ตอนที่ 42 ลานตอไม้ฝึกยุทธ์เป็นส่วนเกินหรือ

เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา

ยามเหม่าสี่ชุ่ยมาเคาะประตู หลินซือเย่าสีหน้ายิ้มแย้มเบิกบานเดินออกไปเปิดประตู ส่วนซูสุ่ยเลี่ยน คุณหนูใหญ่ซูกำลังนอนปวดเมื่อยไปทั้งตัว คว่ำตัวอยู่บนเตียงใหญ่แทบไม่อยากขยับ

หลินซือเย่าให้สี่ชุ่ยไปที่ห้องปักผ้าก่อน ตนเองเข้าครัวไปต้มน้ำร้อนยกเข้าไปในห้องนอน ประคองซูสุ่ยเลี่ยนลุกขึ้นมาล้างหน้าบ้วนปาก

“เจ้าจงใจ?” ซูสุ่ยเลี่ยนหน้าแดงก่ำไปหมด หมดแรงจนเขาต้องคอยประคองไว้ ดูท่าทางเบิกบานสบายใจของเขาแล้ว ก็อดยู่ปากบ่นไม่ได้

หลินซือเย่ายิ้มบางไม่กล่าวอันใด ช่วยนางผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็บิดผ้าเช็ดหน้าเช็ดหน้าให้นางเบาๆ มือยังมีแก้วน้ำและก้านแปรงฟัน รอให้นางล้างหน้าบ้วนปากเสร็จ

“ข้าเอง” ซูสุ่ยเลี่ยนรับผ้าเช็ดหน้ามาปิดหน้าไว้ครู่หนึ่ง หวังเพียงว่าหน้าแดงๆ ของตนจะบรรเทาลงบ้าง

“สุ่ยเลี่ยน พวกเราเพิ่งแต่งงาน คนอื่นย่อมเข้าใจ” หลินซือเย่าเห็นดังนี้ก็แอบนึกขัน ดึงผ้าเช็ดหน้าออก ส่งเครื่องแปรงฟันให้นาง ยิ้มมุมปากอธิบาย

ซูสุ่ยเลี่ยนได้ยินคำพูดเขา หน้าก็ยิ่งแดงก่ำยิ่งขึ้น จ้องใส่เขาโมโหฟึดฟัด หลังจากบ้วนปากแปรงฟันต่อหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเขาเสร็จก็รีบวิ่งเร็วจี๋เข้าห้องปักผ้าไปทันที

……

“สี่ชุ่ย เจ้าปักฝีเข็มวนได้ดีมาก อีกสักครู่ ผืนทะเลสาบใช้ปักสลับฟันปลา เช่นนี้จะยิ่งทำให้เห็นผิวน้ำชัดขึ้น” ซูสุ่ยเลี่ยนยืนอยู่ข้างสี่ชุ่ยมองดูนางปักก้านสีเขียวมรกตทิ้งตัวลงทะเลสาบเสร็จก้านหนึ่ง จึงได้ยิ้มกล่าวขึ้น

“ได้” สี่ชุ่ยพยักหน้าดีใจ นางคิดไม่ถึงว่านางถึงกับใช้วิธีการปักแบบเสวียนเจินอันแสนซับซ้อนที่ปกติไม่ค่อยเชี่ยวชาญเท่าไรปักกิ่งไม้เสร็จอย่างราบรื่น เช่นนี้นางก็ยิ่งมั่นใจมากยิ่งขึ้น

แม่ของนางพูดได้ถูกต้อง ซูสุ่ยเลี่ยนมีความสามารถด้านการปักจริง นางจะต้องตั้งใจรับฟังคำติชมเรียนรู้ให้ดี ก่อนหน้าชำนาญแค่การปักแบบฝีเข็มตรงๆ ธรรมดา วิธีปักแบบอื่นล้วนไม่เท่าไร จึงตัดสินใจถือโอกาสนี้เรียนรู้วิธีการปักหลากหลายจากซูสุ่ยเลี่ยนให้ดี วันหน้าตนเองออกเรือนไป ก็จะได้มีความสามารถพิเศษติดตัว อย่างไรงานปักฝีมือประณีตก็แลกเป็นเงินทองได้มากมายอยู่

พอคิดเช่นนี้ สี่ชุ่ยก็เงยหน้ามองซูสุ่ยเลี่ยนพลางพยักหน้าอย่างซาบซึ้งใจ ตามมาด้วยก้มหน้าลงตั้งใจปักงานต่อ

ซูสุ่ยเลี่ยนเห็นสี่ชุ่ยไม่เพียงไม่โต้แย้งสิ่งที่นางเสนอออกไป หากยังยอมรับอย่างยินดีจากใจ ในใจก็รู้สึกวางใจ

นางแอบคิดถึงเมื่อก่อนไม่ได้ สุ่ยเยี่ยนน้องสาวนางแม้ว่าจะขอให้นางติชมนางอยู่เสมอ แต่พอตนเองติชมไปจริงๆ นางก็มีสีหน้าไม่พอใจ บางทียังชักสีหน้าใส่ตนด้วย ราวกับตนจงใจหาเรื่องนาง ดังนั้นแม้ว่าเป็นคนใส่ใจรายละเอียดงานปักที่ต้องมีความสวยงามสมบูรณ์แบบ แต่ซูสุ่ยเลี่ยนก็ค่อยๆ เรียนรู้ที่จะยอมรับฝีมือปักผ้าที่มีข้อบกพร่องของสุ่ยเยี่ยน หันมาตั้งใจทำงานปักตนเองให้ดีแทน ตั้งแต่นั้นมาระหว่างนางกับสุ่ยเยี่ยนก็เริ่มเหินห่างขึ้นเรื่อยๆ กระมัง

นางแอบส่ายหน้า ซูสุ่ยเลี่ยนก้มหน้าลงตั้งใจปักร่างคร่าวๆ ของหงส์ทองต่อ

……

“อาเย่า วันนี้พวกนางก็ยังไม่ออกมากินข้าวกลางวัน?” เที่ยงสิบนาที ป้าเหลาก็คล้องตะกร้าเดินย่องเบาๆ เข้ามาถึงที่ตากของ เห็นหลินซือเย่าที่กำลังกำจัดแมลงในแปลงผักอยู่ จึงถามขึ้นเบาๆ

หลินซือเย่าเงียบไปครู่ก่อนจะตอบว่า “วันนี้ให้พวกนางออกมากินข้าวละกัน จะได้ผ่อนคลายร่างกาย”

“ใช่ๆ อย่างนั้นข้าเอาอาหารไปไว้ที่ครัวก่อน เดี๋ยวเจ้าไปตามพวกนางออกมากิน นะ?” ป้าเหลาได้ยินหลินซือเย่าก็พยักหน้ารับ นังหนูตนเองก็แล้วไป หากว่านังหนูสุ่ยเลี่ยนเป็นอะไรไปด้วยเรื่องนี้ ตนเองคงรับมือชายวรยุทธ์สูงส่งเบื้องหน้าผู้นี้ไม่ไหวแน่

หลินซือเย่ามองเห็นป้าเหลาแทบจะวิ่งหนีเข้าไปในครัว พอวางตะกร้าลงก็รีบวิ่งออกจากบ้านไปทันที ได้แต่แอบยิ้มส่ายหน้า ก้มลงทำงานในแปลงต่อ

เมื่อวานเลือกหนังสือที่เกี่ยวกับการเพาะปลูกมาสองสามเล่มจากชั้นหนังสือมาอ่าน คิดไว้ว่าในวันอากาศดีนี้จะได้อ่านเรื่องการปลูกมันหวาน ก่อนหน้าหนาวเดือนสิบสองมาถึงก็จะได้ปลูกพืชไว้กินที่หลากชนิดมากอีกหน่อย ดังนั้นเขาจึงจับตาดูซูสุ่ยเลี่ยนกินโจ๊กกับซาลาเปาม้วนครึ่งลูกเสร็จ ปล่อยนางกลับห้องปักผ้า ตนเองก็เข้าเมืองไปเลือกหาเมล็ดพันธุ์มันหวานต่างๆ กะว่าอีกสักพักจะค่อยๆ ปลูกทีละอย่าง ส่วนที่ว่างที่เหลือ เขาได้แบ่งดินออกเป็นสามแปลง กะว่าอีกสักพักจะเอาไว้ปลูกเมล็ดพันธุ์ที่ได้มาจากนางฟางตอนมอบของขวัญแต่งงานมา เลือกพวกพืชใบที่เก็บเกี่ยวหน้าหนาวได้มาปลูก

กำจัดวัชพืชและพรวนดินเสร็จก็ลุกออกไปล้างมือที่ท่าน้ำด้านนอกรั้ว ปาดเหงื่อบนใบหน้า

กวาดตามองไปยังลานตอไม้ฝึกยุทธ์ที่มาถึงตอนนี้ยังไม่ได้แตะต้อง แววตามีรอยยิ้ม ในใจรู้ว่าสตรีน้อยนั่นต้องเดาเจตนาของเขาตอนแรกที่สร้างลานฝึกนี้ไม่ออกแน่นอน ด้วยวิทยายุทธ์ลุ่มลึกของเขาตอนนี้ ย่อมไม่ต้องการลานฝึกตอไม้พวกนี้ ตอนนั้นอยู่ๆ เขาก็คิดขึ้นมาว่าวันหน้าจะได้ใช้กับลูกของเขากับซูสุ่ยเลี่ยน

ยืนอยู่ที่ท่าน้ำไปพลางคิดถึงชีวิตแสนสุขสงบงดงามในวันหน้า ก่อนจะอาบน้ำแล้วค่อยกลับห้องครัว กะว่าจะตามซูสุ่ยเลี่ยนมากินอาหารกลางวันกับเขาให้เป็นเรื่องเป็นราวสักมื้อ

ลูกหมาป่าสองตัวเหมือนได้กลิ่นหอมของเนื้อน้ำแดงในตะกร้าหวาย กระโดดย่อขาไปมารอบโต๊ะ หากไม่คิดถึงผลลัพธ์ร้ายแรง พวกมันคงโดดขึ้นโต๊ะขโมยกินเรียบร้อยไปแล้ว

ลูกหมาป่าสองตัวน้ำลายสอมองตะกร้าหวายบนโต๊ะ พอเห็นหลินซือเย่าเข้ามาก็กระดิกหางส่ายหัวเข้าประจบ ขอให้เขาโยนเนื้อสองชิ้นให้พวกมันเหมือนกลางวันเมื่อวานให้หายอยาก

ใช่แล้ว เมื่อวานป้าเหลาให้เนื้อน้ำแดงมา ซูสุ่ยเลี่ยนกับสี่ชุ่ยไม่ยอมออกมากิน หลินซือเย่าได้แต่เลือกสองชิ้นที่ไม่ค่อยมันยัดใส่หมั่นโถวส่งเข้าไปในห้องให้พวกนาง เนื้อน้ำแดงอีกสามชิ้น เขากินไปหนึ่ง ให้รางวัลลูกหมาป่าสองตัวไปอีกสอง เพราะพวกมันหากไม่มีเนื้อกินสักมื้อก็จะไร้เรี่ยวแรง

คิดว่าจะเข้าป่าไปอีกรอบ ล่าสัตว์มาเติมเป็นอาหารให้ลูกหมาป่าสองตัวสักหน่อย และจะได้สะสมขนสัตว์เพิ่มหน่อย ไว้ก่อนหน้าหนาวมาถึงให้ซูสุ่ยเลี่ยนตัดเป็นที่หุ้มแขนและเข่ากันหนาว เขามีพลังภายในแกร่ง ย่อมไม่กลัวหนาว แต่ซูสุ่ยเลี่ยนไม่เหมือนกัน ดูสภาพนางตอนนี้ เพิ่งต้นฤดูใบไม้ร่วงก็ต้องสวมเสื้อตัวนอกถึงสองตัว พอหน้าหนาวที่หิมะทั่วท้องฟ้าจะไม่หนาวตายหรือ

ดูออกว่าเมื่อก่อนนางต้องมาจากตระกูลใหญ่ พอถึงหน้าหนาวก็หลบอยู่แต่ในห้องนอนไม่ยอมไปไหน แต่ตอนนี้ที่บ้านแม้ก่อแท่นนั่งในห้อง แต่ก็ย่อมไม่ได้เป็นห้องอุ่นเหมือนบ้านในตระกูลใหญ่

ขณะที่คิดอยู่นั้น หลินซือเย่าก็นำอาหารในตะกร้าออกมาเรียงบนโต๊ะ คีบเนื้อบางๆ สองชิ้นโยนใส่ชามลูกหมาป่าสองตัว ก่อนจะเพิ่มหมั่นโถวให้อีกสองลูก ให้พวกมันกินกันหน้าบ้านไม้ สายตาปรามพวกมันว่าอย่าโลภ

ลูกหมาป่าสองตัวคาบเนื้อแผ่นบาง แทะหมั่นโถวมองหลินซือเย่าอย่างไม่พอใจ แต่พอเขาว่า ‘ตอนบ่ายเข้าป่าไปล่าสัตว์’ แววตาพวกมันก็ส่องประกายด้วยความหวัง

หลินซือเย่าส่ายหน้าหัวเราะขำ จากนั้นก็เดินไปที่ห้องปักผ้าตามซูสุ่ยเลี่ยนกับสี่ชุ่ยออกมากินข้าว