บทที่ 60 – อารยธรรมที่ทรงพลัง

 

แน่นอนว่าการที่จะเป็นผู้ใช้อารยธรรมที่เก่งกาจและมีความเชี่ยวชาญได้นั้น สิ่งที่จำเป็นไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากความฉลาด

ฉลาดที่จะคิด วิเคราะห์และพลิกแพลงความสามารถของตนเอง แน่นอนว่านันโจเองก็มีสติปัญญาที่ค่อนข้างสูง

เขาได้สืบเรื่องราวของหมาที่แว้งกัดเขามาตั้งแต่ได้ยินข่าวลือแล้ว ทำให้เขารู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้ตรงกับใครที่เข้าหอคอยมาในช่วงนี้บ้าง

ถึงสีผมหรืออะไรรอบตัวจะไม่เหมือน แต่เขาก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายคือรินนะจริงๆ แน่นอนส่วนหนึ่งรู้เพราะการขึ้นอันดับหนึ่งของกระดานจัดอันดับหอคอยด้วย

แต่ที่เขาไม่รู้คือทำไมอีกฝ่ายถึงอยากจะแว้งกัดตัวเอง

เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ดูเป็นคนดีที่ต้องการจะทำลายความชั่วอะไรแบบนั้น เพราะอีกฝ่ายก็ฆ่าคนที่ไม่เกี่ยวข้องไปโดยไม่เลือกหรือสนวิธีการเท่าไหร่นักนั่นเอง

นันโจถึงจะเป็นผู้นำเมืองนี้ เขาก็แค่เหมือนสื่อกลางเท่านั้น อย่างที่บอกที่นี่คือตลาดและเป็นฐานลับขอบอสพวกเขาก็จริง

แต่คนนอกที่ได้รับการอนุญาตจากเขาก็สามารถไปมาหาสู่ได้ นั่นก็เพราะจะเปิดประมูลขายของผิดกฎหมายซึ่งรวมถึง หัวของผู้ใช้อารยธรรมหรืออะไรก็ตาม

กล่าวคือ เขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของรินนะแต่อย่างใดนั่นเอง บางทีคงมีใครสักคนฆ่าน้องชายรินนะแล้วก็พามาในที่แห่งนี้

แล้วก็ขายผ่านนันโจเท่านั้น และน้องชายของรินนะก็ไม่ได้มีพลังสูงส่งจนน่าจดจำอะไรขนาดนั้น จึงแทบไม่ได้อยู่ในสายตานันโจ

จึงไม่แปลกที่เขาจะไม่ทราบถึงความแค้นที่อีกฝ่ายมีต่อตลาดมืดของตนเอง

สำหรับเนมของรินนะนั้น อีกฝ่ายก็แค่เดาจากระดับความสามารถและธีมพลังของอีกฝ่ายก็น่าจะเดาได้ง่ายๆ แล้วว่ารินนะมีพลังเกี่ยวกับเลือด

เขาจึงเรียกอีกฝ่ายว่าองค์หญิงสีเลือดนั่นเอง เมื่อรวมทุกอย่างที่ว่าเขากันชายคนนี้จึงถือเป็นคนที่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน

แม้อาจจะไม่ได้ฉลาดเท่าอาโก้คนนั้นก็ตาม อย่างไรซะอาโก้ก็เป็นคนที่มีอารยธรรมที่อ่อนแอที่สุดในหมู่คนที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสามซึ่งเป็นลูกน้องบอส

แต่ที่เทียบเคียงกับทั้งสองคนได้นั่นก็เพราะความฉลาดที่ผิดมนุษย์ของเขานั่นเอง..

ดังนั้นในขั้นแรกสิ่งที่คนหัวดีแบบนันโจเลือกที่จะทำจึงไม่ใช่การตอบโต้ แต่เป็นการพูดคุยกับอีกฝ่าย

อย่างไรซะ ตราบใดที่อยู่ในอาณาเขตวังวนลวงหลอกของเขา ทุกคนก็ล้วนแล้วไม่ต่างจากหมูในอวยของเขานั่นเอง

“มาคุยกันก่อนดีกว่าไหม องค์หญิงสีเลือด”

“…….”

รินนะมองอีกฝ่ายที่ถูกตัวเองควบคุมเลือดในร่างของมันแล้วก็ฉีกมันออกจากกัน แต่มันกลับไม่เป็นอะไรทั้งสิ้น

ความสามารถเมื่อกี้คือความสามารถใหม่ที่รินนะพึ่งได้รับมา.. อาจจะเพราะเธอได้ดื่มเลือดแบบตรงๆ ไม่ใช่การกลืนกินแบบพลังงาน

เลยทำให้เธอแตกฉานในการควบคุมเลือดมากขึ้น บางทีแม้แต่แวมไพร์ตนอื่นที่ไม่เคยดูดเลือดจากคอก็คงทำแบบเธอไม่ได้

แต่ถึงแบบนั้นอีกฝ่ายก็ไม่เป็นอะไรเลย รินนะมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เคร่งขรึม เธอไม่ได้คิดจะเสวนากับพวกสวะชั้นต่ำ

ในขณะที่เธอกำลังจะควบคุมเลือดให้ฆ่าอีกฝ่ายอีกรอบ อีกฝ่ายก็เหมือนจะรู้ตัวก่อนเขาจึงพูดขึ้น

“แหม เธอนี่เป็นหมาที่ใจร้อนเสียจริงเลยนะ ‘ฉันบอกให้มาคุยกันก่อน’ ไม่ใช่หรือไง”

และในวินาทีนั้นเองร่างกายของรินนะก็ถูกทำให้หยุดชะงักอย่างกะทันหัน ราวกับว่ามีพลังบางอย่างที่มองไม่เห็นยื่นเข้ามาจับเธอเอาไว้

ไม่สิ เธอรู้สึกเหมือนกับว่าพื้นที่รอบด้านต่างหาก ที่กำลังตรึงเธอเอาไว้กับที่ ทำให้เธอไม่อาจขยับเขยื้อนได้

รินนะไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะพลังของอีกฝ่ายหรือเปล่า แต่หากใช่พลังของอีกฝ่ายเหมือนจะควบคุมพื้นที่ได้ ซึ่งอีกฝ่ายอาจจะเป็นเจ้าของตลาดมืดแห่งนี้งั้นเหรอ

พอเห็นสายตาน่ากลัวของรินนะ นันโจจึงยิ้มแล้วกล่าวขึ้นด้วยความเป็นกันเอง

“เอาน่าๆ ฉันไม่ได้คิดจะทำร้ายเธอหรอก แค่อยากพูดคุยกับเธอก่อนก็เท่านั้นเอง”

แน่นอนว่าคำถามเต็มหัวนันโจไปหมดเช่นกันกับคนคนนี้.. เพราะทำไมคนที่เข้าหอคอยเมื่อหลายวันก่อนถึงกลายเป็นผู้ใช้อารยธรรมระดับองค์หญิงไปได้

หอคอยไม่สามารถทำให้คนกลายเป็นผู้ใช้อารยธรรมได้สักหน่อย ไม่สิ แรกเริ่มเดิมทีหอคอยก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผู้ใช้อารยธรรมด้วยซ้ำ

ผู้ใช้อารยธรรมเกิดจากประตูบอร์เดอร์กับแร่ชนิดพิเศษที่เกิดจากใต้ทะเลลึก หอคอยเป็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นมาหลังจากนั้น

แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงกลายเป็นองค์หญิงในชั่วข้ามคืนได้

รวมถึงทำไมรินนะถึงขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่ง คะแนนหอคอย (Tower Point) ที่บอกไว้คืออะไร

อักอย่างตอนที่ขึ้นอันดับหนึ่งหอคอย ยังบอกไว้อยู่เลยว่าหล่อนไม่ใช่ผู้ใช้อารยธรรม คำถามเต็มหัวนันโจไปหมด

ความรู้คือสมบัติล้ำค่ายิ่งกว่าอะไร เขาไม่มีทางปล่อยให้สิ่งนี้หลุดมือไปอย่างแน่นอน และเขาเองก็ไม่กล้าจะประมาทหรือแสดงความประสงค์ร้ายต่ออีกฝ่ายด้วย

เพราะอีกฝ่ายคือระดับองค์หญิงเชียวนะ

“ขอแนะนำตัวก่อนแล้วกัน ฉันคนนี้มีชื่อว่—”

ก่อนที่นันโจจะทันได้แนะนำตัว รินนะที่ไม่ควรขยับได้ก็ขยับขึ้นมาอย่างกะทันหันก่อนจะพุ่งมายังนันโจด้วยความไวเหนือเสียง

“ห้ะ”

ฝ่ามือของเธอจับเข้าที่หน้าของนันโจที่ยังไม่ทันตั้งตัวก่อนที่เลือดของเธอจะแตกกระจายออกรอบตัวแล้วพุ่งเข้าไปในรูจมูกหรือหู ปากของอีกฝ่าย

รินนะเดาว่า พลังของอีกฝ่ายคงจะประมาณควบคุมพื้นที่ที่ตัวเองดำรงอยู่ได้อย่างเบ็ดเสร็จเหมือนเป็นพระเจ้าก็จริง

แต่ทว่าอีกฝ่ายคงทำอะไรกับสิ่งมีชีวิตโดยตรงไม่ได้ เมื่อครู่นี้ที่รินนะถูกหยุดก็คงเพราะมันใช้อากาศบีบอัดร่างกายของเธอ

แน่นอนว่า.. รินนะที่เป็นองค์หญิงหากวัดที่พลังเพียวๆ ต่อให้นี่จะเป็นโลกของนันโจ ก็ไม่อาจจะเทียบชั้นกับพลังขององค์หญิงได้ตรงๆ

“แกรู้ไหม.. ฉันสามารถควบคุมเลือดคนอื่นได้อย่างมากก็แค่ทำให้มันกระจุยกระจายไปคนละทิศ สร้างแรงดันใส่หลอดเลือดจนเส้นเลือดทุกเส้นแกฉีกขาด”

“แต่ถ้าเป็นเลือดตัวเอง… มันจะอร่อยกับสวะแบบแกน่าดูเลยนะ”

วินาทีนั้นเองในจมูก ในหู ในปากของอีกฝ่ายก็เกิดภาพอันน่าสยดสยองขึ้นเพราะ.. ของมีคมจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นจากก้อนเลือดที่ไหลเข้าไปในนั้น

จนเกิดเป็นภาพอันน่าสยดสยองยิ่งกว่าอะไร… ใช่แล้วในเลือดของเธอนั้นมีธาตุเหล็กเจือปนอยู่ด้วยนั่นเอง

แม้รินนะจะไม่ได้โกรธแค้นใครเป็นพิเศษ แต่ทว่าคนที่สร้างที่แบบนี้ออกมาเธอไม่คิดจะเสวนากับมัน สิ่งเดียวที่เธอปราถนาคือความตายที่แสนจะทรมานสำหรับมัน

ทว่าทุกอย่างยังไม่ทันสิ้นสุด

“ร่างกายของแก.. ถึงจะถูกฉันฆ่าไปแล้วแต่ก็กลับมาได้ คิดจะหลอกฉันว่าเป็นพลังฟื้นฟูที่น่ากลัวงั้นสิ”

“น่าเสียดายที่ฉันคุ้นเคยกับพลังฟื้นฟูนะ ของแบบนั้นหลอกฉันไม่ได้หรอก”

ร่างกายของนันโจนั้นสั่นสะท้านเล็กน้อย เขาไม่ได้กรีดร้องออกมา ไม่มีทั้งสีหน้าของความเจ็บปวด แต่มีแค่สีหน้าที่ตกใจว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องแล้วเหรอ เท่านั้น

ร่างกายที่อยู่ในมือของรินนะก็ตายภายใต้ความตกใจนั้น.. และนันโจอีกคนก็ปรากฏขึ้นด้านหลังรินนะ ทว่าความตกใจในดวงตาของเขาก็ยังไม่หายไป

“อะไร ไม่พูดต่อแล้วเหรอ?”

รินนะหันมายิ้มน้อยๆ ก่อนจะปล่อยมือจากร่างเดิมของอีกฝ่าย ร่างนั้นค่อยๆ สลายหายไปในจังหวะที่รินนะปล่อย

ใช่แล้ว.. นันโจไม่ได้มีความสามารถในการฟื้นฟูอะไร อย่างที่รินนะได้คาดเดาเอาไว้ เพราะความรู้สึกที่เธอควบคุมเลือดของร่างอีก่าย

มันคือความรู้สึกที่เหมือนกับจับซากศพที่เคลื่อนไหวได้.. บางทีพลังของอีกฝ่ายคงเป็นการสร้างร่างแยกแล้วก็ย้ายจิตไปในร่างใหม่เรื่อยๆ

แม้จะมีหลายร่างแต่จิตก็มีจิตเดียว และไม่สามารถใช้สองร่างได้พร้อมกัน กล่าวคือความตายของเขาก็เหมือนกับเขาเกิดใหม่ในร่างใหม่

แต่รินนะมั่นใจว่าทุกอย่างมันต้องไม่ง่ายแค่นั้น.. และจากสายตาที่ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดของอีกฝ่าย แทนที่จะเป็นร่างแยก

รินนะถึงได้มั่นใจว่ามันเป็นร่างโคลนนั่นเอง

ร่างโคลนที่คัดลอกวางไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

“นี่เธอ..”

นันโจมองอีกฝ่ายด้วยความตะลึงเล็กน้อย.. พลังของเขามีความสามารถนการสร้างเมืองวังวนที่สามารถควบคุมทุกอย่างในเมืองได้

ไม่ว่าจะพื้นที่หรืออะไร.. ยกเว้นสิ่งมีชีวิต แต่ตัวเขาไม่ถูกจัดว่าเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ใช่แล้ว เขาสร้างร่างเขาอีกร่างไว้ตราบใดที่ยังอยู่ในที่แห่งนี้

หากยังมีร่างที่เขาสร้างไว้หลงเหลืออยู่ในเมืองแห่งวังวนนี้ก็ไม่มีใครฆ่าเขาได้.. ใช่ ในกรณีที่ร่างกายเขาถูกสร้างไว้ยังไม่หมดไปนะ

เพราะร่างหนึ่งใช้เวลาสร้างประมาณหนึ่งสัปดาห์ได้.. เรื่องนี้ไม่มีใครรู้แม้แต่บอส ทุกคนรู้แค่ว่ามันอาจจะภาพลวงตาไม่ก็พลังฟื้นฟูแค่นั้น

พอได้เห็นความสามารถในการวิเคราะห์ของอีกฝ่าย ทั้งที่ในประวัติที่เขาไปสืบมารินนะไม่ได้ดูฉลาดขนาดนั้น ทำให้เขาเดาว่าคงเป็นเพราะการได้รับอารยธรรมบางอย่างมา.. นั่นต้องไม่ใช่อารยธรรมของการใช้เลือดแน่ๆ

พูดให้ถูกคือนางเป็นอะไรบางอย่างที่ใช้เลือดได้มากกว่า แล้วอะไรล่ะที่ใช้เลือดได้.. เรื่องนั้นเขาไม่รู้

แต่อารยธรรมที่สามารถเปลี่ยนคนคนหนึ่งให้แทบกลายเป็นคนใหม่แถมยังอยู่ในระดับองค์หญิง..

มันจะมีอะไรน่าสนใจไปกว่านี้อีก

ใบหน้าของเขาเผยความตื่นเต้น

“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอเกลียดอะไรตลาดมืด.. แต่ถ้าเธออยากจะทำลายก็ทำลายมันไปเลย ฉันมั่นใจว่าฉันไม่ได้เกี่ยวข้องกับสาเหตุที่ทำให้เธอโกรธ”

แน่นอน เพราะถ้าเขาเกี่ยวข้อง เขาคงสืบเจอมาแล้ว

“แต่เพราะงั้น.. มาร่วมมือกับฉันไหม?”

“สนใจไต่เต้าขึ้นไปยังตำแหน่งผู้บริหารองค์กรบอร์เดอร์ไลน์กับฉันหรือเปล่า?”