ตอนที่ 64 นัดล่วงหน้า

ท้องฟ้าที่มืดสนิทเริ่มมีแสงสว่างปรากฏขึ้น ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลอยขึ้นจากผืนดินดินเบื้องล่างขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบน
แสงแรกของเช้าวันใหม่ที่ส่องผ่านมาทางหน้าต่าง ได้ตกกระทบร่างของหลินหนานที่นอนหลับไหล หลินหนานนอนอาบแดดอยู่เช่นนั้น ใบหน้าคมสันเป็นเหลี่ยมจึงดูราวกับรูปปั้น
แต่แล้วจู่ๆ เปลือกตาทั้งสองข้างของเขาก็เปิดขึ้น ก่อนจะปิดลงอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“ฮู่ว..”
ระหว่างที่หลินหนานพ่นลมหายใจออกมานั้น ก็มีเส้นสีขาวจางๆพุ่งออกมาด้วย
เมื่อคืนนี้ หลังจากที่หลินหนานออกมาจากหมู่บ้านหมิงเหมินแล้ว เขาก็กลับมาที่ห้องเช่าของตนเองบนถนนหวู่หลง
ตลอดทั้งคืน หลินหนานแทบไม่ได้นอน และเอาแต่บ่มเพาะพลังปราณ จนสามารถฟื้นคืนพลังปราณภายในร่างกายของตนเองได้ และเวลานี้พลังปราณของเขาก็ฟื้นกลับคืนมาถึงเจ็ดแปดส่วนแล้ว ทำให้อารมณ์และจิตใจของหลินหนานค่อนข้างดีมาก
หลังจากลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้ว หลินหนานก็เปิดประตูห้องออก พร้อมกับยืนยืดเส้นยืดสายอยู่
ในระหว่างนั้น ประตูห้องที่อยู่ตรงข้ามห้องเขาก็มีเสียงแกร๊กดังขึ้น แล้วประตูก็เปิดออก และศรีษะของใครบางคนก็โผล่ออกมา
เด็กหนุ่มผมยุ่งเหยิง สวมแว่นตาเหมือนพวกโอตาคุ เดินถือถังขยะออกมาจากห้อง และเมื่อเห็นหลินหนาน เขาก็ชะงักเล็กน้อย ใบหน้าซีดขาวผิดธรรมชาตินั้น รีบร้องตะโกนทักทายหลินหนานทันที
“พี่หนาน.. อรุณสวัสดิ์ครับ!”
“อรุณสวัสดิ์คุณนักเขียนชื่อดัง!” หลินหนานตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
เด็กหนุ่มคนนี้ชื่อว่าเฉียวเฟิง ทำงานเป็นนักเขียนนวนิยายออนไลน์ฟรีแลนซ์ แต่ถึงแม้จะเขียนนิยายมานานถึงสองสามปี นิยายที่เขาเขียนก็ยังไม่ได้รับความนิยม และเป็นที่โด่งดัง
“พี่หนาน.. อย่าล้อผมแบบนี้สิครับ ผมไม่ใช่นักเขียนชื่อดังสักหน่อย!” เฉียวเฟิงยกมือขึ้นขยับแว่นด้วยท่าทางเขินอาย
หลินหนานเหลือบมองถังขยะในมือของเฉียวเฟิง และเห็นแต่กระดาษชำระกับซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เขาจึงอดไม่ได้ที่จะหยอกเย้าเฉียวเฟิง
“นี่คุณนักเขียนชื่อดัง อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพตัวเองด้วย ยังเด็กยังเล็ก ไม่ควรกินแต่บะหมี่ซองแบบนี้..”
เฉียวเฟิงถึงกับหน้าแดงก่ำเมื่อถูกหลินหนานหยอกเย้าเช่นนั้น และรีบตอบกลับไปว่า “พี่หนาน.. พี่เข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ใช่นักเขียนชื่อดังสักหน่อย!”
“นี่ฉันเองก็ชอบอ่านนิยาย.. นายเขียนอะไรเอามาให้ฉันอ่านดูบ้างสิ!” หลินหนานเดินเข้าไปขวางหน้า พร้อมกับบอกไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“พี่หนาน พี่เคยอ่านนิยายออนไลน์ด้วยเหรอ?” เฉียวเฟิงถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“อืมม.. แต่ตอนนี้ไปกินข้าวเช้าด้วยกันก่อน ฉันจะเลี้ยงนายเอง!” หลินหนานเอ่ยชวนเฉียวเฟิง
“จริงเหรอพี่หนาน?”
เฉียวเฟิงร้องตะโกนถามออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เขากำลังเงินขาดมือ และต้องใช้ชีวิตอยู่แต่ในห้องเช่า แล้วก็กินแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมานานหลายวัน
“จริงสิ! วันนี้พวกเราไปหาอะไรอร่อยๆกินกันจะดีกว่า” หลินหนานตอบกลับไปพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
“ตกลงครับ!” เฉียวเฟิงตอบกลับทันที
…..
ทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันออกไป แต่แล้วจู่ๆหลินหนานก็สัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตบางอย่างที่แผ่ซ่านออกมา
“พี่หนาน จู่ๆทำไมถึงหยุดเดินดื้อๆแบบนี้ล่ะ?” เฉียวเฟิงถามขึ้นด้วยความงุนงงสงสัย
“เสี่ยวเฟิง.. นี่นายไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ?” หลินหนานเอ่ยถาม
เฉียวเฟิงหันมองไปรอบๆ แต่แล้วเขาก็ถึงกับต้องขาสั่นราวกับกำลังพบเจอบางสิ่งบางอย่างที่น่าสะพรึงกลัว หลินหนานรีบหันมองตามไปทันที และในที่สุดเขาก็พบต้นกำเนิดของรังสีอำมหิตที่ว่านี้
ห่างจากพวกเขาทั้งคู่ไปราวหนึ่งร้อยเมตร หญิงร่างอ้วนคนหนึ่งกำลังยืนจ้องพวกเขาทั้งสองคนด้วยดวงตาขมึงทึง
“โอ้.. ที่แท้ก็เป็นพี่สาวคนสวยนี่เอง!” หลินหนานรีบยิ้มให้พร้อมกับร้องทักทายทันที แม้แต่เขายังรู้สึกหวาดกลัวผู้หญิงคนนี้
ผู้หญิงคนนี้ก็คือหญิงที่โด่งดังแห่งถนนหวู่หลง เธอก็คือจูเหมยลี่ และใครๆต่างก็เรียกเธอว่าพี่เหมยลี่!
“หลินหนาน นี่แกยังกล้ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกเหรอ?”
พี่สาวคนสวยยืนเท้าสะเอวพร้อมกับร้องตะโกนถามด้วยน้ำเสียงประชดประชัน เสียงตะโกนของเธอดังเสียยิ่งกว่าเสียงระเบิดนิวเคลียร์ แม้แต่นกยังพากันบินหนี สุนัขต่างวิ่งหนีหางจุกตูด
หลินหนานและเฉียวเฟิงถึงกับหูอื้อ!
และนี่คือเอกลักษณ์ของจูเหมยลี่!
เฉียวเฟิงยืนเอามือกุมหน้าอกไว้ ราวกับกลัวว่าตนเองจะเป็นโรคหัวใจอย่างกะทันหันด้วยความตกใจ ส่วนหลินหนานที่สามารถสงบสติได้เร็วกว่า จึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า
“พี่เหมยลี่.. ทำไมผมถึงจะเจอพี่ไม่ได้ล่ะ ในเมื่อผมไม่ได้เป็นโจรลักเล็กขโมยน้อยสักหน่อย!”
“ก็ดี! ถ้างั้นก็รีบๆจ่ายค่าเช่าห้องมา แกค้างค่าห้องมาเกือบจะสองเดือนแล้ว” เหมยลี่รีบทวงค่าเช่าห้องทันที
“เอ่อ.. เดี๋ยวผมจะรีบจัดการให้นะครับ!” หลินหนานตอบกลับไปพร้อมกับหัวเราะหึๆ
“อ่อ.. แล้วก็ของยัยเด็กแซ่เฉิงนั่นด้วย ดูเหมือนจะค้างมาสามเดือนแล้ว!”
จากนั้นจูเหมยลี่ก็หันไปตวาดใส่เฉียวเฟิง “แล้วแกล่ะ? ค้างค่าเช่าห้องมาร่วมสามเดือนแล้ว เมื่อไหร่จะจ่าย? ฉันไม่ได้ทำองค์การกุศลนะ ถ้าไม่มีจ่ายก็รีบๆย้ายออกไป ฉันจะได้ให้คนอื่นมาเช่าแทน!”
“พี่เหมยลี่ครับ ผมจะรีบหาจ่ายให้เร็วที่สุดนะครับ!” เฉียวเฟิงรีบตอบกลับไปทันที
“เดี๋ยว.. เดี๋ยวอีกแล้ว.. น่ารำคาญที่สุด!” จูเหมยลี่ร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห ก่อนจะเดินฟึดฟัดจากไป
หลินหนานได้แต่นึกสงสัย ก่อนหน้านี้เฉิงซินเย่วจ่ายค่าเช่าห้องตรงมาตลอด เธอจะค้างค่าเช่าห้องได้ยังไงกัน?
หรือเธอกำลังประสบกับปัญหาอะไรกันแน่?
……….
หลินหนานพาเฉียวเฟิงไปทานอาหารเช้า ระหว่างนั้นทั้งคู่ก็ได้สนทนากันไปด้วย ทำให้หลินหนานได้รู้ว่า การเป็นนักเขียนนิยายออนไลน์นั้นช่างน่าสมเพชเวทนายิ่งนัก แต่ในโลกนี้มีอาชีพใดบ้างเล่าที่ไม่ยากลำบาก!
เฉียวเฟิงยกมือขึ้นเช็ดมุมปาก พร้อมกับถามอายๆ “พี่หนาน ผมอิ่มแล้ว แต่ว่า.. ผมขอซื้อกลับไปเผื่อกินตอนเที่ยงกับตอนเย็นได้มั๊ยครับ?”
“ได้สิ!”
หลินหนานสั่งอาหารห่อกลับบ้าน และยื่นให้กับเฉียวเฟิงพร้อมกับพูดขึ้นว่า “นี่น่าจะพอกินได้ตลอดทั้งวัน!”
“ขอบคุณครับพี่หนาน ไว้ผมมีเงินเมื่อไหร่จะเอามาคืนพี่แน่ๆ!” เฉียวเฟิงบอกหลินหนานด้วยใบหน้าแดงก่ำ
หลินหนานยกมือขึ้นตบไหล่เฉียวเฟิง พร้อมกับให้กำลังใจ “ไม่เป็นไร นายตั้งใจทำงานให้ดี สวรรค์เมตตาคนที่ตั้งใจทำงานอย่างหนักเสมอ!”
“ครับพี่หนาน ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนนะครับ”
จากนั้นเฉียวเฟิงก็เดินถือถุงอาหารกลับไป..
“เด็กคนนี้เป็นคนที่มีความเคารพตัวเองสูงมากทีเดียว!” หลินหนานพึมพำกับตัวเอง
หลินหนานเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ถึงแม้ว่าวันนี้เป็นวันที่เขาจะต้องไปทำงานที่บริษัท แต่เขาก็ตั้งใจว่าจะไม่เข้าไปที่นั่น เพราะมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องไปจัดการ
เขาต้องรีบไปหาซื้อสมุนไพร!
เขาจำเป็นต้องไปหาซื้อสมุนไพรสำหรับช่วยฟื้นฟูพลังปราณในร่าง และสมุนไพรที่ช่วยส่งเสริมในเรื่องการฝึกกำลังภายในของเขาด้วย
“แถวนี้มีแต่ร้านขายยาแผนปัจจุบัน ฉันจะไปหาร้านขายยาจีนได้ที่ไหนกันนะ?” หลินหนานบ่นพึมพำในขณะที่เดินไปตามท้องถนน
และเมื่อเขาเดินผ่านร้านบะหมี่ของลุงซาน เขาก็เห็นเด็กวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ที่มีสีผมแตกต่างกันไปอยู่ในร้านเต็มไปหมด และเฉินห่าวก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย ทั้งหมดกำลังสาละวนอยู่กับการทาสีร้าน และซ่อมแซมโต๊ะเก้าอี้ภายในร้านใหม่
“เฉินห่าว..” หลินหนานร้องตะโกนเรียก
เฉินห่าวได้ยินเสียงคนเรียกชื่อตนเอง จึงรีบหันไปมอง และเมื่อพบว่าเป็นหลินหนาน เขาก็รีบโค้งศรีษะ และทักทายอย่างเคารพนบนอบ
“สวัสดีครับพี่หนาน!”
“นี่พวกนายมาช่วยตกแต่งร้านให้กับลุงซานตั้งแต่เช้าตรู่เลยเหรอ?” หลินหนานถามยิ้มๆ
“ครับพี่หนาน.. แต่น่าแปลกมากเลย! จู่ๆเมื่อเช้าพี่หัวโล้นก็นำเงินมาให้ฉันตั้งแต่เช้าตรู่ บอกว่าเป็นค่าชดเชยที่ทำร้านลุงซานเสียหาย! แล้วยังกำชับฉันให้ช่วยตกแต่งร้านลุงซานให้ดีด้วย..”
เฉินห่าวเล่าให้หลินหนานฟังด้วยสีหน้างุนงง นั่นเพราะใครๆต่างก็รู้ว่าหัวโล้นเป็นคนขี้เหนียวเพียงใด ปกติแล้วยากนักที่เขาจะยอมควักเงินตัวเองออกมาง่ายๆ
สงสัยว่าวันนี้พระอาทิตย์คงจะขึ้นทางทิศตะวันตก!
หลินหนานไม่รู้สึกแปลกใจ เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ที่โกลเดนพาเลซ หัวโล้นก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยตลอด แต่หลินหนานคร้านที่จะเล่าให้เฉินห่าวฟัง จึงได้ถามขึ้นว่า
“ตอนนี้อาการของลุงซานเป็นยังไงบ้าง?”
“อาการของลุงซานไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ฉันได้จัดการหาห้องพิเศษในโรงพยาบาลให้ลุงซานพักรักษา และได้บอกกับเขาว่าไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษา ระหว่างนี้ก็เลยพาลูกน้องมาช่วยกันตกแต่งร้านให้ใหม่ หลังจากลุงซานออกจากโรงพยาบาลมา จะได้เปิดร้านได้ทันที ร้านก็จะได้สวยและน่าเข้ากว่าเดิมด้วย” เฉินห่าวอธิบาย
“เฉินห่าว นายทำได้ดีมาก!” หลินหนานเอ่ยชม
เฉินห่าวยกมือขึ้นเกาศรีษะด้วยความเก้อเขิน พร้อมกับตอบไปว่า “พี่หนาน พี่ไม่ต้องชมฉันก็ได้ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ฉันเองก็มีส่วนผิด!”
หลินหนานหัวเราะและตอบกลับไปทันที “คนเราถ้าไม่เคยทำผิด จะรู้ว่าอะไรถูกได้ยังไงกันล่ะ ใช่มั๊ย?”
“นี่พี่หนาน.. เรื่องที่พี่สั่งให้ฉันทำเมื่อคืนนี้ ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดอยู่ในนี้!”
เฉินห่าวร้องบอกพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือออกมายื่นให้กับหลินหนาน เขารับมาพร้อมกับเปิดคลิปวีดีโอดูทันที
แต่เมื่อเสียงจากคลิปวีดีโอดังขึ้น ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาต่างก็หันมามองหลินหนานด้วยสีหน้ารังเกียจ จนหลินหนานต้องรีบปิดเสียง และดูเพียงแค่ภาพ
เมื่อเฉินห่าวเห็นหลินหนานยิ้มกว้าง เขาเองก็ปลื้มอกปลื้มใจอย่างมากเช่นกัน เพราะนั่นหมายความว่า หลินหนานพอใจในผลงานของเขา
“นี่.. ฉันมีเรื่องจะถามนายหน่อย!”
“พี่หนานถามมาได้เลย!”
“นายรู้มั๊ยว่าที่ไหนในเจียงไฮวที่ขายพวกสมุนไพรจีน?”
“โธ่! นึกว่าเรื่องอะไร? พี่หนาน.. พี่ไม่สบายเหรอ?” เฉินห่าวถามด้วยความอยากรู้
“ไม่ใช่ พอดีเพื่อนของฉันอยากได้สมุนไพรจีน แต่หาซื้อตามร้านขายยาทั่วไปไม่ได้!” หลินหนานโกหกเฉินห่าว
เฉินห่าวทำท่าทางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พูดขึ้นว่า “พี่หนาน.. แถวสะพานซื่อฟางในเขตเป่ยชูเป็นตลาดค้าสมุนไพร ที่นั่นเปิดมาเป็นร้อยปีแล้ว ฉันว่าที่นั่นน่าจะมีสมุนไพรที่พี่ต้องการ..”
“สะพานซื่อฟาง?!” หลินหนานพึมพำด้วยสีหน้าดีอกดีใจอย่างที่สุด
หากตลาดขายสมุนไพรย่านนี้เปิดมานานนับร้อยปี ย่อมหมายความว่าธุรกิจค้าขายสมุนไพรที่นั่นต้องใหญ่โต และแน่นอนว่าจะต้องมีสมุนไพรให้เลือกหลากหลายอย่างแน่นอน
หลังจากสอบถามที่ตั้งจนแน่ชัดแล้ว หลินหนานก็รีบมุ่งหน้าไปที่สะพานซื่อฟางในเขตเป่ยชูทันที!
……
บริเวณนี้เป็นเมืองเก่าแก่ บ้านเรือนส่วนใหญ่ยังคงเป็นบ้านโบราณเก่าๆ มีสะพานเล็กๆอยู่หลายสะพาน และมีแม่น้ำไหลผ่าน ให้ความรู้สึกในแบบของเมืองเจียงไฮวในอดีต
หลินหนานเดินถามผู้คนไปตลอดทาง และในที่สุดเขาก็ไปถึงตลาดค้าสมุนไพร ซึ่งอยู่ด้านหลังตลาดค้าผัก
บริเวณนี้มีผู้คนเข้าออกเป็นครั้งคราว และมีรถกระบะที่บรรทุกสมุนไพรเข้าออกอยู่เป็นจำนวนมาก มีร้านค้าสมุนไพรเล็กๆเรียงรายอยู่เต็มถนนมากมายไปหมด ได้บรรยากาศของตลาดอย่างแท้จริง
ทันทีที่หลินหนานก้าวเท้าเข้าไป พ่อค้าแม่ค้าต่างก็ร้องตะโกนทักทายเพื่อขายสินค้าของตนเอง
“พ่อหนุน มาหาซื้อสมุนไพรอะไรเหรอ?”
“ที่ร้านของเรามีกล้วยไม้หวายสดๆ ผงโสมซานซีก็มี ตังกุยก็มี..”
“ที่ร้านของเรายังมีรากมาคาด้วย หลังจากกินเข้าไปรับรองได้ว่าไตของพ่อหนุ่มจะแข็งแรง ไอ้หนูดึ๋งดั๋งเชียวล่ะ!”
หลินหนานไม่ตอบ และยังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ยิ่งเขาเดินเข้าไปลึกมากเท่าไหร่ กลิ่นสมุนไพรก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น เพราะบางร้านถึงกับตั้งเตาต้มสมุนไพรกันหน้าร้านเลยทีเดียว
หลินหนานเดินเข้าหยุดอยู่หน้าร้านขายยาที่มีชื่อว่า “หอฟู่ซิง”
เท่าที่เขาสังเกตเห็น ร้านขายยาแห่งนี้ดูเหมือนจะเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้ และยังเป็นร้านที่มีผู้คนเข้าออกมากที่สุดด้วย ภายในร้านมีตู้ยาสูงเรียงรายเป็นแถวอยู่มากมาย และด้านในก็มีคนสวมชุดขาวดูเป็นมืออาชีพคอยให้บริการอยู่มากมาย
หลังจากใคร่ครวญและสังเกตอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดหลินหนานก็ตัดสินใจก้าวเท้าเดินเข้าไปในร้าน แต่ยังไม่ทันที่เขาจะก้าวเท้าเข้าไปด้านใน เด็กหนุ่มคนหนึ่งก็ร้องตะโกนถามขึ้นเสียก่อน
“จะเข้าไปข้างใน.. ไม่ทราบว่ามีธุระอะไร?”
“เอ่อ.. ผมต้องการมาหาซื้อสมุนไพร!” หลินหนานตอบกลับไปอย่างสุภาพ
“จะมาซื้อสมุนไพรที่ร้าน ต้องนัดล่วงหน้ามาก่อน ไม่ทราบคุณได้นัดล่วงหน้ามาก่อนหรือเปล่า?” เด็กหนุ่มคนเดิมเอ่ยถามหลินหนาน
“แค่ซื้อสมุนไพร ต้องนัดล่วงหน้ามาก่อนงั้นเหรอ?” หลินหนานเอ่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากัน
“แน่นอน! ร้านยาของเราเปิดมานับร้อยปี ถ้าไม่ได้นัดมาล่วงหน้า ก็เชิญไปซื้อที่ร้านอื่นได้เลย ขอโทษด้วยผมไม่มีเวลาที่จะพูดกับคุณ..” เด็กหนุ่มคนเดิมบอกหลินหนานอย่างหมดความอดทน