บทที่ 59 ชายชราบ้าไปแล้ว เขาอยากได้ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่เป็นลูกศิษย์!

รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人

บทที่ 59 ชายชราบ้าไปแล้ว เขาอยากได้ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่เป็นลูกศิษย์!

“ยังอยากจะตีฝ่าซากโบราณสถานด้วยแรงกำลังอย่างเดียวอีกหรือ? น่าขำเสียจริง…”

ชายชราในชุดสีเทาส่ายหัวและถอนตัวออกจากซากโบราณสถานโดยไม่มีส่วนร่วม

เขามาจากนิกายลับสวรรค์ เก่งในการอนุมานความลับและข้อจำกัดทุกประเภท ชายชราสังเกตอย่างระมัดระวังว่ามีข้อจำกัดที่ทรงพลังมากในซากโบราณสถานนี้ และเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายด้วยพละกำลังเพียงอย่างเดียว

นิกายลับสวรรค์ เป็นนิกายศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภาคกลางมีประวัติมาอย่างยาวนาน และชายชราในชุดสีเทาผู้นี้ก็เป็นผู้อาวุโสใหญ่แห่งนิกายลับสวรรค์ ความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่อาจหยั่งรู้ได้

“ข้อห้ามเช่นนี้…”

เขาขมวดคิ้วและคิดเกี่ยวกับข้อจำกัดในซากโบราณสถาน

ต้องทำลายข้อจำกัดในซากโบราณสถานเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าไปในซากโบราณสถานได้ มิฉะนั้นจะไม่สามารถเข้าไปได้เลย

เขาเอาแต่คิดและอนุมาน ก่อนที่จะรู้ตัว ชายชราก็มาถึงเมืองชิงซานเสียแล้ว

“เมืองของมนุษย์…”

เขาเข้าไปในเมืองชิงซานและเดินเตร่ไปตามถนน

ความลับมีอยู่ทั่วไป แต่เป็นเรื่องยากสำหรับคนธรรมดาจะค้นพบมัน พวกเขาสอนความลับ เชี่ยวชาญความลับ และเก่งในการจับจุดความลับทุกประเภท

ทักษะการอนุมานแห่งนิกายลับสวรรค์นั้นหาตัวจับยากยิ่ง เนื่องจากพวกเขาเก่งในการจับความลับของสวรรค์ทุกประเภท แล้วใช้ความลับนั้นเพื่ออนุมาน

ทุกครั้งที่อนุมานได้ เขาจะเคลื่อนไหว จับความลับ และใช้ความลับในการอนุมาน

“ช่างเป็นวิญญาณที่แข็งแกร่งยิ่งนัก!”

ชายชราผงะเล็กน้อย สายตาจับจ้องไปยังดรุณีสาวที่ดูเหมือนมนุษย์ซึ่งกำลังยืนรอใครบางคนอยู่

เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งของมนุษย์สาวโดยไม่ต้องใช้สัมผัสวิญญาณเลยสักนิด นี่ทำให้เขาประหลาดใจอย่างยิ่ง

“ฉินหมิงเทียบกับนางไม่ได้เลย!”

แล้วเขาก็เริ่มใช้สัมผัสวิญญาณกับเด็กสาวมนุษย์อย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นชายชราก็ตกตะลึงและอารมณ์ของเขาก็ขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่หยุด

จะไม่ตกใจได้อย่างไร?

สิ่งสำคัญที่สุดในการฝึกอนุมานคือ การมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งพอ

หากจิตวิญญาณไม่แข็งแกร่งพอ จะไม่สามารถต้านทานกระบวนการอนุมานได้เลย จำเป็นต้องรู้ว่าอนุมานนั้นจำเป็นต้องใช้พลังของวิญญาณ

ฉินหมิงเป็นศิษย์โดดเด่นที่สุดในนิกายลับสวรรค์ เขาฝึกฝนมาหลายปี และพลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งกว่าผู้อาวุโสทั่วไปบางคนด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม มนุษย์สตรีตรงหน้าเขาซึ่งไม่เคยฝึกฝนเลย กลับมีพลังวิญญาณที่มากกว่าฉินหมิง เขาจะไม่ตกใจได้อย่างไร

หากมนุษย์สตรีผู้นี้เข้าร่วมนิกายลับสวรรค์ของพวกเขา แล้วฝึกฝนวิธีการเพิ่มพลังวิญญาณ พลังวิญญาณของนางจะต้องไปถึงระดับที่ไม่อาจจินตนาการได้อย่างแน่นอน!

“ฮ่า ๆ ไม่แปลกใจเลยที่ข้ามายังเมืองมนุษย์ได้ เป็นเพราะสวรรค์ต้องการให้ข้าพบนางนี่เอง”

ชายชราเมิ่งจีหัวเราะร่า ปากของเขาเกือบจะปิด

มนุษย์สตรีตรงหน้าเขาคือผู้สืบทอดที่ดีที่สุดของนิกายลับสวรรค์ หากเขาพานางไปยังนิกายลับสวรรค์ได้ นิกายลับสวรรค์ของพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน!

ชายชราจัดเสื้อผ้า ระงับความตื่นเต้นในใจ และพยายามสงบสติอารมณ์ เขาไม่ต้องการทำให้ดรุณีน้อยผู้นี้หวาดกลัว

หลังจากจัดเสร็จแล้ว เขาก็แสดงรอยยิ้มพึงพอใจบนใบหน้า และเดินไปหามนุษย์สตรีด้วยมาดของปรมาจารย์

“สวัสดี”

เขาย่างก้าวเข้าไปพร้อมกับรอยยิ้ม และทักทายมนุษย์สตรีตรงหน้า

“สวัสดีคุณปู่”

เด็กสาวตอบกลับอย่างสุภาพ

เหตุใดชายชราคนนี้ถึงตามหานาง?

คงไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับนางมาใช่หรือไม่

‘มิเช่นนั้น เหตุใดเขาจึงต้องใช้สัมผัสวิญญาณตรวจสอบข้ากัน’

นางคิดกับตัวเอง

‘ไม่น่าหรอก…ชายชราคนนี้ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น’

หญิงสาวปฏิเสธในใจทันที

หากคิดจะค้นหาตัวตนของนาง อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นนักบุญ ทว่าชายชราตรงหน้านี้ นางไม่อาจสัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ที่พวกนักบุญควรมี ด้วยเหตุนี้ ชายผู้นี้ย่อมไม่ใช่นักบุญและเขายังห่างไกลจากมันแน่นอน

สตรีผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลิงอิน

มนุษย์ธรรมดาจะไม่สามารถรับรู้ถึงสัมผัสวิญญาณของชายชราที่ลอบตรวจสอบได้เลย ทว่านางนั้นแตกต่างออกไป นางกลับชาติมาเกิดในฐานะผู้ทรงอำนาจสมัยโบราณ และวิญญาณของนางก็ไวกับเรื่องพวกนี้นัก

หลิงอินรู้สึกได้ตั้งแต่ที่ชายชราเริ่มตรวจสอบนางด้วยสัมผัสวิญญาณของเขา

“เด็กน้อย เจ้าต้องการมีชีวิตอยู่ตลอดไปและกลายเป็นเซียนหรือไม่? เจ้าต้องการที่จะเดินบนเส้นทางการฝึกฝนและครอบครองพลังอันไร้ขอบเขตหรือไม่? เจ้าต้องการท่องไปในโลกและสวรรค์หรือไม่?”

ชายชราเมิ่งจีเผยรอยยิ้มและถามหลิงอิน จากนั้นก็เอ่ยเสริมว่า “หากเจ้าต้องการ เจ้าสามารถตามข้ามา แล้วข้าจะช่วยทำทั้งหมดนี้ให้สำเร็จ”

อ้อ กลายเป็นว่ารับนางไปเป็นลูกศิษย์…

หลิงอินเข้าใจในทันที

ให้ตาย นางหัวเราะแทบตายในใจของนาง

นางเป็นใคร

นางคือตัวตนอันทรงพลังในยุคโบราณเชียวนะ!

แม้แต่จักรพรรดิธรรมดาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะรับนางเป็นศิษย์ หากพวกเขาต้องการรับนางเป็นศิษย์ อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิ

ชายชราผู้ห่างไกลจากความเป็นอาจารย์…

แค่ลูกศิษย์ของนางยังเป็นไม่ได้เลย!

‘ความแข็งแกร่งก็หาได้แข็งแกร่งไม่ ทำน้ำเสียงขึงขังใหญ่โต บอกว่านางสามารถเป็นเซียนได้ บอกว่านางสามารถมีพลังไร้ขอบเขตและเดินทางท่องโลกหล้าได้ เหอะ…จักรพรรดิยังทำเช่นนั้นมิได้เลย!’

หลิงอินเย้ยหยัน ชายชรากำลังหลอกนางเหมือนเด็กสาวธรรมดาทั่วไป

‘ใครเล่าไม่อยากเป็นเซียน ใครเล่าไม่อยากได้พลังไร้ขีดจำกัด ใครเล่าไม่อยากเดินทางท่องโลก ฮ่า ๆ คำถามของข้าช่างน่าทึ่งยิ่งนัก!’

ชายชราเมิ่งจีรู้สึกภาคภูมิ และแน่ใจว่านางจะไม่มีปฏิเสธคำถามของเขา

อย่างไรก็ตาม คำตอบของหลิงอินทำให้ความภาคภูมิของเขาดับวูบลงทันที

“ขออภัยด้วย ข้าไม่ต้องการ ข้าแค่อยากเป็นมนุษย์ธรรมดา”

หลิงอินตอบกลับ

นางจะเป็นลูกศิษย์ของชายชราคนนี้ได้อย่างไร

ล้อเล่นหรือเปล่า!

หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป นางจะเอาหน้าตนเองไปไว้ที่ไหน

“อ้าว ไม่อยากหรือ”

สีหน้าของชายชราเมิ่งจีเปลี่ยนไปทันที

หรือว่าเพราะอานุภาพคำพูดของเขาแรงเกินไป สาวน้อยเลยคิดว่าเขาโกหก!

อื้ม!

ต้องใช่แน่ ๆ!

เขาปรับความคิดและกำลังจะเกลี้ยกล่อมเด็กสาวอีกครั้ง ทว่าทันใดนั้นก็มีเด็กหนุ่มอีกคนเดินเข้ามา

“หลิงอิน รอเสียนานเลย…ข้าตื่นสายน่ะ ขออภัยด้วย”

ชายหนุ่มพูดกับหลิงอินอย่างขอโทษขอโพย

“ท่านล้อเล่นหรือไร มันไม่สายไปหรอก ข้าเพิ่งมาถึงเช่นกัน”

หลิงอินหัวเราะ

‘ข้าเพียงอิจฉายวนยาง ไม่อิจฉาเซียน*[1] ในที่สุดก็เข้าใจ ไม่ใช่ว่าข้าพูดเกินไป แต่สาวน้อยคนนี้กำลังตกอยู่ในห้วงความรัก!’

ชายชราเมิ่งจีมองไปที่หลิงอินและเด็กหนุ่ม แล้วทันใดนั้นก็นึกขึ้นมา

เขาเห็นหลิงอินตั้งแต่ก่อนหน้านี้ หลิงอินไม่ได้แค่เพิ่งมาถึง แต่มาถึงนานแล้ว

อย่างไรก็ตาม หลิงอินไม่สามารถบอกเด็กหนุ่มได้ เห็นได้ชัดว่าหลิงอินเป็นห่วงเด็กหนุ่มมากและไม่ต้องการให้เขารู้สึกผิดมากเกินไป

หากเอาใจใส่มากและอายุก็ใกล้เคียงกัน จะเป็นอะไรหากไม่ใช่คนรัก?

‘ข้าแค่จะบอกว่าใครเล่าจะทนปฏิเสธคำถามของข้าได้ เพียงแต่ทนแยกจากคนรักไม่ได้ก็เท่านั้น…ก็นะ ไปด้วยกันเลยเป็นไรเล่า’

ชายชราเมิ่งจีหัวเราะในใจอีกครั้ง

“เจ้าหนุ่ม เจ้าต้องการมีชีวิตอยู่ตลอดไปและกลายเป็นเซียนหรือไม่? เจ้าต้องการที่จะเดินบนเส้นทางการฝึกฝนและครอบครองพลังอันไร้ขอบเขตหรือไม่? เจ้าต้องการท่องไปในโลกและสวรรค์หรือไม่?”

เขามองเด็กหนุ่มด้วยรอยยิ้ม แล้วโยนคำถามให้อีกฝ่าย

หลิงอินตกตะลึง ชายชราผู้นี้บ้าไปแล้ว นี่เขาอยากได้ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่เป็นลูกศิษย์ของเขาหรือ!?

กล้ามาก

เด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลี่จิ่วเต้า

*[1] เพียงอิจฉายวนยาง ไม่อิจฉาเซียน มีความหมายว่า เพียงอิจฉายวนยางที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต ดีกว่าเป็นเซียนที่มีอายุยืนยาวแต่ต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว