ตอนที่ 44 โกลาหลอลหม่าน

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 44 โกลาหลอลหม่าน

ณ ประตูค่ายทหาร หกองครักษ์ที่คอยอยู่นอกรั้วเห็นหนิวโหย่วเต้าและหยวนกังเดินออกมา คิดจะเข้าไปรับใกล้ๆ ประตู ทว่าถูกทหารรักษาการณ์ขวางไว้อีกครั้ง

เมื่อทั้งสองเดินออกมา หนิวโหย่วเต้ากวักมือเรียก “รถม้า!”

รถม้าที่อยู่ทางนี้ถูกจูงเข้าไปทันที หยวนกังวางหีบหนักอึ้งไว้บนรถม้า หันกลับไปเอ่ยกับหนิวโหย่วเต้าว่า “ท่านอยู่ที่นี่จะมีอันตรายอะไรหรือไม่?”

หนิวโหย่วเต้าตอบ “ขอเพียงทางเจ้าจัดการได้เรียบร้อย ข้าก็ไม่มีทางเป็นอะไร”

องครักษ์นายหนึ่งถามด้วยความสงสัย “เต้าเหยี่ย ท่านไม่ไปด้วยหรือขอรับ?”

หยวนกังหันไปตวาดใส่ “ไม่ต้องพูดแล้ว ไป!” ส่วนตัวเขาก็ปีนขึ้นหลังม้าเช่นกัน

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยกำชับอยู่ด้านข้าง “เล่นใหญ่หน่อยล่ะ!”

หยวนกังพยักหน้ารับ สื่อว่าเข้าใจแล้ว จากนั้นหันไปเรียกองครักษ์ทั้งหก พากันจากไปอย่างรวดเร็ว

จวี๋ตามมาถึงหน้ารั้ว จ้องมองเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า พบว่ากระทั่งรถม้าฝ่ายนี้ก็ตระเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว นี่แสดงว่ามั่นใจอย่างเต็มที่ว่าจะสามารถยืมเงินจากท่านแม่ทัพได้สินะ!

หนิวโหย่วเต้าหันหลังกลับ เมื่อเห็นนางจึงผงกศีรษะให้เล็กน้อยพลางแย้มยิ้ม เดินผ่านข้างกายนาง กลับเข้าไปในค่ายทหาร

จวี๋เหลียวมองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นรีบออกจากค่ายทหาร ติดตามหยวนกังไป

ฝ่ายหยวนกังเองก็ยังไม่ได้ไปไหนไกล พอมาถึงหัวมุมถนน เขาก็เรียกองครักษ์ทั้งหกให้เข้ามาหาทันที ทหารส่วนหนึ่งมุดเข้าไปในรถม้า อีกส่วนหนึ่งคอยเฝ้านอกรถม้า

หยวนกังที่อยู่ภายในรถม้าเปิดหีบออก มีเหรียญทองส่องประกายอยู่เต็มหีบ ทุกคนต่างอดอุทานออกมาเบาๆ ไม่ได้ ต่างคนต่างสบตากัน คิดไม่ถึงว่าจะหาเงินมาได้มากมายขนาดนี้ในชั่วพริบตา เห็นชัดๆ ว่านำออกมาจากค่ายทหาร เต้าเหยี่ยผู้นั้นช่างมีความสามารถโดยแท้!

หยวนกังเริ่มจัดสรรปันเงิน แบ่งให้องครักษ์ทั้งสี่คนละถุง สั่งให้พวกเขาจับคู่แยกย้ายกันไปจัดซื้อสิ่งของ ทั้งสถานที่ซื้อหาและราคาสินค้าล้วนถูกเขียนบอกพวกเขาอย่างชัดเจนล่วงหน้าแล้ว พวกเขาเพียงแค่ไปซื้อตามสถานที่ที่ระบุไว้ก็พอ เมื่อซื้อเสร็จให้นำของไปเจอกันที่จุดนัดหมาย เรื่องนี้มีข้อแม้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นคือไม่ใช่แค่ต้องจัดการให้ดี แต่ยังต้องจัดการให้เร็วด้วย

จับคู่เอาเงินไปซื้อของ แม้จะไม่ทราบว่าหยวนกังสั่งการเช่นนี้ด้วยเจตนาใด แต่พวกเขายังคงทำตามคำสั่งอยู่ดี

หยวนกังพาองครักษ์สองคนที่เหลือกับเงินอีกกว่าครึ่งเดินทางไปต่อ

จวี๋ที่ตามหลังมาเห็นคนทั้งกลุ่มแยกกันออกเป็นสามทาง ไม่รู้ว่าจะตามใครดี สุดท้ายจึงเลือกตามหยวนกังไป เพราะมองเพียงแค่แวบเดียวก็รู้แล้วว่าหยวนกังคือหัวหน้ากลุ่ม แต่นางก็ไม่ได้ปล่อยคนอีกสองกลุ่มที่เหลือไป หากแต่เรียกพนักงานในร้านค้าแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ ออกมา ทันทีที่นางเผยฐานะ พนักงานทั้งหลายย่อมไม่กล้าขัดขืน รีบวิ่งไปจับตามองดูความเคลื่อนไหวของคนอีกสองกลุ่มที่เหลือตามคำสั่งของนาง

จุดแรกที่หยวนกังแวะคือร้านแพรพรรณแห่งหนึ่ง หลังจากเข้าไปก็สั่งซื้อแพรต่วนชั้นดีจำนวนหนึ่ง เมื่อวางเงินมัดจำแล้ว เขาก็ขอให้เถ้าแก่ช่วยจัดส่งไปยังสถานที่ที่กำหนดตามเวลาที่ระบุไว้ เถ้าแก่ร้านดีใจเป็นอย่างมากที่ได้พบลูกค้ากระเป๋าหนัก รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน ขอให้หยวนกังวางใจได้

หลังออกจากร้านแพรพรรณ จุดที่สองที่หยวนกังแวะไปคือร้านเครื่องประดับที่ดีที่สุดของตัวเมือง แล้วก็เป็นเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ เขาวางเงินมัดจำก้อนใหญ่ สั่งเครื่องประดับอย่างดีจำนวนหนึ่ง

ตลอดเส้นทางใช้เงินเหมือนละลายน้ำโดยแท้

จวี๋คอยติดตามไป ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรว่าหยวนกังคิดจะทำอะไรกันแน่ สุดท้ายเห็นหยวนกังไปที่คณะละครแห่งหนึ่ง พานักดนตรีกลุ่มหนึ่งออกมา ไม่รู้ว่าจะไปที่ใดกัน

หลังจากมาถึงย่านใจกลางเมือง จวี๋พบว่าที่นี่คึกคักอย่างยิ่ง มีเกวียนเทียมม้าขนลากข้าวของหลายคันรถ ด้านหลังยังมีฝูงแกะฝูงวัว เป็ดไก่ห่านหงส์คัดใส่หาบตามมาด้วย ทหารสามกลุ่มที่แยกย้ายกันไปได้กลับมารวมตัวกับหยวนกังที่นี่แล้ว คนจากร้านเครื่องประดับขนกล่องเครื่องประดับมาส่ง เถ้าแก่ร้านแพรพรรณก็พาบรรดาลูกน้องขนของมาส่งเช่นกัน อีกทั้งทำตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ บริการอย่างเต็มที่ ช่วยขนของใส่รถ นอกจากนี้ยังช่วยผูกแพรแดงมงคลบนข้าวของต่างๆ ที่จัดเตรียมไว้บนเกวียนและในหาบ

หยวนกังสั่งให้คนทั้งขบวนสวมชุดแดงประดับพู่ คนทั้งกลุ่มยุ่งมือเป็นระวิง

สองข้างทางมีผู้คนหลั่งไหลมารวมตัวรอชมความคึกคักกันอย่างไม่ขาดสาย หลายคนมองด้วยความอิจฉา พากันวิจารณ์ออกความเห็นว่า “บ้านไหนจะรับตัวเจ้าสาวกัน ยิ่งใหญ่อลังการจริงๆ!”

จวี๋ที่แอบสังเกตการณ์อยู่ในกลุ่มชาวบ้านก็แปลกใจเช่นกัน นี่ดูแล้วเหมือนกำลังจะมีงานแต่งจริงๆ ไม่รู้ว่าเป็นขบวนส่งตัวเจ้าสาว หรือขบวนรับตัวเจ้าสาวกัน?

เหล่าองครักษ์ที่เป็นพวกเดียวกันก็ค่อนข้างสับสนเช่นกัน นี่ท่านหยวนจะทำอะไรกันแน่!

เมื่อเห็นทุกคนสวมชุดแดงประดับพู่เรียบร้อยแล้ว หยวนกังก็ส่งสัญญาณให้องครักษ์ทั้งหกจัดขบวนป้องกันซ้ายขวาหน้าหลัง จากนั้นเขาจึงขี่ม้านำหน้า ตะโกนบอกกลุ่มนักดนตรีที่อยู่ท้ายขบวนว่า “ประโคมดนตรีตามข้ามา!”

เสียงดีดสีตีเป่าสร้างความรื่นเริงครื้นเครงขึ้นมาในทันใด ดึงดูดให้เหล่าชาวบ้านสองข้างทางหลายคนร่วมโห่ร้องยินดี

หยวนกังโบกมือส่งสัญญาณ ควบม้าอยู่ด้านหน้า นำขบวนยิ่งใหญ่อลังการเดินหน้าไปเรื่อยๆ ตลอดทางมีชาวบ้านจำนวนมากติดตามไป ด้วยอยากเห็นว่าที่แท้เป็นงานมงคลของบ้านใดกันแน่ จวี๋เองก็รู้สึกฉงนเช่นกัน

จุดหมายปลายทางสุดท้ายของขบวนอันยิ่งใหญ่ทำให้จวี๋ตะลึงไปเล็กน้อย จวนผู้ว่าการจังหวัด!

รอบจวนผู้ว่าการมีทหารคุ้มกันหนาแน่น ตรงลานโล่งด้านหน้ามีการจัดวางรั้วสกัดม้าเอาไว้รอบด้าน มีทหารยามกลุ่มหนึ่งเฝ้าอยู่ พอเห็นขบวนคนแห่แหนกันมา กลุ่มทหารยามพลันตื่นตัวขึ้นมา ชักดาบตั้งทวนในทันใด ทว่าเมื่อเหล่าทหารยามมองเห็นว่านี่เป็นขบวนรับตัวเจ้าสาวอันคึกครื้นก็ตะลึงงันไปเช่นกัน ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

มีทหารกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังรั้วสกัดม้า ขวางทางขบวนรับตัวเจ้าสาวที่เคลื่อนที่เข้ามาใกล้เอาไว้ แม่ทัพที่เป็นหัวหน้ากลุ่มตวาดถาม “ผู้ใดกัน?”

หยวนกังที่อยู่บนหลังม้าตะโกนตอบเสียงดังฟังชัด “ยงผิงจวิ้นอ๋องซางเฉาจงมารับตัวเจ้าสาวเฟิ่งรั่วหนานธิดาผู้ว่าการจังหวัดกว่างอี้!”

‘ยงผิง’ คือราชทินนามของซางเฉาจง หลังจากซางเฉาจงก่อเรื่องในเมืองหลวงจนถูกส่งตัวเข้าคุก ราชทินนาม ‘หนิง’ ที่รับสืบทอดพร้อมตำแหน่งชินอ๋องถูกริบคืน จากชินอ๋องถูกลดศักดิ์เป็นจวิ้นอ๋อง มอบราชทินนาม ‘ยงผิง’ ให้ เพียงแค่คิดดูก็พอจะรู้ถึงท่าทีที่ราชสำนักมีต่อซางเฉาจงแล้ว

พอเขาเอ่ยเช่นนี้ จวี๋ที่สังเกตการณ์อยู่มึนงงเล็กน้อย มารับตัวท่านแม่ทัพ? วุ่นวายอยู่ตั้งนานเพื่อจะมารับตัวท่านแม่ทัพหรือ?

องครักษ์ทั้งหกเองก็ตกตะลึงไปแล้วเช่นกัน ท่านอ๋องจะแต่งงานหรือ?

ชาวบ้านที่รายล้อมอยู่รอบข้างบ้างตกตะลึง บ้างโห่ร้องยินดี สำหรับพวกเขาแล้วนามยงผิงจวิ้นอ๋องซางเฉาจงฟังดูยิ่งใหญ่นัก สำหรับชาวบ้านที่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงขนาดนี้ คนส่วนมากไม่ทราบด้วยซ้ำว่าซางเฉาจงเป็นใคร เพียงแค่ได้ยินว่า ‘จวิ้นอ๋อง’ สองคำนี้ก็รู้แล้วว่าเป็นผู้มีฐานะสูงส่ง เป็นท่านอ๋องคนไหนต้องการสู่ขอแม่ทัพเฟิ่งกันกันนะ!

ทหารที่เข้ามาขวางก็ทึ่มทื่อไปด้วยเช่นกัน ทหารที่อยู่ด้านหลังรั้วสกัดม้ามองหน้ากันเหลอหลา มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ? เหตุใดถึงไม่เคยได้ยินข่าวเลย? เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เหตุใดจวนผู้ว่าถึงไม่มีความเคลื่อนไหวสักนิดเลยล่ะ?

แม่ทัพหนุ่มที่สอบถามตะลึงพรึงเพริด หยวนกังลงจากม้า สองมือประคองรายการสินสอดฉบับหนึ่งยื่นส่งให้ “นี่คือรายการสินสอดรับตัวเจ้าสาว รบกวนท่านแม่ทัพมอบให้ท่านผู้ว่าการด้วย!”

“…..” แม่ทัพคนนั้นอึกอักลังเล เรื่องใหญ่ขนาดนี้เขาตัดสินใจโดยพลการไม่ได้จริงๆ ได้แต่ขอให้หยวนกังรอสักครู่ จากนั้นวิ่งเข้าไปรายงานในจวนผู้ว่าการ

หยวนกังประสานมือคำนับชาวบ้านรอบๆ ที่มาร่วมชื่นชมยินดีด้วยท่าทางสุขุมเยือก กล่าวขอบคุณทุกคนที่มารับชม

ที่ลงมือจู่โจมกะทันหันเช่นนี้เป็นเพราะไม่มีทางเลือก ซางเฉาจงได้รับผลกระทบจากหนิงอ๋องจนมีชื่อเสียงตกต่ำ หากมาขอเข้าพบตรงๆ เกรงว่าแม้แต่คนของเฟิ่งหลิงปอก็คงไม่ได้พบด้วยซ้ำ มีความเป็นไปได้สูงที่เฟิ่งหลิงปอจะไม่ยอมยุ่งกับปัญหาวุ่นวายนี้

เมื่อเรื่องราวทางด้านนี้ถ่ายทอดไปถึงจวนผู้ว่าการ ภายในจวนผู้ว่าการก็เกิดความโกลาหลอลหม่านขึ้นมาทันที บางคนวิ่งออกไปหน้าประตูเพื่อดูเหตุการณ์ด้านนอก บางคนปีนกำแพงชะเง้อคอมอง พบว่ามีขบวนสินสอดรับตัวเจ้าสาวเรียกเป็นแถวยาวเหยียดอยู่จริงดั่งว่า นับไม่หวาดไม่ไหวเลยว่าบรรทุกมากี่คันรถ

ผ่านไปสักพัก แม่ทัพคนนั้นวิ่งกลับมา เชิญหยวนกังเข้าไปในจวนผู้ว่าการ ส่วนคนอื่นๆ ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป

จวี๋เองก็เดินออกมาจากกลุ่มชาวบ้านแล้วเช่นกัน คนอื่นเข้าไม่ได้ แต่นางย่อมเข้าไปในจวนผู้ว่าการได้ไม่มีปัญหา ตอนนี้นางยังค่อนข้างงุนงง ต้องเข้าไปสืบให้ชัดเจนว่าสรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จะได้กลับไปรายงานแก่เฟิ่งรั่วหนานได้

ด้านนอกห้องโถงหลักของจวนผู้ว่าการมีชายหญิงจำนวนไม่น้อยยืนพูดคุยซุบซิบกันอยู่

ภายในห้องโถงหลักมีคนอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น ชายฉกรรจ์รูปร่างผอมสูงในชุดผ้าดิ้นไว้หนวดเคราสั้นๆ ผู้หนึ่งยกมือไพล่หลังเดินวนกลับไปกลับมาอยู่ในห้องโถง บุคลิกท่าทางไม่ธรรมดา ดูมีสง่าราศียิ่ง เพียงแต่สีหน้ากลับดูไม่ค่อยดีเท่าใดนัก เขาก็คือเฟิ่งหลิงปอผู้ว่าการจังหวัดกว่างอี้ ทั้งยังมีสตรีร่างสูงใหญ่ในชุดงามหรูหรานางหนึ่งนั่งยืดตัวตรง ตรวจดูรายการสินสอดที่อยู่ในมือ นางคือเผิงอวี้หลานผู้เป็นภรรยาเฟิ่งหลิงปอ

“ข้าวของที่อยู่ในรายการสินสอดนี้เกรงว่าคงไม่ต่ำกว่าหมื่นเหรียญทอง มิเสียทีที่เป็นจวิ้นอ๋อง นำเงินหมื่นเหรียญทองมาถลุงเล่นได้!” เผิงอวี้หลานเอ่ยเยาะหยัน

ทางด้านหยวนกังพอเข้ามาในจวนผู้ว่าการก็ถูกองครักษ์ติดอาวุธที่ปรี่เข้ามาจากสองฝั่งจับมัดไว้ ซ้ำยังเตะต่อยอีกสองสามทีด้วย แต่หยวนกังก็มิได้ตอบโต้ ปล่อยให้จับมัดคุมตัว

หยวนกังที่ถูกจับมัดมือไพล่หลังโดนผลักเข้าไปในห้องโถงหลัก เขายืนนิ่งทื่ออยู่ตรงนั้น ไร้ซึ่งความกังวลและหวาดกลัว ท่าทางสงบเยือกเย็น

เพียงมองดูก็รู้แล้วว่ามิใช่การเสแสร้งแกล้งทำ แววตาเฟิ่งหลิงปอส่องประกายเล็กน้อย ลอบชื่นชมอยู่ในใจ ยอดชายชาตรี! ทว่าปากกลับแค่นเสียงกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นผู้ใด กล้าแอบอ้างนามยงผิงจวิ้นอ๋องมารับตัวเจ้าสาวอย่างนั้นรึ?”

หยวนกังตอบอย่างสุขุมเยือกเย็น “ข้าน้อยหยวนกังรับบัญชาจากท่านอ๋อง มารับตัวเจ้าสาวตามคำสั่งของท่านอ๋องจริงๆ หาได้แอบอ้างไม่!”

หยวนกังหรือ? เฟิ่งหลิงปอมองสำรวจเขาหัวจรดเท้าแวบหนึ่ง ตามรายงานข่าวที่ได้รับมา ในสังกัดของซางเฉาจงมีคนชื่อหยวนกังอยู่จริง “ต่อให้เจ้าเป็นคนของซางเฉาจง แต่ข้าเคยตกปากรับคำว่าจะยกธิดาให้ออกเรือนกับเขาเมื่อใดกัน? เป็นถึงเชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์ หรือไม่รู้จักแม้แต่มารยาทพิธีการตรงนี้?”

หยวนกังกล่าวว่า “สถานการณ์ฉุกละหุกจึงขาดตกบกพร่องไปบ้าง ทว่ารายการสินสอดที่ท่านอ๋องมอบให้ได้แสดงให้เห็นถึงความจริงใจของท่านอ๋องแล้ว!”

“น่าขัน!” เผิงอวี้หลานตบโต๊ะพลางลุกยืน ฟาดรายการสินสอดในมือใส่หน้าหยวนกัง เอ่ยด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “คิดจะแต่งลูกสาวข้าด้วยข้าวของน้อยนิดแค่นี้น่ะหรือ?”

หยวนกังเอ่ยว่า “รายการสินสอดที่ฮูหยินได้อ่านเป็นเพียงแค่ของที่นำมาเพื่อแสดงให้คนภายนอกดูเท่านั้น รายการสินสอดที่แท้จริงไม่อาจเปิดเผยได้ มีรายการสินสอดอีกฉบับอยู่ในอกเสื้อข้า เป็นรายการสินสอดสำคัญล้ำค่า รับรองว่าท่านผู้ว่าและฮูหยินเห็นแล้วต้องชอบแน่นอน!”

สองสามีภรรยาสบตากันแวบหนึ่ง เฟิ่งหลิงปอพยักหน้าส่งสัญญาณ มีคนก้าวเข้ามาในทันใด ยื่นมือควานเข้าไปในอกเสื้อของหยวนกัง สุดท้ายก็ดึงรายการสินสอดอีกฉบับออกมาได้จริงๆ ก่อนจะนำไปส่งมอบให้แก่เฟิ่งหลิงปอ

เฟิ่งหลิงปอเปิดรายการสินสอด เพียงกวาดตามองแวบหนึ่ง เปลือกตากระตุกขึ้นมาในทันใด เขารีบปิดรายการสินสอดอย่างรวดเร็วจนเกิดเสียงดังพั่บ สายตาที่มองหยวนกังด้วยเต็มไปด้วยความสงสัยคลางแคลง

เผิงอวี้หลานประหลาดใจ สินสอดอันใดกันถึงทำให้สามีตนเสียกริยาเช่นนี้ได้? จึงยื่นมือไปคว้ารายการสินสอดจากมือเฟิ่งหลิงปอ เปิดอ่านด้วยความสงสัยเล็กน้อย ผู้ใดจะทราบว่าเพียงแค่อ่านแวบเดียว ม่านตาของนางพลันหดตัว รีบปิดรายการสินสอดอย่างรวดเร็วเช่นกัน ราวกับกลัวผู้อื่นจะเห็นเข้าอย่างไรอย่างนั้น

เฟิ่งหลิงปอข่มความสงสัยในใจไว้ ชี้หน้ากลุ่มคนที่ด้อมๆ มองๆ อยู่นอกประตูพลางตวาดใส่ “มองอะไรกัน ไสหัวไป!”

กลุ่มหญิงชายนอกประตูแยกย้ายกันไปทันที รีบวิ่งจากไป ลานเรือนกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

เฟิ่งหลิงปอจ้องมองหยวนกัง เอ่ยเสียงขรึมว่า “ของในรายการสินสอดเป็นความจริงหรือ?”

หยวนกังเอ่ยว่า “ข้ามิใช่พ่อสื่อที่มาทำหน้าที่รับตัวเจ้าสาว แล้วก็ไม่เคยอ่านรายการสินสอด ไม่ทราบว่ารายการสิ่งของใดที่อยู่ด้านใน ข้าเพียงทำหน้าที่ตามคำสั่ง พ่อสื่อที่ทำหน้าที่รับตัวเจ้าสาวคือผู้อื่น เขาน่าจะทราบรายละเอียดขอรับ”

เฟิ่งหลิงปอหรี่ตาพลางเอ่ยถาม “ในเมื่อขบวนสินสอดมาแล้ว ไยจึงไม่เห็นตัวพ่อสื่อ นี่ไม่เสียมารยาทไปหน่อยหรือ มีการรับตัวเจ้าสาวเช่นนี้ด้วยหรือ? ”

หยวนกังตอบว่า “มิใช่ว่าพ่อสื่อไม่ยินยอมมา หากแต่อยากมาก็มาไม่ได้ เนื่องจากตอนนี้พ่อสื่อถูกคุณหนูเฟิ่งรั่วหนานธิดารักของท่านกักตัวไว้ในค่ายทหาร เกรงว่าอาจมีภัยคุกคามถึงชีวิตได้ทุกเมื่อ”

………………………………………………..