ตอนที่ 63 โดนวางยาจริงๆ
จะมีกี่คนที่ชั่วช้า แล้วก็ไร้ยางอายอย่างผู้ชายคนนี้บ้าง?
ผู้ชายคนนี้ไร้ยางอายอย่างที่ไม่รู้ว่าจะสรรหาคำใดมาเปรียบเปรยได้!
และเวลานี้ทั้งเย่ชิงเฉิง เย่เข่อเอ๋อ และพ่อบ้านฉู่ ต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่า คนอย่างหลินหนานนั้น นับเป็นคนชั่วช้าไร้ยางอายที่สุดในโลกคนหนึ่ง!
หมอนี่คงหน้าหนายิ่งกว่ากำแพง!
คนแบบนี้คงจะสะกดคำว่า ‘ศีลธรรม’ ไม่เป็นแน่!
ไอ้สิ่งมีชีวิตที่ไร้ยางอาย!
ทั้งสามคนต่างก็รู้สึกว่า ความไร้ยางอายของหลินหนานนั้น คงจะหาไม่พบในตัวมนุษย์คนใดในโลกอีกแล้วอย่างแน่นอน คนอย่างหลินหนานคงจะมีเพียงคนเดียว และคนสุดท้ายในโลก!
ทั้งที่ได้หญิงสาวงดงามไร้ที่ติไปครอบครองแล้ว แต่กลับยังกล้ามีใจคิดไม่ซื่อ ทำมิดีมิร้ายกับหญิงสาวผู้เป็นน้องของเธออีก
นี่เขาคิดที่จะเอาทั้งพี่ทั้งน้องเชียวเหรอ?
มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอหลินหนาน?
หลังจากที่จ้องมองใบหน้าตกตะลึง และนิ่งเงียบไปของทั้งสามคน หลินหนานจึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังนัก
“ว่ายังไง?! พวกคุณเห็นด้วยกับข้อเสนอของผมมั๊ยครับ? ผมว่ามันก็เข้าท่าอยู่นะ..”
“หลินหนาน..” เย่ชิงเฉิงร้องตะโกนเรียกชื่อของเขาออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังยิ่งกว่าเดิม
“แก.. ฉันจะฆ่าแก!!!”
เย่เข่อเอ๋อร้องตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้น พร้อมกับหยิบมีดและส้อมขึ้นมาถือไว้ในมือ..
แม้แต่พ่อบ้านฉู่ยังลุกขึ้นยืน และเขาก็อยู่ในท่าที่พร้อมจะใช้เก้าอี้เป็นอาวุธได้ตลอดเวลา จากนั้นก็ร้องตะโกนใส่หน้าหลินหนานด้วยความรู้สึกขยะแขยง
ในนามของความยุติธรรม เขาจะต้องฆ่าผู้ชายไร้ยางอายคนนี้ให้ตาย!
แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสามคนจะได้ลงมืออะไร หลินหนานก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับใช้ฝ่ามือตบโต๊ะเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งบ้าน
ปัง!!
หลินหนานตบรุนแรงจนกระทั่งโต๊ะสีเหลี่ยมนั้นกระดอนขึ้นสูงจากพื้น ทั้งสามคนถึงกับตกใจจนแทบช็อค และได้แต่นั่งนิ่งจ้องหน้าหลินหนาน..
ดวงตาคมกริบของหลินหนานกวาดมองคนทั้งสาม ก่อนจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกคุณพอใจกันหรือยัง?”
น้ำเสียงและแววตาเช่นนั้นของหลินหนาน ทำให้ทั้งสามคนถึงกับขนลุก และตัวสั่น..
“นี่คือคำตอบที่พวกคุณต้องการไม่ใช่เหรอ?”
“ต้องการจะให้ผมกลายเป็นคนผิดให้ได้ จะได้ช่วยกันประจานแล้วก็กร่นด่า..”
“พวกคุณพยายามจะให้ผมกลายเป็นผู้ร้ายล่วงละเมิดเย่เข่อเอ๋อให้ได้ และไม่ว่าผมจะพยายามอธิบายยังไง พวกคุณก็ไม่ยอมฟัง..”
“ใช่แล้ว! ผมล่วงละเมิดเธอ!”
พูดจบ.. หลินหนานก็หัวเราะออกมา แต่เสียงหัวเราะของเขานั้นกลับเจือไว้ด้วยความเย็นชา และความเศร้าที่ทั้งสามคนสามารถสัมผัสได้
“พวกคุณพอใจกับคำตอบของผมแล้วใช่มั๊ย?”
“ถ้าพอใจแล้ว ผมก็จะได้ไปซะที! หมดเวลาที่ผมจะมานั่งตอบคำถามพวกคุณอีกแล้ว..”
หลังจากนั้น หลินหนานก็ลุกขึ้นยืดกายตรง ก่อนจะหันหลังเดินจากไป โดยไม่แม้แต่จะปรายตากลับมามองคนทั้งสามอีกเลย
ร่างของหลินหนานยืดตรง ประหนึ่งหอกแหลมที่พร้อมจะพุ่งทะยานขึ้นเสียดเมฆา แต่ร่างที่ก้าวเดินออกไปอย่างโดดเดี่ยวนั้น กลับให้ความรู้สึกอ้างว้างต่อผู้ที่พบเห็นอย่างไม่อาจอธิบายได้
นี่เป็นครั้งแรกที่เย่ชิงเฉิงได้เคยพบเห็นกิริยาท่าทางเช่นนี้ของหลินหนาน ร่องรอยของความรู้สึกสับสนและเสียใจ ปรากกฏขึ้นในดวงตาคู่งามของเธอวูบหนึ่ง
หรือว่า.. เธอควรจะต้องฟังคำอธิบายของหลินหนานบ้าง?
ราวกับว่าเรี่ยวแรงและความแข็งแกร่งทั้งหมดที่เคยมีนั้น ได้เหือดแห้งหายไปในทันที เย่ชิงเฉิงถึงกับทิ้งกายลงพิงพนักเก้าอี้อย่างอ่อนแรง..
พ่อบ้านฉู่เองก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แปลกไป เขาจึงได้แต่เดินเลี่ยงขึ้นไปบนชั้นสอง เพื่อเก็บข้าวของให้เรียบร้อย
เย่เข่อเอ๋อแสร้งทำเป็นฝืนยิ้มออกมาว่าโล่งใจ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เชอะ.. หมอนี่ก็แกล้งทำท่าทางไปแบบนั้นเองล่ะ คงไม่รู้ว่าจะแก้ตัวยังไงมากกว่า?”
จากนั้นเธอก็หันไปพูดกับเย่ชิงเฉิงต่อ “พี่ใหญ่.. เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว! ต่อไปหมอนั่นจะได้ไม่มายุ่งวุ่นวายกับพี่อีก!”
“อืมม..”
เย่ชิงเฉิงตอบกลับไปคล้ายคนใจลอย และเวลานี้ความรู้สึกแปลกประหลาดก็ได้ปะทุขึ้นภายในจิตใจของเธอ
นั่นเพราะ.. การที่หลินหนานเดินจากไป โดยไม่หันหลังกลับมามองแม้แต่น้อยนั้น ดูเหมือนจะยืนยันว่าเขาคือผู้บริสุทธิ์!
“พี่ใหญ่คะ.. นี่พี่กำลังคิดอะไรอยู่?”
เย่เข่อเอ๋อร้องถาม เมื่อเห็นพี่สาวยังคงอยู่ในอาการครุ่นคิด ทำให้เย่ชิงเฉิงได้สติ และหลุดจากห้วงภวังค์ของตนเอง หลังจากที่สงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่ชิงเฉิงจึงได้หันไปมองน้องสาว พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เข่อเอ๋อ.. บอกความจริงกับพี่มา!”
“ความจริงอะไรกัน?!” เย่เข่อเอ๋อก้มหน้าลงคล้ายเด็กที่รู้ตัวว่าได้ทำความผิดไป
“ก็ความจริงที่ว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนี้น่ะสิ? บอกพี่ให้หมดทุกอย่าง ห้ามปิดบังแม้แต่น้อย!” เย่ชิงเฉิงย้ำด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม
เย่เข่อเอ๋อไม่เคยเห็นพี่สาวพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม และจริงจังเช่นนี้มาก่อนเลยสักครั้ง จึงได้แต่พยักหน้าพร้อมกับเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เธอฟัง..
“เมื่อเย็นนี้.. หลินหวังยู่โทรมาชวนฉันออกไปเที่ยวข้างนอก เขาบอกว่าที่นั่นเป็นสถานที่ที่ฉันจะได้ดูอะไรตื่นตาตื่นใจแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ฉันนึกอยากสนุกก็เลยตอบตกลงที่จะไปด้วย”
“ที่ไหน?”
“โกลเดนพาเลซคลับ!”
คิ้วสีดำเข้มของเย่ชิงเฉิงถึงกับขมวดเข้าหากันเล็กน้อย และเธอเองก็รู้จักที่นั่นเช่นกัน..
โกลเดนพาเลซเป็นสถานบันเทิงของคนชั้นสูงระดับไฮเอนด์ และเป็นสถานบันเทิงที่คนร่ำคนรวยในเจียงไฮวชอบไปหาความสุข มิหนำซ้ำเจ้าของโกลเดนพาเลซก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหญิงสาวที่งดงามดั่งตำนานหลิวหยิงหยิง..
“แต่ที่โกลเดนพาเลซใช้ระบบสมาชิก เธอเองก็ไม่ได้เป็นสมาชิกนี่ แล้วเข้าไปที่นั่นได้ยังไง? แค่เป็นสมาชิกธรรมดายังต้องใช้เงินหลายแสนหยวน หรือเธอแอบไปสมัครเป็นสมาชิกโดยที่ไม่บอกพี่..” เย่ชิงเฉิงรีบถามกลับทันที
เย่เข่อเอ๋อแลบลิ้นออกมาอย่างน่ารัก พร้อมกับตอบไปว่า “ฉันไม่ได้เป็นสมาชิกที่นั่น ฉันตามหลินหวังยู่ไปต่างหาก อ่อ.. ฉันพบหลินหนานที่นั่นด้วย!”
“หลินหนานงั้นเหรอ? เขาเข้าไปที่นั่นได้ยังไง?” เย่ชิงเฉิงร้องถามออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนที่ฉันเห็นหมอนั่น รอบตัวเขามีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยล้อมไว้เต็มไปหมด จากนั้นฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรหมอนั่นอีก เพราะจะรีบเข้าไปดูการต่อสู้ในกรง..” เย่เข่อเอ๋อตอบผู้เป็นพี่สาว
“อะไรคือการต่อสู้ในกรง?!”
เย่เข่อเอ๋อจึงได้อธิบายให้เย่ชิงเฉิงฟังอย่างละเอียด หลังจากนั้นเย่จิงเฉิงจึงได้ถามขึ้นว่า “แล้วยังไงต่อ?”
“หลังจากนั้นถังจินซ่งกับหวังชางหยางก็เข้ามา.. พี่ใหญ่ พี่รู้จักสองคนนี้บ้างมั๊ย?”
“พี่เคยเจอหวังชางหยางไม่กี่ครั้ง แต่ข่าวลือเกี่ยวกับตัวเขาไม่สู้จะดีนัก ทางที่ดีเธออย่าได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกจะดีกว่า..” เย่ชิงเฉิงตอบกลับไป และคิ้วสีดำก็ขมวดเข้าหากันอีกครั้ง
“ฉันรู้ค่ะพี่ใหญ่! ส่วนถังจินซ่งอะไรนั่น ฉันก็เชื่อว่าไม่ใช่คนดีนักเหมือนกัน!” เย่เข่อเอ๋อรีบบอกกับพี่สาวทันที
“งั้นเหรอ? เท่าที่พี่ได้ยินมา ถังจินซ่งดูเหมือนจะมีอนาคตก้าวไกลมาก เขาเป็นผู้ที่มีโอกาสจะได้ขึ้นมาเป็นบุคคลสำคัญของตระกูลถังเลยทีเดียว และบริษัทในมือของตระกูลถังแห่งหนึ่ง ก็เป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ของบริษัทเราด้วย..”
“ฉันเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องธุรกิจหรอกนะ.. แต่ฉันรู้สึกอึดอัดทันทีที่ได้เห็นผู้ชายคนนี้ แล้วฉันก็ไม่ชอบขี้หน้าเขาด้วย ฉันว่าเขาเป็นคนโอ้อวด ชอบวางท่าใหญ่โต!” เย่เข่อเอ๋อแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบถังจินซ่งอย่างมาก
“แล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น?”
“ตอนแรกฉันก็อยากไปดูหรอกนะ แต่หลังจากเห็นแล้วฉันก็ไม่อยากดูต่อ และอยากจะกลับบ้านก่อน แต่หวังอันฉีกับหลินหวังยู่รบเร้าให้อยู่เป็นเพื่อนก่อน ฉันก็เลยต้องนั่งต่อ แต่ก็ไม่ได้สนใจดูการต่อสู้ในกรงแล้ว ฉันหันมาเล่นโทรศัพท์มือถือแทน แล้วก็นั่งดื่มน้ำผลไม้รอ..”
“แต่หลังจากนั้น.. หลังจากนั้น..”
เย่เข่อเอ๋อเอียงศรีษะ และพยายามจะคิดว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น แต่กลับพบว่าเธอเองจำอะไรหลังจากนั้นไม่ได้เลย คล้ายกับว่าความทรงจำในช่วงเวลาหลังจากนั้นว่างเปล่า ราวกับถูกลบทิ้งไป..
“นี่เธอจำอะไรหลังจากนั้นไม่ได้เลยเหรอ?”
เย่ชิงเฉิงขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม เพราะนี่เป็นช่วงวินาทีสำคัญ หากสามารถจดจำได้ ก็จะได้รู้ว่าหลินหนานทำความผิดจริงหรือไม่?
“ฉันจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ! เดี๋ยวฉันลองโทรไปถามหลินหวังยู่จะดีกว่า!”
เย่เข่อเอ๋อร้องบอกพี่สาว พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อโทรหาหลินหวังยู่ทันที แต่ก่อนที่เธอจะทันได้กดโทรออก พ่อบ้านฉู่ก็วิ่งถือกะละมังใส่น้ำลงมาจากชั้นสอง พร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“คุณหนูทั้งสอง.. ดูอะไรนี่สิครับ!”
เย่เข่อเอ๋อและเย่ชิงเฉิงต่างก็หันไปมองทันที และแล้วหญิงสาวทั้งสองคนก็แทบหยุดหายใจ เมื่อได้เห็นน้ำในกะลังมังพลาสติกนั่น
นั่นเพราะน้ำในกะละมังได้เปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้มจนน่ากลัว และไม่เพียงสีของน้ำที่ชวนตกใจ แต่กลิ่นของมันยังเหม็นมากด้วย ส่วนผ้าขนหนูที่ใช้เช็ดตัวเย่เข่อเอ๋อนั้น ก็กลายเป็นสีชมพูทั้งผืน!
“นี่เข่อเอ๋อถูกคนวางยาจริงๆเหรอนี่?”
เย่ชิงเฉิงพึมพำออกมาด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด..

******

ฝากนิยายของทีมงานด้วยนะคะ

เรื่อง : เทพปีศาจผงาดฟ้า

เขาฟื้นสติตื่นขึ้นมาในร่างและผืนพิภพแห่งใหม่ หลังจากที่ล่วงลับตายจากไปในโลกก่อนหน้า

หลงเฉินเริ่มออกเดินทางครั้งใหม่ในผืนพิภพที่เต็มไปด้วยเทพเซียนและมารปีศาจ สิ่งมีชีวิตลึกลับมากมายหลายหลาก และมนุษย์ที่สามารถบ่มเพาะพลังจนขึ้นกลายเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน พร้อมผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งผืนพิภพทั้งมวล

หนทางเบื้องหน้าของเขามิได้เรียบง่ายอย่างที่คิด จำต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเกินคณานับ สังหารทุกคนที่เข้าขัดขวาง ยอดผู้ฝึกยุทธ์พเนจรท่องโลกาท้ายุทธภพสุดขอบฟ้า จนกลายเป็นที่รู้จักในนามเทพปีศาจแห่งจักรวาล ปกครองความเป็นและความตาย

แม้กระทั้งสรวงสวรรค์ยังต้องก้มกราบต่อหน้าเขา!