ตอนที่ 41 ลำบากหรือ วาสนาแท้

เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา

“เหนื่อยไหม?” หลินซือเย่ายกถังน้ำร้อนเต็มถังเทลงในอ่างอาบน้ำในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าภายในห้องนอน กะว่าให้ซูสุ่ยเลี่ยนอาบน้ำในนี้

“ไม่เท่าไร ลำบากเจ้าแล้ว” ซูสุ่ยเลี่ยนมองหลินซือเย่าอย่างรู้สึกขอโทษที่ต้องให้เขามาช่วยยกน้ำให้นางอาบ ยังต้องไปหยิบเสื้อตัวในสะอาดจากในตู้มาวางไว้บนราวแขวนเสื้อให้นางอีก

“บอกหลายครั้งแล้ว ไม่อนุญาตให้รู้สึกราวกับข้าเป็นคนอื่น” หลินซือเย่าขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ลองแตะความอุ่นน้ำดู “อาบได้แล้ว เสร็จแล้วเรียกข้า” กล่าวจบก็ปิดประตูห้องนอนออกไปรอด้านนอก

ซูสุ่ยเลี่ยนเห็นท่าทางเขาไม่พอใจ ยังคิดว่าเพราะนางรับคำป้าเหลาช่วยสี่ชุ่ยปักหงส์เกี้ยวหงส์ จึงได้ละเลยเขาที่เพิ่งแต่งงานกัน

เพียงแต่ป้าเหลาเช้ามาก็มาหานางถึงสองครั้ง ยังเป็นงานปักที่มีเวลาจำกัด หากนางไม่รับ ใช่ว่าจะรู้สึกไม่ดีหรอกหรือ อย่างไรครอบครัวป้าเหลาก็ช่วยเหลือนางไว้มากมายจริงๆ

แต่ว่าอาเย่า…ซูสุ่ยเลี่ยนพิงขอบอ่างอาบน้ำตักน้ำราดรดร่างกายตนเรื่อยๆ ในใจก็นึกถึงว่าไม่รู้หลินซือเย่าทำอะไรอยู่นอกห้อง จากนั้นหนังตาก็เริ่มหนักลง…

หลินซือเย่ายืนอยู่ใต้ต้นอิงเถาอยู่นาน แสงจันทร์ทะลุใบไม้ลงมาบางส่วน ก่อให้เกิดแสงเงาตามตัวเขา เขาราวกับเทพเจ้าหยกรูปงาม เพียงแต่คิ้วขมวดเล็กน้อย ทำให้ไม่เหมือนท่วงทำนองเงียบขรึมของเทพเจ้าในบรรพกาล

น่าตายจริง ทำไมนานขนาดนี้ยังไม่ตะโกนเรียกตนอีกนะ ท่าทีตนเมื่อครู่ทำให้นางเข้าใจผิดหรือ คิดว่าตนกำลังโกรธนางหรือ เขารู้สึกหงุดหงิดใจจริงๆ แต่ว่าไม่ได้หงุดหงิดนาง วันนี้ทั้งวันนอกจากตอนเที่ยงกัดหมั่นโถวไปครึ่งลูก นางก็ไม่ได้ดื่มน้ำเท่าไร เพราะกังวลว่าเข้าห้องน้ำจะทำให้เสียเวลา เอาแต่มุ่งมั่นปักผ้าไม่หยุด นางกับสี่ชุ่ยรวมกันทำเสร็จแค่หนึ่งในสี่ หากเป็นเช่นนี้ไปอีกสามวัน สุขภาพนางรับได้ก็แปลก

หลินซือเย่ากลั้นลมหายใจใช้พลังภายในฟังเสียงเคลื่อนไหวในห้องนอน เป็นนานก็ไม่ได้ยินเสียงน้ำ คิ้วเริ่มขมวดแน่นรีบเข้าไปที่ห้องโถงตรงไปเคาะประตูห้องนอน “สุ่ยเลี่ยน?”

……

ภาพเบื้องหน้าทำเอาหลินซือเย่าแทบอยากจะร้องไห้ นางถึงกับอาบน้ำไม่ทันเสร็จก็หลับไปก่อน หัวเอียงพาดอยู่กับขอบอ่าง ผมยาวเปียกลู่อยู่นอกอ่างอาบน้ำ คอตกหลับไปแล้ว

เขาคว้าเอาผ้าเช็ดตัวมาจากราวมาได้ก็ห่อนางไว้ทั้งตัว อุ้มขึ้นจากอ่างอาบน้ำ ค่อยๆ เดินไปที่เตียง เช็ดตัวนางให้แห้งก่อนยัดร่างบางเข้าไปในผ้าห่มผืนบาง จากนั้นก็จัดการผมยาวสลวยที่แทบจะยาวถึงกลางเอวของนางต่อ ใช้ผ้าแห้งค่อยๆ ขยี้เช็ดหลายรอบ จนไม่มีน้ำหยดจึงได้ใช้พลังภายในทำให้ผมนางแห้งสนิท ขณะเดียวกันยังไม่ลืมที่จะทำให้ปลอกหมอนที่เปียกชื้นแห้งก่อนจะหยุดเคลื่อนพลังภายใน

หลินซือเย่าเอาน้ำในอ่างอาบน้ำไปเททิ้งแล้วก็เช็ดพื้นที่เปียกให้แห้ง ตนเองค่อยอาบน้ำที่เย็นแล้วต่อ เอาเสื้อผ้าเก่าของทั้งสองไปใส่กะละมังซักผ้าในห้องครัว เตรียมไว้ซักพรุ่งนี้เช้า จากนั้นก็ค่อยคลำความมืดขึ้นเตียง ซูสุ่ยเลี่ยนพลิกตัวไปทีหนึ่ง ตอนนี้นางแทบจะกึ่งไร้อาภรณ์อยู่นอกผ้าห่ม

หลินซือเย่าพยายามกลั้นกำเดาที่กำลังจะกระฉูดออกมา รีบสวมชุดตัวในให้นางอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมุดเข้าผ้าห่มกอดนางไว้ เข้าสู่ห้วงนิทราในคืนวันที่สองหลังแต่งงาน

……

ยามเช้าตรู่เสียงไก่ขันดัง ซูสุ่ยเลี่ยนขยับตัว คิดถึงเมื่อวานที่ได้กำหนดเวลาเริ่มงานยามเหม่าในวันนี้กับสี่ชุ่ยก่อนนางกลับ นางได้แต่ลืมตาขึ้นอย่างไม่อยากตื่น

แสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาในห้องผ่านผ้าม่านไม่มาก แต่ก็พอจะทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ ในห้องได้แล้ว

นึกถึงหลินซือเย่าที่กอดนางหลับสนิทอยู่ ซูสุ่ยเลี่ยนก็อดเอื้อมมือออกไปลูบใบหน้าเขาไม่ได้ เมื่อคืนวานนี้ขึ้นเตียงกับเขามาตอนไหนยังจำไม่ได้ค่อยได้ จำได้แต่ตนเองกำลังอาบน้ำ…อาบน้ำ…จากนั้น…

“อา!” นางกุมปากที่กำลังจะหลุดร้องอุทานออกมา กลัวจะรบกวนเขาตื่น แต่พอคิดถึงเมื่อคืนวาน นางอาจถูกเขาอุ้มจากอ่างอาบน้ำขึ้นเตียง ก็แอบอายมุดหน้าเข้าใต้ผ้าห่มทันที

“ยังเช้าอยู่” หลินซือเย่าหลับตากอดร่างนางที่อยู่ๆ แข็งทื่อขึ้นมาเอาไว้พลางกระซิบ

“อาเย่า…” ซูสุ่ยเลี่ยนอายจนหน้าแดง ปล่อยให้เขากอดนางตามอำเภอใจ ยกมือมาโอบลำคอดึงนางเข้าสู่อ้อมกอด อีกมือยังกอดเอวนางไว้แน่น ไม่ให้นางลุก

“ยังเช้าอยู่” หลินซือเย่ายังพูดต่อ กอดนางไว้ไม่ยอมปล่อย

“ข้านัดกับสี่ชุ่ยไว้ยามเหม่า” ซูสุ่ยเลี่ยนได้ยินเสียงหัวใจเต้นอันแข็งแกร่งหนักแน่นในอ้อมกอดเขาก็บอกขึ้นเบาๆ ยังมีเสื้อชุดเมื่อวานอีก หลายวันนี้เขาแย่งนางซัก ทำเอานางแอบละอาย อยู่ๆ ก็คิดได้ว่าเมื่อคืนวานเหมือนเขาจะไม่พอใจ ก็อดถามไม่ได้ว่า “อาเย่า เมื่อคืนเจ้ากำลังโมโหข้าใช่ไหม”

น้ำเสียงนางทั้งสลดและรู้สึกผิด หลินซือเย่าได้ยินก็แอบปวดปลาบในใจ ที่จริงเขาโมโหตนเองที่ทำกับนางเช่นนั้นต่างหาก นางเองก็กำลังตำหนิตนเองเช่นกัน

เขากอดสตรีในอ้อมกอดแน่นขึ้นไปอีก บรรจงจุมพิตหน้าผากอิ่มนูนของนางอย่างทะนุถนอม ก่อนจะไล่ไปตามวงคิ้ว สันจมูกโด่งงาม ไปจนถึงริมฝีปากแดงหอมหวาน

ซูสุ่ยเลี่ยนเริ่มสั่นเทาตอบสนองเขา เขาครางในลำคอเบาๆ อย่างพึงใจ ก่อนจะหยอกเย้านางต่อจนนางหายใจไม่ทัน สีหน้าแดงก่ำหมดแรงในอ้อมกอดเขาพลางหายใจหอบ

หลินซือเย่าจิ้มจมูกนางพลางหัวเราะขำ “ทำไมยังหายใจไม่เป็นอีก”

ซูสุ่ยเลี่ยนอายซุกหน้าเข้าที่ไหล่เขา ไม่ยอมมองหน้าเขาเป็นนาน

“สุ่ยเลี่ยน?” หลินซือเย่าดึงนางออกมามองหน้าตนเอง สีหน้าจริงจังว่า “เมื่อคืนข้าไม่ได้โมโหเจ้า แต่เป็นห่วงสุขภาพเจ้า” บางอย่างไม่พูดให้ชัด เขากลัวนางเข้าใจผิด ทันทีที่ความเข้าใจผิดมากขึ้น ก็ยิ่งสะสมเป็นความอัดอั้นตันใจ ถึงตอนนั้นก็สายไปเสียแล้ว

“ข้ารู้” ซูสุ่ยเลี่ยนยื่นนิ้วชี้มากดริมฝีปากเขาไว้เบาๆ “แค่ครั้งนี้ ในเมื่อรับปากป้าเหลาแล้ว ก็แค่ครั้งนี้ วันหน้าข้าจะไม่ปักผ้าเช่นนี้อีกแล้ว” นางลูบริมฝีปากเขาไว้พลางให้คำมั่นสัญญาแผ่วเบา

งานปักในเวลาจำกัดเป็นงานลำบาก นางรู้ดี เมื่อก่อนตอนยังมีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะช่างปัก “ผ้าปักตระกูลซู” นางไม่เคยเตือนตนเองเช่นนี้ กลับกันยังพยายามคิดหาวิธีประหยัดเวลาด้วยการเตรียมทุกอย่างให้พร้อม รวมทั้งสาวใช้ให้ตนเองเรียกใช้เพียงพอ แม้แต่ท่านแม่ที่เป็นห่วงก็ไม่เคยห้ามปราม เพราะนี่คือหน้าที่ในฐานะหลานสาวคนโตสายภรรยาเอกแห่งตระกูลซู นางย่อมรู้ แต่ไรมาไม่เคยบ่นว่าลำบาก

เพียงแต่น้ำเสียงหลินซือเย่าที่ปกติเย็นเยียบไร้อารมณ์ ตอนนี้มาบอกว่าเป็นห่วงนาง ซูสุ่ยเลี่ยนอยู่ๆ ก็อยากจะร้องไห้ออกมา ความลำบากที่สั่งสมอัดอั้นมาหลายปีในใจอยู่ๆ ก็ทะลักออกมา พริบตาก็พังทลาย

หลินซือเย่าจุมพิตซับน้ำตาที่ไหลรินจากหางตานาง แม้ว่าไม่เข้าใจว่าทำไมนางอยู่ดีๆ จึงร้องไห้ เพียงแต่ต้องการจุมพิตซับน้ำตาให้นางเท่านั้น ความไร้ที่พึ่ง ความน้อยเนื้อต่ำใจของนาง…หลั่งไหลออกไปกับจุมพิตที่อ่อนโยนไม่หยุดนี้…

เพียงแต่พอคลื่นร้อนแรงพัดโหมขึ้นมา พริบตาก็ไม่อาจระงับ เขาและนางตกลงสู่ห้วงแห่งความร้อนแรงอีกครา