บทที่ 37 กลับมาอย่างประสบความสำเร็จ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 37 กลับมาอย่างประสบความสำเร็จ

บทที่ 37 กลับมาอย่างประสบความสำเร็จ

กู้เสี่ยวหวานยับยั้งอารมณ์ตื่นเต้น รุดขึ้นหน้าไปหยุดลงข้างสระน้ำ นางแหวกวัชพืชน้ำริมสระ ซึ่งใต้วัชพืชน้ำสีเขียวมรกตนั้นก็มีปลาตัวอวบอ้วนกำลังแหวกว่ายไปมา

“ยอดไปเลย!” กู้เสี่ยวหวานพึมพำเสียงเบา

ถ้าจับปลากลับไปได้ตัวหนึ่ง และทำน้ำแกงปลาให้น้องชายและน้องสาวกิน คงจะเป็นสุดยอดอาหารเสริมแน่ ๆ!

กู้เสี่ยวหวานเป็นคนคิดไวทำไว เมื่อเหลือบไปมองสระน้ำลึก นางจึงพบปัญหาอีกครั้ง เพราะปลาตัวนี้มองเห็นแต่จับต้องไม่ได้ เช่นนั้นนางควรทำอย่างไรดี

กู้เสี่ยวหวานมองเครื่องมือในมือตัวเอง แล้วหยิบเชือกผูกกับก้อนหินใหญ่ หลังจากนั้นก็โยนลงไปในสระน้ำ เชือกจมลงตามแรงโน้มถ่วงของน้ำหนักหิน กู้เสี่ยวหวานจับเชือกเอาไว้ เชือกในมือของนางใกล้จะหย่อนลงไปสุดแขนแล้ว แต่ดูเหมือนว่าหินจะยังจมไม่ถึงก้นสระ

สระน้ำแห่งนี้ลึกจริง ๆ กู้เสี่ยวหวานถอนหายใจ พลางดึงเชือกขึ้นใหม่อีกครั้ง เด็กหญิงมองไปที่ด้านล่างของสระน้ำลึกที่ไม่รู้จุดสิ้นสุดด้วยความงุนงง

“พี่สาว เมื่อครู่พี่ทำอะไร” กู้หนิงอันถามด้วยความสงสัย เขาเห็นกู้เสี่ยวหวานขว้างหินที่ผูกกับเชือกลงไปแล้วดึงขึ้นมา นางกำลังทำอะไรกันแน่

“ข้ากำลังพยายามวัดว่าก้นสระลึกแค่ไหน!” กู้เสี่ยวหวานตอบ “โยนเชือกยาวนี้ลงไป แต่มันก็ยังไม่ถึงก้นสระ ดูแล้วสระนี้น่าจะลึกกว่าที่คิด จำเอาไว้ว่าในอนาคตอย่ามาตรงสระน้ำ พวกเราว่ายน้ำไม่ได้ ถ้าตกลงไปจะตายเอา”

กู้เสี่ยวหวานถอนหายใจครู่หนึ่ง เฮ้อ ไม่รู้ว่าทำไมนางถึงรู้สึกกลัวน้ำจริง ๆ แผ่นหลังของนางเย็นวาบอย่างไร้เหตุผล คาดว่าน่าจะเป็นเพราะเจ้าของร่างเดิมจมน้ำเสียชีวิตกระมัง เด็กหญิงครุ่นคิดกับตัวเอง

“เอ๋?” กู้หนิงอันสงสัย “พี่สาว พี่ว่ายน้ำเป็นนะ ในหมู่บ้านเราพี่ว่ายน้ำเก่งไม่เป็นสองรองใคร เด็กในหมู่บ้านพวกเราไม่มีใครเทียบพี่ได้! หน้าร้อนนี้พี่ยังสอนข้ากับหนิงผิงว่ายน้ำอยู่เลย”

กู้เสี่ยวหวานสะอึกหนึ่งเสียง นางว่ายน้ำเป็นหรือ? ตอนถูกกู้ซินเถาผลักตกน้ำ ไม่ใช่ว่านางจมน้ำตายหรือ?

“พี่สาว ทักษะการว่ายน้ำของพี่สุดยอดมาก” กู้หนิงอันเห็นท่าทางไม่เชื่อของนาง จึงคิดว่านางรู้สึกหวาดกลัวกับการถูกผลักตกน้ำครั้งก่อน เขาก็รีบอธิบายอย่างฉับไว “พี่เสี่ยวหวาน ที่พี่ตกน้ำครั้งที่แล้วเป็นเพราะว่ามือของกู้ซินเถาหนักเกินไป ตีจนพี่มึนงง ทั้งยังใส่เสื้อนวมบุฝ้าย ครั้นเมื่อตกน้ำ น้ำหนักจึงเพิ่มมากขึ้น พี่ตะเกียกตะกายอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง หลังจากที่ถอดเสื้อนวมออกได้ จึงรีบว่ายน้ำเข้าฝั่งด้วยตัวเอง แล้วก็หมดสติไป ข้ากับหนิงผิงเป็นคนมาเจอและพาพี่กลับบ้าน”

กู้เสี่ยวหวานได้ฟังแบบนี้ก็เข้าใจแล้วว่าเจ้าของร่างกายไม่ได้จมน้ำตาย แต่หนาวตายต่างหาก สายน้ำในเดือนสิบสองตามปฏิทินจันทรคติก็หนาวเหน็บอยู่แล้ว อีกทั้งร่างกายเปียกโชกยังไร้อาภรณ์สวมใส่ ไม่ง่ายเลยที่จะกลับขึ้นฝั่ง ทั้งหนาวและเหนื่อยล้า จากนั้นก็แข็งตาย

กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้วมุ่น น่าเสียดายเหลือเกิน!

ทว่ากู้เสี่ยวหวานกลับรู้สึกมีความสุขทันใด ถึงอย่างไรก็ได้รู้ว่าร่างกายของตนเองมีทักษะดังกล่าวค่อนข้างดี

กู้เสี่ยวหวานเหลือบมองสระน้ำลึก สายน้ำลึกไหลเชี่ยว เป็นเรื่องยากจะจับปลา นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมแพ้ สู้กลับไปหาวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ดีกว่าหรือ แล้วค่อยกลับมาใหม่

กู้เสี่ยวหวานหมดหนทาง ล้มเลิกความคิดที่จะทำแกงปลา ก่อนจะดึงกู้หนิงอันกลับมาแล้วจากไป

ทั้งสองเดินตามสัญลักษณ์ที่ทิ้งไว้บนต้นไม้ก่อนหน้านี้ ตอนที่เดินทางมาถึงป่าทึบ กู้เสี่ยวหวานก็หยิบโสมออกมาจากกระบุงและกอดเอาไว้ในอ้อมแขน คาดว่านางจะต้องเก็บฟืนกลับไปด้วยเป็นแน่ แน่นอนว่านางกลัวว่าตนจะทำให้โสมได้รับความเสียหาย และที่สำคัญหากถูกคนในหมู่บ้านพบเข้า มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่

สองพี่น้องตามหาอยู่นานกว่าจะเจอโสมรากนี้ หากคนในหมู่บ้านล่วงรู้เรื่องที่เด็กอายุหกขวบและแปดขวบเข้าไปในภูเขา ทั้งยังกลับมาโดยไม่ได้รับอันตราย และยังเก็บโสมกลับมาหนึ่งราก ทุกคนจะต้องแห่แหนกันมาขึ้นภูเขาเป็นแน่แท้

เมื่อมีผู้คนขึ้นเขามากขึ้น ของดี ๆ จะถูกฉวยเก็บกลับไป เมื่อถึงเวลานั้นหากพวกนางต้องการหาของดี ๆ มันต้องยากกว่าการปีนขึ้นไปบนฟ้าแน่ ๆ

อย่าโทษว่ากู้เสี่ยวหวานเห็นแก่ตัว หากแม้แต่ตัวนางเองก็ไม่สามารถแก้ปัญหาปากท้องของตนเองได้ การเสียสละช่วยเหลือผู้คนจึงเป็นเรื่องไร้สาระ

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้เสแสร้ง หากนางใจกว้างขนาดนั้น คนที่จะอดตายก็คือครอบครัวของตนเอง ความสัมพันธ์เหล่านี้กู้เสี่ยวหวานจึงแยกมันออกอย่างชัดเจน

กู้เสี่ยวหวานและกู้หนิงอันยังคงหาหัวไชเท้าป่าในพื้นที่โล่งกว้าง พื้นที่โล่งแห่งนี้ล้วนเต็มไปสีเหลือง มีเพียงหัวไชเท้าป่าบางส่วนเท่านั้นที่ยังคงเป็นสีเขียวขจี แต่เป็นเพราะว่าวัชพืชรกหนาทำให้เห็นเพียงปลายใบสีเขียวของหัวไชเท้าเท่านั้น

พวกนางหาหัวไชเท้าป่าอย่างระมัดระวัง ซึ่งใช้เวลาอยู่นานก็เก็บหัวไชเท้าได้เต็มตะกร้า ตอนนี้เองที่กู้เสี่ยวหวานรู้สึกปวดเอวเล็กน้อย

นางยืดตัวขึ้นทุบเอวตัวเอง เงยหน้ามองท้องฟ้า

ดวงอาทิตย์ที่อบอุ่นในฤดูหนาว ท้องฟ้าอันบริสุทธิ์ พื้นที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต เมฆขาวพลิ้วไหว มีเพียงหลายพันปีก่อนหน้านี้เท่านั้นที่จะได้เห็นความบริสุทธิ์ของเมฆสีขาวได้

กู้เสี่ยวหวานถอนหายใจ สูดหายใจเข้าเล็กน้อย รู้สึกเพียงภายในอากาศมีกลิ่นหอมหวานอบอวล

จนกระทั่งไม่อาจใส่สิ่งใดลงกระบุงได้ กู้เสี่ยวหวานจึงเอ่ยขึ้น “หนิงอัน พวกเรากลับกันเถอะ”

เมื่อมองจากท้องฟ้าก็พบว่าตอนนี้น่าจะล่วงเลยบ่ายสองโมงไปแล้ว ไม่รู้ว่าเด็กน้อยสองคนที่บ้านกำลังทำอะไรอยู่ กินข้าวหรือยังหนอ เมื่อคิดถึงการกิน กู้เสี่ยวหวานที่ยุ่งตลอดทั้งบ่ายจึงรู้สึกว่าหิวขึ้นมาเล็กน้อย

กู้หนิงอันเป็นยิ่งกว่านั้น ท้องของเขาส่งเสียงร้องประท้วงดัง เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินจึงมองกู้หนิงอันอย่างขบขัน

ใบหน้ากู้หนิงอันหน้าแดงก่ำ เขาเกาศีรษะอย่างเขินอาย

“พวกเรากลับกันเถอะ!” กู้เสี่ยวหวานเสนอ หลังจากนั้นหญ้าแห้งกองใหญ่ก็ถูกปิดลงบนกระบุง เป็นเช่นนี้แล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าของข้างในคืออะไร

กู้หนิงอันเลียนแบบพี่สาว เขาใส่หญ้าแห้งกองใหญ่ลงกระบุง เมื่อแน่ใจว่ามองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน ก็แบกกระบุงขึ้นหลังแล้วเดินออกจากภูเขาไป

………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

น่าเสียดายที่ไม่มีเบ็ดหรือแห ไม่งั้นได้ปลาตัวใหญ่กลับไปแน่ๆ

แต่อย่างน้อยก็ได้ของดีอย่างโสมมาแล้วล่ะนะ

ไหหม่า(海馬)