บทที่ 33 ตามน้ำไปแต่ดันติดกับ

สำรับมนตราของชายาอ๋อง

ตอนที่ 33 ตามน้ำไปแต่ดันติดกับ

“อ๋อ คนที่เตะเสี่ยวหลงเปาของหม่อมฉันกระเด็นเพราะคิดว่าเป็นอาวุธลับน่ะหรือเพคะ” ฉินปู้เข่อกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่นนวล ใบหน้าเผยรอยยิ้มอ่อนหวาน

ทว่าทุกถ้อยคำที่เอ่ยออกมาล้วนแต่ทิ่มแทงใจ

หมี่ฉงใบหน้าแดงก่ำจนเอ่ยอะไรไม่ออก

เขาเหลือบมองหมี่โม่หรู่เล็กน้อย และพบว่าหมอนั่นทำเป็นนิ่งเฉย หากแต่นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

“แค่ก ๆ ข้าคงจะระแวงเกินไป แค่เสี่ยวหลงเปาไม่กี่ลูก วันหน้าข้าจะเลี้ยงเจ้าให้อิ่มหนำไปเลย!”

ฉินปู้เข่อหัวเราะเบา ๆ “หม่อนฉันขอถามเพคะ วันหน้าคือวันไหนหรือเพคะ ปู้เข่อจะจดใส่กระดาษเอาไว้”

“เรื่องนั้น…”

หมี่ฉงชะงักงัน เขาเพียงแค่กล่าวไปตามมารยาทเท่านั้น เหตุใดถึงพาตนเองมาติดกับเสียได้

อีกด้าน หมี่โม่หรูซ่อนใบหน้าไว้หลังม้วนหนังสือ มุมปากกระตุกขึ้นอย่างผิดธรรมชาติ เขาเข้าใจความรู้สึกของหมี่ฉงในตอนนี้ดี

หลายวันก่อนที่ร้านน้ำชา เขาก็อยู่ภายใต้สภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพียงเพราะคำตอบที่แสนบริสุทธิ์ของฉินปู้เข่อ

“ในเมื่อท่านอ๋องคังชินไม่อยากชดใช้เสี่ยวหลงเปาของปู้เข่อ หม่อมฉันด็ไม่ถือสาเลยเพคะ ก็แค่เสี่ยวหลงเปาสองเข่ง ท่านอ๋องสามไม่ต้องเก็บไปใส่ใจเพคะ”

นางเย้ยหยันว่าเขาขี้งกงั้นหรือ? เขากำลังถูกสตรีดูถูกเอารึ?! หมี่ฉงสะบัดแขนเสื้ออย่างไม่สบอารมณ์ ชั่วพริบตานั้นเขารู้สึกถึงความพ่ายแพ้

ฉินปู้เข่อไม่มองหมี่ฉงอีกต่อไป นางเดินเข้าไปทางโต๊ะหนังสือช้า ๆ ก้มหน้าเล็กน้อยและเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “ไม่ทราบว่าท่านอ๋องเรียกหม่อมฉันมามีอะไรหรือเพคะ?”

“ข้าเห็นเจ้าหลับติดต่อกันมาหลายวัน จึงเป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้า” หมี่โม่หรู่มองดูม้วนหนังสือในมืออย่างตั้งใจ และเอ่ยตอบเสียงเรียบ

ฉินปู้เข่อแอบกลอกตามองบน เฮอะ เขาก็แค่หวาดระแวงว่าตนเองนำความลับของเขาไปแพร่งพรายให้แก่จวนมหาเสนาบดีกับองค์รัชทายาทมิใช่รึ

“หม่อมฉันรู้สึกเพลียเล็กน้อยเพคะ จึงนอนเยอะไปหน่อย ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงเป็นห่วงเพคะ”

“อืม”

เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ฉินปู้เข่อจึงดึง ‘หนังสือหย่า’ ออกจากแขนเสื้อและยื่นไปตรงหน้าหมี่โม่หรู่พร้อมกล่าว “พอดีเลยเพคะ หม่อมฉันก็มีเรื่องอยากพบท่านอ๋องเหมือนกัน เชิญท่านอ๋องอ่านดูเพคะ”

หมี่โม่หรู่รับกระดาษแผ่นนั้นมา ชายหนุ่มคลี่ออกและกวาดสายตามองก่อนจะเอื้อนเอ่ยออกมา “พระชายากำลังหมายความว่าอย่างไร”

“เราสองคนไม่ต้องอ้อมค้อมดีกว่าเพคะ ที่ท่านอ๋องแต่งงานกับหม่อมฉันก็เพราะถูกสถานการณ์ในค่ำคืนนั้นบีบบังคับ ท่านอ๋องไม่เชื่อใจหม่อมฉัน คิดว่าหม่อมฉันเป็นสายลับ เป็นนักฆ่า และทรงทดสอบหม่อมฉันอยู่หลายครั้งหลายครา”

“ส่วนตัวหม่อมฉัน ท่านก็เห็นแล้วนี่เพคะ การมีจิตใจใฝ่คุณธรรม อ่อนโยน มีความรู้และมีมารยาทนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับหม่อมฉันเลย มนุษย์มีดีตรงที่มีความตระหนักในตนเอง หม่อมฉันรู้ดีว่าสตรีหยาบกระด้างเช่นหม่อมฉันไม่อาจเป็นที่ต้องตาของท่านอ๋อง ในเมื่อเป็นเช่นนี้จงให้หนังสือหย่าฉบับนี้ช่วยให้ทุกสิ่งกลับสู่จุดเดิมดีกว่าเพคะ”

คำพูดของฉินปู้เข่อเรียกได้ว่าออกมาจากใจ จริงจังอย่างมาก อีกนิดเดียวก็จะทำให้น้ำตาไหลด้วยความเสียใจอย่างแสนสาหัสแล้ว

หนังสือหย่า?! หมี่ฉงหยิบกระดาษในมือหมี่โม่หรู่มาดูด้วยความรีบร้อนนิดหน่อย

“ฮ่าๆ ๆ ๆ…” หมี่ฉงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ และมีความรู้สึกจะเอาคืนได้บ้างขึ้นมาในบัดดล “เจ้าคือหญิงปราดเปรื่องอันดับหนึ่งแห่งต้าเซี่ยจริง ๆ รึ เจ้าเจ็ด ในที่สุดข้าก็เจอคนที่เขียนหนังสือขี้เหร่กว่าข้าแล้ว มิหนำซ้ำมีคำผิดด้วย ฮ่าๆ ๆ ๆ…”

“คำผิด?!” ฉินปู้เข่อชะงักและคว้าหนังสือหย่ามา “จุดไหนกัน หม่อมฉันหาในหนังสือมาหลายชั่วยามเลยนะเพคะ”

“ตรงนี้อย่างไรเล่าคำว่า ‘หนัง’ ของ ‘หนังสือหย่า’ ขาดขีดหนึ่งไป คำว่า ‘ยาก’ ใช้อีกแบบ แต่เจ้าใช้อีกแบบแทน และตรงนี้ไม่ถูกต้องตามรูปแบบไวยากรณ์…”

ฉินปู้เข่อตั้งใจฟังคำชี้แนะ และหยิบพู่กันที่อยู่ด้านข้างมาเขียนหมายเหตุไว้ ช่วยไม่ได้ที่นางเขียนด้วยพู่กันไม่เป็นอยู่แล้ว บวกกับต้องเขียนอักษรโบราณยิ่งยากเข้าไปใหญ่

หมี่ฉงเห็นท่าดังนั้นจึงดึงพู่กันออกจากมือนาง และช่วยนางเขียน

“พี่ชายสาม ท่านเขียนหนังสือสวยเหลือเกิน การเรียบเรียงประโยคก็คล่องกว่าหม่อมฉันมาก” ฉินปู้เข่อรู้สึกอับอาย ตัวหนังสือของนางขี้เหร่มาก แล้วยังเป็นผลลัพธ์ที่นางเฝ้าวุ่นวายมาตลอดทั้งคืนอีกด้วย

“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว ในฐานะองค์ชายต้องฝึกการเขียนหนังสือตั้งแต่สามขวบ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ”

“พี่ชายสาม เช่นนั้นท่านพี่ช่วยเขียนฉบับที่ถูกต้องแทนหม่อมฉันหน่อยนะเพคะ ตัวหนังสือของหม่อมฉันขี้เหร่เกินไป”

“ไม่มีปัญหา” หมี่ฉงรับคำตามที่ฉินปู้เข่อขอ

ฉินปู้เข่อพยักหน้าอย่างพอใจ “เช่นนั้นพี่ชายสามเขียนไปก่อนนะเพคะ หม่อมฉันกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อน ประเดี๋ยวจะมาขอท่านอ๋องลงนามเพคะ”

“ย่อมได้”

ฉินปู้เข่อช้อนสายเล็กน้อย หันไปย่อตัวคำนับหมี่โม่หรู่ที่อยู่ด้านหลังโต๊ะหนังสือ “ท่านอ๋อง หม่อมฉันทูลลา”

บรรยากาศในห้องหนังสือเกิดความหนาวเย็นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

หมี่ฉงที่ได้สติกลับมามองหนังสือหย่าตรงหน้าที่เขียนไปได้ครึ่งหนึ่ง พู่กันในมือตก ‘แปะ’ ลงพื้น

เมื่อกี้เขาทำอะไรลงไป

นี่เขาช่วยน้องสะใภ้เขียนหนังสือหย่าของเจ้าเจ็ดเหรอ?!