ไม่อยากเสียเวลากับปลาซิวปลาสร้อยแบบนี้นักแฮะ รีบๆเอาให้จบๆดีกว่า
เจ้าหมึกเอ๊ย แกก็เป็นแค่ทางผ่านก่อนสู้อเล็กเซียแค่นั้นแหละ
ชั้นจะฉีกแกเป็นชิ้นๆ ห่อแป้ง แล้วเอาไปย่างทำเป็นทาโกยากิซะเลย
ถ้าเป็นที่โลกเก่าล่ะก็ แค่ไปซุปเปอร์ก็มีวัตถุดิบทุกอย่างสำหรับทำทาโกยากิแล้ว…แต่ในโลกนี้ของอย่างแป้งเค้กยังถือว่าหายากเลย จะทำก็ไม่ได้
เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน เอาเป็นว่ามาให้ตื้บซะดีๆ
“ชิ!”
ดูเหมือนจะรู้ตัวว่าชั้นคิดจะทำอะไร มันเลยหลบไปอยู่ด้านหลังสาวตัวประกอบ
ยิ่งกว่านั้น มันยังใช้หนวดยกเอเทอร์น่าแล้วก็ตัวประกันคนอื่นๆมาใช้เป็นโล่อีก
เฮ้ย ขี้โกงนี่หว่า
แถมไม่ใช่ปิดแค่ด้านหน้านะ
มันใช้หนวดหกข้างยกนักเรียนหกคนมาบังไว้รอบตัว ปล่อยหนวดว่างไว้อีกสองข้าง
นักเรียนห้าคนบังไว้รอบด้าน กับอีกคนนึงปิดด้านบนไว้
โล่มนุษย์รึ…น่ารำคาญจริงแฮะ
แต่ว่านะ เปล่าประโยชน์! เปล่าประโยชน์! เปล่าประโยชน์!
มันมีวิธีแก้ปัญหาในสถานการณ์แบบนี้อยู่แล้วเฟ้ย!
“อย่าเข้ามาล่ะเอลริส! ถ้าแกขยับล่ะก็ เจ้าพวกนี้ตายแน่! เอามือไปไว้ด้านหลังซะ”
ในระหว่างที่เจ้าหมึกพล่ามประโยคข่มขู่สุดเฉิ่ม ชั้นก็เดินมาอยู่ด้านหน้ามันแล้ว
เป็นแบบที่ชั้นกับพวกอัศวินตอนนั้น เวทย์ลวงตาที่สร้างจากการหักเหของแสงไงล่ะ
ตอนนี้เจ้าหมึกยังเห็นชั้นทำตัวว่าง่ายเอามือไปพาดไว้หลังหัวอยู่
ก็ใช่ว่าจะไม่มีช่องว่างระหว่างโล่มนุษย์พวกนี้ซะเมื่อไหร่
ชั้นยิงเวทย์น้ำแข็งผ่านพวกตัวประกัน
เจ้าหมึกตัวนี้มันอยู่บนบกได้เพราะว่ามีน้ำอยู่รอบตัวมัน
แค่ทำให้น้ำพวกนั้นแข็งได้ก็เป็นชัยชนะของตูแล้ว
เจ้าหมึกโดนจับแช่แข็งในทันที ส่วนพวกตัวประกันก็โดนปล่อยออกมา
จากนั้นชั้นก็ปลดเวทย์ลวงตาออก…ถ้ามองจากมุมของเลย์ล่าก็คงเหมือนว่าอยู่ๆชั้นมาโผล่ตรงนี้ในพริบตาเลย
“ทะ…ท่านเอลริสคะ เกิดอะ…ไรขึ้น…”
“ชั้นเป็นห่วงพวกตัวประกันน่ะจ้ะ เลยต้องใช้ทริคนิดหน่อย”
ชั้นอยากจะเก็บความสามารถของตัวเองให้เป็นความลับมากที่สุด เลยไม่ได้อธิบายอะไรให้เลย์ล่าฟัง
เค้าเรียกว่ากระบวนท่าลับไงล่ะ
ดีนะที่เจ้าหมึกมาโผล่ในที่แจ้งแบบนี้
ถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่ดี ตัดกำลังแม่มดหายไปโขเลย ลดภาระพวกเวอร์เนลได้ตั้งเยอะ
เอาล่ะ ที่เหลือก็ยัยสาวตัวประกอบ…ชื่อไรหว่า…เอลิเซ่? เอลิซ่า?
เอาเหอะ ใครสน
เธอดูจะช็อกมาก ถึงกับเข่าอ่อนไปเลย ชั้นเลยยื่นมือไปให้จับ
“ลำบากแย่เลยนะคะเนี่ย…เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
หน้าอาจจะบ้านๆไปบ้าง แต่ยังไงก็เป็นติ่งชั้นนี่นา เป็นคนดังก็ต้องปฏิบัติกับแฟนๆให้ดีหน่อย
สาวตัวประกอบเอื้อมมือทั้งสองข้างมาจับชั้น แล้วก็ลูบแบบแปลกๆ
หืม? ไรอ่ะ? มือชั้นมีอะไรแปลกรึ?
“ฮ่าา…มันช่างขาว เนียน และเพรียว…ช่างงดงามจรดปลายนิ้ว…”
เธอเริ่มเป่า ฮ่าา ฮ่าา จากนั้นก็เอามือมาโอบชั้นไว้
จากนั้นก็เอื้อมมาที่เส้นผมของชั้นต่อแบบไม่หยุดพัก
“อา ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ… ทั้งๆที่พยายามจะพูดแท้ๆแต่กลับไม่มีเสียงออกมา ใช่แล้ว ไม่มีทางอยู่แล้วล่ะที่เซนต์อย่างตัวชั้นจะเป็นแม่มดไปได้น่ะ”
…?
คนๆนี้พูดอะไรน่ะ?
อ๊ะ ไอ้นี่ไงที่เลย์ล่าเคยบอก ที่เธอแสร้งทำตัวเป็นเซนต์หรืออะไรนี่แหละ
เพิ่งจะรอดตายมาหมาดๆแท้ๆ เปลี่ยนเป็นโหมดโรลเพลย์ได้เร็วขนาดนี้ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย
“เส้นผมที่เรียบลื่น…เอวที่ผอมบาง…ฮ่าา…นี่สินะเซนต์…อา ทำไมกัน ทำไมชั้นถึงไม่ใช่เธอ?…ใบหน้านี้ ร่างกายนี้…ชั้นควรจะได้เกิดมาพร้อมกับทั้งหมดนี้แท้ๆ แต่ทำไมแกถึง…”
อุวะ…ขนาดชั้นยังแหยงเลยนะเนี่ย ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย
เข้าใจล่ะ
เธอคนนี้เป็นประเภท กับระเบิด สินะ
แบบนี้ไม่ช่วยน่าจะดีกว่ามั้งเนี่ย…
“นี่ เอามาให้ชั้นบ้างสิ…เส้นผมนี้ มือนี้ ใบหน้านี้ ร่างกายนี้ เอามาให้ชั้นเถอะ…ชั้นก็อยากเป็นเซนต์บ้างเหมือนกันนะ ได้ใช่มั้ยล่ะ? ใช่มั้ย? ใช่มั้ย? ได้สินะ? คงได้สินะ? แน่นอนอยู่แล้วสิ เพราะว่าตัวชั้นคือเซ…”
“หุบปากซะ ไอ้หนูโสโครก!”
ในตอนนี้ที่คิดว่าจะทำยังไงกับสาวตัวประกอบสติไม่ดีคนนี้ เลย๋ล่าที่เข้ามาใกล้ตอนไหนไม่รู้ก็จับหัวของเธอจากด้านหลังแล้วเหวี่ยงออกไปเหมือนเป็นขยะ
นี่สต๊อกโกะ แบบนั้นไม่รุนแรงไปหน่อยเหรอ?
เธอคนนี้มีนามสกุลใช่มั้ย ก็แปลว่าเป็นลูกขุนนางไม่ใช่เหรอ?
เออ แต่ถ้ามาคิดดูดีๆ สต๊อกโกะก็มาจากตระกูลมาร์ควิสนี่นา ถ้านับกันที่ยศฐาบรรดาศักดิ์นี่ก็ถือว่าชนะมั้ง?
…ไม่สิ นั่นไม่ใช่ปัญหา
“ข้าจะไม่ทนกิริยาไร้มารยาทและท่าทีดูหมิ่นของเจ้าที่มีต่อท่านเอลริสอีกแล้ว ข้านี่แหละจะลงทัณฑ์เจ้าเองด้วยการตัดหัว!”
สาวตัวประกอบที่นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นท่าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ ในขณะที่เลย์ล่าหันดาบเข้าหาเธอ
สาวตัวประกอบพูดในขณะที่ค่อยๆคลานถอยหลัง
“ระ รอก่อนสิ…จะ ใจเย็นก่อน…นะ เลย์ล่า ชะ ใช่แล้ว อัศวินของชั้น! องครักษ์ของชั้น! เจ้าจะทำเช่นนี้เสียมิได้นะ! จำให้ได้สิ คืนวันที่พวกเราสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันบนสนามรบน่ะ ช่วงเวลาที่พวกเราช่วยเหลือผู้คนไว้มากมาย…”
อยู่ก็พูดแบบแปลกๆซะอย่างนั้น
สงสัยว่าพยายามจะเลียนแบบชั้นล่ะมั้ง?
แต่ชั้นไม่เคยพูดลิเกๆแบบ “เสียมิได้นะ” เลยนา
ที่ชั้นพูดสุภาพก็เพื่อให้เข้ากับอิมเมจเฉยๆ เป็นโทนเสียงแบบเดียวกับที่ใช้ตอนคุยงานไง
“…เงียบเดี๋ยวนี้”
“ฮี้!”
อุหวา สีหน้าของเลย์ล่ากลายเป็นอะไรที่ชั้นไม่เคยเห็นมาก่อนไปแล้ว
อย่างกับเห็นก้อนขี้ตกอยู่กลางถนนเลย เป็นสีหน้าที่เลยจุดเดือดจนกลายเป็นเย็นเยียบไปแล้ว
เป็นความเย็นที่กัดจนแยกไม่ออกว่ามันร้อนหรือหนาวกันแน่
ไม่นึกเลยว่าคนเราจะสามารถทำสีหน้าแบบนั้นได้ด้วย
“พอแล้ว แค่ได้ยินเสียงของเจ้าก็รำคาญหูมากพอแล้ว ข้าจะบั่นคอเจ้าเดี๋ยวนี้เลย”
อ๊ะ แย่ล่ะ
เลย์ล่าคิดจะฆ่าสาวตัวประกอบแบบจริงจังเลยนะเนี่ย
ถ้าเธอฆ่าลูกขุนนางไปบ่ะก็ อาจจะโดนหมายจับเอาได้ แบบนั้นมันจะเป็นปัญหานา
เป็นขุนนางก็ไม่ช่วยมากนะเออ
ชั้นใช้มือลูบหลังเลย์ล่าให้ใจเย็นลง
ยอ ยอ สต๊อกโกะ ยอ
ใจเย็นน้า ดีมากจ้า ดีมาก
“ใจเย็นจ้ะเลย์ล่า”
“อย่าห้ามดิฉันเลยค่ะท่านเอลริส เจ้าสิ่งนี้สมควรถูกกำจัดทิ้ง!”
ไม่โดนนับเป็นมนุษย์แล้วแน่ะ
เพิ่งเคยเห็นเลย์ล่าโกรธขนาดนี้เป็นครั้งแรกเลย
ถ้าเป็นในเกมก็มีฉากที่เธอโกรธแบบนี้ใส่อีอ้วนริสอยู่อ่ะนะ แต่เพิ่งเคยเห็นในโลกนี้เป็นครั้งแรก
ทำให้เธอสงบลงไงดีหว่า…
ถ้าฆ่าไปจริงๆล่ะก็ ตำแหน่งองครักษ์ส่วนตัวอาจจะสั่นคลอนเอาได้
เลยจำเป็นต้องหยุดเธอไว้…เอาเป็นว่ารักษาแผลของสาวตัวประกอบที่ถูกโยนไปเมื่อกี๊ก่อนแล้วกัน
เห็นอย่างนี้ก็ยังเป็นลูกสาวตระกูลเคานท์นี่นา
ในตอนที่ชั้นกำลังจะร่ายเวทย์รักษา อยู่ๆที่ที่เอเทอร์น่าอยู่จนถึงเมื่อกี๊ก็ส่องแสงสว่างจ้า
ฮะ? แต่ชั้นไม่ได้ร่ายเวทบ์ตรงนั้นนะ?
แย่ล่ะ อันตรายนะเนี่ย พลังเวทย์เริ่มรวมตัวกันรอบๆเอเทอร์น่าแล้ว
ถ้าเป็นอย่างนี้ ทุกๆคนที่อยู่บนดาดฟ้านอกจากชั้นจะโดนพลังเวทย์อัดปลิวตกลงไปได้
ชั้นเริ่มกางโล่เวทมนตร์คลุมทุกคนไว้ในทันที และเริ่มสังเกตสถานการณ์ต่อ
“…”
เอเทอร์น่าค่อยๆลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ แล้วมองมาทางนี้
ร่างกายของเธอเปล่งประกายด้วยพลังเวทย์ ผมของเธอปลิวไสวทั้งที่ไม่มีลม
คลื่นพลังเวทย์ที่ปล่อยออกมาอัดกระแทกเจ้าหมึกจนสลายเป็นผุยผง
อ้า…ทั้งๆที่กะจะเอาไปทำทาโกยากิแท้ๆแล้ว
เรื่องนั้นช่างมันก่อน เท่านี้ก็ชัดเจนแล้ว
ไม่มีใครคนอื่นเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่มนุษย์ปกติไม่มีทางมีพลังเวทย์ถึง 1/600 ส่วนถ้าเทียบกับชั้นล่ะนะ
ใช่แล้ว นี่คือการตื่นขึ้นของเซนต์ไงล่ะ
ทำไมอยู่ๆถึงพลังตื่นได้ล่ะ? ไม่เข้าใจเลยแฮะ…
…เอาล่ะสิ คิดว่าอนาคตที่ชั้นจะโดนเปิดโปงว่าเป็นตัวปลอมก็ค่อยๆคืบคลานเข้ามาใกล้แล้วสินะ
.
ถึงแม้จะถูกช่วยเหลือ ก็ไม่ได้แปลว่าคนที่โดนช่วยจะรู้สึกซึ้งใจอย่างแน่นอน
ผู้ที่ขวนขวายต้องการความช่วยเหลือ แต่เมื่อรอดพ้นจากอันตรายมาได้ก็จะทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น…บนโลกนี้มีคนประเภทนั้นอยู่
เลย์ล่าคิดในใจในขณะที่มองไปยังเจ้าสิ่งสกปรก(เอลิซาเบธ)
เอลริสบอกว่าได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือของเอลิซาเบธ
นั่นคงจะเป็นความจริง
ในตอนนั้นที่ราชาไอส์ต้องการความช่วยเหลือ เอลริสก็ยอมที่จะช่วยเขาในทันทีเช่นกัน
ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าเซนต์คนก่อนๆมีพลังแบบนี้ด้วย แต่ถ้าเป็นเธอ เซนต์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ล่ะก็ จะต้องทำได้แน่
แต่ไม่ใช่ทุกคนจะเหมือนราชาไอส์ ผู้ที่ซาบซึ้งกับความช่วยเหลือที่ได้รับ และพยายามที่จะไถ่บาปของตนเอง
สำหรับสิ่งมีชีวิตที่เน่าเหม็นไปจนถึงเนื้อในนั้น ไม่มีคำว่า”บุญคุณ”อยู่ในห้วสมองหรอกนะ
แต่อย่างไรก็ตาม เอลริสก็จะไม่เปลี่ยนไป เธอจะยังคงยื่นมือเข้าหาคนที่ต้องการความช่วยเหลือเช่นเดิม
ความช่วยเหลือของเธอนั้นไม่ได้มาจากผลประโยชน์ใดๆ ต่อให้ตัวเธอเองต้องถูกเหยียบย่ำ เธอก็ยังจะยื่นมือคู่นั้นเข้าหาโดยไม่ปริปากบ่น
พวกเขาไม่มีทางทรยศเธอ…เอลริสไม่ได้คิดเช่นนั้น
เธอเพียงแค่ยอมรับที่ตัวเองอาจถูกทรยศและเหยียบย่ำ…เอลริสต้องคิดเช่นนั้นเป็นแน่
ช่างเป็นวิถีชีวิตที่บริสุทธิ์ไร้มลทิน…และนั่นเป็นเหตุผลที่เลย์ล่าไม่อาจยกโทษให้กับเจ้าเศษสวะตัวนี้ได้
เจ้าสิ่งนี้พยายามทำให้เอลริสต้องแปดเปื้อน นั่นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้เป็นอันขาด
เพียงครั้งนี้เท่านั้น เจ้าสิ่งโสโครกนี้จำเป็นต้องถูกกำจัด ถึงแม้ตัวเธอจะต้องขัดความประสงค์ของเอลริสก็ตาม
แต่เอลริสก็ยังลูบหลังของเลย์ล่าเบาๆ และพูดว่า
“ใจเย็นจ้ะเลย์ล่า”
“อย่าห้ามดิฉันเลยค่ะท่านเอลริส เจ้าสิ่งนี้สมควรถูกกำจัดทิ้ง!”
เอลริสเพียงส่ายหัวเบาๆให้กับความโกรธเกรี้ยวของเลย์ล่า
ใบหน้าของเธอไม่มีความโกรธอยู่แม้แต่เศษเสี้ยว
เธอรักมนุษย์ทุกคนบนโลก และจะปกป้องทุกคนเอาไว้
ครั้งนี้เองก็เช่นกัน เธอร่ายเวทย์รักษาให้แก่เอลิซาเบธอย่างไร้ซึ่งความลังเล
‘อา…คนผู้นี้ช่าง…’
ในที่สุดเลย์ล่าก็สามารถสงบความเกลียดชังในจิตใจลง และเก็บดาบกลับเข้าฝักไป
ในด้านของพลังเพียงอย่างเดียว เอลริสไม่จำเป็นต้องได้รับการปกป้องเลย
เธอไม่ใช่เพียงแค่สามารถปกป้องตัวเองได้ แต่ยังสามารถปกป้องได้ทุกอย่าง
แต่ว่า…เธอไม่มีความคิดที่จะปกป้องตัวเอง
เพราะอย่างนั้น เลย์ล่าจึงสาบานที่จะยืนหยัดปกป้องเธอ ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไรก็ตาม
เอลริสยอมที่จะยกโทษและประทานอาวุธให้แก่เธอ เลย์ล่าผู้ทรยศ
เพื่อที่จะตอบแทนบุญคุณนั้น เลย์ล่าจึงอยากที่จะเป็นโล่ให้แก่เธอ เพื่อปัดป้องเธอจากความชั่วร้ายเช่นนี้
แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้เธอจะเก็บดาบเร็วเกินไป
มหามารถูกแช่แข็งเอาไว้ ส่วนเจ้าคนเขลาก็เก็บปากเงียบไปแล้ว
ที่เหลือก็แค่ช่วยเหลือพวกนักเรียนที่โดนจับเป็นตัวประกัน…มันควรจะเป็นเช่นนั้น
ในหมู่ตัวประกันเหล่านั้น จู่ๆเอเทอร์น่าก็ส่องแสงสว่างออกมา ทำให้เอลริสรีบกางโล่ปกป้องพวกนักเรียนคนอื่นไว้
นอกจากพวกนักเรียนที่อยู่ใต้การคุ้มครองของเอลริส ทุกสิ่งในบริเวณนั้นก็ถูกเป่าสลายไปหมด ไม่เว้นแม้แต่มหามารที่อยู่ในสภาพแช่แข็ง
เมื่อมองไปยังดาดฟ้าที่เตียนโล่งจากพลังเมื่อครู่ เลย์ล่าช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดหวั่น
นี่ไม่ควรจะเป็นไปได้
ไม่มีทางเลยที่นักเรียนธรรมดาจะสามารถทำลายมหามารได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
กระทั่งเลย์ล่าก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
พลังเหนือสามัญสำนึกเช่นนี้ มีเพียงเซนต์เท่านั้นที่สามารถทำได้
แต่เซนต์คนนั้นควรที่จะเป็นเอลริส
เอลริสได้สร้างวีรกรรมมากมายที่มีเพียงแค่เซนต์ที่ทำได้…ไม่สิ ที่กระทั่งเซนต์รุ่นก่อนๆก็ไม่อาจทำได้
แต่รัศมีแสงอันสูงส่งที่เปล่งประกายออกมาจากร่างของเอเทอร์น่า ไม่ว่าผู้ใดที่พบเห็นก็คงต้องคิดเป็นเสียงเดียวกันว่า เธอผู้นี้คือเซนต์
มีเซนต์สองคนในยุคสมัยเดียวกัน นี่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์
แต่ตรงหน้าของเลย์ล่าในตอนนี้ ความเป็นไปไม่ได้นั้นกลับดูคล้ายจะเป็นจริงเข้าไปทุกที