ตอนที่ 52 จะทำอย่างไรกับถังหลิง

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 52 จะทำอย่างไรกับถังหลิง

ตอนที่ 52 จะทำอย่างไรกับถังหลิง

เมื่อเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยกลับบ้าน แม่เฒ่าโจวและคนอื่น ๆ ต่างก็ประหลาดใจมากเมื่อได้ยินว่าหลินเซี่ยหาเงินได้ห้าสิบหยวนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

พวกเขาพากันชื่นชมความสามารถของเธอ

หวังอวี้เสียพูดด้วยความประหลาดใจ “พระเจ้าช่วย นี่ทำเงินได้มากมายภายในแค่สี่วันครึ่ง และได้รับเงินเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของเงินเดือนเราเลยเหรอ”

หลินเซี่ยอธิบายด้วยรอยยิ้ม “เถ้าแก่เนี้ยเป็นคนดี หล่อนจ่ายเงินเดือนให้ฉันสูงมากค่ะ พรุ่งนี้ฉันไม่ต้องไปทำงานแล้วก็จริง แต่ฉันสัญญากับหล่อนว่าจะแวะไปสอนวิธีดัดผมให้ครึ่งวัน”

เช้าวันรุ่งขึ้น หลินเซี่ยและเฉินเจียเหอพาหู่จือไปในเมืองเพื่อซื้อประทัด

หวังอวี้เสียเห็นว่าโจวลี่หรงอยู่บ้านทั้งวันและหมกมุ่นอยู่กับงานบ้าน หล่อนจึงแนะนำว่า “ลี่หรง พี่อยู่ที่นี่มาสองถึงสามวันแล้ว อยู่บ้านเฉย ๆ ทั้งวันน่าเบื่อจะตาย พรุ่งนี้ไปตลาดกันเถอะ”

“ฉันไม่ไป” โจวลี่หรงหยิบเสื้อผ้าทั้งหมดที่พ่อแม่ไม่ได้ใส่มานานออกมาซักและแขวนไว้บนราวตากผ้า

หลินเซี่ยสอนเถ้าแก่เนี้ยดัดผมในช่วงเช้า ขณะที่เฉินเจียเหอพาหู่จือไปรอใกล้ ๆ หลังจากเธอสอนเสร็จแล้ว ครอบครัวทั้งสามก็ไปซื้อของที่ตลาด

ของสำหรับวันปีใหม่ถูกซื้อเตรียมไว้เกือบทั้งหมดแล้ว และจุดประสงค์หลักในวันนี้คือซื้อประทัด

คนขายประทัดมารวมตัวกันในตลาด

ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประทัดยาว

นอกจากนี้ยังมีดอกไม้ไฟด้วย แต่มีความหลากหลายค่อนข้างจำกัด มันเป็นดอกไม้ไฟที่จุดขึ้นในแนวตั้ง ซึ่งถือเป็นดอกไม้ไฟที่หรูหราและราคาแพงเกินกว่าที่ผู้คนจะซื้อได้

เด็กส่วนใหญ่จะเล่นพลุเล็กและประทัดเล็ก

หลินเซี่ยรักษาสัญญาและใช้เงินที่ได้รับมาซื้อประทัดให้หู่จือและของเล่นอื่น ๆ หู่จือมีความสุขมากจนแทบจะเรียกเธอว่าแม่

ปัจจุบันร้านค้าหลายแห่งทยอยยกเลิกคูปองต่าง ๆ แล้ว ตราบใดที่มีเงินก็หาซื้อของได้ง่ายดาย

ตามคำร้องขอของคุณตา เฉินเจียเหอซื้อของเซ่นไหว้อย่างกระดาษเงินกระดาษทอง เทวรูปฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋น ธูป และของเซ่นไหว้อื่น ๆ

น้าชายเจี้ยนกั๋วบอกว่าปีนี้ไม่จำเป็นต้องซื้อบทกลอนคู่ เพราะมีผู้นำอาวุโสที่เกษียณแล้วในโรงงานของเขาชื่นชอบการประดิษฐ์ตัวอักษร เขาจึงมอบบทกลอนคู่มาให้สองถึงสามแผ่น ซึ่งเขาสามารถนำเอากลับไปที่บ้านได้

หลังจากซื้อของเสร็จ เฉินเจียเหอกล่าวว่า “ผมยังต้องโทรหาผู้สูงอายุที่บ้านฝ่ายพ่อเพื่ออวยพรขอให้เป็นปีแห่งความสุขสำหรับพวกเขาล่วงหน้า”

ไม่มีโทรศัพท์ในหมู่บ้าน และในเทศมณฑลก็มีโทรศัพท์สาธารณะเพียงไม่กี่เครื่อง

เฉินเจียเหอพบร้านค้าที่มีโทรศัพท์ เขาจึงต่อสายโทรศัพท์หาคุณปู่ที่เมืองไห่เฉิง

หลินเซี่ยกำลังชั่งน้ำหนักเมล็ดแตงโมที่แผงขายด้านนอก

“คุณปู่ ผมเจียเหอเองนะ”

“ยังจำได้ด้วยเหรอว่าฉันเป็นปู่ของแก?” เสียงทุ้มลึกและทรงพลังดังจากปลายสาย

“เกิดอะไรขึ้นกับการแต่งงานของแก? แกได้รับจดหมายที่ปู่เขียนถึงหรือเปล่า?”

เมื่อเขาได้ยินว่าเฉินเจียเหอกำลังจะแต่งงาน ผู้เฒ่าเฉินเขียนจดหมายถึงเขา แต่ก็เงียบหายไปโดยไม่มีข่าวคราวใด ๆ กลับมา

เฉินเจียเหอตอบ “ยังเลยครับ ที่นี่หิมะตกหนัก อาจทำให้บุรุษไปรษณีย์ออกส่งจดหมายล่าช้า”

“คุณปู่ ผมขอสวัสดีปีใหม่คุณปู่และคุณย่าล่วงหน้านะครับ เดี๋ยวผมเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับการแต่งงานของผมให้ฟังหลังจากกลับไปเมืองไห่เฉิง ฝากบอกพ่อด้วยว่า แม่กับผมจะฉลองปีใหม่ที่บ้านคุณตาในปีนี้”

“เดี๋ยวก่อน แกแต่งงานกับลูกสาวบุญธรรมของเสิ่นเถี่ยจวินจริงหรือ?” ผู้เฒ่าเฉินถาม

“คุณปู่ หล่อนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเสิ่นเถี่ยจวินอีกต่อไป และจะไม่มีปัญหาเรื่องการนับญาติในอนาคต”

เฉินเจียเหอเหลือบมองหญิงสาวที่กำลังซื้อของในร้านค้าด้านนอกและพูดเสียงเบาว่า “คุณปู่กับคุณย่าจะต้องชอบหล่อนอย่างแน่นอนเมื่อผมพาหล่อนกลับไป”

“เจียเหอ แกเป็นคนใจเย็นมาตลอด แต่คราวนี้กลับหุนหันพลันแล่นกลับไปแต่งงานในชนบท แม้ว่าการที่แกแต่งงานจะเป็นเรื่องน่ายินดี แต่อย่างน้อยแกก็ควรเตรียมจิตใจให้พร้อม นั่นคือลูกสาวบุญธรรมของตระกูลเสิ่น แกไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานมาก่อนเลยตอนที่อยู่ในเมืองไห่เฉิง แล้วนึกอะไรถึงกลับไปชนบทเพื่อแต่งงานแบบนั้น? คุณย่ากับปู่แก่มากแล้ว เรารับมือกับข่าวใหญ่แบบกะทันหันแบบนี้ไม่ได้เข้าใจไหม?”

เฉินเจียเหออธิบายด้วยความเคารพว่า “ครั้งนี้ผมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้ไม่ดีนัก แต่ว่ามันยังไม่ถือว่าเป็นงานแต่ง มันเป็นเพียงงานเลี้ยงแบบเรียบง่ายภายในครอบครัว ในอนาคตเราจะจัดงานแต่งและจดทะเบียนสมรสอีกที”

เฉินเจียเหอกล่าวถึงสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้ผู้เฒ่าเฉินอดไม่ได้ที่จะคิดไปไกล

หรือว่าเขาทำสิ่งที่ไม่ควรทำและต้องรับผิดชอบเด็กสาวคนนั้น?

แต่เมื่อคิดอย่างรอบคอบ ชายบ้างานคนนั้นมุ่งความสนใจไปที่งานของเขาและเลี้ยงดูลูกชายอย่างเต็มที่ เขาเป็นคนที่ซื่อตรงมาก และในชนบทก็ค่อนข้างอนุรักษนิยม เขาไม่น่าจะพลั้งเผลอไล่ตามเด็กสาวตามใจชอบ

“แล้วเด็กคนนั้นปฏิบัติต่อหู่จืออย่างไร? หล่อนสามารถยอมรับเด็กน้อยจากก้นบึ้งของหัวใจไหม?” ผู้เฒ่าเฉินถาม

เขาเชื่อว่าหลานชายไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น ในเมื่อเขาแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ มันคงเป็นเพราะเขารักหล่อนจริง ๆ

แต่อีกฝ่ายมีอายุเพียงยี่สิบปี เรื่องที่หล่อนจะสามารถยอมรับหู่จือ หรือทำดีกับเด็กน้อยได้หรือไม่นั้นล้วนเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้เฒ่าเฉินใส่ใจ

เฉินเจียเหอมองหญิงสาวจับมือหู่จือซื้อของอยู่ด้านนอก เขาหัวเราะเล็กน้อย “เธอชอบหู่จือมาก และพวกเขาก็เข้ากันได้ดี”

“งั้นก็ดีแล้ว แกไม่ใช่คนโง่เขลา ฉันเชื่อการตัดสินใจของแก ตอนนี้แกแต่งงานกันแล้ว จะต้องรับผิดชอบเด็กสาวคนนั้นให้ดี”

“ขอบคุณครับปู่ ผมเข้าใจแล้ว”

“แล้วหู่จืออยู่ไหน?”

เฉินเจียเหอเรียกหู่จือที่กำลังเลือกซื้อของกับหลินเซี่ยด้านนอกให้เข้ามา “ลูกมาคุยกับคุณปู่ทวดหน่อยสิ”

หู่จือวิ่งเข้ามาถือสายโทรศัพท์และพูดด้วยเสียงดังฟังชัด “คุณปู่ทวด”

“คิดถึงปู่ทวดไหม?”

“คิดถึงครับ คุณปู่ทวด ผมมีแม่เลี้ยงแล้วนะ หล่อนเก่งมาก ทั้งทำชุดใหม่ให้ผม ตุ๋นเนื้อกระต่ายให้กิน และยังหาเงินมาซื้อประทัดให้ผมด้วย แต่คุณย่าไม่ค่อยชอบหล่อน และต้องการไล่แม่เลี้ยงออกไป คุณปู่ทวดพาคุณย่ากลับไปในเมืองได้ไหมครับ…”

เมื่อผู้เฒ่าเฉินได้ยินหู่จือชื่นชมหลินเซี่ย ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“อย่าห่วงเรื่องคุณย่าเลยนะ เธอทำตัวดี ๆ กับแม่เลี้ยงและอย่าซุกซนเกินไป เข้าใจไหม?”

“เข้าใจครับ”

หลังจากวางสายแล้ว เฉินเจียเหอก็จ่ายเงินและออกจากร้าน ครอบครัวทั้งสามคนขี่จักรยานกลับบ้านอย่างมีความสุข

หลังจากที่เฉินเจียเหอถูกหยอกล้อจนพวงสวรรค์ยังเจ็บระบม เขาไม่กล้าขี่ลงหลุมบนถนนอีก และขี่ออกไปอย่างมั่นคง

เมื่อเฉินเจียเหอโทรเข้าไปที่บ้านปู่ในเมืองไห่เฉิง เฉินเจียซิ่งก็บังเอิญอยู่ตรงหน้าผู้เฒ่าเฉินด้วย

เขาและเสิ่นเสี่ยวเหมยพูดเรื่องเลวร้ายมากมายเกี่ยวกับหลินเซี่ย เมื่อปู่ได้รับโทรศัพท์จากลูกชายคนโต เขาไม่คัดค้านข้อเสนอการแต่งงานครั้งนี้อย่างน่าประหลาดใจ

เฉินเจียซิ่งทดสอบอย่างระมัดระวัง “คุณปู่ เห็นด้วยกับที่พี่ชายแต่งงานกับลูกสาวบุญธรรมเสิ่นเถี่ยจวินเหรอครับ?”

ผู้เฒ่าเฉินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ทำไมปู่ต้องไม่เห็นด้วย? ปู่มั่นใจว่าพี่ชายคนโตของแกทำตามหัวใจตัวเอง เขาไม่ได้คบหากับใครมาหลายปีแล้ว ในเมื่อเขาเต็มใจแต่งงาน เขาคงพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ปู่เชื่อการตัดสินใจของเขา”

“แต่ว่า ลำดับญาติจะไม่ยุ่งเหยิงเหรอครับ? หากตระกูลเสิ่นได้ยิน พวกเขาจะต้องโกรธมากแน่”

หลังจากได้ยินสิ่งที่เฉินเจียซิ่งพูด ผู้เฒ่าเฉินหัวเราะเยาะ

“ตระกูลเสิ่นอาศัยอยู่ริมทะเลห่างไกลหรือไง? ทำไมถึงต้องประหลาดใจเรื่องพวกนี้? หากเป็นแบบนั้นทำไมพวกเขาถึงผลักไสลูกสาวคนนั้นออกไปตั้งแต่แรกล่ะ? ฉันได้ยินมาด้วยว่าพวกเขาถึงกับเลิกงานที่ร้านตัดผมของเธอด้วยซ้ำ ตอนนี้พวกเขาจะทำอะไรอีก?”

เสิ่นเสี่ยวเหมยบังเอิญออกมาและได้ยินผู้เฒ่าเสิ่นล้อเลียนครอบครัวตระกูลเสิ่น จึงโต้เถียงเขาทันที “คุณปู่คะ พ่อแม่ของหลินเซี่ยต้องแอบแลกเปลี่ยนลูกของตัวเองแน่ เพื่อที่ลูกสาวของพวกเขาจะได้มีชีวิตที่สุขสบายในเมือง แล้วพาลูกของคนอื่นไปใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในชนบท หลานสาวของฉันกลับมาแล้ว หล่อนบอกว่าหล่อนต้องใช้ชีวิตไม่ต่างจากหมูหรือหมาในบ้านหลังนั้นตั้งแต่เด็ก หลินเซี่ยกล้าดียังไงถึงยังต้องการกลับมาเมืองไห่เฉิง? พี่ใหญ่คงถูกหล่อนหลอกใช้แล้ว”

“เธอคิดว่าหลานชายฉันโง่เหรอ?” ผู้เฒ่าเฉินเหลือบมองเสิ่นเสี่ยวเหมยและกล่าวคำเบา “สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นถูกตัดสินโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เด็กทั้งสองคนไร้เดียงสา และได้กลับคืนสู่บ้านที่แท้จริงของตัวเอง เช่นนั้นอย่าได้ก้าวก่ายกัน โดยเฉพาะตระกูลเสิ่นของเธอ มันคงจะดีถ้าพวกเธอมีคุณธรรมและใจกว้างกว่านี้”

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา คนทั้งสองเอาแต่พ่นเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับหลินเซี่ยใส่หูของเขา ซึ่งแทบทำให้เขาหูหนวก

ทิ้งเรื่องอื่นไว้ก่อน แค่ความจริงที่ว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยในฐานะผู้อาวุโสเอาแต่พูดจาใส่ร้ายหลานสาวลับหลัง มันก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์นิสัยของหล่อน

ผู้เฒ่าเฉินมีหูตาแจ่มใส และยังคงมีสุขภาพแข็งแรง เขาไม่ยอมอยู่บ้านเฉย ๆ เพื่อฟังเรื่องไร้สาระ จึงออกไปข้างนอกเพื่อสอบสามและตรวจสอบเพิ่มเติม

เขาไปหาผู้เฒ่าเซี่ยซึ่งเป็นพ่อตาของเสิ่นเถี่ยจวิน ผู้เฒ่าเซี่ยเล่าว่า แม้เด็กสาวที่ถูกตระกูลเสิ่นเลี้ยงดูจะค่อนข้างธรรมดาและไม่มีอะไรโดดเด่น แต่หล่อนก็ไม่ได้เลวร้ายเหมือนอย่างที่เสิ่นเสี่ยวเหมยอธิบายไว้

เสิ่นเสี่ยวเหมยเม้มริมฝีปากและไม่พูดอะไร

ไม่รู้ว่าทำไมชายชราเจ้ากรรมคนนี้ถึงได้ชอบภูเขาน้ำแข็งก้อนใหญ่แบบเฉินเจียเหอนัก

เฉินเจียซิ่งกลอกตาเล็กน้อย แล้วพูดอีกครั้ง

“แล้วจะทำยังไงกับถังหลิง? หล่อนยังคงรอพี่ใหญ่ วันนี้ผมบังเอิญพบหล่อนข้างนอก หล่อนก็ถามทันทีว่าพี่ใหญ่จะกลับมาเมื่อไหร่ ผมไม่กล้าบอกหล่อนเกี่ยวกับการแต่งงานที่โง่เขลาของพี่ใหญ่เลย”

“คุณปู่ ไม่ควรตามใจพี่ใหญ่เกินไปนัก คุณปู่ไม่ได้บอกเองเหรอว่าจะสนับสนุนถังหลิง และให้อยู่ด้วยกันกับพี่ใหญ่? แล้วยังบอกพี่ถังหลิงด้วยว่า คุณปู่จะพยายามโน้มน้าวใจพี่ใหญ่ให้หล่อน ตอนนี้คุณปู่กลับคำแล้วเหรอ? คนอย่างหลินเซี่ยจะเทียบกับถังหลิงได้ยังไง? ทิ้งแตงโมไปหยิบเม็ดงา แล้วเขาจะต้องเสียใจ”

ผู้เฒ่าเฉินเริ่มกังวลเล็กน้อย

ถังหลิงเป็นเด็กสาวที่ทุกคนในครอบครัวชื่นชอบ

นอกจากนี้หล่อนยังมีความสัมพันธ์อันดีกับเฉินเจียเหอมาก่อน

“พวกแกอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ รอจนกว่าพี่ชายของแกจะกลับมา”

สิ้นเสียงผู้เฒ่าเฉิน เขามองเฉินเจียซิ่งด้วยดวงตาเฉียบคมและกล่าวเคร่งขรึม “ถ้าว่างนักก็ไปทำความสะอาดบ้านให้ดีซะ พ่อของแกยังอยู่ที่ทำงาน ส่วนแกไม่คิดจะทำอะไรเลย นอกจากรอให้คนอื่นทำใช่ไหม? คุณย่ากับเจียวั่งกำลังทำความสะอาดครัว ไม่คิดจะไปช่วยเลยหรือไง?”

“ก็ได้ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”

เฉินเจียซิ่งจากไปด้วยความสิ้นหวัง

เสิ่นเสี่ยวเหมยได้รับการเลี้ยงดูแบบตามใจ และได้รับการปรนนิบัติทุกวัน แน่นอนว่าย่อมทำงานไม่เป็น จึงกลับไปที่ห้องนอนด้วยความโกรธ

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

หยุดใส่ไฟแล้วไปทำความสะอาดบ้านได้แล้วบ่างช่างยุสองตัวนี่ ปีใหม่แล้วอย่าให้บ้านเต็มไปด้วยคำพูดใส่ร้ายเซี่ยเซี่ยเลย

ไหหม่า(海馬)