ตอนที่ 49 การล่อลวงหมีเป็นหน้าที่ของโลลิ

คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

49 การส่งสารเป็นหน้าที่ของลูกศิษย์

 

ดูท่าลิลิมิกำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่

นอกจากนี้ ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องของฉันให้กับลูกศิษย์ของสำนักทลายสวรรค์ยังไงดี

 

ธุระของฉันจบลงเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ที่ได้เจอผู้ช่วยอาจารย์

 

ท้ายที่สุดก็เป็นเพียงเรื่องราวที่น่าผิดหวัง ฉันเสียใจจริง ๆ

 

ในเมื่อเป็นแบบนี้ รีบถอยออกไป แล้วออกไปหาอะไรอร่อย ๆ ทานกับริโนกิสถ้าจะดีกว่า

ร่างกายของฉันจะรับสเต็กเนื้อชิ้นหนาได้ในไม่ช้า ถึงจะไม่ใช่เนื้อวัวก็ไม่เป็นไร หากไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นขุนนาง อาหารของสามัญชนก็เลิสหรูเช่นกัน

 

และหลังทานเสร็จ ก็มาเริ่มฝึกฝนหลังจากที่ไม่ได้ทำมานานกันเถอะ

ตั้งแต่เมื่อไม่นานมานี้ ทั้งตัวฉันและลูกศิษย์ของฉันอย่างริโนกิสแทบไม่มีเวลาฝึกฝยอย่างเพียงพอเลย

 

ฉันจะมีเวลาว่างสองสามวัน เนื่องจากงานถ่ายทำถูกเลื่อนออกไปเพื่อให้มีเวลาเตรียมตัวสำหรับพิธีเปิดภาคการศึกษา ในระหว่างนี้จะเป็นช่วงเตรียมความพร้อมสำหรับชีวิตในสถานศึกษา ทำให้ฉันมีเวลาสำหรับการเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ

 

ม๊า ยังไงฉันมาอยู่หอพักแล้ว ช่วยไม่ได้……คงจะไปค้างคือที่ไหนไกล ๆ ไม่ได้หรอก

 

แต่ทว่าเมืองหลวงนั้นใหญ่โต

ต้องมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย

 

ซ๊า ถ้าอย่างงั้นก็ตัดสินใจแล้ว ถึงจะกะทันหันไปหน่อย แต่มาพักกันดีกว่า

พูดตามตรง ฉันก็ยังอยากซัดสักคนอยู่หรอก แต่ฉันรู้ดีว่าอะไรที่ทำได้และอะไรที่ทำไม่ได้

 

――และในฐานะนักสู้ ฉันแสดงความเคารพต่อนักสู้ที่เป็นคู่ต่อสู้ในระดับหนึ่ง

 

การเอาชนะอาจารย์ต่อหน้าลูกศิษย์ของเขา ต่อหน้าทุกคน อย่างโจ่งแจ้ง ซัดจนต้องร้องไห้ หรือเอาแต่หลบแล้วเยาะเย้ยเขาเป็นไอ้งั่งจนกระทั้งหัวใจแตกสลาย หรือมากกว่านั้น ฉันจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด ฉันตัดสินใจที่จะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว ……ฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเคยทำไปแล้วนิดหน่อยในชาติที่แล้ว แต่ยังไงซะ ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว

 

เหล่าอาจารย์อยากจะดูดีต่อหน้าลูกศิษย์เสมอ และไม่อยากแสดงด้านอ่อนแอให้เห็น

แม้ว่าเบื้องหลังจะไม่ใช่อย่างนั้นก็ตาม

 

――ไม่มีทางที่เด็กอายุหกขวบจะได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยอาจารย์ เช่นนั้นจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาต้องสูญเสียสถานะของตัวเอง คิดแล้วไม่ควรไปไกลขนาดนั้น

 

“เช่นนั้น จากนี้หนูคงต้องขอตัวก่อนนะคะ”

 

ฉันแนะนำตัว แต่ไม่ได้ตั้งใจที่จะท้าทาย ฉันไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าร่วมสำนักทลายสวรรค์

 

“ม๊า รอก่อนสิ ไม่เห็นจำเป็นต้องรีบเลย”

 

……ฉันพยายามออกจากที่นี่อย่างสงบ แต่ผู้ช่วยอาจารย์ก็หยุดฉันไว้

 

“คิดว่ายังไง? สนใจสำนักทลายสวรรค์ไหม? ข้าจะรู้สึกยินดีมากเลย ถ้าแม่หนูจะยอมเข้าร่วมคลับของพวกเรา”

 

เสียงดังลงมาจากยอดของก้อนหินสูงตระหง่าน

 

คุณจะรู้สึกยังไงกับภาพที่เห็น การที่ชายร่างใหญ่กำลังเจรจาพร้อมด้วยลูกศิษย์จำนวนมากที่ห้อมล้อมเข้ามา

ตัวเขาอาจไม่ได้ตั้งใจที่จะข่มขู่ แต่องค์ประกอบทั้งหมดนั้นไม่มีอะไรนอกจากการข่มขู่

 

――ฉันอุตส่าห์พยายามแสดงความเคารพ แต่ชายร่างใหญ่คนนี้ดูเหมือนจะไม่สนใจฉันเลย

 

ในตอนนั้นเองที่ฉันกำลังเริ่มคิดว่ายุ่งยากซะจริง ซัดให้เละซะเลยดีไหม ไม่สนแล้วว่าจะอยู่ต่อหน้าลูกศิษย์ของเขาหรือไม่

 

“น่าเสียดายนะคะ แต่ดิฉันเป็นผู้สอนคุณหนูเอง คงไม่อาจยอมรับให้ไปเปิดประตูบานอื่นได้หรอกค่ะ”

 

ริโนกิสเข้ามาขัดจังหวะได้อย่างเหมาะเจาะ ……แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อปกป้องฉัน แต่เพื่อปกป้องผู้ช่วยอาจารย์ เธอเป็นสาวใช้ที่รู้ทันฉันดี

 

“ม๊า ก็เป็นเช่นนั้นล่ะค่ะ หนูมีอาจารย์อยู่แล้ว”

 

ฉันพูดอย่างกำกวมรวมกับสิ่งที่เคยโดนเข้าใจผิดไปก่อนหน้านี้

 

ในแง่ที่ว่า เพราะฉันเป็นลูกศิษย์ที่เรียนศิลปะการต่อสู้จากสาวใช้ ริโนกิส ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ฉันจะดูแข็งแกร่ง

แม้ในความเป็นจริงจะกลับกันก็ตาม

 

“――ใช่แล้วค่ะ ริโนกิส ประลองกับเขา และแสดงพลังของเธอให้ได้เห็นกันเลย”

 

“เอ๊ะ”

 

ถ้าฉันลงมือจะกลายเป็นเรื่องน่าสังเวชและน่าสมเพชสำหรับทุกคน แต่ถ้าเป็นริโนกิสกับผู้ช่วยอาจารย์ ฉันคิดว่าเราจะมีการแข่งขันที่ดี

 

“หากคุณสามารถพิสูจน์ได้ว่าแข็งแกร่งกว่าเธอ หนูก็พร้อมพิจารณาเปลี่ยนเป้าหมายค่ะ ถึงอย่างไรหนูก็อยากเป็นลูกศิษย์ของผู้แข็งแกร่งค่ะ”

 

“ไม่สิคะ คุณหนู เรื่องนั้น”

 

“――ข้าจะยังไงก็ได้”

 

ชายร่างใหญ่ที่มีรอยยิ้มไร้ความกลัวราวกับจะบอกว่าเขาเห็นดีเห็นงามกับความคิดนี้เช่นกันให้กับริโนกิสที่ดูไม่เต็มใจ

 

“สิ่งที่คุณหนูกล่าวถูกต้องแล้ว ในศิลปะการต่อสู้ ผู้ที่แข็งแกร่งยอมสมควรเป็นผู้ชี้นำลูกศิษย์”

 

――เขาพูดตรงประเด็น แต่แค่เขาแข็งแกร่งไม่พอ

 

หากคุณคิดว่าเรื่องของความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวคือ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักสู้ ก็แปลว่าคุณยังเป็นแค่ลูกเจี๊ยบ

ม๊า แม้ว่าจะเป็นความจริงที่ว่าไม่มีอะไรที่ไร้ความหมายมากไปกว่านักสู้ที่อ่อนแอ

 

“เอ๊ะ……”

 

ฉันกวักมือเรียกริโนกิสที่เปล่งเสียงน่าสมเพชว่า ดิฉันต้องทำจริง ๆ เหรอ ให้ยิ่นหูเข้ามาใกล้ ๆ

 

“ฮา อะไรรึคะ”

 

ฉันพูดกับริโนกิสที่กำลังคุกเข่าอยู่

 

“――ฉันจะดูวิธีใช้『คิ』ของเธอ แสดงศิลปะการต่อสู้ของเธอที่ได้รับการฝึกฝนมาตลอดหนึ่งปีออกมาซะ ถ้าเธอชนะ ฉันจะให้รางวัลเป็นไปกินอะไรก็ตามที่เธออยากจะกินด้วยกัน”

 

“――ฮะ ฮ่า ……ยังไงก็ตาม ถ้าดิฉันแพ้ล่ะคะ……?”

 

“――การฝึกนรกที่ใช้เวลาเกือบทั้งวันไงล่ะ เธอชอบมากไม่ใช่เหรอ?”

 

“――ดิฉันไม่ได้ชอบเลยค่ะ ……ตั้งใจจะเอานรกนั่นกลับมาอีกครั้งงั้นเหรอคะ……”

 

โอ้ โอ้ ดูเหมือนเธอจะชอบเอามาก ๆ แค่นึกถึงก็ยังตัวสั่นได้ขนาดนี้ ดังนั้น ในฐานะอาจารย์ ฉันต้องทำตามความคาดหวังเหล่านั้นให้ได้ ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ ฉันก็จะจัดให้ในไม่ช้า

 

“――การส่งสารเป็นหน้าที่ของลูกศิษย์ ซ้า ไปได้แล้ว”

 

 

 

ทันทีที่เห็นว่าพวกฉันปรึกษาหารือกันจบ รองอาจารย์ก็เริ่มออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว

 

ขั้นแรก สร้างสถานที่

แม้ว่าโดยรอบจะมีเพียงเหล่าลูกศิษย์ของเขาก็ตาม แต่พวกเขาก็สร้างพื้นที่ที่ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้แม้ว่าจะแคบก็ตาม

 

จากนั้น ก็ประกาศเรื่องการประลองเล็ก ๆ รอบพิเศษ เชิญชวนให้เหล่านักเรียนใหม่ที่ยังลังเลเรื่องคลับที่อยากจะเข้าร่วมมารับชม

ดูเหมือนว่าจะมีเด็ก ๆ ให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย และกระแสค่อนข้างดี

 

“――โย่ ดูเหมือนกำลังจะทำอะไรที่น่าสนใจอยู่สินะ”

 

“――โอ๊ ปีนี้สำนักทลายสวรรค์ก็ได้นักเรียนเยอะเหมือนเดิมเลยนะ”

 

ผู้ใหญ่ที่พกดาบและหอกเข้ามาทักทายกับรองอาจารย์

 

ฮา ฮ๊า เข้าใจล่ะ

เหตุผลที่เขาอยากให้ฉันคลับให้ได้ก็เพราะ เขาต้องการลูกศิษย์จำนวนมากสินะ

 

ฉันไม่รู้ว่าทายถูกมากแค่ไหน แต่ฉันเป็นคนมีชื่อเสียงบนเมจิกวิชั่น

ดังนั้นหากได้ฉันเข้าร่วมก็จะสามารถล่อลวงนักเรียนใหม่ได้ด้วยหน้าตาของฉัน

 

 

 

“เอ๊ะ เดี๋ยว อะไร? เกิดอะไรขึ้น?”

 

เมื่อสนามเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง เรเลียเรดก็เข้ามาใกล้

เธออยู่นอกวงตอนที่ฉันคุยกับรองอาจารย์ บางทีเธอคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

 

“แย่งตัวฉันน่ะ สาวใช้ของฉันกับตัวแทนรองอาจารย์กำลังจะประลองกัน”

 

“เอ๋!? แย่งตัวเนีย!?ช่างเป็นความรู้สึกราวกับผู้หญิงโชคดีที่คั่นกลางระหว่างผู้ชายสองคนอะไรเช่นนี้!?”

 

“ผู้ชาย? ฉันไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะ แต่……ขอโทษด้วย ที่ฉันเด่นกว่าซะแล้ว”

 

“หะ ห๊า!? ห๊า!? ตอนนี้ใครสนเรื่องนั้นกัน!?”

 

อะ เหรอ แบบนั้นก็ดีแล้ว

 

“เสร็จจากนี้ พวกเราไปทานอาหารข้างนอกด้วยกันไหม?”

 

“เอ๊ะ อืม แต่ที่สำคัญกว่านั้น……สาวใช้ของเธอจะไม่เป็นไรเหรอ?”

 

เมื่อฉันมองตามสายตาของเรเลียเรดที่ขมวดคิ้วไม่สบายใจ

 

มีหญิงสาวรูปร่างมาตรฐานคนหนึ่งกำลังเผชิญหน้ากับชายร่างใหญ่เหมือนหินที่สูงจนเธอต้องเงยหน้าขึ้นมอง

 

ไม่มีทางที่เธอจะชนะได้จากความแตกต่างของร่างกาย เป็นการการแข่งขันที่เห็นผลชัดเจน――สำหรับคนที่ไม่สามารถมองเห็นองค์ประกอบที่ซ่อนอยู่

 

“ไม่เป็นไรหรอก ริโนกิสแข็งแกร่ง”

 

ถ้าเป็นลูกศิษย์ของฉัน หากไม่สามารถเอาชนะระบบแค่นั้นได้ เดือดร้อนแน่นอน

 

ม๊า ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่เห็นองค์ประกอบที่จะทำให้แพ้เลย แต่ถึงจะมองเห็นหรือมองไม่เห็น ฉันคิดว่าสิ่งที่ฉันเห็นในอนาคตมีเพียงชัยชนะเท่านั้น

 

 

 

ยังไงก็ตาม สำหรับมือสมัครเล่นที่สามารถมองเห็นได้เพียงแค่ผิวเผิน ดูเหมือนว่าจะเป็นการแสดงโชว์ที่น่าตื่นเต้นทีเดียว

 

ผู้ชมจำนวนมากมารวมตัวกันรอบ ๆ รุมล้อมทั้งสองคนที่กำลังเหชิญหน้ากัน รวมทั้งฉันและเรเลียเรดที่ได้อยู่แถวหน้าสุดอย่างไม่ต้องสงสัย

 

 

 

 

ปล.อากาศเริ่มดี?แต่เปลี่ยนเป็นร้อนจัดในบัดดลแทน ฮา เปลี่ยนจากแสบจมูกเจ็บคอ เป็นเหลือ คันคอจมูก เหงื่อแตกคันทั้งตัวแทน ฮา

ร้อนจัดๆจนมดยังอยากกินหวานบุกเจาะถุงน้ำตาลรั่วไปสามถุงแล้ว ฮา