บทที่ 41 เหตุสุดวิสัยที่อธิบายไม่ได้

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 41 เหตุสุดวิสัยที่อธิบายไม่ได้

มองดูสถานการณ์แล้ว หลานเยาเยาไม่สนใจว่าจะขายหน้าหรือไม่ ลุกขึ้นแล้ววิ่งเลย วิ่งตรงไปที่รถม้าของเย่แจ๋หยิ่ง ไม่ว่ายังไงครั้งนี้ก็ต้องขึ้นรถม้าให้ได้

โชคดีที่ฟ้ามีตา ก่อนที่ล้อรถยังไม่หมุน นางปีนขึ้นไปทันที

ใช่

หลังจากที่นางปีนขึ้นไปบนรถม้าอย่างเหนื่อยหอบ ทั้งยังเข้าไปข้างในรถม้าอย่างรวดเร็ว ถึงขนาดคนขับรถม้ายังไม่ทันรู้ตัว นางก็คลานถึงที่ข้างเท้าของเย่แจ๋หยิ่งแล้ว

ทันใดนั้น

หลังจากที่หลานเยาเยาเข้าไปแล้วอุณหภูมิภายในรถม้า หนาวขึ้นมาทันที และมีเหตุที่ส่อให้เห็นว่าจะยิ่งอยู่ยิ่งหนาว หลานเยาเยาหดลำคอโดยไม่รู้ตัว ตามด้วยส่งยิ้มแหะๆให้เย่แจ๋หยิ่ง

“ท่านอ๋อง ข้ามีเรื่องขอพบท่าน”

นางมาพร้อมท่าทางจริงจัง แต่กลับมีท่าคลานที่ติดตลก ราวกับหมาน้อยที่กำลังสะบัดหางร้องขอความเมตตา ทำให้เย่แจ๋หยิ่งที่กำลังโกรธจนจะระเบิดค่อยๆเย็นสงบลง

แต่เขาไม่ลังเลเลยที่จะส่งสายตานิ่งเฉยและสายตาที่ดูถูกให้กับนาง ตามด้วยคำพูดที่เย็นชา

“เจ้าอยากยึดครองจวนของข้างั้นหรือ?”

ระหว่างที่พูด ดวงตาของเย่แจ๋หยิ่งหรี่ลงเบาๆ กระตุกมุมปากยิ้มหยันบางจนไม่อาจบางได้อีก

ดีมาก

นังผู้หญิงคนนี้ คิดจะยึดครองสมบัติของเขาได้อย่างไรกัน?

“ไม่ไม่ไม่ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด บางครั้งคนเรามักใช้คำผิดในขณะที่รีบร้อน ยึดครองอะไรกัน ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก ท่านดูสิ ข้าจะได้เป็นพระชายาและอีกหน่อยข้าก็เป็นนายหญิงแล้ว จะใช้คำว่ายึดครองได้อย่างไรกัน?

เมื่อครู่ล้วนเป็นคำพูดเพราะโมโห ร้องจนคอแหบคอแห้ง ขาวิ่งจนจะหักอยู่แล้ว เวลาโกรธนะคำพูดอะไรก็พูดออกมาได้ทั้งนั้น ท่านอย่าคิดจริงจังนะ”

คำโบราณที่เขาพูดว่าดีไม่ใช่หรือ?

ของของท่านก็คือของของข้า ของของข้าก็ยังเป็นของของข้า แต่ว่าตอนนี้ต้องขจัดความสงสัยของเย่แจ๋หยิ่งก่อน นางจึงต้องพูดดีไว้ก่อน

“เฮ้อ”

ไม่รู้ว่าเย่แจ๋หยิ่งจะเชื่อนางหรือเปล่า แค่เห็นเขาส่งเสียง ฮึ แล้ว ก็ไม่ได้มองมาที่นางอีก แต่ดวงตาที่ลึกล้ำกลับหลับตาลง

“ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่านจริงๆ”

คลานอยู่แบบนี้ก็ไม่ใช่วิธีที่ดีนัก ถึงแม้จะรู้สึกว่านอนน่าจะสบายตัวกว่า แต่ว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านของตน ลุกขึ้นนั่งดีกว่า

หลานเยาเยา พูดไปด้วยค่อยๆยืนขึ้นด้วย กำลังคิดจะไปนั่งตรงข้ามเย่แจ๋หยิ่ง ทันใดนั้นรถม้าออกตัว นางเสียหลักโน้มทับไปทั้งตัว และไปทับโดนต้นขาของเย่แจ๋หยิ่งพอดี

หัวอยู่เสมอเอวของเขาที่มีสายรัดเอวพอดี มือทั้งสองข้างจับต้นขาทั้งสองของเขาและจับไว้อย่างแน่น ขาทั้งสองคุกเข่าตรงระหว่างต้นขาทั้งสองของเขาพอดี

ท่าทางที่เก้อเขินนี้ทำให้อากาศภายในรถม้าเงียบสงบไปชั่วขนาด

จนกระทั่งสายตาที่เย็นเฉียบสุดขีดมองมาที่ร่างกายของนาง ทำราวกับว่าจะยิงทะลุผ่านร่างกายนาง

“นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการพูดหรือ?” เสียงที่ทุ้มต่ำและมีแรงดึงดูดของเย่แจ๋หยิ่งดังขึ้น

“อา? เข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิดแล้ว” นางยิ้มแหยๆ อยากจะอธิบายว่าเป็นเพราะคนขับรถม้า แต่เมื่อได้มองเห็น

สายตา ดูเหมือนว่าไม่ว่านางจะอธิบายยังไงเขาก็จะไม่เชื่อ จึงพูดอย่างน้อยใจว่า

“มันไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านคิดจริงๆนะ”

เมื่อครู่นางวิ่งตามรถม้าของเขาอยู่ตั้งนาน หลังจากที่พูดนินทาเขา แล้วยังจะปีนขึ้นรถม้าเขาอีก ยังไม่ทันได้พูดกี่คำ ก็โน้มทับมาทางระหว่างต้นขาของเขาอีก…

เมื่อนึกถึงการพรรณนาเย่แจ๋หยิ่งของพระราชธิดาจาวหยาง หัวใจของนางเย็นวูบขึ้นมาทันที

โอ้พระเจ้า

ตอนนี้นางยังพูดได้ นับเป็นเรื่องโชคดีไหม?

ฮือ ฮือ ฮือ……

เป็นแค่เรื่องบังเอิญจริงๆเลยนะ

“หากไม่ได้เป็นอย่างที่ข้าคิด เจ้าจะอธิบายอย่างไรที่ตอนนี้เจ้ายังอาลัยอาวรณ์ไม่ยอมลุกขึ้นมาอีก อืม?” นางต้องการทำอะไรอีกกันแน่

นังผู้หญิงบ้า ความอดทนของเขามีขีดจำกัดนะ

เออ…

อาลัยอาวรณ์?

หลานเยาเยาอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา นางอาลัยอาวรณ์ตรงไหนกันล่ะ?

“นางแค่อยากอธิบาย แต่พูดออกมาไม่ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เย่แจ๋หยิ่งเข้าใจผิดอีก นางรีบลุกขึ้นมาทันที และนั่งตรงข้ามเขาแต่โดยดี แต่สายตากลับไม่เชื่อฟังเหลือบมองไปที่ช่วงล่างของเขา”

“ตอนนี้เจ้าเชื่อข้าได้หรือยัง” ดูเหมือนว่าใบหน้าของนางจะชนโดนเย่แจ๋หยิ่งน้อย หลานเยาเยามิอาจห้ามได้ที่จะจับใบหน้าของตนโดยพลัน…

“……”

เย่แจ๋หยิ่งมิอาจห้ามได้ที่จะนวดตรงหัวคิ้วของตน ดูเหมือนว่าปวดหัวหน่อยๆ

อาการตาเยิ้มที่นางแสดงออกมานั้น จะให้เขาเชื่อได้อย่างไร?

ไม่รู้จริงๆว่าเขาคิดตอบตกลงให้นังผู้หญิงลามกโลภมากคนนี้มาเป็นพระชายาของเขาได้อย่างไรกัน

คิดมาถึงตรงนี้ เขามิอาจห้ามได้ที่จะหลับตาแกล้งหลับ ไม่อยากมองหน้าหลานเยาเยาอีกครั้ง ยิ่งไม่อยากได้ยินนางพูดอีกแม้แต่คำเดียว

หลานเยาเยาจนปัญญาเสียจริง

นางไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ

ตอนนี้เย่แจ๋หยิ่งแสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากสนใจนาง มันทำให้นางยิ่งร้อนใจ

ทีนี้จะทำอย่างไรดี

หลานเยาเยาใช้ปลายนิ้วมือลูบต้นขาไปมาหลายครั้ง ในหัวก็คิดหาวิธีอย่างรวดเร็ว ผ่านไปครู่ใหญ่ สายตานางฉายแววประกายขึ้นมาอีกครั้ง

แหะๆ

เพียงแค่นางพูดปฏิเสธว่าไม่แต่งงานกับเขาแล้ว ให้เขาเอาของหมั้นกลับคืนไป ก็สามารถพิสูจน์เรื่องทั้งหมดได้แล้วใช่ไหมล่ะ?

ยิ่งไปกว่านั้น

ถึงแม้ชื่อเสียงและเงินทองเป็นสิ่งที่เย้ายวนใจคน แต่นางก็ไม่อาจทำเพื่อเห็นแก่ของเหล่านี้แล้วตบแต่งกับตระกูลผู้ดีว่าไหม? นางเป็นคนที่มีหลักเกณฑ์ของตัวเองนะ

หลานเยาเยารู้สึกว่าความคิดนี้ใช้ได้

หลังจากนางพยักหน้าให้กับตนเอง และเปิดปากพูด “อ๋องเย่ พูดตามความจริงนะ ข้า……”

พอดีกับตอนนี้

ล้อรถม้าข้างหนึ่งเหยียบโดนก้อนหินบนพื้นหนึ่งก้อน รถม้าโยกเอียงทันที

หลานเยาเยาโน้มตัวไปที่เย่แจ๋หยิ่งอีกครั้ง…

ครั้งนี้ไม่เอนเอียงไปทางใดทางหนึ่งทั้งตัวโน้มทับไปที่ร่างกายของเขา มากไปกว่านั้นคือ ปลายจมูกของทั้งสองชนเข้าหากันเบาๆจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ ริมฝีปากแดงของนางกับริมฝีปากบางของเขาห่างกันแค่เพียงหนึ่งนิ้ว

ดวงตาสองคู่ ที่ประสานกัน ทำให้ทั้งสองตกตะลึงมาก

พวกเขาเกือบจูบกันแล้ว บรรยากาศที่คลุมเครือ

โอบล้อมพวกเขาไว้ ทำให้พวกเขาต่างได้ยินเสียงหัวใจเต้นของกันและกัน

มองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรจุติมาเกิดอยู่ใกล้แค่เอื้อม เสียงหัวใจเต้นของหลานเยาเยา “ตึก ตึก ตึก ตึก ” เต้นอย่างรวดเร็ว……

หลังจากที่นางดึงสติกลับมา ก็รีบเด้งตัวออกไปทันที และกลืนสิ่งที่จะพูดก่อนหน้าลงคอไปเสียหมด

“แล้วอันนี้จะอธิบายอย่างไร?” เข้าทำเสียงไฮ้ พร้อมซักถาม

“อธิบาย?”

จะให้อธิบายบ้าบออะไรอีก

ตอนนี้ต่อให้กระโดดลงแม่น้ำหวงเฮอก็ล้างความผิดไม่หมดแล้ว

ดังนั้น จึงจำต้องพูดอย่างหมดอาลัยตายอยาก “ไม่อธิบายแล้ว เป็นอย่างที่ท่านคิดแหละ”

นางกลัวมากหากนางยิ่งอยากอธิบายอีก จะเกิดเหตุสุดวิสัยอะไรอีก พวกเขาจะต้องได้จูบกันจริงๆแน่

“ฮึ้ม” รู้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้

เย่แจ๋หยิ่งจัดแจงเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงหน่อยๆชั่วครู่ และย้ายสายตาไปทางอื่น

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน รถม้าหยุดกะทันหัน แรงอาฆาตที่แอบซ่อนอยู่ล้อมรอบมาจากทุกทิศทุกทาง ดวงตาของหลานเยาเยาหรี่ตาลงนิดๆ

รีบมองไปทางเย่แจ๋หยิ่งที่ไม่รู้ว่าหลับตาลงอีกครั้งเมื่อไหร่ สังเกตเห็นลมหายใจของเขานิ่งสงบ ราวกับว่าหลับไปแล้ว แต่ทว่าปลายนิ้วที่เรียวยาวของเขากลับกระดิกอย่างมีจังหวะ ไร้ความกังวลใดๆ

“เจ้านาย เป็นพวกนักฆ่าจากยิงจวน” คนขับรถม้าจับบังเหียนแน่น พูดพร้อมขมวดคิ้ว

“ฆ่ามัน”

คำพูดเย็นยะเยือกหนึ่งคำ ออกจากริมฝีปากบางเฉียบของเย่แจ๋หยิ่ง น้ำเสียงเงียบสงบที่สุด ราวกับว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไป…