ท่านคิดว่าปลาหมึกยักษ์พวกนี้อายุสั้นเกินไปหรือไง!”
“เร็วเข้าสิ! พลังงานดวงดาวของพวกมันกำลังจะหมดแล้ว!”
…….
“จะรีบร้อนไปทำไม! พวกคุณไม่เคยได้ยินสุภาษิตที่ว่า การทหารไม่เคยหน่ายอุบายมาก่อนหรือ?” สวี่หลิงอวิ๋นกลอกตา “ดูนั่นสิ! เจ้าพวกคนโง่ที่น่ารัก!”
หลังจากนั้นไฟก็ถูกจุดขึ้นอีกครั้งแล้วเธอก็เติมผงพริกลงไปอีกเล็กน้อย
มีไดร์เป่าผมเครื่องหนึ่งเป่าลมจากหลังกองไฟพัดตรงไปยังเปลือกตาและจมูกของเอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์ในหุบเขาสูงอย่างแรง
เอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์เหล่านี้สำลัก แต่ละตัวส่งเสียงร้องโหยหวน “กี๊ซ!”
“ให้ตายเถอะ! มันน่าสยดสยองเกินไป! ทนดูเต็ม ๆ ตาไม่ได้แล้ว! ฉันต้องบันทึกเก็บไว้ก่อนแล้วค่อยดู!”
“องค์หญิงสามโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว! แต่ทำไมเธอถึงได้น่ารักขนาดนี้ล่ะ!”
“องค์หญิงสาม โปรดรับการคารวะของพวกเราด้วยเถอะครับ!”
………
สิ่งสำคัญคือพวกทหารต่างถอยห่างจากองค์หญิงอย่างเงียบ ๆ เมื่อเทียบกับปรมาจารย์หน้าเนื้อใจเสือคนนี้แล้ว พวกเขาก็ดูหน่อมแน้มและเปราะบางราวกับดอกไม้หลายร้อยดอก
พวกเขาเริ่มสงสัยว่าตัวเองเป็นคนโง่หรือเปล่า? ทำไมคนคนนี้ที่ไม่เคยอยู่ในสนามรบมาก่อนกลับมีกลอุบายมากมายขนาดนี้ได้?
พวกเขารู้แค่วิธีจู่โจม! สะสมพลังดวงดาว อัปเกรดระดับดาว จู่โจม! แล้วก็จู่โจม!
กองบัญชาการสถาบันการศึกษาของทหารแห่งจักรวรรดิชิงเหย้ากำลังถ่ายทอดสดวิดีโอขององค์หญิงสามไปทั่วโรงเรียน องค์หญิงสามนั้นเต็มไปด้วยเล่ห์กลที่สามารถนำไปใช้สอนนักเรียนได้
แม้แต่อาจารย์ก็ยังจดบันทึกด้วยปากกาอย่างเมามัน พวกเขาเริ่มคิดถึงทุกการตัดสินใจขององค์หญิงสาม แม้แต่น้ำเสียงตอนพูดก็เริ่มเลียนแบบ
“องค์หญิงสามเป็นแม่ทัพผู้ควบคุมการสู้รบที่แท้จริง!” คณบดีหน่วยบัญชาการซาบซึ้งมากในขณะเดียวกันก็ตำหนิฝ่ายกำลังพลอย่างหนัก
“ตอนแรกคุณทำไปได้ยังไง? ทำไมคุณถึงให้องค์หญิงสามไปอยู่แผนกเพาะปลูก? ให้เธอไปปลูกผักและทำอาหารทั้งวันแบบนี้ พรสวรรค์ของเธอจะไม่สูญเปล่าเหรอ!”
หัวหน้าฝ่ายกำลังพลเต็มไปด้วยความคิดในใจ ใครจะไปรู้ล่ะว่าองค์หญิงที่ดูงี่เง่าคนนี้จะเป็นปรมาจารย์ที่ซ่อนเร้นทักษะไว้ภายในมากมาย!
“รีบย้ายองค์หญิงสามมาให้ผมที่หน่วยบัญชาการ ผมต้องการรับเธอเป็นลูกศิษย์คนสนิท!”
“นี่…” หัวหน้าฝ่ายกำลังพลตะโกน “หัวหน้าหน่วยรบพิเศษได้โอนชื่อขององค์หญิงสามไปเมื่อวานนี้แล้วครับ!”
“อะไรนะ! ทำไมไม่ย้ายองค์หญิงสามไปที่หน่วยของผมล่ะ!” คณบดีหน่วยบัญชาการตกใจและตวาด “แกลลาเกอร์ เบลซ! แกมันไอ้สารเลว! กล้าดียังไงมาแย่งลูกศิษย์ของฉัน!”
แกลลาเกอร์สะใจมาก เป็นแค่ไอ้งั่งแท้ ๆ ยังอยากจะขโมยลูกศิษย์ของฉันอีกเหรอ? ฮึ! ฉันตาแหลมจริง ๆ! เมื่อเห็นองค์หญิงสามต่อสู้ด้วยตัวเอง เขาก็คิดว่าองค์หญิงคนนี้เป็นสุดยอดอัจฉริยะด้านการต่อสู้!