ตอนที่ 51 ข้าชอบท่านแม่นิดหน่อยแล้ว

จี้จือฮวนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าการใช้ชีวิตต่อไปเช่นนี้ ช่างมีความสุขจริง ๆ

ถึงเวลา เมื่อเผยยวนฟื้นแล้ว จะไปก่อกบฏก็ดี จะไปสู้รบปรบมือกับนางเอกก็ดี แต่เด็กทั้งสามคนก็จะไม่โตไปเป็นคนที่ไม่ดีและต่อสู้กับพวกตัวการที่อยู่เบื้องหลังนางเอก จนแต่ละคนต้องตายอย่างน่าสังเวชอีก

เมื่อถึงเวลานั้นหากพวกเขาจากไปแล้ว นางก็จะเฝ้าที่นี่เอาไว้ และหาทางกลับไปที่อพาร์ทเมนต์ระดับไฮเอนด์ของตัวเอง

จี้จือฮวนรู้สึกอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก พลางเดินไปที่ห้องครัวอย่างรวดเร็ว

เมล็ดพืชที่หว่านเอาไว้ในช่องว่างมิติได้รับการรดน้ำโดยยาหลิงเฉวียน ตอนนี้จึงมีของดีงอกงามขึ้นมามากมาย นางจึงสามารถนำมาใช้ทำซอสและเครื่องปรุงต่าง ๆ ได้

ภายในห้อง

จู่ ๆ อาชิงก็ลืมตาขึ้นมา เขากอดเผยจี้ฉือเอาไว้ พลางใช้ขาสั้น ๆ ทั้งสองข้างเกี่ยวเผยจี้ฉือแล้วเอ่ยขึ้นว่า “พี่ใหญ่ ท่านหลับหรือยังขอรับ?”

เผยจี้ฉือชำเลืองมองน้องชายแสนบื้อของตัวเอง “ยังไม่หลับ”

อาชิงเอ่ยเสียงเบาออกมา “เช่นนั้นข้าจะบอกความลับอย่างหนึ่งกับท่าน ดีหรือไม่?”

เผยจี้ฉือนึกสงสัย เจ้ามีความลับด้วยหรือ?

“อะไร?”

อาชิงขยับเข้าใกล้เขาอย่างมีเลศนัย “ข้าชอบท่านแม่นิดหน่อยแล้วขอรับ”

เผยจี้ฉือเม้มริมฝีปาก “แค่นี้เองหรือ?”

เขาคิดว่าจะมีอะไรเรื่องเสียอีก

ตอนนี้แม่เลี้ยงคนนี้ไม่ใช่คนเดิมแล้ว ชอบก็ชอบไปเถอะ

“พี่ใหญ่ เช่นนั้นท่านชอบท่านแม่หรือยังขอรับ?” อาชิงมองเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย

เผยจี้ฉือกระแอมเล็กน้อย “แค่เจ้าชอบก็พอแล้ว เหตุใดต้องถามข้าด้วย”

“ข้าต้องถามท่านด้วยสิขอรับ พวกเราเป็นพี่น้องกันนี่นา หากท่านไม่ชอบท่านแม่ละก็ เช่นนั้นแต่ละวันข้าก็จะชอบนางแค่นิดหน่อย แต่หากท่านชอบนาง ข้าก็จะได้ชอบนางมาก ๆ” อาชิงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง

เผยจี้ฉือกดเขาเข้าไปในผ้าห่ม “นอนได้แล้ว เป็นเด็กเป็นเล็กคิดเยอะแยะไปทำไมกัน เจ้ากินอิ่มไปหรืออย่างไร?”

อาชิงบุ้ยปากทันที แต่ไม่นานเขาก็หลับไป

เผยจี้ฉือลืมตาขึ้น ครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยเบา ๆ ที่ข้างหูเขา “ข้าก็ชอบนาง”

จี้จือฮวนเก็บองุ่นจำนวนมากมาจากช่องว่างมิติ และนำเหล้าพิเศษสำหรับต้มไวน์และน้ำตาลกรวดออกมา ตั้งใจจะหมักไวน์เอาไว้ดื่มเอง เพราะเหล้าในยุคโบราณดีกรีต่ำเกินไป ดื่มแล้วไม่ได้รสชาติอะไรเลย

องุ่นหนึ่งชั้น น้ำตาลกรวดหนึ่งชั้น หลังจากต้มเสร็จแล้ว นางก็ปิดไหเหล้าให้เรียบร้อยแล้ววางไว้ที่มุมห้อง ถึงเวลาค่อยเอาไปลองขายที่หอสุราดู ไม่แน่อาจจะสร้างรายได้ได้อีกช่องทางหนึ่ง

ยังมีองุ่นเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง จี้จือฮวนจึงเอามาแบ่งให้ท่านป้าหยางและเสี่ยวเจียน ถึงเวลาก็ให้พวกเขาเอากลับบ้าน ส่วนที่เหลือก็แบ่งไว้ให้พวกเด็ก ๆ กับคนงาน

ท่านป้าหยางและเสี่ยวเจียนช่วยกันทำเสื้อผ้าและเครื่องนอนอยู่ที่ประตู รอจนกระทั่งถึงเวลาอาหารเย็นก็ทำจนเกือบจะเสร็จแล้ว เสี่ยวเจียนจึงช่วยทำอาหารให้คนงานอีกหนึ่งมื้อ

เสี่ยวเจียนมีฝีมือดี ผ้าเนื้อนุ่มนั้นถูกทำเป็นชุดนอนแบบสวมหัวตามความคิดของจี้จือฮวน อาชิงที่เพิ่งจะตื่นขึ้นมาก็มีเสื้อผ้าชุดใหม่ใส่แล้ว เขาดีใจจนกระโดดโลดเต้นอยู่บนเตียง

จี้จือฮวนให้อาอินเก็บเสื้อผ้าชุดใหม่ไว้ในตู้เสื้อผ้า ก่อนจะเตรียมไข่ไก่ ลูกอม และยังมีเงินอีกหกสิบเหวินไว้ให้เสี่ยวเจียน จากนั้นก็รั้งให้เสี่ยวเจียนกินข้าวด้วยกันก่อน แล้วจึงยอมปล่อยนางกลับบ้าน

เสี่ยวเจียนเดินกลับไปพร้อมขอบตาที่แดงเรื่อ

ครอบครัวเผยช่างดีจริง ๆ เหตุใดคนนอกถึงดีกับนางเพียงนี้ แต่พี่สะใภ้ของตัวเองกลับโหดร้ายยิ่งนัก

นางเพิ่งจะกลับมาถึงบ้านของตัวเอง อวี๋ซิ่วเหลียนก็เปิดประตูเสียงดังทันที “เจ้ายังจำทางกลับมาได้อีกอย่างนั้นหรือ กี่โมงกี่ยามแล้วยังไม่ไปทำกับข้าวให้ข้าอีก”

เสี่ยวเจียนไม่แม้แต่จะมองหน้านาง และเดินตรงเข้าห้องของตัวเองไปทันที

อวี๋ซิ่วเหลียนเดินตามมา แต่เสี่ยวเจียนปิดประตูไปแล้ว และปล่อยให้อวี๋ซิ่วเหลียนด่าทออยู่ที่หน้าประตู

“อยากให้ข้าหิวตายเจ้าก็พูดมาตรง ๆ นางเด็กสารเลว เห็นคนนอกดีกว่าคนในครอบครัว!”

เสี่ยวเจียนวางไข่ไก่และลูกอมเอาไว้ ส่วนเงินนางไม่กล้าเก็บไว้ในบ้าน จึงยัดเข้าไปในอกเสื้อด้านในของตนเอง ได้ยินอวี๋ซิ่วเหลียนด่าทอตนเองไม่หยุดเช่นนี้ นางจึงเอ่ยด้วยเสียงดุ ๆ ออกไป “ด่าอีกสิ เดี๋ยวข้าจะออกไปตีเจ้าซะ!”

หากเป็นเมื่อก่อนอวี๋ซิ่วเหลียนไม่มีทางเชื่อว่าเสี่ยวเจียนจะกล้าทำ

แต่ตอนนี้นางเปลี่ยนไปแล้ว เพราะเสี่ยวเจียนเพิ่งจะตีนางไปเมื่อเช้านี้ อวี๋ซิ่วเหลียนจึงเข้าไปในห้องครัวด้วยความโมโห และส่งเสียงดังออกมาตลอดเวลา

เสี่ยวเจียนเองก็ไม่ได้โมโหอีก ขอแค่นางเงียบลงก็พอแล้ว

นางรู้สึกกระหาย แต่ไม่อยากไปเจอกับอวี๋ซิ่วเหลียนในห้องครัว จึงนำองุ่นที่จี้จือฮวนให้มากินลูกหนึ่ง

เหตุใดถึงได้หวานเช่นนี้ อร่อยขนาดนี้ได้อย่างไรกัน ไม่ฝาดเลยสักนิดเดียว

องุ่นในหมู่บ้านทั้งเล็กทั้งเขียว ต่อให้เป็นสีม่วงก็แห้ง ๆ ไม่รู้ว่าองุ่นนี้พี่สาวจี้ได้มาจากที่ใดกัน

บนเนินเขา เหล่าเติ้งหลับตาพริ้ม ชูองุ่นในมือพลางเอ่ยขึ้นมา “องุ่นนี่หวานจริง ๆ ลูกก็ใหญ่ด้วย ไปซื้อมาจากที่ใดมาอย่างนั้นหรือ”

จี้จือฮวนปลอกเปือกองุ่นออกและยัดใส่ปากของอาอิน ก่อนจะเห็นเด็กน้อยตาโตขึ้นมาเพราะความหวาน นางจึงได้เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้มีคนให้มา ข้าเองก็ไม่รู้ว่าซื้อที่ใด”

“นี่มันอร่อยมากเลย ข้าอายุปูนนี้แล้วยังไม่เคยกินองุ่นที่หวานหอมเช่นนี้มาก่อนเลย” เหล่าเติ้งเอ่ยพร้อมกับถามเหล่าคนงานด้านหลัง

มีบางคนกินไปลูกหนึ่งก็ทำหน้ารู้สึกเสียดาย อยากจะเอากลับไปให้ภรรยาและลูก ๆ กินด้วย ก่อนจะพยักหน้าสนับสนุนคำพูดของเหล่าเติ้ง

“อร่อยมาก อร่อยกว่าข้างนอกเสียอีก”

อีกทั้งก่อนที่จะมาทำงานที่นี่ พวกเขารู้แค่ว่าจะต้องสร้างบ้านให้ครอบครัวที่ยากจนครอบครัวหนึ่ง เดิมคิดว่ามันจะเป็นงานลำบากจึงมาที่นี่อย่างไม่เต็มใจนัก แต่ใครจะไปคิดว่าเจ้าของบ้านจะใจกว้างถึงเพียงนี้ มีข้าวให้กินวันละสามมื้อ แล้วยังมีชาสมุนไพรและของว่างให้กินอีก นอกจากจะมีเนื้อสัตว์ทุกมื้อแล้ว อาหารยังอร่อยมากจนพวกเขาไม่อยากกลับบ้านเลยทีเดียว

บรรดาคนงานต่างก็คิดในใจว่า ต้องสร้างบ้านของครอบครัวเผยให้ดี เช่นนี้จึงจะเป็นการตอบแทนคนดี ๆ อย่างแม่นางจี้ได้

จี้จือฮวนได้ยินคำชมของพวกเขาก็คิดในใจ จะไม่อร่อยได้อย่างไร นี่เป็นองุ่นที่รดด้วยยาหลิงเฉวียนเชียวนะ นอกจากผลจะอวบอิ่มแล้ว ยังช่วยให้ผลขาวใสอีกด้วย

รอจนกระทั่งคนงานกลับไปจนหมดแล้ว ฟ้าก็มืดพอดี

หลังจากปิดประตูรั้ว บรรดาเด็ก ๆ ก็เข้าไปปูที่นอนด้วยตัวเอง เมื่อคืนจี้จือฮวนก็นอนกับพวกเขา วันนี้นางเองก็ขี้เกียจจะเรื่องมาก และนางก็ไม่คิดที่จะทำให้ตัวเองลำบากด้วยการลงไปนอนบนพื้น

ร่างกายของเจ้าของร่างเดิมนั้นอ่อนแอยิ่ง ช่วงที่ผ่านมานางจึงฝึกฝนร่างกาย ทำให้แข็งแรงขึ้นมาได้นิดหน่อย แต่เมื่อเทียบกับสมรรถภาพของร่างกายนางในชาติก่อนแล้วยังห่างกันอีกมากนัก

หลังจากจี้จือฮวนไปล้างเนื้อล้างตัวที่ห้องครัวเสร็จแล้ว ก็พบว่าเด็กทั้งสามคนต่างก็จ้องมองนางตาปริบ ๆ

เมื่อมองดูให้ชัด ๆ ก็เห็นว่าพวกเขาต่างก็อ้วนขึ้นมานิดหน่อยแล้ว ใบหน้าที่แต่เดิมเคยซูบผอม ตอนนี้กลายเป็นเจ้าเนื้อขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว

อาชิงรีบอ้อนออกมาทันที “ท่านแม่ วันนี้ถึงตอนราชาลิงแล้วขอรับ!”

“ได้ ขอดื่มน้ำสักประเดี๋ยว”

เมื่อเห็นจี้จือฮวนมุดเข้ามาในผ้าห่ม เด็กทั้งสามคนต่างก็ถอนหายใจออกมา

เพราะพวกเขากลัวว่าจี้จือฮวนจะรังเกียจเผยยวน และไม่อยากนอนเตียงเดียวกับเผยยวน จากนั้นก็จะกลายไปเป็นเหมือนเดิม

จี้จือฮวนไม่รู้ถึงสิ่งที่พวกเขาคิดอยู่ในใจ เพราะในสมองของนางเวลานี้กำลังคิดถึงเนื้อเรื่องของไซอิ๋วอยู่ ก่อนจะเล่าต่อไป

มองดูดวงตาที่อยากรู้อยากเห็นของพวกเขาแล้ว จี้จือฮวนก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังสอนเด็กนักเรียนอยู่ก็มิปาน ถ้าให้เด็กเหล่านี้ฟังแต่เรื่องไซอิ๋ว เกรงว่าสักวันพวกเขาต้องเบื่อเป็นแน่ จะต้องมอบหมายการบ้านให้พวกเขา และจัดตารางเวลา

ตอนนี้ในลานบ้านก็มีพื้นที่ที่กว้างขวางขึ้น ต่อไปก็สามารถแบ่งพื้นที่สำหรับเล่นเกมได้ด้วย

ในขณะที่ทั้งครอบครัวค่อย ๆ เข้าสู่นิทรา ร่าง ๆ หนึ่งก็เดินผ่านคันนาและค่อย ๆ มุ่งหน้ามาทางเนินเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย