ตอนที่ 58 ชีวิตยากลำบาก

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 58 ชีวิตยากลำบาก

เยียนอวิ๋นเพ่ยไม่ได้รับประทานอาหารในงานเลี้ยง แต่ภายในใจของนางกลับมีความรู้สึกขึ้นๆ ลงๆ มากมาย

เยียนอวิ๋นฉีนำนางไปดูทิวทัศน์ที่สวนดอกไม้ แต่นางไม่มีอารมณ์

นางอยากจากไปให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ผู้อื่นเห็นความอับอาย

ถึงแม้นางไม่ได้พูดอะไร หลิงฉางเฟิงก็ให้เกียรตินาง แต่นางรู้ดีว่าเซียวฮูหยินแม่ลูกรับรู้ถึงสถานการณ์อันน่าอนาถของนางแล้ว

ถึงแม้นางจะบอกว่าตนเองสบายดี แม่สามีกับสะใภ้ล้วนเกรงใจนาง แต่คนอื่นต่างไม่เชื่อ เพียงแค่ไม่พูดออกมาเท่านั้น

หากอยู่อย่างสุขสบายจริง สีหน้าจะย่ำแย่เพียงนี้หรือ

สีหน้าจะซีดเซียวเพียงนี้หรือ

คนดีๆ หนึ่งคนจะผอมลงถึงเพียงนี้เชียวหรือ

แม้ตัวจะสวมชุดผ้าไหมสวยงาม สวมเครื่องประดับราคาแพง แต่ก็ไม่อาจปิดบังสีหน้าเหนื่อยล้าของนางได้

สามีภรรยาอายุน้อย แต่งงานเพียงหนึ่งปี แต่ท้องกลับไม่มีความเคลื่อนไหว…

ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่คำพูดของนางมีช่องโหว่มากเกินไป

บางทีในสายตาของผู้อื่น คำพูดของนางล้วนเป็นแค่การโอ้อวด

หากยังอยู่ในจวนท่านหญิงต่อ นางเกรงว่าตนเองจะกลายเป็นบ้า

นางก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน

ไม่ว่าจะลำบากหรือเหน็ดเหนื่อยเพียงใด นางก็จะแบกรับไว้เอง

นางไม่ยอมให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะตนเองได้

โดยเฉพาะเซียวฮูหยินแม่ลูก

ดังนั้นนางจึงขอตัวลา

แต่เยียนอวิ๋นฉีกลับพูดว่า “พี่ใหญ่ยังดื่มสุรากันอยู่ คงยังไม่เสร็จในเร็วๆ นี้ พี่อวิ๋นเพ่ยอย่ารีบร้อนนักเลย ทิวทัศน์ในสวนนี้ไม่เลว เดินเล่นกันต่อเถิด”

เยียนอวิ๋นเพ่ยทำหน้าลำบากใจ พลันจับหน้าผากเบาๆ

“วันนี้แดดแรง ข้าทนร้อนไม่ได้ พวกผู้ชายดื่มสุราก็ปล่อยให้พวกเขาดื่มไป ข้าขอตัวกลับก่อนดีกว่า วันอื่นข้าจะมาใหม่”

เยียนอวิ๋นฉีมองนางที่สวมเสื้อผ้าหนากว่าทุกคน นี่เรียกว่ากลัวร้อนหรือ

นางยิ้ม ไม่ได้บังคับ “ในเมื่อพี่อวิ๋นเพ่ยยืนกรานที่จะไป ข้าจะส่งท่านออกจากจวน ทางด้านท่านแม่ ไม่ต้องกังวล ข้าจะบอกกล่าวท่านเอง ท่านวางใจ ท่านแม่ไม่โทษท่านหรอก”

เยี่ยนอวิ๋นเพ่ยรีบจากไปโดยไม่คำนึงถึงมารยาท นางกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายพลันเดินออกจากประตูรองไปอย่างรีบร้อน

เยียนอวิ๋นฉีส่งนางขึ้นรถม้า อีกทั้งบอกให้นางมาบ่อยๆ ยามว่าง

เยียนอวิ๋นเพ่ยตอบรับแบบขอไปที พลันเร่งให้สารถีรีบออกรถ

จนกระทั่งรถม้าออกจากจวนท่านหญิง นางถึงได้โล่งใจ

“ร้ายนัก!”

เพิ่งหลุดพ้นจากความกดดันจากการถูกเปิดเผยความจริง ตัวตนของเยียนอวิ๋นเพ่ยก็ปรากฏออกมา นางเอาแต่บ่น

“รังแกกันเสียจริง! อย่างน้อยข้าก็เป็นถึงนายหญิงน้อยตระกูลหลิง นางเป็นแค่มารดาในนามของข้า มีสิทธิใดมาเยาะเย้ยเสียดสีข้า อีกทั้งยังมีเยียนอวิ๋นฉี คำพูดของนางล้วนเป็นการดูถูกข้า สมรสกับองค์ชายสองวิเศษมากนักหรือ”

สาวรับใช้ ชุนซิ่งพูดความจริง “ก็วิเศษจริงเจ้าค่ะ!”

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ” เยียนอวิ๋นเพ่ยถลึงตา จ้องนางด้วยสีหน้าดุดัน

สาวรับใช้ ชุนซิ่งรีบขอโทษ “นายหญิงน้อยระงับความโกรธ! คราวนี้พวกเราเข้าเมืองหลวงมาเพื่อแสดงความยินดีกับองค์ชายทั้งสอง ไม่ว่านายหญิงน้อยจะโกรธมากเพียงใดก็ต้องอดทนเอาไว้ให้ได้ มิฉะนั้นนายน้อยคงต้องโทษท่านอย่างแน่นอน”

“ข้ารู้! เจ้าฉลาดคนเดียวหรืออย่างไร” เยียนอวิ๋นเพ่ยพึมพำ “ไต้ฟูที่ข้าให้เจ้าไปเชิญ เจ้าเชิญมาแล้วหรือไม่”

ชุนซิ่งพยักหน้าระรัว “บ่าวสืบมาแล้ว มีหมอเทวดาด้านโรคสตรีนั่งรักษาอยู่ในเมือง นายหญิงน้อยต้องการเชิญคนไปรักษาในจวนหรือไปที่ร้านยาเจ้าคะ”

เยียนอวิ๋นเพ่ยมองด้านนอก เวลานี้ยังเช้าอยู่ หลิงฉางเฟิงยังดื่มสุราอยู่ในจวนท่านหญิง มันเป็นโอกาสดีที่หาได้ยาก

“ไปร้านยา”

จนกระทั่งฟ้ามืด หลิงฉางเฟิงดื่มจนเมากลับจวนมา

เยียนอวิ๋นเพ่ยออกจากงานเลี้ยงกลับจวนล่วงหน้าโดยไม่บอกกล่าว เขาไม่พอใจอย่างมาก

ทันทีที่เขาเข้าประตูมา เขาก็เตะเก้าอี้ตัวหนึ่งล้ม ทำให้สาวรับใช้ตกใจยิ่งนัก

เยียนอวิ๋นเพ่ยรับสั่งสาวรับใช้ “ไปรับน้ำร้อนมา”

สาวรับใช้โล่งใจ พลันรีบถอยออกไปโดยเร็ว

“ท่านพี่…”

“เอิ่ก…” หลิงฉางเฟิงสะอึก กลิ่นสุรากระแทกจมูก เหม็นอย่างมาก

เยียนอวิ๋นเพ่ยอดกลั้นความรังเกียจเอาไว้ ก่อนจะเดินเข้าไปจัดการให้เขา

หลิงฉางเฟิงจับข้อมือของนาง

“ผู้ใดให้เจ้ากลับจวนก่อน ไม่แม้แต่บอกกล่าว ในสายตาของเจ้ายังมีข้าอยู่หรือไม่”

เยียนอวิ๋นเพ่ยพูดด้วยความน้อยใจ “ร่างกายข้าไม่สบายจึงขอตัวกลับมาก่อน ท่านพี่โปรดให้อภัย”

หลิงฉางเฟิงส่งเสียงไม่พอใจ

“เจ้าไม่ให้เกียรติข้า ข้าแต่งงานกับเจ้ามีประโยชน์อันใด ร่วมหอก็ร่วมไม่ได้ ให้กำเนิดก็ให้ไม่ได้ แม้แต่ความสัมพันธ์พี่น้องในตระกูลตัวเองยังจัดการให้ดีไม่ได้ ไร้ประโยชน์สิ้นดี!”

ทันใดนั้นเยียนอวิ๋นเพ่ยน้ำตารื้นด้วยความเศร้าอย่างมาก

นางพูดเสียงเบา “ในไม่ช้าร่างกายข้าจะหายดี!”

หลิงฉางเฟิงหัวเราะเย้ยหยัน ทำหน้ารังเกียจ

“หายดีแล้ว ข้าก็ไม่อยากได้ ไปให้พ้น! คราวนี้ก็แล้วไป หากคราหน้าเจ้ายังกล้าคิดเองอีก อย่าโทษข้าไม่เกรงใจ”

พูดจบเขาก็จากไปอย่างโซซัดโซเซ

รอจนกระทั่งสาวรับใช้รับน้ำร้อนมาก็ไม่เห็นหลิงฉางเฟิงแล้ว นางฉงนเล็กน้อย

“นายหญิงน้อย ยังต้องการน้ำร้อนอยู่หรือไม่เจ้าคะ”

เคร้ง!

เยียนอวิ๋นเพ่ยตีกะละมังหกคว่ำ

น้ำร้อนเปียกเต็มพื้น สาวรับใช้ตัวเปียกชื้น อยากร้องไห้แต่ก็ไม่กล้า

“ออกไป ออกไปให้หมด” เยียนอวิ๋นเพ่ยตะโกน บ่าวรับใช้ทั้งหมดต่างถอยออกไป

ยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว เยียนอวิ๋นเกอนั่งมองทิวทัศน์อยู่บนหลังคา

อาเป่ยใช้บันไดปีนขึ้นหลังคา

“เหตุใดคุณหนูจึงชอบหลังคานัก หากท่านหญิงรู้เข้าคงต้องตำหนิคุณหนูอีกแน่”

เยียนอวิ๋นเกอได้ยินจึงหัวเราะขึ้นมา

เพียงแค่อาเป่ยไม่พูด ท่านแม่ย่อมไม่รู้

อาเป่ยกลับพูด “แม้บ่าวจะไม่พูดอะไรสักคำ สิ่งที่ท่านหญิงควรรู้ย่อมรู้ได้ ในจวนหลังนี้ อย่าพยายามปกปิดสิ่งใดจากท่านหญิงเลยเจ้าค่ะ”

พูดมาก!

เยียนอวิ๋นเกอรำคาญนาง

อาเป่ยจุกอก “คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งรีบรำคาญบ่าวเจ้าค่ะ มีคนในเมืองเปิดร้านขายน้ำแกงเครื่องในตามพวกเราหลายร้าน อีกทั้งราคายังถูกกว่า แย่งลูกค้าของเราไปไม่น้อยเลย จั่งกุ้ยใหญ่เยียนมู่ให้บ่าวมาถามคุณหนูว่าจะจัดการอย่างไรเจ้าค่ะ”

เมื่อผู้คนเห็นว่าธุรกิจใดรุ่งเรือง ย่อมแย่งกันเลียนแบบเป็นเรื่องธรรมชาติ

เพราะสมัยนี้การหาเงินไม่ใช่เรื่องง่าย

น้ำแกงเครื่องในเป็นธุรกิจอาหารแบบใหม่ อีกทั้งยังขายดีจึงดึงดูดให้คนทำกิจการนี้ตาม ไม่น่าแปลกใจ

เยียนอวิ๋นเกอใช้สองมือทำท่า “สืบได้หรือไม่ว่าผู้ใดเปิดร้านขายน้ำแกงเครื่องในตาม”

“สืบได้แล้วเจ้าค่ะ พวกเขาเป็นอันธพาลในเมืองที่อิจฉากิจการของเราดำเนินไปได้ดีเจ้าค่ะ”

เยียนอวิ๋นเกอทำท่าทางถาม “พวกอันธพาลเหล่านี้มีคนหนุนหลังหรือไม่?”

“มีเจ้าค่ะ! พวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเถียนเสี้ยวเว่ย[1]แห่งกองทัพเหนือ จากคำพูดของจั่งกุ้ยใหญ่เยียนมู่ เมื่อหลายปีก่อนเถียนเสี้ยวเว่ยผู้นั้นได้เข้าร่วมเป็นฝ่ายเดียวตระกูลเถาแล้วเจ้าค่ะ”

กล่าวคืออันธพยาลที่มาแย่งธุรกิจนี้มีเบื้องหลังเป็นตระกูลเถาอย่างนั้นหรือ

น่าตกตะลึงเสียจริง!

มีเบื้องหลังที่ร้ายกาจเพียงนี้ เหตุใดจึงมาทำธุรกิจน้ำแกงเครื่องใน

ท่าเรือขนส่ง พื้นที่เช่าในเมือง น้ำมัน เกลือ ซีอิ๊ว น้ำสมสายชู เพียงแค่พวกเขาผูกขาดการค้าใดการค้าหนึ่ง ย่อมไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน

แต่พวกเขากลับอิจฉากิจการน้ำแกงเครื่องใน อันธพาลกลุ่มนี้มีชีวิตยากลำบากนัก!

น่าอนาถเกินไป!

ความคิดในการหาเงินอนาถเกินไป วิสัยทัศน์ก็อนาถเกินไป

เยียนอวิ๋นเกอดูถูกอย่างมาก

ยกเว้นเถียนเสี้ยวเว่ยที่พอมีมูลค่าอยู่บ้าง

นางถามด้วยท่าทาง “รสชาติน้ำแกงเครื่องในของพวกเขาเป็นอย่างไร”

“รสชาติไม่ดี ให้หมากินหมายังเมินเจ้าค่ะ” อาเป่ยทำหน้ารังเกียจ

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ “ไม่อร่อย ยังสามารถแย่งการค้าของพวกเราไปได้หรือ”

“พวกเขาขายหนึ่งชามหนึ่งสลึง คนส่วนมากเพียงแค่ต้องการดื่มน้ำแกงร้อนๆ พวกเขายอมสละน้ำแกงเครื่องในของพวกเราเพื่อราคาที่ต่างกันเพียงหนึ่งสลึง พวกเขาต่างเป็นคนที่ไร้วิสัยทัศน์ สมควรกินน้ำแกงเครื่องในที่เหม็นเน่านั้นแล้วเจ้าค่ะ”

เยียนอวิ๋นเกอกระจ่างใจ

ไม่มีเครื่องเทศของนาง จากฝีมือการปรุงของคนสมัยนี้ ยากที่จะจัดการเครื่องในได้ดี

อย่าหวังว่ารสชาติจะอร่อย

สามารถกลบกลิ่นเหม็นคาวได้ก็ต้องขอบคุณฟ้าดินแล้ว

ฟังจากคำพูดของอาเป่ย น้ำแกงเครื่องในของอันธพาลเหล่านี้ไม่อาจกลบกลิ่นเหม็นคาวได้

มีคนเสียเงินไปกินด้วยหรือ

เห็นได้ชัดว่าเมืองหลวงที่กว้างใหญ่มีคนยากจนจำนวนมาก

เมืองหลวงยังเป็นเช่นนี้ พื้นที่อื่นคงแย่กว่านี้

ราชวงศ์ต้าเว่ยที่ตั้งมาหนึ่งร้อยกว่าปี ไม่ไหวเอาเสียเลย!

แม้แต่ประชาชนในเมืองหลวงยังยากจนเพียงนี้ เกษตรกรที่แบกรับอากรที่นาอันหนักอึ้งจะยากจนถึงเพียงใด

อย่าว่าแต่ภัยจากมนุษย์ เพียงแค่ภัยจากธรรมชาติก็สามารถทำให้ราชวงศ์ต้าเว่ยกลับไปยากจนเหมือนแต่ก่อนได้แล้ว

เมื่อถึงเวลา หากเกิดภัยจากมนุษย์ขึ้นอีก ราชวงศ์ต้าเว่ยจะรักษาไว้ได้หรือไม่คงพูดได้ยาก

เยียนอวิ๋นเกอถาม “จั่งกุ้ยใหญ่เยียนมู่ได้คำนวณต้นทุนของอีกฝ่ายหรือไม่ หนึ่งสลึงหนึ่งชามจะมีกำไรหรือ”

อาเป่ยพูดเสียงเบา “จั่งกุ้ยใหญ่เยียนมู่ให้บ่าวมารายงานคุณหนู ทั่วไปแล้วหนึ่งสลึงหนึ่งชามอย่างน้อยก็ยังคงมีกำไร แต่อันธพยาลกลุ่มนั้นจะสนใจกำไรเล็กน้อยนี้ได้อย่างไร หากพวกเขาต้องการกำไรที่มหารศาลย่อมต้องใจดำอำมหิต ใช้เครื่องในของหมูแพะที่ป่วยมาทำน้ำแกง จั่งกุ้ยใหญ่เยียนมู่กำลังให้คนไปสืบแหล่งที่มาของเครื่องใน เพียงแต่สืบได้แล้วควรทำอย่างไร ต้องขอให้คุณหนูชี้แนะเจ้าค่ะ”

“จะทำอย่างไรได้อีก ย่อมต้องพังร้านของพวกเขา เปิดโปงแหล่งที่มาของวัตถุดิบ ให้ทุกคนรู้ว่าพวกเขาเป็นพ่อค้าเลวที่สนใจแต่กำไร”

ท่าทีของเยียนอวิ๋นเกอเด็ดขาดอย่างมาก

อีกฝ่ายใช้วิธีการสกปรกในการแข่งขัน ไม่ต้องพูดมาก แค่พังทลายทิ้งเสีย

หากอีกฝ่ายเป็นพ่อค้าที่ซื่อสัตย์ ไม่ใช้กลอุบายสกปรก การเปิดร้านน้ำแกงเครื่องในตามย่อมไม่เป็นอันใด

หากอีกฝ่ายลำบาก นางยังสามารถออกเงินซื้อกิจการเพื่อร่วมมือกัน

การค้า คนหนึ่งทำได้ อีกคนย่อมทำได้

เยียนอวิ๋นเกอไม่คิดจะผูกขาดตั้งแต่แรก

เพียงแค่มั่นใจว่าตนเองเป็นหัวมังกรในกิจการก็พอ

หากมีคนใช้กลอุบายบนกิจการของนาง อย่าโทษว่านางถอนรากถอนโคนอีกฝ่ายอย่างใจร้าย

อาเป่ยกังวลเล็กน้อย “ทางด้านเถียนเสี้ยวเว่ย ต้องหาวิธีบอกกล่าวก่อนหรือไม่ หากมีเรื่องขึ้นมา บ่าวกังวลว่าจะไม่เป็นผลดีกับคุณหนู”

กลัวอะไร?

เยียนอวิ๋นเกอเหลือบมองอาเป่ย

ติดตามอยู่ข้างกายนาง มีเรื่องใดต้องกลัวหรือ

อาเป่ยรีบอธิบาย “บ่าวไม่ได้กลัวเจ้าค่ะ บ่าวแค่กังวลว่าจะทำลายชื่อเสียงร้านขายน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ย ทำให้การค้าของเราได้รับผลกระทบเจ้าค่ะ เถียนเสี้ยวเว่ยเป็นถึงแม่ทัพของกองทัพเหนือ อีกทั้งมีเบื้องหลังเป็นตระกูลเถา อย่างไรก็ต้องให้เกียรติอีกฝ่ายเสียบ้าง”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะพลันทำท่าทาง “พังร้านก่อนค่อยให้เกียรติก็ยังไม่สาย ทำตามที่ข้าสั่ง ฟ้าถล่มลงมายังมีข้าดันไว้”

มุมปากของอาเป่ยกระตุก

ทำลายกิจการของอีกฝ่าย จากนั้นค่อยให้เกียรติโหดร้ายยิ่งกว่าตบหน้าโดยตรงเสียอีก

คุณหนูเกรงว่าเถียนเสี้ยวเว่ยท่านนั้นจะไม่ลงมือหรือ

เจตนาของคุณหนูไม่ได้อยู่ที่การค้า หากแต่เป็นตระกูลเถาอย่างนั้นหรือ

เป็นไปไม่ได้!

คุณหนูไม่มีเหตุผลต้องขัดแย้งกับตระกูลเถา

นางถามอย่างระมัดระวัง “หากทำให้ตระกูลเถาโกรธขึ้นมาจะทำอย่างไรเจ้าคะ”

เยียนอวิ๋นเกอกลอกตาใส่นาง สองมือทำท่าทาง “ตระกูลเถาจะออกหน้าเพราะเรื่องเล็กเช่นนี้ก็คงไม่ใช่ตระกูลเถาแล้ว เรื่องเท่าเมล็ดถั่วเขียว ไม่ถึงขั้นทำให้ตระกูลเถาโกรธ เจ้าบอกเยียนมู่ ลงมือทำได้อย่างวางใจ หากมีเรื่องใดเกิดขึ้นยังมีข้าอยู่”

ความหมายโดยนัยคือไม่ต้องกลัว!

อาเป่ยรับคำสั่ง

นางถามขึ้นอีกครั้ง “ข้าได้ส่งคนไปเฝ้าดูตระกูลหลิงเอาไว้ตามคำสั่งของคุณหนู หลังจากเยียนอวิ๋นเพ่ยขอตัวจากไปในวันนี้ นางไม่ได้กลับจวนของตระกูลหลิงในเมืองหลวงทันที หากแต่เปลี่ยนชุดแอบไปหาไต้ฟูในร้านยา บ่าวคาดว่าโรคสตรีของนางยังไม่หายดี ตอนอยู่ในตระกูลหลิงคงไม่ได้รับการรักษาที่ดี”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มอย่างกระจ่างใจ พลันทำท่าทาง “ดูท่ากฎระเบียบของตระกูลหลิงเข้มงวด ฐานะของเยียนอวิ๋นเพ่ยคงไม่ดีเท่าใดนักในตระกูลหลิง แม้แต่ไต้ฟูยังไม่กล้าเชิญ ยิ่งไม่กล้าให้คนของตระกูลหลิงรู้ว่านางมีโรคทางเพศ”

“คุณหนูคาดเดาไม่ผิด สถานการณ์ของเยียนอวิ๋นเพ่ยในตระกูลหลิงไม่ดีนัก หลิงฉางเฟิงก๋ปฏิบัติต่อนางไม่ดีนัก สามีภรรยาเจอหน้ากันมักมีปากเสียงกัน”

เยียนอวิ๋นเกอยกนิ้วโป้งให้อาเป่ย

ความสามารถในการสืบข่าวของอาเป่ยยังคงร้ายกาจเหมือนเคย

อาเป่ยยิ้มอย่างเขินอาย “สาวรับใช้ตัวน้อยข้างกายของเยียนอวิ๋นเพ่ยต่างมีชีวิตที่ทุกข์ทรมาน บ่าวให้รางวัลระดับสองแก่พวกนาง พวกนางพูดทุกสิ่งที่รู้ เสียดายเพียงพวกนางไม่ออาจเข้าใกล้ตัวของเยียนอวิ๋นเพ่ย เรื่องส่วนใหญ่ยังคงไม่ชัดเจนนัก”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม

มีข่าวเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เพียงพอต่อการคาดเดาชีวิตของเยียนอวิ๋นเพ่ยในตระกูลหลิงนั้นทุกข์ทรมานเพียงใด

สมควรแล้ว!

เมื่อเห็นคนที่เกลียดมีชีวิตที่ไม่ดี เยียนอวิ๋นเกอก็รู้สึกดีใจอย่างมาก

นางสั่งอาเป่ย ‘เยียนอวิ๋นเพ่ยปล่อยไว้ก่อน จับตาดูหลิงฉางเฟิงเอาไว้ให้ดี’

เยียนอวิ๋นเพ่ยได้รับบทเรียนแล้ว

แต่หลิงฉางเฟิงยังไม่ได้รับแม้แต่น้อย

นางต้องหาโอกาส ทำให้หลิงฉางเฟิงได้รับบทเรียนเสียบ้าง

[1]เสี้ยวเว่ย หมายถึง ตำแหน่งแม่ทัพของกองกำลังทหาร