บทที่ 40: จัดเก็บ เอาไปด้วย
หลานเยาเยากำลังตกอยู่ในภวังค์ของห้องที่เต็มไปด้วยเงินมากมาย…
ดวงตาของเย่แจ๋หยิ่งตกลงบนหนังสือตัดความสัมพันธ์พ่อลูก ดวงตาที่ล้ำลึกของเขาหรี่ขึ้นเล็กน้อย
จากนั้น หลานเยาเยาก็ถูกเสียงเยียบเย็นที่ดูเย็นชาเล็กน้อยปลุกให้ตื่นขึ้นจากภวังค์ “ถึงกับถึงให้ข้าต้องมาเสียเวลาถึงเพียงนี้”
พูดไป เย่แจ๋หยิ่งก็เคลื่อนสายตาไปหาจื่อเฟิงที่ยืนอยู่ด้านหนึ่ง และเอ่ยเสียงเรียบ “จัดเก็บและพากลับไปด้วย!”
หลังจากพูดจบเขาก็ลุกขึ้นและออกจากห้องไป
ดั่งที่เห็น!
พ่อบ้านเหมยมองหลานเฉินมู๋อย่างเย็นชา และส่งเสียงฮึขึ้นมาทีหนึ่ง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและเดินจากไป
ในเวลานี้!
จื่อเฟิงเดินไปข้างหน้าหลานเยาเยา และใช้สายตาราบเรียบมองดูนางอย่างแน่นิ่ง และไม่ทันรอให้หลานเยาเยาได้เอ่ยปาก เขาก็พกนางกลับไปด้วยทันที
–
จวนอ๋องเย่ ลานซวนซี
ลานซวนซีเป็นลานสวนที่สวยงามและสง่างามที่สุดภายในจวนอ๋องเย่ ที่แห่งนี้มีทิวทัศน์อันงดงามราวกับภาพวาด ดอกไม้บานสะพรั่ง และอากาศสดชื่นบริสุทธิ์ เป็นพ่อบ้านเหมยที่เริ่มสร้างสวนแห่งนี้เอาไว้เพื่อรองรับว่าที่พระชายาของจวนอ๋องในอนาคต
“ตุ๊บ … ”
“โอ้ย โดนก้นข้าแล้ว!”
หลังจาก จื่อเฟิงจึงอุ้มเธอเข้าไปในห้องนอนของเธอ จากนั้นจึงโยนเธอลงไปที่พื้นโดยไม่มีความเมตตาเลยแม้แต่น้อย จากนั้นจึงหมุนตัวและเดินจากไปทันที
หลานเยาเยาที่ถูกโยนลงพื้นราวกับผักปลา รีบลุกขึ้นบ่น ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปาก ก็ค้นพบว่าในห้องนั้นว่างเปล่าไปแล้ว
เอ่อ……
คนล่ะ?
แย่งคนมาเสร็จก็หนีไปงั้นเรอะ!
แม้ว่าเธอมองเห็นธุรกิจของเย่แจ๋หยิ่งอยู่ในสายตา แต่อย่างไรเสียนางก็ยังเป็นคนให้ความสำคัญกับหลักการ คิดหรือไงว่านางจะแต่งให้กับเขาเพียงเพราะเงิน?
แน่นอนว่าคำตอบคือใช่
แม้ว่าเย่แจ๋หยิ่งจะร้ายกาจไปมาก แต่หลังจากแต่งงานเข้ามาแล้ว เธอก็นับว่าเป็นคนของจวนอ๋องเย่ เย่แจ๋หยิ่งคงไม่ถึงกับต้องการเอาชีวิตเธอหรอกมั้ง?
เงินเชียวนะ!
เงินเยอะมากๆ!
ในขณะที่กำลังคิด…
สายลมเย็นๆก็พัดมาอย่างช้าๆปลุกให้จิตสำนึกของหลานเยาเยาได้สติขึ้นมาอยู่หลายส่วน
ไม่ได้ ไม่ได้ ต้องทำสัญญากฎหมายตราสามดวง มิเช่นนั้นเธอพอถึงเวลาจริงเธอก็เสียเปรียบอย่างยิ่งน่ะสิ?
ดังนั้น!
หลานเยาเยาจึงก้าวเท้าของเธอและรีบเดินออกไปจากประตู เมื่อเธอเห็นทหารยามคนหนึ่ง เธอจึงเอ่ยถามขึ้น
“ท่านอ๋องของพวกเจ้าล่ะ?”
“ไม่ทราบ!”
องครักษ์ที่ถูกคาดคั้นงุนงงอยู่บ้าง หลังจากเห็นว่าเป็นหลานเยาเยา นัยน์ตาก็สว่างขึ้นมาทันใด
นี่คือผู้หญิงคนนั้นที่โดนท่านอ๋องรังแกไม่ใช่หรอกหรือ? ว่าที่พระชายาของท่านอ๋องในอนาคต?
ว่าแต่ ท่านอ๋องไปไหนไม่ใช่ว่านางควรจะถามตนเองหรอกหรือไง?
ใครจะคาดคิด …
ทันทีที่เขาเอ่ยว่าไม่รู้ ยังไม่ทันได้ขาดคำ หลานเยาเยาก็หายไปต่อหน้าต่อตา
หลานเยาเยามาถึงสวนขององค์หญิงจาวหยางด้วยความร้อนรน เมื่อมองเห็นว่ามีเพียงองค์หญิงเพียงแค่ผู้เดียว นางก็รีบหมุนตัวและจากไปทันที
ทำเอาหญิงองค์หญิงจาวหยางงุนงงอย่างยิ่ง!
โชคดีที่ได้พบพ่อบ้านเหมยที่หน้าประตูใหญ่ของจวนอ๋องเย่ ถึงแม้ว่าหลานเยาเยาจะรู้ว่าเขาเป็นคนของจวนอ๋อง แต่หลับไม่รู้ว่าที่แท้แล้วเขามีหน้าที่อะไรกันแน่
แต่ว่าวันนี้คนผู้นี้ติดตามเย่แจ๋หยิ่งไปยังจวนแม่ทัพด้วยกัน ดังนั้น จะต้องเป็นคนที่เย่แจ๋หยิ่งให้ความสำคัญแน่นอน
ดังนั้น!
นางรีบหยิบยกรอยยิ้มหวานขึ้นมาในทันที และเอ่ยตะโกนชื่นชม
“ท่านลุง ดูท่าทางโดดเด่นราวกับอมตะของท่านเข้าสิ เห็นทีตอนท่านยังหนุ่มแน่นจะต้องเป็นคนที่หล่อเหลาสง่างามแน่นอน ท่านทราบหรือไม่ว่าท่านอ๋องของพวกเราอยู่ที่ใดกัน?”
พ่อบ้านเหมยที่เส้นผมใบศีรษะเปลี่ยนเป็นสีขาวมานานแล้ว สำหรับคนอายุเช่นหลานเยาเยา สามารถนับได้ว่าตนเป็นคนของปู่ของเธอแล้ว แต่หลานเยาเยากลับเรียกเขาว่าลุง?
นั่นมิใช่หมายความว่าเขายังดูไม่แก่หรอกหรือ?
พ่อบ้านเหมยราวกับติดปีก ก่อนจะมีสีหน้ายินดีและเอ่ยตอบอย่างมีความสุข “ท่านอ๋องเพิ่งจะออกไปจากจวน พระชายาโปรดรอท่านอ๋องกลับมาอย่างวางใจ หากมีเรื่องอะไรรีบร้อนจัดการได้โปรดบอกข้า”
รถม้าเป็นเขาที่จัดเตรียมขึ้น ในขณะที่เขาเพิ่มเขามา ก็เห็นท่านอ๋องกำลังเตรียมขึ้นรถม้าพอดี คาดว่าตอนนี้รถม้าคงไปไกลแล้ว
เอ่อ……
พระชายา?
ข้าวสารยังไม่ทันได้เป็นข้าวสุกเลยนะ?
หลานเยาเยาเหลือบมองไปที่ประตูใหญ่ และเห็นรถม้าที่ทั้งงดงามและไม่ธรรมดาคันหนึ่งจอดอยู่พอดี พริบตาเดียวนางก็เอ่ยขึ้น
“เช่นนั้นท่านอ๋องไปไหนกัน? รถม้าคันนั้นข้าขอยืมชั่วครู่ได้หรือไม่? ”
มองเมื่อสายตาแพรวพราวของหลานเยาเยา พ่อบ้านเหมยก็ตะลึงไปทันที
ประตู? รถม้า?
ที่ประตูจะมีรถม้าได้อย่างไรกัน นอกเสียจากท่านอ๋องจะ…
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ พ่อบ้านเหมยก็หันกลับมาทันทีพร้อมดวงตาเปล่งประกาย
“พระชายา รีบๆๆ ท่านอ๋องยังไม่ได้ออกไป! เขาอยู่ในรถม้า”
“โอ้โอ้โอ้!”
ที่แท้เย่แจ๋หยิ่งยังไม่ได้ไปไหน! ไม่น่าล่ะนางถึงรู้สึกได้ว่ารถม้าคันนั้นดูไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง!
เช่นนั้น นางจึงรีบพุ่งเข้าไป …
อย่างไรก็ตาม เรื่องน่าแปลกอยู่ที่ ทันทีที่เท้าของนางแตะลงตรงประตูใหญ่ ล้อรถก็เริ่มขยับหมุนทันที
ทันใดนั้นดวงตาของหลานเยาเยาก็เบิกกว้าง ก่อนจะช้ำพลังทั้งหมดที่มีเพื่อไล่ตามรถไป
แต่ว่า……
มีสิ่งประหลาดก็คือ ยิ่งเธอวิ่งตามเร็วขึ้นเท่าไหร่ รถม้าก็ยิ่งวิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งสามารถรักษาระยะห่างจากเธอเอาไว้ได้ในระยะสามเมตร
หลังจากไล่ตามไปมารอบๆ หลานเยาเยาวิ่งเร็วเสียจนฝีเท้าของนางไร้ความรู้สึกไปแล้ว แต่ปากก็ยังคงเอ่ยตะโกนไม่หยุด
“เฮ้ หยุดเดี๋ยวนี้ รอก่อน ข้าต้องการพบท่านอ๋อง รอข้าด้วยสิ! ”
เดิมทีการเดินทางแบบนี้ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเธอ แต่ปัญหาอยู่ที่ร่างกายนี้
ร่างนี้ช่างอ่อนแอจนเกินไป ที่นางสามารถวิ่งมาได้นานขนาดนี้นับว่าเกินขีดจำกัดไปแล้ว พอค่อยๆผ่านไป นางก็รู้ว่าไม่สามารถตามได้ทันจากนั้นจึงผ่อนฝีเท้าลง
สุดท้ายจึงค่อยคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อสูดอากาศหายใจอย่างถี่หนัก สายตาของนางเต็มไปด้วยดวงดาวมากมายปรากฏขึ้น
“แฮ่ก…แฮ่ก……แฮ่ก… ”
โดยไม่รู้ว่าตนเองคุกเข่าอยู่ตรงนั้นไปนานเท่าไหร่ ในที่สุด นางก็กลับมาหายใจได้อย่างปกติอีกครั้ง หลานเยาเยาทิ้งร่างทั้งร่างของตนเองลงบนพื้นและตะโกนด้วยความโกรธ:
“เย่แจ๋หยิ่ง หูหนวกหรือไง? รอให้ถึงตาของข้าบ้างเถอะ
เพื่อทรัพย์สิน และความมั่งคั่งของเจ้า เอาไว้หลังจากที่ข้าเตะเจ้าออกไปได้เมื่อไหร่ ข้าจะจับเจ้ามัดไว้กับด้านหลังรถม้าจากนั้นจึงปล่อยให้เจ้าได้โบยบินราวกับว่าว”
ทำเอาขาของเธอแทบหักอยู่แล้ว ซ้ำลำคอของเธอยังแทบจะแตกออก เขาก็ยังไม่สนใจเธอ เจ้าตัวบัดซบ เห็นทีเขาจะต้องจงใจแน่ๆ
ใครจะคาดคิด…
“พ่อบ้านเหมย ไปเอาเสื้อคลุมกันลมมาให้ข้า!”
จู่ๆน้ำเสียงเยียบเย็นน่าดึงดูดก็ดังขึ้นมา ทันในนั้นหลานเยาเยาจึงเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะมองไปยังเย่แจ๋หยิ่งที่กำลังยืนอยู่ข้างรถม้าซึ่งไม่รู้ว่าถูกหยุดลงตั้งแต่เมื่อไหร่
เขาไม่ได้มองมาที่เธอ แต่กลับมองที่อื่น
“อึ๊กก… ”
เธออดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงไปยาวๆ ก่อนจะมองไปยังด้านซ้ายตามทิศที่เขากำลังจ้องไป
หงส์ฟ้อนมังกรเหินห้าคำนี้ ภาพของจวนอ๋องเย่ปรากฏเข้ามาในดวงตาจองเธอ ท่าทางองอาจดุดันของทหารองครักษ์เฝ้าประตูใหญ่กำลังมองเธอด้วยสายตาตื่นตะลึง
ซ้ำพ่อบ้านเหมยที่ก่อนหน้านี้มองดูหลานเยาเยาที่กำลังไล่ตามรถม้าอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้กลับตัวแข็งค้างไปเช่นกัน!
วินาทีนี้ หลานเยาเยาโขกศีรษะของตัวเองลงบนพื้นเบาๆอย่างห้ามไม่อยู่ นางแทบนึกอยากจะขุดหลุดเพื่อมุดตัวเองเข้าไป
รถม้าแห่งความรู้สึกของเย่แจ๋หยิ่งจู่ๆก็กลับมายังจวนอ๋องเย่อีกครั้ง ซ้ำคำพูดสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเองเหล่านั้นยังถูกเย่แจ๋หยิ่งได้ยินอย่างไม่ตกหล่นสักคำ
จบเห่!
ความฝันอันยิ่งใหญ่และแข็งกร้าวของเธอสูญสลายไปเสียแล้ว….
ตอนนั้นเอง!
“พ่อบ้านเหมย เหตุใดเจ้ายังไม่ไปอีก?” เสียงเอ่ยเตือนของเย่แจ๋หยิ่งดังขึ้นอีกครั้ง
“ขอรับ!”พ่อบ้านเหมยที่ได้สติกลับมาเหลือบมองดูหลานเยาเยา ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปด้านใน
ไม่นานหลัง พ่อบ้านเหมยก็เดินออกไปพร้อมกับเสื้อคลุมลมที่งดงาม ก่อนจะมอบมันให้กับเย่แจ๋หยิ่งอย่างนอบน้อม
เย่แจ๋หยิ่งรับเสื้อมา ก่อนจะขึ้นไปยังรถม้าโดยไม่แม้แต่จะเหลือมองนาง