บทที่34คนที่ไม่กล้าผิดใจ
แม้ว่าจะถูกอำนาจของลี่จุนถิงกดทับไว้ แต่ว่าผู้ชายไม่กี่คนนั้นก็รู้สึกไม่ยินยอม พวกเขาก็เป็นคนพื้นที่มีหน้ามีตา คนตรงหน้านับว่าเป็นเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้ ก็ไม่ควรไม่เคารพพวกเขาแบบนี้
ผู้ชายไม่กี่คนนั้นพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “คุณไม่รู้เหรอว่าผมเป็นใคร? กล้ามาทำแบบนี้กับผม ระวังต่อไปจะได้เห็นดีกัน”
ลี่จุนถิงหัวเราะเยาะออกมา ราวกับว่าไม่ได้มีคนพวกนี้อยู่ในสายตา เดิมทีอยากจะทำให้ตกใจด้วยตนเอง ความหยิ่งผยองกำเริบเสิบสานของลี่จุนถิงก็จะเปลี่ยนเป็นอ่อนลงนิดหน่อย สุดท้ายลี่จุนถิงก็กลับดูไม่สนใจอะไรพวกนี้
ตอนนั้นเอง ผู้ชายไม่กี่คนนั้นในใจตั้งแต่แรกจนจบก็ลนลานมาบ้าง ดูแล้วคนคนนี้แก้ไขปัญหาได้อย่างดีไม่ว่าวิธีไหนก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ อย่างนั้นพวกเขาก็จะต้องถูกเหยียดหยามแบบนี้ทิ้งไว้แบบนี้งั้นเชียวหรือ?
“คุณอย่าเพิ่งได้ใจ ที่นี่เป็นถิ่นของคุณ ดังนั้นพวกเราก็ไม่มีวิธีอื่น รอให้ออกไปจากที่นี่ได้ก่อนเถอะ ไม่รู้ว่าใครจะร้องไห้อย่างน่าสมเพชมากกว่ากัน!” ผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างโกรธแค้น
ลี่จุนถิงมองเขาอย่างเย็นชาเพียงปราดเดียว ทำเหมือนคำพูดของพวกเขาเป็นเพียงแค่เรื่องตลกที่ฟังไปงั้นๆ ก็ไม่ได้เก็บไปใส่ใจ เขาหยิบมือถือออกมา โทรหาผู้ช่วย “มาที่ร้านอาหารหน่อย”
ผู้ชายไม่กี่คนนั้นเงยหัวขึ้นมามองลี่จุนถิงทั้งหมด ไม่รู้ว่าเขาจะเล่นวิธีไหนอีก
เมื่อวางสายโทรศัพท์ลี่จุนถิงก็เดินหมุนตัวกลับมามองคนพ่ายแพ้พวกนี้ โบกมือไปมาให้กับบอดี้การ์ด บอดี้การ์ดทราบในทันที พาผู้ชายสามคนนั้นไปในอีกมุมของร้านอาหาร
ผ่านไปสักพัก ในห้องโถงก็มีเสียงร้องที่น่าสมเพชเวทนาของพวกเขา
“โอ๊ยย!”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
“ฉันไม่ปล่อยพวกแกไปแน่ๆ!”
ผู้ชายไม่กี่คนนั้นถูกตีในเวลาเดียวกันนั้น ยังไม่ยอมแพ้พูดคำดุร้ายกับบอดี้การ์ด ก็แค่แลกกับถูกตีอย่างไม่เกรงใจจากบอดี้การ์ด
ผู้หญิงทั้งสามคนที่ฟังเสียงร้องอย่างน่าสมเพชอยู่ตอนนั้น รีบลนลานตกตะลึงตามไป มองเห็นสามีของตัวเองที่ถูกกระหน่ำทุบตีแบบนั้น ก็ไม่กล้าจะเข้าไปขัดขวางบอดี้การ์ดตัวใหญ่พวกนั้น ทำได้แค่ตะโกนอยู่ข้างๆ “หยุดเดี๋ยวนี้นะ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งตำรวจแล้ว!”
บอดี้การ์ดไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่สนใจเรื่องที่ตัวเองกำลังทำ
ผ่านไปไม่นาน ผู้ช่วยก็มาถึง เดินมาทางลี่จุนถิงก่อนอันดับแรก ลี่จุนถิงเพียงแค่ส่งสายตาให้เขา เขาก็เดินไปอีกด้านของร้านอาหาร
ผู้ชายไม่กี่คนนั้นที่กำลังถูกทุบตีมองเห็นผู้ช่วยในตอนนั้น พริบตาเดียวก็ตกตะลึงแล้ว
พวกเขารู้ดีว่าคนคนนี้เป็นคนภายใต้ของลี่จุนถิงซู่จี้งยี้ ก็คือคนที่พวกเขาไม่กล้าผิดใจเป็นอย่างแน่นอน แม้ว่าซู่จี้งยี้จะมาปรากฏตัวตอนนี้แล้ว อย่างนั้น ตัวตนผู้ชายคนเมื่อกี้ก็ชัดเจนมากพออยู่แล้ว
โดยเฉพาะซู่จี้งยี้ พวกเขาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ยังไม่ต้องพูดถึงคนที่อยู่เหนือซู่จี้งยี้อย่างลี่จุนถิงแล้ว
ผู้ชายทั้งสามคนก็เริ่มกลัวขึ้นมาบ้าง รีบคุกเข่าก้มหัวลงติดพื้นทันที “ผู้ช่วยซู่พวกเราตาต่ำไม่รู้ที่ต่ำที่สูง คุณจะใจดีกับพวกเราได้ไหม ไปร้องขอต่อหน้าคุณชายลี่แทนพวกเราได้ไหม?”
“ใช่สิใช่สิ พวกเราผิดไปแล้ว”
ผู้ชายหนึ่งในนั้นยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเองไปหนึ่งฉาด ลองดูเพื่อให้ซู่จี้งยี้ได้เห็นถึงความถึงความจริงใจของตน จากนั้น พวกเขาก็รีบดึงภรรยาของตัวเองลงไปนั่งคุกเข่าบนพื้น “เร็ว รีบมาขอโทษซู่จี้งยี้เร็ว”
ผู้หญิงพวกนั้นอาจจะคิดได้แล้วว่าแท้จริงแล้วเจียงหยุนเอ๋อตอนนี้ใช้ชีวิตดีขนาดนี้ ในใจก็รู้สึกตกใจและอิจฉา ตอนนี้ก็ทำได้แค่คุกเข่ายอมร้องขอชีวิต
“ผู้ช่วยซู่พวกเราผิดไปแล้ว”
ภายในร้านอาหารเต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวน ความสนใจของเจียงหยุนเอ๋อก็ไปอยู่ที่ทางนั้นอย่างไม่รู้ตัว
“ลี่จุนถิง แบบนี้ไป…….จะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” เจียงหยุนเอ๋อลังเลแล้วมองไปยังลี่จุนถิงชั่วครู่ แม้ว่าเธอจริงๆ แล้วจะรู้สึกหายแค้น แต่ก็กลัวว่าเรื่องนี้จะไปกันใหญ่ทำให้ลี่จุนถิงดูไม่ดี
จากนั้นสีหน้าของลี่จุนถิงกลับนิ่งเฉย เรื่องพวกนี้ราวกับว่าจะไม่มีทางกระทบถึงเขาได้แบบนั้น “สงบจิตสงบใจกินข้าวของเธอไปเถอะ อาหารพวกนี้ฉันไปจัดการให้พ่อครัวทำมาพิเศษ เธอก็ไม่ต้องเป็นเพราะเรื่องนี้ทำให้ไม่มีกะจิตกะใจรับความสุขจากอาหารอร่อยหรอก”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงหยุนเอ๋อก็อดไม่ได้ที่จะหมดคำพูด คนพวกนั้นยังร้องโหยหวนอยู่ทางนั้น เธอจะไปเหมือนกับเขาที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยหล่ะ
เสียงร้องไห้โหยหวนจากด้านข้างทำให้เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกสบายขึ้นมาก ในเมื่อที่จริงแล้วเมื่อกี้หน้าตาของคนพวกนั้นที่ดูถูกเธอก็จำได้ขึ้นใจ
ไม่พูดไม่ได้เลย ตอนนี้คนเราอ่ะ เปลี่ยนหน้าก็ไวเกินไป นี่มันเห็นได้ชัดแล้วว่าฐานะมันมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
เจียงหยุนเอ๋อค่อยๆ เงยหัวมองลี่จุนถิงไปชั่วครู่ หากว่าลี่จุนถิงไม่อยู่ตรงนี้ เธอเองก็คงทำได้แค่ปล่อยให้พวกเขาดูถูกล่ะ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ลี่จุนถิงช่วยเธอได้เยอะมาก เธอก็ติดหนี้บุญคุณเขาอีกครั้งแล้ว
เฮ้อออ เจียงหยุนเอ๋อถอนหายใจในใจเบาๆ ความรู้สึกที่มีคนหนุนหลังมันก็ดีสินะ
เจียงหยุนเอ๋อหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาเอง แล้วยื่นไปชนกับแก้วของลี่จุนถิง พูดเบาๆ “ขอบคุณ”
ลี่จุนถิงมองเธอครู่หนึ่ง แม้ว่าจะไม่มีปฏิกิริยาอะไร ในสายตากลับมีอ่อนโยนแสดงออกมา
ทั้งสองคนรับประทานอาหารต่ออย่างเงียบๆ อารมณ์ของเจียงหยุนเอ๋อในที่สุดแล้วก็ค่อยๆ สงบลง หลังจากกลับประเทศมาก็เป็นนัยว่าเธออาจจะได้เจอคนรู้จักเมื่อก่อน วันนี้ท่าทางของคนพวกนั้นอธิบายได้อย่างชัดเจนทุกอย่าง หลังจากนี้ ไม่แน่อาจจะได้เจอเรื่องแบบนี้อีก ลี่จุนถิงก็ไม่สามารถช่วยตัวเธอได้ทุกครั้ง ครั้งต่อไป อาจจะต้องได้พึ่งตัวเองจริงๆ แล้ว
ตอนนั้นเอง ซู่จี้งยี้ก็เดินเข้ามา พูดกับลี่จุนถิงว่า “คุณชายลี่ เก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็พูดว่าไม่กล้าอีกต่อไปแล้ว ต่อจากนี้จะจัดการอย่างไร?”
ลี่จุนถิงเงยตามองเบาๆ สายตาไปอยู่ที่บนพื้น “คุณดูตรงนั้นสิ”
ซู่จี้งยี้หันหัวกลับไปดู สีหน้าเปลี่ยนอย่างแรง “นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? นี่มันคือเหล้าชั้นสูงของฝรั่งเศสเหล้าดีที่เก็บรักษาไว้สิบกว่าปี ตอนแรกที่ไปยุโรปจ่ายไปสี่ร้อยยี่สิบล้านประมูลมาได้ เป็นเพราะคนพวกนั้น?”
ลี่จุนถิงพยักหน้าเบาๆ “ก็ให้พวกเขาชดใช้ตามราคาเถอะ สี่ร้อยแปดสิบล้าน บาทหนึ่งก็ห้ามเกิน บาทหนึ่งก็ห้ามขาด”
ซู่จี้งยี้รีบพยักหน้า พูดต่อ” เข้าใจแล้ว”
หลังจากได้รับคำสั่งจากลี่จุนถิง ซู่จี้งยี้ก็กลับออกไป สายตาของเจียงหยุนเอ๋อเอาแต่จ้องมองไปยังขวดเหล้าที่แตกอยู่บนพื้น เริ่มรู้สึกว่าโลกของคนมีเงินนั้นทำให้เธอยิ่งไม่ค่อยเข้าใจ
ก่อนหน้านี้ตอนที่ลี่จุนถิงพูดแบบนั้น เธอก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องจริง สุดท้ายแล้ว สุดท้ายแล้วลี่จุนถิงจ่ายสี่ร้อยแปดสิบล้านเพื่อซื้อเหล้าขวดหนึ่ง?
โอ้โห น่ากลัวเกินไปจริงๆ หรือบางที นี่ก็คือคนมีเงินที่ทำตามอำเภอใจสินะ
เจียงหยุนเอ๋อลูบหน้าอกตัวเองไปมาเบาๆ ภายในใจก็ตกตะลึง