บทที่ 61 – เธอต้องตายเท่านั้น

 

ตำแหน่งผู้บริหารขององค์กรบอร์เดอร์ไลน์ก็ตามชื่อเลย.. หนึ่งในบุคคลที่อยู่จุดสูงสุดขององค์กรซึ่งว่ากันว่ามีอำนาจสูงมากๆ

เดิมทีตำแหน่งของประธานหรือหัวหน้าองค์กรนั้นไม่มีใครทราบถึงตัวจริงเขา ว่ากันว่าแม้แต่การเจรจาต่างๆ ก็ล้วนเป็นหน้าที่ของคนที่ต่ำกว่าทั้งสิ้น

ในโลกนี้คนที่รู้จักว่าประธานขององค์กรคือใครนั้น มีน้อยนิดมาก และผู้บริหารก็คือจุดเริ่มต้นกับการเกี่ยวข้องกับประธานที่ลึกลับที่สุดนั่นโดยตรง

ซึ่งตำแหน่งสูงกว่า ‘บอส’ ที่เป็นหัวหน้าของนันโจไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า แน่นอนว่าการจะขึ้นแซงหัวหน้าตัวเองก็ต้องเหยียบย่ำเขา

ใช่แล้ว นันโจเป็นคนที่กระหายในอำนาจไม่มากก็น้อย หากมีโอกาสเขาคงเลือกที่จะไต่เต้าขึ้นไปโดยไม่คิดอะไรทันที

เพราะนอกจากจะได้อยู่เหนือกว่าคนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความมั่งคั่งหรืออะไรก็สามารถหามาได้ มันคือตำแหน่งที่เทียบเคียงกับผู้บริหารประเทศได้เลย

เพราะคอนเนคชั่นขององค์กรบอร์เดอร์ไลน์นั้นค่อนข้างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นบริษัทอะไรก็ล้วนมีการสนับสนุนจากองค์กรบอร์เดอร์ไลน์ทั้งนั้น

และหากกลายเป็นผู้บริหารขององค์กรระดับโลกแบบนั้นได้.. นันโจนึกภาพไม่ออกเลยว่าชีวิตในตอนนั้นจะต่างจากตอนนี้อย่างไร

“……..”

เมื่อเห็นรินนะหยุดชะงักพร้อมกับก้มหน้าลงเพราะคำพูดของตัวเอง นันโจจึงรีบฉวยโอกาสนี้อธิบายเกี่ยวกับคำว่าผู้บริหาร

“อ้อ ผู้บริหารก็คือหนึ่งใครที่บริหารองค์กรในระดับบนๆ ดูแลประตุบอร์เดอร์หลายแห่ง สามารถครอบครองอารยธรรมเป็นของตัวเองได้ และอื่นๆ อีกมากมาย”

เขาเล่าถึงความสำคัญและความล้ำค่าของตำแหน่งที่ว่า แน่นอนว่าคำพูดเขาไม่ได้สิ้นสุดแค่นี้ ยังพูดต่อไปเหมือนคนขายประกัน

“แน่นอนว่าหากเรามาร่วมมือกัน ด้วยความสามารถของเธอฉันว่ามันไม่ยากหรอกที่จะไต่เต้าขึ้นไปในระดับบนๆ”

“เธอว่ายังไง สนใจหรือเปล่า?”

รินนะก้มหน้าลง… สีหน้าของเธอค่อนข้างดูไม่ได้ในตอนนี้ ไม่เกี่ยวกับมัน?อยากทำลายก็ทำลายไปเลย?

ร่วมมือกัน?ไอ้สวะเดนนรกนี่มันกำลังพูดอะไรกับเธออยู่ ไม่เกี่ยวกับมัน มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสาเหตุที่เธอโกรธงั้นเหรอ

นี่มันกำลังล้อเล่นหรือยั่วยุให้เธอโกรธอยู่ใช่ไหม

“นี่แก.. คิดจะเล่นตลกอะไร?”

“….ฉันกำลังพูดเรื่องจริงนะ ด้วยความสามารถของเธอ ฉันสามารถช่วยให้—”

“อย่า.. มา… ล้อ..เล่นนะเว้ย”

เธอคำรามออกมาด้วยความโกรธ.. ความแค้นของเธอพุ่งถึงจุดสิ้นสุด เธอรู้อยู่แล้วแหละว่าการทำลายทุกอย่างมันไม่ได้ช่วยให้น้องชายเธอฟื้นกลับมา

การที่ฆ่าคนที่ไม่เกี่ยวข้องไปมันก็ทำให้แต่เธอแบกรับบาปเพิ่มเติมก็เท่านั้น ความตายของน้องชายเธอไม่ได้เกี่ยวกับที่แห่งนี้โดยตรง

ไม่ได้เกี่ยวกับมันโดยตรง.. เรื่องพรรค์นั้นทำไมเธอจะไม่รู้ แต่ว่ามันเกี่ยวอะไรกับความโกรธที่อัดแน่นอยู่ในใจของเธอ

เพราะไม่รู้เรื่องด้วย เลยไม่ใช่คนผิด..?เพราะที่แห่งนี้เปิดให้คนมากหน้าหลากตาเข้ามาโดยจะมาค้าขายอะไรก็ได้หมด?

ทำไมเธอจะไม่รู้..

แต่มันแล้วยังไง.. ความเกลียดชังที่ปรากฏขึ้นมามันเป็นความรู้สึกที่เธอก็ไม่ค่อยจะเข้าใจ แต่มันอึดอัด เพียงแค่คิดถึงใบหน้าของน้องชายตัวเธอเอง

ใบหน้าของหนุ่มน้อยอายุน้อยที่เดินออกจากบ้าน

“พี่ เดี๋ยววันนี้ผมก็จะไปหาเงินมาให้พี่อีกรอบนะ วันนี้ผมขอเมนูอร่อยๆ นะพี่”

“อาหารฝีมือพี่อร่อยกว่าฝีมือแม่อีกนะ เอาจริง”

“เอ้ะ พี่อย่าไปบอกแม่สิ เดี๋ยวแม่ก็ฆ่าผมตายพอดีหรอก”

“ไม่ต้องห่วงพี่.. ต่อให้พ่อไม่อยู่แล้ว ผมจะเป็นคนพยุงบ้านช่วยคุณแม่กับพี่เอง ผมเองก็โตแล้วนะ”

น้องชายที่อายุยังไม่ถึง 15 กลับมีความคิดที่จะหาเงินเข้าบ้านช่วยครอบครัว แทนคุณพ่อที่เสียไป

แต่ทว่าสิ่งเหล่านั้นคือสิ่งสุดท้ายที่น้องชายเธอสามารถพูดกับเธอได้.. ความรู้สึกขุ่นมัวบางอย่างมันเต็มอยู่ในอกของเธอ

มันหนักอึ้งและทรมาน ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเพียงแค่เธอหลับตาลงใบหน้ายิ้มแย้มของน้องชายที่ถูกใครไม่รู้ตัดคอแล้วเอามาประมูลขายในตลาด

ในที่บัดซบแห่งนี้… ใช่ มันไม่ผิด แต่ความรู้สึกที่อธิบายไม่หมดของเธอนี้มันอัดแน่นและเธอต้องการที่จะระบายมันออกมา

กลับไอ้พวกสวะที่ทำกับน้องที่แสนดีของเธอ.. น้องชายที่อ่อนโยนของเธอ

“แกบอกว่า.. ทำไมฉันถึงแค้นตลาดมืดของพวกแกงั้นสินะ?”

“แกน่าจะสืบเรื่องของฉันมาแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าน้องชายของฉันหายไปในหอคอยแห่งนี้มาหลายวันแล้ว”

“และน้องชายของฉันถูกค้าขายในตลาดแห่งนี้ แกเคยรู้สึกไหม ความรู้สึกของคนที่เห็นหัวน้องชายตัวเองถูกขายอยู่ในตลาดมืดน่ะ”

“ไม่เกี่ยวกับแกงั้นเหรอ”

“ฮ่าๆ ใช่.. เพราะมันไม่เกี่ยวกับแก.. แต่มันเกี่ยวกับทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ไง ทุกคนแม่งต้องตายเพื่อเป็นบทสวดส่งน้องชายของฉันขึ้นสวรรค์”

ใช่ เธอไม่สนหรอกว่าความจริงเชิงหลักการจะเป็นอย่างไร แต่สาเหตุมันก็เป็นเพราะมีคนพวกนี้อยู่ มีคนเหล่านี้อยู่

หลายคนอาจจะไม่รู้ หลายคนอาจจะไม่เกี่ยวข้อง.. หลายคนอาจจะเหมือนพี่เอวาน แต่เธอไม่สน.. ไม่สน ไม่สน ไม่สน

เธอจะฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า…

“ฉันจะ… ฆ่าพวกแกให้ได้”

ร่างกายของรินนะกลายเป็นเงาสีเลือด สายตาแห่งความเคียดแค้นของเธอจ้องมาที่นันโจพร้อมกับพุ่งเข้ามาด้วยความไวที่เหนือกว่าการรับรู้ของเขา

เพราะพริบตาเดียวหัวของเขาก็ถูกจับด้วยมือข้างขวาของรินนะ..

“ร่างโคลนของแก.. แกสร้างขึ้นมาโดยปิดประสาทความรู้สึกเจ็บปวดไปใช่ไหม.. แต่พลังของฉันมันสามารถควบคุมเลือดในระดับที่สูงจนฉันเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน”

“และมันก็ทำแบบนี้ได้ด้วย”

เธอพูดด้วยเสียงที่เย็นเฉียบพร้อมกับพริบตาถัดมา สีหน้าของนันโจที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเป็นความเจ็บปวดมาก่อนก็เปลี่ยน

กลายเป็นเสียงกรีดร้องที่น่าเวทนาอย่างสุดซึ้ง

“อ้ากกกก แก… ทำบ้าอะไร”

เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด รินนะไม่คิดจะอธิบายร่างกายของอีกฝ่ายไม่ถูกบังคับให้ตายเพราะพลังในการควบคุมเลือดของรินนะ

ได้ควบคุมให้เลือดอีกฝ่ายเริ่มหล่อเลี้ยงร่างกายด้วยความสามารถที่เกินกว่ามนุษย์จะทำได้ เอาง่ายๆ เธอทำให้ร่างกายของอีกฝ่ายถูกรักษา

ในจังหวะที่เธอโจมตีประสาทของอีกฝ่ายโดยตรง.. ประสาทความเจ็บปวดอาจจะถูกปิดหรือไม่มีเพราะเป็นร่างโคลน

แต่ทว่า..รินนะก็สามารถสร้างความเจ็บปวดต่อความคิด ความทรงจำมันได้.. ด้วยความสามารถของเธอได้

“ฉันได้คุยกับแก.. ฉันถึงได้เรียนรู้อย่างหนึ่ง… การที่จะฆ่าพวกสวะแบบพวกแกตายไปโดยไม่ให้สำนึกผิดเนี่ย แม่งเป็นเรื่องที่มักง่ายสิ้นดี”

“ฉันจะไม่ให้แกตายง่ายๆ หรอก”

ความเจ็บปวดทางความคิดและความทรงจำที่ราวกับเกิดขึ้นจริงนั้นมันทำให้เขากรีดร้องออกมาอย่างทรมาน

เขาพยายามยกมือขึ้นก่อนที่จะทุบลงมาที่อกของตัวเอง จนหัวใจของมันแตกและร่างของมันก็แห้งเหี่ยวและสลายหายไป

ก่อนจะปรากฏขึ้นอีกด้านหนึ่ง… สีหน้าตอนนี้เผยความเจ็บปวดออกมา.. มันประเมินอีกฝ่ายต่ำเกินไปจริงๆ

“น้องชายของเธอ…มัน…”

“เป็นไปไม่ได้หรอก!”

“น้องชายของเธอจะมาอยู่ที่นี่ได้ไง”

นันโจปฏิเสธหลังชนฝาด้วยความมั่นใจ.. ซึ่งท่าทางของอีกฝ่ายนั้นยืนยันเหมือนกับว่าเรื่องแบบนั้นเป็นไปไม่ได้

ทว่าเพื่อความแน่ใจมันหยิบอุปกรณ์บางอย่างออกมาแล้วฉายภาพขึ้นตรงหน้าตัวเอง.. มันแสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมา

“นี่มัน…”

“เป็นไปไม่ได้.. ไอ้บัดซบนั่น มันทำถึงขั้นนั้นเลยเหรอ.. แม่งเอ้ย”

เขากัดฟันดังกรอด.. ก่อนจะมองขึ้นมายังร่างของรินนะ สายตาของเขากลืนไม่เข้าคายไม่ออกสักเท่าไหร่ก่อนจะสูดหายใจ

“ถึงจะเสียดาย.. แต่ถ้าเรื่องเดินมาแบบนี้แล้ว.. ฉันก็คงจะต้องทุ่มสุดตัวเพื่อฆ่าเธอแล้วล่ะ รินนะ”

และในวินาทีถัดมานั้นเองร่างกายของรินนะก็เหมือนถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นกระจก.. ร่างของเธอเหมือนกับกลายเป็นส่วนหนึ่งของมุมมองที่อยู่รอบเธอในระยะสายตาของนันโจ

เขาตบมือตัวเอง และกระจกที่เป็นร่างของรินนะก็เหมือนจะแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ แทบจะทันที

ทว่าที่อยู่ตรงนั้นกลับเป็นเหมือนแค่เงาติดตา เพราะวินาทีถัดมามือสีขาวก็พุ่งทะลวงเข้าด้านหลังทะลุออกจากหน้าอกพร้อมกับหัวใจเทียมที่เต้นอยู่ในมือของรินนะ

ไม่ว่ามันจะเปลี่ยนท่าทีไปเพราะอะไรมันก็ไม่สำคัญสำหรับเธอ

แน่นอนว่าเพราะการโจมตีครั้งนี้นั้นนันโจถูกฆ่าแทบจะทันที แต่ทว่าเขาก็คาดไว้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องหลบได้ ดังนั้นเมื่อร่างของเขาถูกฆ่า…

มันก็เปล่งแสงสีส้มออกมาก่อนจะระเบิดอย่างรุนแรงอัดหน้าของรินนะ..

หากเป็นคนธรรมดาโดนระเบิดที่แรงขนาดนี้ร่างกายคงถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแทบจะทันที

ใช่แล้ว… ที่ผ่านมาเขายังไม่เคยคิดจะฆ่ารินนะเลยสักครั้ง..

แต่ทว่าในตอนนี้ เหมือนว่าสิ่งที่เขาต้องทำคงมีอย่างเดียวคือต้องฆ่ารินนะ

………..

……..

…..

ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนตึกสูง มองภาพภายในเมืองแห่งวังวนอย่างสบายอกสบายใจ… ในมือของเขาถือแก้วไวน์ที่บ่มมานานและมีราคาที่สูงลิ่วอยู่

ก่อนที่เขาจะปล่อยแก้วไวน์นั้นลงตรงหน้า แก้วไวน์นั้นค่อยๆ ร่วงลงกับพื้น

“ทุกอย่าง.. กำลังดำเนินไปตามแผน”

“แต่ไม่คิดว่าไอ้อาโก้เองก็จะไปอยู่แถวนั้นด้วยพอดี”

“เอาเถอะ.. คนแบบอาโก้จะหาแทนเท่าไหร่ก็คงไม่ยาก”

“ไปกันเถอะ ถึงเวลาออกโรงของเราแล้ว เรียว”

ชายคนนั้นค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับเดินออกจากห้องไป ตามมาด้วยชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ มาตั้งแต่แรก

“ครับ บอส”

ทั้งสองคนเดินจากไป.. ทิ้งไว้เพียงไวน์สีแดงที่เปื้อนเต็มพื้นราวกับเลือดที่กำลังจะไหลนองไปทั่วเมืองแห่งวังวน