ตอนที่ 59 ขึ้นศาล

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 59 ขึ้นศาล

เวลาเที่ยง ตรอกจินหยิน

เถ้าแก่ซูชะโงกหน้าออกมา กิจการของร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ยฝั่งตรงข้ามเงียบเหงาลงอย่างเห็นได้ชัด

เขาหัวเราะ ก่อนจะเบนสายตาไปที่ร้านน้ำแกงเครื่องในฝูจี้ที่อยู่ด้านข้างของร้านผักดอง โต๊ะเจ็ดแปดตัวทั้งภายในและภายนอกร้านล้วนเต็มไปด้วยผู้คน

ผู้ใช้แรงงานต่างกำลังกินน้ำแกงเครื่องในราคาชามละหนึ่งเหวิน

ถึงแม้รสชาติจะไม่ดีนัก แต่พวกเขาก็กินอย่างเอร็ดอร่อย

เถ้าแก่ซูฮัมเพลงด้วยความอารมณ์ดี

เขาชื่นชอบที่จะเห็นความโกลาหล

เมื่อเดือนที่แล้ว เขาอิจฉาร้านน้ำแกงเครื่องในที่ค้าขายดีอย่างมาก

หากกิจการของตนเองจะดีได้ครึ่งหนึ่งของร้านตรงข้าม เขาคงตื่นขึ้นมาหัวเราะได้แม้จะนอนหลับอยู่

แม้แต่จั่งกุ้ยหนุ่มคนนั้น ที่มีนามว่าจี้ผิงยังสง่างามกว่าจั่งกุ้ยในร้านค้ารอบด้าน

กิจการดีเสียจริง!

เถ้าแก่ใจกว้างจนทำให้คนอิจฉา

แต่ผู้ใดจะรู้ว่ากิจการของร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ยดีได้ไม่นานนัก ร้านที่อยู่เยื้องกันฝั่งตรงข้าม ด้านข้างของร้านผักดองจะเปิดร้านน้ำแกงเครื่องในฝูจี้ขึ้นมา อีกทั้งหนึ่งชามราคาเพียงหนึ่งเหวิน

เห็นได้ชัดว่าต้องการประลองกับร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ย

วันที่ร้านน้ำแกงเครื่องในฝูจี้เปิดกิจการ เถ้าแก่ซูก็ไปอุดหนุนเช่นเดียวกัน เขากินเข้าไปเพียงนึ่งชามก็แทบจะอาเจียนออกมา

รสชาติอันใดกัน กล้าทำออกมาขายได้อย่างไร

เขามั่นใจว่าร้านน้ำแกงเครื่องในฝูจี้ขายไม่ได้ แต่ผลลัพธ์กลับทำให้เขาตกตะลึง

เขารับรสชาติของร้านน้ำแกงเครื่องในฝูจี้ไม่ได้ แต่พวกผู้คนที่ใช้แรงงานนั้นกลับยอมรับได้

ดูสิ กินชามแล้วชามเล่า ไม่เลือกกินแม้แต่น้อย

เมื่อเป็นเช่นนี้ น้ำแกงเครื่องในหนานเป่ยที่ชามละสองเหวินก็ถูกแย่งลูกค้าไปกว่าครึ่งในทันที

แม้ร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ยจะมีรสชาติดี ใช้วัตถุดิบมาก แต่เมื่อเทียบราคากับร้านน้ำแกงเครื่องในฝูจี้นั้นก็แพงกว่าเท่าตัว

ถูกคนแย่งลูกค้าไปก็ทำสิ่งใดไม่ได้

เฮ้อ!

เถ้าแกซูถอนหายใจแทนร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ย กล่าวขึ้น “การค้าทำยากนัก!”

ทั้งที่น้ำแกงเครื่องในอร่อยเพียงนั้น แต่ก็ถูกอาหารหมูชามละหนึ่งเหวินเทียบลงไป

สมัยนี้การค้าทำยากเสียจริง

กลางวันมีอากาศร้อน เถ้าแก่ซูถือพัดกลมอันหนึ่ง เดินพัดไปมาจนมาถึงร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ย

“จี้จั่งกุ้ย ข้าเอาหนึ่งชามเพิ่มพริก”

“ได้เลย!” จี้ผิงยิ้มแย้ม เขาอารมณ์ดีอยู่เสมอ

เถ้าแก่ซูหาที่นั่งสะอาดนั่งลง พูดคุยกับจี้ผิง “เจ้าถูกแย่งลูกค้าไปครึ่งหนึ่ง เหตุใดเจ้าจึงไม่รีบร้อน หรือเพราะไม่ใช่กิจการของเจ้าจึงไม่ทุกข์ร้อนหรือ”

จี้ผิงรีบพูด “เถ้าแก่ซูพูดผิดแล้ว! ท่านอย่ามองว่าข้าอารมณ์ดีทั้งวัน อันที่จริงภายในใจของข้าร้อนรนอย่างมาก แต่ว่าร้อนใจจะมีประโยชน์หรือ เรื่องการค้าขายไม่มีผู้ใดเข้าใจอย่างถ่องแท้ รสชาติของร้านข้าดี ทุกคนต่างยอมรับ แต่ลูกค้ากลับไม่มากิน ยอมไปกินร้านตรงข้าม ข้าจะมีวิธีใด เฮ้อ สมัยนี้หาเงินยาก ทุกคนต่างประหยัด แม้จะเป็นแค่หนึ่งเหวิน ก็ใช่ว่าทุกคนจะยอมควักมันออกมา”

เถ้าแก่ซูส่งเสียงเย้ยหยัน มองร้านน้ำแกงเครื่องในฝูจี้ฝั่งตรงข้าม พลันพูดเสียงเบา “พวกเขาช่างไร้ประสบการณ์ คงต้องเกิดปัญหาในไม่ช้า จี้จั่งกุ้ย อย่ามองว่าร้านผักดองของข้าขายไม่ดี แต่ดวงตาของข้าไม่เคยพลาด ข้าจะบอกเจ้าให้ ร้านน้ำแกงเครื่องในตรงข้ามนั้นไม่สด”

จี้ผิงแสร้งทำเป็นประหลาดใจ “เถ้าแก่ซูรู้ได้อย่างไรว่าน้ำแกงเครื่องในของพวกเขาไม่สด ท่านเห็นหรือ”

“แฮะ!” เถ้าแก่ซูทำหน้าภาคภูมิใจ “สดหรือไม่ ข้าแค่กินคำเดียวก็รู้แล้ว เจ้าดู ข้าสองสามวันทีมาอุดหนุนเจ้า ร้านตรงข้ามนั้น นอกจากวันเปิดร้านแล้ว ข้าก็ไม่เคยไปอีกเลย รสชาติเป็นเรื่องรอง ข้ากลัวกินของที่พวกเขาทำจะทำให้ท้องเสีย”

จี้ผิงหัวเราะขึ้นมา “เถ้าแก่ซูมีความสามารถเสียจริง น้ำแกงเครื่องในของข้า เลือกจากหมูและแพะที่ฆ่าในวันนั้น รับรองความสดใหม่และความสะอาด”

เถ้าแก่ซูพูด “หากไม่สะอาด ข้าก็ไม่มากินหรอก”

ชามละสองเหวิน ถูกมากหรือ

สำหรับเถ้าแก่ซูที่ขี้งกนั้น มันไม่ถูกแม้แต่น้อย

อากาศร้อน กินน้ำแกงเครื่องในจนเหงื่อตก

แต่เถ้าแก่ซูกลับรู้สึกสดชื่น

เขาพลางดื่มน้ำแกงพลางโบกพัด

“พริกร้านเจ้าดียิ่งนัก เมื่อใดขายให้ข้าบ้าง เมียข้าให้ข้าหัดเอาพริกไปผัดผัก”

จี้ผิงพูดกลั้วหัวเราะ “หากเถ้าแก่ซูต้องการจริง อีกสองเดือนจะมีพริกใหม่มา ข้าจะส่งไปให้ท่าน”

“ดีเสียจริง! เรื่องนี้ข้าจำไว้แล้ว เจ้าอย่าลืมเชียว มิฉะนั้นข้าไม่มาอุดหนุนเจ้าแล้ว”

“ไม่ลืม!”

โครม!

ปัง!

ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนา ฝั่งตรงข้ามเกิดเสียงดังขึ้น

หน้าประตูของร้านน้ำแกงเครื่องในฝูจี้มีคนล้มลง แม้แต่เก้าอี้กับโต๊ะก็ล้มลงตาม ชามและตะเกียบล้วนกระจายอยู่บนพื้นจนแตกละเอียด

“เกิดเรื่องใดขึ้น เกิดเรื่องใดขึ้น”

“ปวดท้อง! ปวดมาก!”

“ข้าๆๆ ข้าก็ปวดท้อง!”

ผู้ใช้แรงงานร่างผอมบางที่กำลังดื่มน้ำแกงในร้านน้ำแกงเครื่องในฝูจี้สองสามคนต่างพากันร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด มีคนหนึ่งปวดท้องจนลงไปกลิ้งอยู่บนพื้น

ลูกค้าคนอื่นเห็นเช่นนี้ ภายในใจก็เกิดความสงสัย พวกเขาต่างพากันวางตะเกียบ ไม่กล้ากินอีก

ทุกคนต่างแอบลูบคลำท้อง รู้สึกว่าท้องของตนเองก็ปวดขึ้นมาเล็กน้อย

เด็กในร้านของร้านน้ำแกงเครื่องในฝูจี้เห็นเหตุการณ์ แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ อีกทั้งทำหน้าโหดเหี้ยม “นี่ๆๆ พวกเจ้าอย่าได้ก่อเรื่อง! ข้าบอกพวกเจ้า หากกล้าหลอกลวง ข้าจะเอาชีวิตพวกเจ้า!”

“ข้า ข้าก็ปวดท้อง!”

ไม่คิดว่าทันทีที่สิ้นเสียงเด็กในร้าน ลูกค้าอีกคนก็ตะโกนร้องบอกปวดท้อง

มีคนจำนวนมากขึ้นที่รู้สึกไม่สบาย

แม้จะเป็นผู้ใช้แรงงานที่มีลักษณะกำยำ ท้องยังไม่ทันปวดก็มีเหงื่อไหลออกมาเต็มตัว

เด็กในร้านโกรธมาก “พวกชั้นต่ำ รีบออกไปเสีย ออกไปให้ไกล อย่าคิดจะก่อเรื่องในฝูจี้ ข้าบอกพวกเจ้า พวกเจ้าปวดท้องเป็นเรื่องของพวกเจ้า ไม่เกี่ยวกับฝูจี้ของพวกเรา”

“จะไม่เกี่ยวได้อย่างไร! พวกเราปวดท้องเพราะกินน้ำแกงเครื่องในร้านเจ้า เห็นได้ชัดว่าน้ำแกงเครื่องในของพวกเจ้าไม่สะอาด”

“ใช่! ไม่สะอาด!”

“ชดใช้เงิน!”

“ชดใช้ชีวิต!”

คนที่มาทานอาหารต่างขุ่นเคือง

ประชาชนที่ล้อมรอบมุงดูต่างตะโกนเพื่อทวงความยุติธรรม

น้ำแกงเครื่องในร้านฝูจี้ไม่สะอาดจึงทำให้ท้องเสีย

ผู้คนต่างล้อมรอบร้านน้ำแกงเครื่องในฝูจี้เอาไว้อย่างแน่นหนา ถกเถียงกันอย่างดุเดือด

อีกทั้งยังมีลูกค้าบางส่วนโอดครวญอยู่บนพื้น ร้องบอกว่าปวดท้องอย่างทรมาน

“โอย!”

เมื่อเห็นว่ากำลังจะเกิดเรื่อง เถ้าแก่ซูตบเข้าที่หน้าขาทำท่าทางราวกับมองทุกสิ่งอย่างทะลุปรุโปร่ง เขาถามจี้ผิงอย่างแผ่วเบา “ฝีมือของพวกเจ้าหรือ”

จี้ผิงถลึงตาพลันทำหน้าบึ้ง “เถ้าแก่ซูอย่าพูดเหลวไหล! เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกข้าแม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้ท่านยังบอกว่าวัตถุดิบของพวกเขาไม่สดใหม่ นี่อย่างไร เกิดเรื่องขึ้นแล้ว”

“เกิดเรื่องได้บังเอิญเสียจริง!” เถ้าแก่ซูพูด “ไม่ใช่พวกเจ้าแอบใส่ร้ายจริงหรือ”

เถ้าแก่ซูรู้สึกว่าเรื่องในวันนี้ไม่ธรรมดา

จี้ผิงส่งเสียงไม่พอใจ “ร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ยของพวกเราเปิดสามสิบกว่าสาขาในเมืองหลวง ทำการค้าขายอย่างเที่ยงตรง จะแอบใส่ร้ายผู้อื่นได้อย่างไร ข้าว่าเป็นเพราะกรรมตามสนองเสียมากกว่า”

เถ้าแก่ซูจิ๊ปาก ดื่มน้ำแกงคำสุดท้ายจดหมดพลันตะโกนออกมา “เอามาอีกชาม!”

ตอนที่ดูเรื่องสนุก หากแกล้มกับน้ำแกงเครื่องในที่เผ็ดร้อน คงสาแก่ใจยิ่งนัก

เรื่องไปกันใหญ่แล้ว!

มีแขกบางคนปวดท้องจนทนไม่ไหวเป็นลมไป

ยังมีแขกบางคนอาเจียนเป็นฟองขาว

หากไม่เชิญไต้ฟูมา เกรงว่าจะมีคนตาย

เวลานี้ มีคนตะโกนบอกให้เรียกสำนักราชการ มีคนตะโกนบอกว่าให้เชิญไต้ฟู

เด็กในร้านน้ำแกงเครื่องในฝูจี้ไม่สนใจที่จะแก้ไขสถานการณ์ ทำผลักภาระจนทำให้ผู้คนโกรธเคือง

เถ้าแก่ซูไม่ดื่มน้ำแกง เขาเบียดตัวเข้าไปท่ามกลางฝูงชน ทวงความยุติธรรมร่วมกับทุกคน

ทุกคนต่างเป็นเพื่อนบ้านในตรอกจินหยิน หากพบเจอเรื่องไม่ยุติธรรม เขาย่อมไม่อาจไม่ลุกขึ้นมาพูด

ตรอกจินหยินตั้งมาเป็นเวลาหลายปี สิ่งที่พึ่งพาคือความซื่อสัตย์ ไม่อาจให้พ่อค้าชั่วทำลายชื่อเสียงของตรอกจินหยิน

สำนักหยาเหมิน[1] ได้รับคดี

มือปราบพานักการมาถึงที่เกิดเหตุ

พวกเขาปิดร้านพร้อมพาเด็กในร้านรวมทั้งลูกค้าที่มาทานอาหารกลับหยาเหมินทั้งหมดในทันที

ลูกค้าที่มีอาการรุนแรงถูกส่งไปรักษาในร้านยา

เพื่อตรวจดูว่าท้องเสียเพราะกินน้ำแกงเครื่องในฝูจี้ หรือเพราะสาเหตุอื่น

แม้ว่าคนจะถูกนำตัวไป แต่ฝูงชนยังไม่สลายไป หากแต่เดินตามนักการไปยังสำนักหยาเหมิน

แม้แต่เถ้าแก่ซูก็ปล่อยร้านให้ภรรยาของเขาดูแล ส่วนตัวเองเดินทางไปสำนักหยาเหมินอย่างอารมณ์ดี

จี้ผิงที่เห็นสถานการณ์นี้จึงเรียกเด็กในร้านมาคนหนึ่ง พลันกำชับ “ไปจับตาดูที่สำนักหยาเหมิน หากมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น เจ้ารีบกลับมารายงาน”

“จั่งกุ้ยวางใจ รับรองไม่พลาด”

เด็กในร้านโยนผ้ากันเปื้อนออก พลันเดินตามฝูงชนไป…เพื่อสืบข่าว

ทางด้านหยาเหมินยังไม่มีข่าว จั่งกุ้ยใหญ่เยียนมู่ก็เดินทางมาหาจี้ผิงถึงร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ยสาขาหนึ่งแล้ว

จี้ผิงมีคำถามมากมาย “จั่งกุ้ยใหญ่ เรื่องที่เกิดขึ้นในร้านน้ำแกงเครื่องในฝูจี้นั้น?”

เยียนมู่กวาดตามองเขา “เจ้าอยากถามว่าเป็นฝีมือของข้าหรือไม่?”

จี้ผิงทำหน้าเก้อ

เยียนมู่พูดอย่างหนักแน่น “พวกเราไม่ได้ทำสิ่งใด เรื่องที่เกิดขึ้นกับฝูจี้วันนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเรา ข้าเดาว่าคงเป็นเพราะอากาศร้อนขึ้นจึงเกิดเรื่อง เจ้าก็รู้ว่าแหล่งวัตถุดิบของพวกเขามีทั้งหมูและแพะที่ป่วยตาย อีกทั้งยังมีที่ตายไปหลายวัน หลายวันก่อนอากาศหนาวอาจไม่เกิดปัญหา ระยะนี้อากาศร้อนขึ้น สุดท้ายจึงเกิดเรื่องที่เจ้าเห็นวันนี้”

จี้ผิงพยักหน้า

เขาก็บอกแล้ว จั่งกุ้ยใหญ่เยียนมู่ยังไม่ทันได้เตรียมการ ยังไม่ทันได้ลงมือทำอันใด สุดท้ายฝูจี้ก็เกิดเรื่องเสียก่อน

ฝูจี้เกิดเรื่องเป็นเรื่องของกรรมตามสนอง!

พวกเขาทำเรื่องแบบนั้นย่อมต้องเกิดเรื่องในไม่ช้า

หลายวันนี้ อุณหภูมิสูงขึ้น เครื่องในของหมูและแพะที่ป่วยตาย คนกินไม่เป็นอันใดถึงจะประหลาด

ไม่มีคนตายเป็นความโชคดีของฝูจี้

หากมีคนตาย เถ้าแก่เบื้องหลังของฝูจี้ก็สมควรได้รับโทษ

หาเงินอย่างใจดำ ได้รับผลกรรมอย่างรวดเร็วเพียงนี้ถือว่าสวรรค์มีตา

จี้ผิงถาม “จั่งกุ้ยใหญ่ ฝูจี้เกิดเรื่อง พวกเราจะทำอย่างไรต่อขอรับ”

“ฝูจี้ถูกฟ้อง พวกเราปล่อยไปตามน้ำ เปิดโปงแหล่งวัตถุดิบของพวกเขา เรื่องนี้สืบไม่ยาก ทางด้านสำนักหยาเหมินใช้เวลาสองวันย่อมสืบได้กระจ่าง เมื่อถึงเวลาก็คงรู้ว่าต้นเหตุของเรื่องอยู่ที่ใด”

จี้ผิงเป็นกังวลเล็กน้อย “จะทำให้ร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ยของเราเดือดร้อนหรือไม่”

เยียนมู่มีแผนการ “นับแต่พรุ่งนี้ ให้นายจูคนฆ่าสัตว์ส่งวัตถุดิบมาต่อหน้าของทุกคน นายจูคนฆ่าสัตว์ทำงานมายี่สิบสามสิบปี พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง พวกเรารับวัตถุดิบจากเขา ทุกคนจะได้กินอย่างสบายใจ”

“จั่งกุ้ยใหญ่พูดมีเหตุผล”

“ร้านน้ำแกงเครื่องในฝูจี้่ทำให้คนตาย!”

เด็กในร้านที่ตามไปดูที่สำนักหยาเหมินวิ่งกลับมาอย่างรีบร้อน

จั่งกุ้ยใหญ่เยียนมู่ได้ยินจึงขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะพูดขึ้นทันที “ข้าต้องบอกข่าวนี้กับเถ้าแก่ ให้เตรียมการไว้ล่วงหน้า!”

[1] หยาเหมิน ที่ว่าการท้องถิ่น