บทที่ 41 แผนการของเฉินหยาง

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้ว เด็กทั้งสองคนก็คือศิษย์ของสำนัก ตัวอาจารย์กัวเองก็ไม่ต้องการให้เด็ก ๆ ก้าวเท้าอย่างสะเปะสะปะ พวกเขาต้องเดินอย่างมั่นคง

“เอามาให้ข้าดู” อาจารย์กัวกล่าว

เด็กทั้งส่งบทความของตัวเองให้ด้วยความนอบน้อม

อาจารย์กัวเริ่มอ่านของต้าเป่าก่อน คิ้วที่ขมวดอยู่ชายชราขมวดค่อย ๆ คลายออก… เมื่ออ่านจบ เขาพูดได้เพียงว่ามันคือเรื่องที่น่าอัศจรรย์มากที่เด็กอายุหกหรือเจ็บปีสามารถเขียนบทความได้ดีเช่นนี้! งานเขียนของต้าเป่าอาจจะไม่ได้ลุ่มลึกมากนักเป็นเพราะความรู้ความสามารถที่มีจำกัดของเขา แต่บทความนี้กลับเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญานที่หาได้ยาก ถ้าเกิดเด็กน้อยผู้นี้ได้ลองอ่านตำราทั้งสี่[1]และคัมภีร์ทั้งห้า[2]ของขงจื้อล่ะก็ ไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าเขาจะสร้างสรรค์ผลงานชั้นยอดได้เพียงไหน

อาจารย์กัวหยิบงานเขียนอีกชิ้นของสวี่เจวี๋ยขึ้นอ่านอย่างตั้งใจ เมื่ออ่านจนจบเขารู้สึกประหลาดใจมาก ผลงานชิ้นนี้ถูกหยิบยกมาจากคัมภีร์ทั้งห้าของขงจื้อ ราวกับผู้เขียนได้เคยร่ำเรียนตำรานี้มาแล้ว

“เจ้าสองคนเขียนบทความพวกนี้หรือ?” อาจารย์กัวมองหน้าเด็กทั้งสอง ชายชรารู้สึกตื่นเต้น

“ขอรับท่านอาจารย์” ทั้งสองตอบรับอย่างนอบน้อม

“อืม..อย่างนั้นข้าอยากถามอะไรพวกเจ้าสักสองสามคำถาม”

คำถามของอาจารย์กัวแบ่งออกเป็นสองแบบ เขาเลือกถามสวี่เจวี๋ยเกี่ยวกับคัมภีร์ทั้งห้า และถามต้าเป่าเกี่ยวกับหนังสือเหมิงชิว หลังจากการถามตอบสิ้นสุดลง กัวฟูจื่อพบว่าเด็กน้อยทั้งสองเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์!

เขาดีใจจนเนื้อเต้น ต้นกล้าที่ดีเช่นนี้หาพบเจอได้ยากมาก!

“สวี่เจวี๋ยเจ้าได้ร่ำเรียนตำราทั้งสี่และคัมภีร์ทั้งห้าของขงจื้อตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดขวบ เจ้าคงจะมาจากตระกูลบัณฑิตใช่หรือไม่ ? บิดาของเจ้าคือผู้ใดหรือ?”

“สวี่วั่งซานแห่งฉินโจวขอรับ” สวี่เจวี๋ยตอบด้วยความสุภาพ

“สวี่วั่งซาน?! เป็นวั่งซานเกอหรือนี่!” อาจารย์กัวตื่นเต้นเล็กน้อย

“ท่านรู้จักพ่อของข้าหรือ?” สวี่เจวี๋ยก้มหน้าถามอาจารย์ออกไป

“ตอนข้าไปสอบในเมืองหลวง บิดาเจ้าและข้าต่างเป็นผู้เข้าสอบด้วยกันนับได้ว่าเป็นสหาย แต่เพราะอยู่ห่างไกลเลยขาดการติดต่อกันไป ตอนนี้บิดาเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” อาจารย์กัวถาม

“ท่านพ่อ..เสียแล้วขอรับ”

อาจารย์กัวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะดูเศร้าหมองลง เขาถอนหายใจเบา ๆ

“น่าเสียดาย….น่าเสียดาย”

“สวี่เจวี๋ย ต้าเป่า.. พวกเจ้าอยากได้รับการถ่ายทอดความรู้จากตาเฒ่าผู้นี้หรือไม่?” เขามองไปที่เด็กน้อยทั้งสอง

ในสำนักศึกษาแห่งนี้มีอาจารย์อยู่สามคนด้วยกัน อาจารย์จ้าวจะรับผิดชอบการเรียนของเด็กเล็ก อาจารย์กัวจะสอนเกี่ยวกับจริยธรรมตำราและคัมภีร์ต่าง ๆ เกณฑ์ในการรับศิษย์ของอาจารย์กัวนั้นเข้มงวดมาก ชายชราจะรับศิษย์ที่มีแววและความสามารถที่โดดเด่นเท่านั้น ก่อนจะสั่งสอนศิษย์ด้วยตัวเอง

หาได้ยากมากที่อาจารย์กัวจะสั่งสอนและรับลูกศิษย์ด้วยตัวเอง ดวงตาของสวี่เจวี๋ยและต้าเป่าสว่างวาบทันที เด็กน้อยประสานเสียงตอบพร้อมกัน

“ยินดีขอรับ!”

เมื่อทั้งสองเดินออกจากห้องอาจารย์ไป พวกเขาส่งยิ้มให้แก่กัน นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของเด็กทั้งสอง พวกเขาตระหนักได้ว่าการที่อาจารย์จ้าวมีอคติต่อพวกตน สวี่เจวี๋ยและต้าเป่าคงไม่สามารถเรียนรู้อะไรจากคนผู้นั้นได้แน่นอน ทั้งสองจึงพุ่งเป้าหมายไปที่อาจารย์กัว

ชายชราเป็นคนซื่อตรงเขาจะรับเฉพาะนักเรียนที่มีความสามารถเท่านั้น และปฏิเสธสินน้ำใจทุกอย่าง หากได้เป็นศิษย์ของอาจารย์กัวแล้วล่ะก็ พวกเขาจะสามารถเรียนรู้ได้มากกว่านี้อีกแน่นอน และยังสามารถเย้ยหยันการกลั่นแกล้งของอาจารย์จ้าวได้อีกด้วย

เพียงแต่ว่าสวี่เจวี๋ยและต้าเป่าไม่คิดเลยว่ามันจะง่ายดายถึงเพียงนี้! ต้าเป่าดีใจมากจนแทบจะกระโดดโลดเต้นไปมา

….

วันรุ่งขึ้นเมื่ออาจารย์จ้าวเสร็จธุระและกลับมาถึงสำนักศึกษา ชายหนุ่มได้รับแจ้งมาว่าอาจารย์กัวรับสวี่เจวี๋ยและต้าเป่าเป็นลูกศิษย์

“ผู้อาวุโสกัว เว่ยต้าเป่าเป็นเด็กที่เกียจคร้านไม่ขยันหมั่นเพียร หากท่านรับเขาเป็นลูกศิษย์ นักเรียนคนอื่นจะมองเช่นไร มันจะกระทบถึงเด็กคนอื่นนะขอรับ ” อาจารย์จ้าวกล่าวอยากร้อนรน

“ซูเหวิน ข้าแก่กว่าเจ้าถึงยี่สิบปี … ข้าย่อมดูออกด้วยสายตาข้าเองว่า เว่ยต้าเป่ามีความสามารถอีกทั้งมีความขยันหมั่นเพียร เขาเป็นเด็กดี มีพรสวรรค์อย่างหาได้ยากนัก ” น้ำเสียงของอาจารย์กัวไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

ตอนนี้เว่ยต้าเป่าคือศิษย์ของเขา และอาจารย์ย่อมปกป้องลูกศิษย์ เขาจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกลูกศิษย์ของเขาอย่างเด็ดขาด !

โดยปกติแล้วอาจารย์จ้าวจะให้ความเคารพนบนอบต่ออาจารย์กัวเสมอ แต่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เขาพลาดเป้าหมายที่ตั้งใจเอาไว้จนเผลอก้าวร้าวใส่อีกฝ่าย ชายหนุ่มรีบแก้ไขคำพูดอย่างรวดเร็ว

“ขอบคุณผู้อาวุโสกัวที่ชี้แนะ ข้าไม่ควรตัดสินลูกศิษย์โดยพลการ”

อาจารย์จ้าวกลับไปยังชั้นเรียนของตนแล้วพบว่าในชั้นเรียนของเขามีเก้าอี้ว่างถึงสามตัว ล้วนเป็นของ เฉินหยู สวี่เจวี๋ย และต้าเป่า

อันที่จริงแล้วกิจธุระของเขาคือการไปพบครอบครัวของเฉินหยู สกุลเฉินติดสินบนมากมายให้เขา ตอนนี้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมา ชายหนุ่มกังวลว่าสกุลเฉินจะเห็นว่าเขาไม่ใส่ใจเฉินหยู จ้าวซูเหวินจึงรีบไปหาสกุลเฉินเพื่อเอาอกเอาใจ

แต่โชคร้ายเสียจริง เฉินหยู ผู้ที่เป็นประหนึ่งขุมทรัพย์ของอาจารย์จ้าวตอนนี้นอนซมอยู่กับบ้าน เด็กชายหวาดกลัวจนจับไข้ แต่ตัวต้นเหตุทั้งคู่กลับได้รับความโปรดปรานจากอาจารย์กัว จนชายชรายอมรับเป็นลูกศิษย์!

ชายหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจหากต้องอยู่ในสำนักต่อ วันนี้เขาจึงกลับไปยังเรือนพำนักที่เขาเช่าไว้ ถัดจากสำนักศึกษา และแม่นางเฉินเสี่ยวชุ่ยผู้ทรงเสน่ห์ก็กำลังรอคอยเขาอยู่ อาจารย์จ้าวต้องการระบายความโกรธของเขา ชายหนุ่มโอบกอดหญิงสาวหวังจะปล้นจูบจากนาง แต่เฉินเสี่ยวชุ่ยกลับปฏิเสธ

“เจ้าสัญญากับข้าว่าจะไล่ลูกของถังหลี่ออกไปจากสำนัก ตอนนี้มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง?”

ชายหนุ่มไม่สนใจในคำถามของเฉินเสี่ยวชุ่ย ตอนนี้เขากำลังปรารถนาในตัวนางอย่างเดียวเท่านั้น จ้าวซูเหวินพยายามปลดเสื้อผ้าของนางออก แต่เฉินเสี่ยวชุ่ยขัดขืนไม่ยอมง่าย ๆ จนอาจารย์หนุ่มเริ่มหมดความอดทนกับหญิงสาว

“พวกมันเป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสกัวไปแล้ว จะให้ข้าทำอย่างไร!?”

“อาจารย์กัวรับพวกมันเป็นลูกศิษย์หรือ ?!” เฉินเสี่ยวชุ่ยแทบจะกระอักความโกรธตาย

น้องชายของนาง เฉินหยางศึกษาตำราอยู่ในสำนักศึกษาแห่งนี้ หลังจากที่นางแต่งเข้าจวนสกุลไป๋ เป็นภรรยาของนายท่านสามตระกูลไป๋ เฉินเสี่ยวชุ่ยอาศัยฐานะนี้พยายามทำให้อาจารย์กัวยอมรับเฉินหยางเป็นศิษย์ แต่อาจารย์กัวปฏิเสธนาง

บัดนี้ชายชราหัวรั้นคนนั้นกลับยอมรับเด็กสองคนนี้เป็นลูกศิษย์!

ถังหลี่ เจ้าช่างโชคดีเกินไปแล้ว !

ความอิจฉาแล่นมาจนจุกอก

เฉินเสี่ยวชุ่ยผลักอาจารย์จ้าวออกด้วยความโมโห

“ไอ้คนไร้ประโยชน์! ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง!”

นางเดินสะบัดก้นก้าวเท้าข้ามธรณีประตูออกไป

…….

ในเดือนนี้ถังหลี่ยุ่งกับโรงงานผลิตถุงหอมมาก นอกเหนือจากช่วงเวลาที่หญิงสาวต้องเข้าเมืองไปซื้อวัตถุดิบ เวลาทั้งหมดก็ทุ่มไปกับการช่วยหมอซูจัดเตรียมยา และศึกษาสมุนไพรต่าง ๆ

นางเรียนรู้เพิ่มมากขึ้นโดยไม่ต้องฝืนทำงานให้หนักมากนัก ในหนึ่งเดือนโรงงานผลิตถุงหอมสามารถผลิตได้ทั้งหมด สามร้อยสิบห้าใบ เป็นเงินเก้าร้อยสิบห้าตำลึง ไม่รวมค่าตอบแทนของหมอซูและฮูหยินซูอีกสองร้อยแปดสิบสี่ตำลึง และหักค่าต้นทุนวัตถุดิบและค่าจ้างคนงาน ถังหลี่ยังเหลือกำไรถึงเดือนละ สี่ร้อยตำลึง!

หากให้เทียบว่าเงินสี่ร้อยตำลึงมีมูลค่ามากเพียงใด ? เอาเป็นว่าชายฉกรรจ์ที่แข็งแรงทำงานเต็มที่ในหนึ่งปีค่าตอบแทนอาจจะได้อยู่ราว ๆ สี่สิบตำลึง แต่นางกลับหาเงินสี่ร้อยตำลึงได้ภายในแค่เดือนเดียวเท่านั้น !

ถังหลี่ซื้อเนื้อหมูสิบชั่ง เสื้อผ้า น้ำมัน เกลือ ผลไม้แช่อิ่ม ลูกกวาด กระดาษและพู่กันพร้อมหมึก รวมถึงของใช้อีกจำนวนมาก เพื่อที่จะส่งไปให้เว่ยฉิง และเด็กทั้งสองคนที่สำนักศึกษา ก่อนจะกลับบ้านไปเตรียมอาหารอร่อย ๆ ให้บุตรทั้งสองที่บ้าน

ถังหลี่ซื้อชุดที่มีกระเป๋าใบเล็ก ๆ ให้ซานเป่า เด็กหญิงจะได้ใส่ผลไม้อบแห้งไว้ในกระเป๋า นางจะได้หยิบมากินได้ตลอดเวลา ซานเป่าชอบมาก เด็กน้อยกอดคอประจบมารดาอย่างเคยตัว

นางออดอ้อนถังหลี่ด้วยน้ำเสียงน่ารัก ถูไถใบหน้าไปกับแก้มของถังหลี่ ซึ่งทำให้หญิงสาวไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดใคร ๆ จึงปรารถนาที่จะมีบุตรสาว เด็กน้อยเป็นเสื้อบุนวมของมารดาตามที่มีผู้คนกล่าวเอาไว้อย่างแท้จริง !

ในตอนกลางคืนถังหลี่กล่อมเด็ก ๆ เข้านอน ก่อนจะผล็อยหลับไปพร้อมกับเงินสี่ร้อยตำลึงใต้หมอนของนาง แต่ทว่าคืนนี้นางกลับฝันร้าย..

หญิงสาวเห็นภาพความฝัน ในฝันงานเขียนของต้าเป่าได้รับการยอมรับจากผู้อาวุโสของสำนักศึกษา แต่ศิษย์ในสำนักซึ่งเป็นน้องชายของเฉินเสี่ยวชุ่ยคือเฉินหยางตั้งใจจะปรักปรำต้าเป่าโดยการขโมยของผู้อื่นและนำมาไว้ใต้เตียงของเด็กชาย ก่อนจะบอกทุกคนว่าต้าเป่าเป็นหัวขโมย…

เมื่อมีคนพบของที่ถูกขโมยมา ต้าเป่าจึงถูกไล่ออกจากสำนักศึกษา เหตุการณ์นี้ทำให้เฉินหยางและเฉินเสี่ยวชุ่ยพึงพอใจมาก ภายหลังเฉินหยางได้งานทำโดยใช้เส้นสายของนายท่านสามไป๋และอาศัยอยู่ที่เมืองเหยาสุ่ย ส่วนต้าเป่าที่ถูกไล่ออกมาจากสำนักศึกษา เขาสูญเสียความมั่นใจไป เด็กชายไม่แตะต้องตำราเรียนอีกเลย เขากลายเป็นคนที่อยู่อย่างไร้จุดหมายไปวัน ๆ

—————————–

[1]ตำราทั้ง 4 เป็นงานที่หลานและศิษย์ของขงจื้อเรียบเรียงรวบรวมขึ้น มีดังนี้ 1. ต้าสุย เป็นบทความสั้นๆ เกี่ยวกับศีลธรรม เช่น การปกครองรัฐขึ้นอยู่กับการจัดครอบครัวให้เป็นระเบียบ 2. จุงยุง ให้ข้อคิดเห็นทางศีลธรรมอันเป็น พื้นฐานเกี่ยวกับความรู้จักประมาณตน ความสมดุล และความเหมาะสม ความจริงใจ หรือความจริง 3. ลุนยู ประมวลคำสอนของขงจื๊อซึ่งศิษย์ทั้งหลายของขงจื๊อได้รวบรวมไว้

  1. เม่งจื๊อ หมายถึง คัมภีร์เม่งจื๊อ

[2]คัมภีร์ทั้ง 5 ของขงจื้อ ประกอบด้วยหนังสือ 5 เล่ม คือ 1) อี้จิง ตำรับว่าด้วยการเปลี่ยนแปลง 2) ชูจิง ตำรับว่าด้วยประวัติศาสตร์ 3) ซือจิง ว่าด้วยกาพย์กลอน 4) หลี่จิ้ง ว่าด้วยพิธีการ และ 5) ชุนชิว พงศาวดารฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง