หมอเทวดาเลี่ยวพูดจบก็ออกไปราวกับหนี เขากลัวว่าหากตนไม่ไปตอนนี้จะไม่มีหนทางได้กลับไปอีกแล้ว พอท่านชายน้อยตาย เช่นนั้นก็จะกลายเป็นเขารักษาแล้วตาย!
“เดี๋ยว! หมอเทวดาเลี่ยว หมอเทวดาเลี่ยว!” ผู้ดูแลเหอไม่คิดเลยว่าหมอเทวดาที่เถ้าแก่ใหญ่จ่ายเงินก้อนโตเรียกมาจะไม่ใจสู้ขนาดนี้ ยังไม่ทันได้รักษาก็หนีไปแล้ว!
ทว่าเขาก็เข้าใจดีเหตุใดหมอเทวดาจึงหนี อาการของท่านชายน้อยนั้นย่ำแย่เหลือเกินจริงๆ เขาไม่ใช่หมอยังมองออกเลยว่าท่านชายน้อยไม่ไหวแล้ว
มิน่าเล่าได้ยินว่าโหวฮูหยินไม่ฉลองปีใหม่ ใช้เข่าปีนเขาอยู่ทุกวี่วัน คลานไปก็โขกหัวไป ขอพรให้
พระโพธิสัตว์คุ้มครองท่านชายน้อย
นี่มันไม่ใช่สิ่งที่กำลังมนุษย์จะสามารถเรียกคืนกลับมาได้แล้ว…
ผู้ดูแลเหอวิ่งตามออกมา
เด็กจัดยานั่นก็เผ่นแนบตามอาจารย์ไปแล้ว ผู้ดูแลเหอตามไปไม่ทันแม้กระทั่งชายผ้า
เถ้าแก่รองเห็นทั้งสามคนตื่นตระหนกลนลานออกมา ในใจก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้น เห็นกู้เจียวลุกขึ้นเตรียมจะเข้าไปด้านใน จู่ๆ เขาก็ห้ามนางไว้ “จู่ๆ ข้าก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีธุระที่หุยถังชุน”
กู้เจียว “อ้อ เช่นนั้นเจ้าก็กลับไปจัดการสิ”
เถ้าแก่รอง “เจ้ากลับไปด้วยกันกับข้า”
เถ้าแก่รองอยากให้กู้เจียวรักษาอาการป่วยของท่านชายน้อย นั่นเป็นเงื่อนไขแรกที่เกิดขึ้นว่ากู้เจียวสามารถรักษาอีกฝ่ายให้หายได้ แต่ท่าทางของพวกผู้ดูแลเหอทำให้ความคิดเขาสั่นคลอนขึ้นมา
ด้านหลังผู้ดูแลเหอคือน้องชายเขา ความสามารถของน้องชายเขา เขารู้ชัดแจ้งดี หมอที่เชิญมาคงเป็น
หมอเทวดาท้องถิ่นแน่ หมอเทวดาพอเข้าไปก็กลับเลย สามารถอธิบายได้เพียงอย่างเดียวว่าท่านชายน้อยหมดหนทางรักษาได้จริงๆ แล้ว
ฝีมือการแพทย์ในการรักษาอาจจะมีเป็นพันเป็นหมื่น แต่การวินิจฉัยว่าจะเป็นหรือตายใช้เพียงวิธีเดียวก็เพียงพอแล้ว
เขาไม่อาจทำลายกู้เจียวได้
อีกเดี๋ยวกู้เจียวเข้าไป ท่านชายน้อยอาจจะตายลงตรงหน้านางทันทีก็ได้ หากเป็นเช่นนั้น นางก็จะหมดหนทางหนีได้แน่
แน่นอนว่ากู้เจียวไม่มีทางรู้ถึงความคิดของเขา
ชาติก่อนนางเคยเป็นหมอ แต่นั่นก็เป็นเพียงการคุ้มครองฐานะตัวตนของนางเท่านั้น เนื้อแท้ของนางไม่ใช่คนดีเด่อะไร นางไม่มีทางเอาชีวิตตัวเองมาเดิมพันหรอก
“ได้ พวกเรากลับกัน” กู้เจียวพยักหน้า
ในชั่วขณะที่กู้เจียวหันหลังกลับนั้นเอง ดวงใจพลันกระตุก
“ท่านชาย…” เสียงร้องตกใจของสาวใช้ลอยมาจากในห้อง
ท่านชายน้อยชักกระตุกอยู่บนเตียง
จู่ๆ กู้เจียวก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
นางมั่นใจเหลือเกินว่าตัวเองไม่ได้ป่วย ดังนั้นความรู้สึกใจสั่นเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างแปลกประหลาดนัก
“หรือข้าจะมีจรรณยาบรรณแพทย์เช่นนี้ ปล่อยคนไข้ไม่สนใจใยดีก็จะไม่สบายใจต่อมโนธรรมไปจนถึงเจ็บปวดใจแล้ว”
เขาเจ็บ นางก็เจ็บ
แปลกจริง
สุดท้ายกู้เจียวก็เดินเข้าไปด้านใน
ในจวนมีหมอหลวงประจำอยู่ กำลังปรุงยาให้ท่านชายน้อยในห้องยา ไม่ได้อยู่ในห้องท่านชายน้อย บรรดาคนรับใช้รีบไปเชิญมา
ท่ามกลางความโกลาหล ไม่มีใครสนใจกู้เจียวว่าจะเข้าไปในห้องหรือไม่
เมื่อกู้เจียวมาถึงหน้าเตียง เขาก็หัวใจหยุดเต้นไปแล้ว
สีหน้ากู้เจียวเคร่งขรึมขึ้น ไม่พูดพร่ำทำเพลงก้าวขึ้นเตียง คุกเข่าอยู่ข้างกายท่านชายน้อย สองมือกดลงบนทรวงอกเขา เริ่มทำการกู้ชีพฉุกเฉินให้เขาทันที
“แม่นางกู้…” เถ้าแก่รองพอเข้าห้องมาก็ตกใจกับภาพตรงหน้า เด็กสาวนางนี้ทำอะไรกับท่านชายน้อยน่ะ
ยามนี้กู้เจียวไม่มีเวลามาสนใจเรื่องกระเป๋ายาจะแดงหรือไม่ นางเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เฝ้าหน้าประตูไว้! อย่าให้คนอื่นเข้ามา!”
“…ได้!” เถ้าแก่รองสมองยังชะงักค้างอยู่ แต่กลับปิดประตูลงอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
หมอชรารออยู่ในห้อง ดูว่ามีอะไรที่ตัวเองสามารถช่วยได้หรือไม่
กู้เจียวกดอยู่ครู่หนึ่ง อีกฝ่ายไร้ปฏิกิริยาตอบสนองใด “เอากล่องยาข้าออกมา! จุดเทียนกับตะเกียงน้ำมันซะ! จุดให้หมดเลย!”
หมอชรารีบไปหยิบกล่องยาออกมาจากตะกร้า แต่พบว่าตัวเองเปิดไม่ออก
กู้เจียวเปิดกล่องยาเอง เขาไปจุดเทียนกับตะเกียงน้ำมัน
กู้เจียวฉีดอะดรีนาลีนเข้าหลอดเลือดดำให้ท่านชายน้อย
หมอชราปากอ้าตาค้าง เด็กสาวนางนี้…เอาของแปลกประหลาดอะไรมาแทงเส้นเลือดของท่านชายน้อยกัน
อะดรีนาลีนเข็มแรกฉีดเสร็จเรียบร้อย ผลลัพธ์กลับไม่เป็นดั่งที่คิด
ยามนี้ ผู้ดูแลและสาวใช้ในจวนพาหมอหลวงมาแล้ว เถ้าแก่รองจำคำสั่งของกู้เจียวได้จึงสาวเท้ายาวๆ ไปขวางทางพวกเขาเอาไว้
“เจ้าเป็นใครน่ะ” แม่บ้านผู้ดูแลถามอย่างไม่สบอารมณ์
คนที่พาพวกกู้เจียวเข้ามาเมื่อครู่เป็นบ่าวรับใช้คนหนึ่ง เขาออกไปแล้ว ณ ที่นั้นมีเพียงสาวใช้อย่างอวี้หยาที่รู้จักเขา อวี้หยาเป็นคนรับใช้ที่พาผู้ดูแลเหอเข้ามา
อวี้หยาชี้หน้าเขาพลางเอ่ยว่า “ข้ารู้จัก! เขาเป็นคนสวมรอยหุยชุนถังสาขาเมืองหลวง!”
เถ้าแก่รองเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “สวมรอยอะไร พวกเรามาจากหุยชุนถัง! แต่ไม่ใช่ร้านที่อยู่ใน
เมืองหลวงแค่นั้นเอง!”
อวี้หยาฟ้องว่า “แม่บ้านดูสิ! เขายอมรับแล้ว!”
เถ้าแก่รองมึนงง ไม่สิ แม่นาง ช้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น
แม่บ้านผู้ดูแลแม้จะไม่บิดเบือนความหมายของเถ้าแก่รอง แต่ก็ค่อนข้างดูแคลนโรงหมอนอกเมืองหลวง
อยู่ดี ที่พวกเขาเข้ามาได้ล้วนเป็นเพราะโหวฮูหยินอับจนหนทาง อยากจะลองดูทั้งๆ ที่รู้ว่าสิ้นหวังก็เท่านั้น
“เจ้ามาขวางอยู่ตรงนี้หมายความอย่างไร” นางถามเสียงเย็นชา
เถ้าแก่รองปลุกความกล้าให้ตัวเอง เอ่ยว่า “หมอหุยชุนถังของพวกเรากำลังช่วยชีวิตท่านชายน้อยบ้านเจ้าอยู่ด้านใน ไม่อยากให้ท่านชายน้อยของพวกเจ้าเกิดเรื่องใดขึ้นละก็ ทางที่ดีก็อย่าได้เข้าไปกวน!”
“แม่บ้าน พวกเขาเป็นพวกหลอกลวง!” สาวใช้นางหนึ่งเอ่ยขึ้น
นางอยู่ในห้องเห็นหมดแล้ว ท่านชายน้อยหมดลมหายใจไปแล้ว!
“เจ้าแน่ใจว่าสามารถช่วยท่านชายน้อยได้” เสียงดุดันของแม่บ้านผู้ดูแลราวกับมีดจ่ออยู่เหนือศีรษะ
เถ้าแก่รอง
แผ่นหลังเถ้าแก่รองมีเหงื่อเย็นผุดซึมขึ้นท่วม
แม่บ้านเจ้าเล่ห์ นี่กำลังปัดความรับผิดชอบมาให้พวกเขา หากเกิดเรื่องขึ้นกับท่านชายน้อย ไม่ใช่พวกนางดูแลไม่ดี แต่เป็นเพราะหุยชุนถังช่วยชีวิตไม่ได้
อันที่จริงพวกนางดูแลอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่หากท่านชายน้อยตาย อย่างไรเสียก็ต้องมี
คนรับผิดชอบ แบกรับโทสะของท่านโหวและโหวฮูหยิน
ใครจะยอมให้เป็นตัวเองล่ะ
เถ้าแก่รองขากำลังสั่น
แม่นางกู้ เจ้าทำได้หรือไม่
ไม่ได้
ใช้อะดรีนาลีนสามเข็มเข้าไปแล้ว!
หมอชราก็ค่อยๆ สัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากลขึ้นมาแล้วเช่นกัน ต่อให้เขาไม่รู้ว่าเข็มแปลกประหลาดพรรค์นี้มันมาได้อย่างไร แต่ก็เข้าใจได้ว่าพวกมันต้องมีไว้เพื่อใช้ช่วยชีวิตแน่
“แม่นางกู้…ยอมแพ้เถอะ…”
“ข้าจะลองอีกรอบ!” กู้เจียวนับเวลาเรียบร้อยก็ฉีดอะดรีนาลีนเข็มที่สี่เข้าร่างกาย
หากเข็มนี้ไม่ได้อีก นางก็ช่วยชีวิตไว้ไม่ได้แล้ว…
ผู้คนนอกประตูรอกันไม่ไหวแล้ว ทุกชั่วขณะล้วนทรมานสำหรับทุกคน
เถ้าแก่รองเหงื่อเย็นหยดไหลลงพื้น
แม่บ้านผู้ดูแลแววตาดุดัน “กระแทกประตูเปิดให้ข้า!”
สาวใช้สองนางร่างกายกำยำเรี่ยวแรงแข็งขันตรงมาผลักเถ้าแก่รองไปอีกด้าน ยกเท้าหมายจะถีบประตู ทันใดนั้นเอง สาวใช้ที่ชื่ออวี้หยานางนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “แม่บ้าน ฟังสิเจ้าคะ!”
แม่บ้านผู้ดูแลทำสัญญาณมือ ทุกคนพลันเงียบลง
“…โหวกเหวกจริง”
เป็นเสียงของท่านชายน้อย
แผ่วเบายิ่ง อ่อนแรงไม่น้อย
พวกนางไม่ได้ยินเสียงท่านชายน้อยมาสิบวันแล้ว พวกนางนึกว่าท่านชายน้อยจะตายจริงๆ แล้ว แต่เมื่อครู่…เมื่อครู่…
“พะ…พวกเจ้าได้ยินกันแล้วกระมัง” เป็นครั้งแรกที่แม่บ้านผู้ดูแลรู้ว่าตัวเองตื่นเต้น
ทุกคนพากันพยักหน้า
แม้ว่าจะแผ่วเบามาก แต่พวกเขาได้ยินกันจริงๆ!